ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 20-1 สงครามประสาท
โอรันมิเคยเกรงกลัวต่อสิ่งใด นางเข้ามาที่ราชสำนักเมื่อตอนอายุสิบห้าปีและเข้าพิธีสาบานตนเป็นสามีภรรยากับองค์แทจา ดึกวอลผู้ที่ภายนอกดูอ่อนโยน ทว่ากลับไม่มีใครรู้ว่าภายในนั้นเขาคิดอะไรอยู่ หลังจากที่โอรันแต่งเป็นชายาเอกขององค์แทจา นางก็รักเขาอย่างจริงใจและใช้ชิวิตอยู่ในพระราชวังมาได้สิบปีแล้ว และคนที่ให้กำเนิดแทฮวางกุน พระราชนัดดาคนแรกของพระราชวังแห่งนี้ก็คือโอรัน
หลังจากที่นางให้กำเนิดฮวางแทกุน มู พระราชวังแห่งนี้ก็ไร้พระราชนัดดาองค์ต่อมามาจนถึงปัจจุบัน โอรันเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าบุตรชายของตนจะต้องถูกแต่งตั้งให้เป็นฮวางแทซน[1]เป็นแน่ และเมื่อนางได้พบบีพาอันที่เด็กกว่าตนก็ยิ่งมั่นใจว่าแทจา ดึกวอลจะต้องได้เป็นฮวางแทจาสืบทอดบัลลังก์ต่อไปอย่างแน่นอน
จักรพรรดิองค์ปัจจุบันเองก่อนหน้าก็เป็นเพียงบุตรที่เกิดจากพระชายารองที่มิได้รับการยอมรับเช่นกัน แล้วชาติกำเนิดของดึกวอลที่เป็นเพียงบุตรที่เกิดจากสนมเหตุใดจะสำคัญ เหตุการณ์นองเลือดเพื่อช่วงชิงบัลลังก์ในราชสำนักนั้นล้วนเป็นเรื่องปกติ หากจำเป็นจริงๆ โอรันก็คิดที่จะกำจัดบีพาอันเสียด้วยซ้ำ นางกล่าวกลับเด็กน้อยอายุเพียงห้าขวบที่นั่งอยู่บนตักของตนในทุกวันว่า
“ในวันข้างหน้าแม่นั้นจักเป็นฮวังฮู ลูกนั้นอีกไม่นานก็จะกลายเป็นฮวางแทซนและต่อไปก็จะได้เป็นฮวางแทจาผู้สืบทอดบัลลังก์”
ทว่าในตอนนี้นางยังคงเป็นเพียงพระชายาแทจาเท่านั้น
เมื่อนางเห็นว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งกายธรรมดาไร้เครื่องประดับหรูหราเดินเตร็ดเตร่อยู่ในอุทยานจึงตะคอกใส่หญิงคนนั้นเสียงดังตามวิสัยของตน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวคนนั้นหน้าตาสะสวยจึงคิดไปเองว่าเหล่าทหารยามคงจะปล่อยให้นางเข้ามาด้วยเหตุนี้เป็นแน่ โอรันที่ยึดติดกับอำนาจนั้นยอมไม่ได้ที่จะให้มีการละเมิดระเบียบวินัยเกิดขึ้นภายในราชสำนัก ขณะนั้นเองสนมซาที่เป็นสนมเอกก็เข้ามาขวางตนไว้ โอรันที่โดยปกติก็ไม่พึงใจเหล่าสนมที่ได้รับการแต่งตั้งอยู่แล้วจึงพลอยขึ้นเสียงใส่สนมซาไปด้วย ในตอนที่ตนกำลังพูดจาเหยียดหยามหญิงสาวคนนั้น นางที่ยืนอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ก็เปิดเผยสถานะของตน
“เราคือชายาฮวางแทจา กโยซึล”
ทันใดนั้นโอรันก็เหลือบไปเห็นปิ่นมังกรมองที่หญิงสาวนางนั้นปักอยู่ ปิ่นเล่มนั้นมีเพียงฮวังฮูและพระชายาเอกแห่งองค์ฮวางแทจาเท่านั้นที่สามารถปักได้ ใบหน้าของโอรันซีดเผือด ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หญิงที่แต่งกายซอมซ่อคนนี้คือชายาฮวางแทจางั้นหรือ โอรันไม่สามารถเก็บซ่อนความตระหนกของตนได้ ในพระราชวังมกกุกที่ถืออำนาจของจักรพรรดิเป็นจุดสูงสุดแห่งนี้ ทั่วทุกวังย่อยเองก็ย่อมมีความเหลื่อมล้ำมากเช่นกัน ถึงแม้ว่าลำดับจะห่างกันเพียงแค่ลำดับเดียว แต่ชายาแทจานั้นยังต้องให้ความเคารพและนอบน้อมต่อชายาฮวางแทจา
และคนที่สมควรกระทำเช่นนั้นกลับชี้นิ้วเอ่ยเรียกอีกฝ่ายว่าแม่นางคนนี้ ทั้งยังพูดจาก้าวร้าวไร้การไตร่ตรอง โอรันคิดในใจว่าตนนั้นตายแน่แล้ว และในขณะนี้โอรันจ้องมองไปที่กโยซึลที่ตอนนี้หน้าแดงฉาดอย่างลุกลี้ลุกลน สนมซาเองที่ก็ตกใจเช่นเดียวกัน นางหันกลับไปมองกโยซึล แล้วยกมือแนบอกพร้อมย่อเข่าลงเล็กน้อยด้วยใบหน้าซีดเผือด
“ท ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี สนมเอกแซ่ซาเข้าเฝ้าชายาฮวางแทจาเพคะ”
ในการเอ่ยทำความเคารพนั้น สำหรับฮวางแทจาและพระชายาฮวางแทจาจะใช้การเคารพพันปีมิใช่หมื่นปี ถึงแม้จะเป็นสนมที่ได้รับการแต่งตั้งที่ถูกจัดให้อยู่ลำดับเดียวกับชายาฮวางแทจา แต่สนมก็ยังต้องทำความเคารพแก่พระชายาอยู่ เมื่อคุณท่านซากล่าวทำความเคารพเสร็จสิ้น โอรันที่เพิ่งตั้งสติได้ยกมือที่สั่นระริกของตนมาแนบที่อก แล้วย่อเข่าลงจนแทบติดพื้น ถึงแม้ว่าในใจนางอยากจะก้มแม้กระทั่งหัวลงไปที่พื้นด้วย แต่ศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่ไม่อนุญาตให้นางทำเช่นนั้น
“ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี เข้าเฝ้าพระชายาฮวางแทจาเพคะ”
เสียงที่เอ่ยออกมาของโอรันสั่นระริก ในหัวของนางย้อนคิดไปถึงคำพูดที่นางพูดใส่กโยซึลอย่างรวดเร็ว นางรู้สึกได้ว่าหนทางภายภาคหน้าของนางต้องลำบากแน่แล้ว ทว่าการที่ยอมก้มหัวน้อมนอบอย่างง่ายดายเช่นนี้ย่อมมิใช่วิสัยของนาง โอรันเหลือบมองกโยซึลอย่างรวดเร็ว กโยซึลกำลังมองมาที่โอรันและสนมซาด้วยสีหน้าลำบากใจ นางยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
เราทำตัวเสียมารยาทถึงเพียงนั้น แต่ยังคงยืนเฉยอยู่ได้
ดูท่าแล้วนางคงจะเป็นเพียงหญิงสาวอ่อนแอที่ยังไม่รู้ถึงสถานะของชายาฮวางแทจาดี หลังจากที่โอรันประเมิณสถานการณ์ดูแล้ว นางก็ยกตัวขึ้นแล้วกลับมาทำสีหน้ามั่นใจเช่นเดิม
ท่านผิดเองที่ไม่เปิดเผยสถานะกับเรา เราใช่รู้จักใบหน้าของชายาเอกฮวางแทจาเสียเมื่อไหร่
โอรันไปเข้าร่วมพิธีอภิเษกเช่นเดียวกัน ทว่าในตอนนั้นใบหน้าของกโยซึลถูกบดบังด้วยผ้าสีแดงนางจึงไม่ได้เห็นหน้า หากกโยซึลนิสัยใจคอเช่นเดียวกับนางแล้วนั้น ไม่มีทางที่กโยซึลจะปล่อยเรื่องนี้ไปโดยง่าย ทว่าโอรันนั้นมองกโยซึลออกอย่างทะลุปรุโปร่งจึงคลายกังวัลเรื่องนั้นโดยง่าย
กโยซึลที่ยืนงงงวยรับการคารวะจากหญิงสาวทั้งสองคนที่ตอนนี้ยืนใบหน้าซีดเผือดอยู่ตรงหน้าไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ควรจะต่อว่าโอรันที่ทำตัวไร้มารยาทกับตนหรือไม่ ทว่าดูแล้วโอรันอายุมากกว่าตนจะกล่าวคำใดไปก็ดูจะไม่ใช่เรื่องง่าย ในขณะที่กโยซึลยังยืนละล้าละลังอยู่นั้น โอรันก็เอ่ยพูดขึ้นมาก่อน
“ขอพระราชทานอภัยเพคะ องค์ชายาฮวางแทจา หม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว เพราะพระองค์ทรงไม่เปิดเผยตน หม่อมฉันที่ไม่เคยพบพระองค์มาก่อนจึงทำตัวก้าวร้าว ขอพระองค์ที่ทรงมีจิตใจเมตตาดั่งน้ำในมหาสมุทรอภัยแก่หม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”
โอรันขยับริมฝีปากแดงชาดปรากฏรอยยิ้ม และเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสดใส คำพูดเมื่อครู่ฟังดูแล้วเป็นการโยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้กโยซึล สนมซาจ้องมองไปที่โอรันหลังจากที่ได้ยินคำแก้ตัว ตนนั้นเคยสนทนากันสองสามครั้ง และยังเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับตัวนางจึงพอรู้นิสัยใจคอของโอรันอยู่บ้าง
——
[1] ฮวางแทซน หลานของจักรพรรดิที่สามารถสืบทอดบังลังก์ได้