ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 48-1 ความสัมพันธ์อันแสนโหดร้าย
ตำหนักดงบินของกโยยองนั้นเงียบสงบ แทบจะไม่มีแขกมาเยือนตำหนักดงบินที่อยู่สุดทางทิศตะวันออกของวังตะวันออกแห่งนี้ เห็นจะมีก็แต่กโยซึลคนเดียวที่เข้าออกเป็นประจำ กโยยองคือพระชายารองที่ไม่ได้รับความสนใจจากองค์ฮวางแทจา ยิ่งไปกว่านั้นข่าวลือที่ว่ากโยยองไม่ได้เข้าหอในคืนส่งตัวยังแพร่กระจายไปทั่วราชสำนัก เป็นพระชายารองแห่งองค์ฮวางแทจาที่มีก็เหมือนไม่มี ทว่ากโยยองก็หาได้เสียความมั่นใจไม่ ไม่ว่าเมื่อใดนางก็ยังคงรักษาความเป็นชายาที่สงบเสงี่ยม ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะแสดงกิริยาไม่งามออกมา นางชำระล้างกายให้สะอาดในทุกวัน และแต่งกายอย่างสวยงามอยู่เสมอ นางไม่ได้หวังว่าบีพาอันจะมาหา แต่นางก็ไม่ได้หมดหวังไปเสียทีเดียว เพราะนางไม่เคยได้สัมผัสกับอ้อมกอดของเขาตั้งแต่แรก
นางยังคงแต่งตัวรอเขาอยู่ทุกวัน มิเช่นนั้นแล้วนางคงจะทนไม่ได้กับสภาพที่ตนต้องมาอยู่ที่ตำหนักหลังแห่งนี้ และความจริงที่ว่านางอาจจะต้องอยู่ในสภาพนี้ไปตลอดชีวิต สถานการณ์ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นได้เลย อีกทั้งยังมีค่ำคืนที่นางต้องข้ามผ่านไปคนเดียว ทุกวัน ทุกช่วงเวลา ทุกช่วงขณะ ช่างแสนน่าเบื่อหน่าย มีเพียงความเงียบสงัดที่น่าสลดใจล้อมรอบตัว
“ฝ่าพระบาทฮวางแทจาทรงเสด็จเพคะ” เสียงของซังกุงทำให้สีหน้าไม่สบอารมณ์ของกโยยองสลายไป นาง่มองไปที่ประตูห้องบรรทมด้วยความตกใจ ที่หลังประตูบานนั้นนางมองเห็นเงาสูงใหญ่ยื่นอยู่
“ว่า ว่าอย่างไรนะ”
นางไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน คิดว่าตัวเองคงฟังผิดไป มันเป็นประโยคที่กโยยองไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินที่ตำหนักดงบินแห่งนี้ นางกำลังคิดว่าตนใช้เวลาที่แสนน่าเบื่อหน่ายนี้จนเผลอหลับไปหรืออย่างไร ถึงได้ฝันในสิ่งที่ตนคาดหวังมาตลอด ในขณะที่กโยยองยังคงจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ประตูห้องบรรทมก็ถูกเปิดกว้าง กโยยองหันหน้ามองไปที่ประตูด้วยความตกใจ
ตรงนั้นมีบีพาอันยืนอยู่
เขาสวมซังทูกวันที่เรียบง่าย ผมยาวประกายสีครามถูกปล่อยสยายลงด้านหลัง บีพาอันที่สวมเสื้อคลุมตัวบางสีครามยืนตระหง่านด้วยใบหน้าเฉยชาเช่นเคย กโยยองที่เห็นภาพนั้นแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตนจะได้พบกับบีพาอันที่ห้องนอนของตนในยามดึกสงัดเช่นนี้ สถานการณ์ในตอนนี้เป็นเหตุการณ์ที่นางไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นได้เลยตั้งแต่ที่ตนได้เข้ามาเป็นพระชายารองอยู่หลายปี
“ทรง…” ริมฝีปากของกโยยองที่ปิดสนิทเริ่มเอ่ยคำพูดออกมา “ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี” ในตอนที่นางกำลังลุกขึ้นในท่ากึ่งนั่งกึ่งยืนอย่างเก้กัง “เข้าเฝ้า…”
พลั่ก! บีพาอันก็ได้ปิดประตูห้องบรรทมอย่างแรง เสียงซุบซิบของเหล่าซังกุงค่อยๆ เบาลง หลังจากที่ได้ยินเสียงปิดประตู เหล่านางกำนัลก็ค่อยๆ แยกย้ายกันไปประจำที่ของตน
“ฝ่าพระบาทฮวางแทจาเพคะ…” ในที่สุดกโยยองก็เอ่ยทำความเคารพจบ
บีพาอันเดินย่ำเท้าหนักเดินเข้าไปหากโยยอง ช่วงเวลานั้นกโยยองรู้สึกราวกับหัวใจหยุดเต้น นางพยายามบังคับหัวใจของตน แล้วสูดลมหายใจอย่างติดขัดเฮือกหนึ่ง
ไม่ได้ จะเป็นลมตอนนี้ไม่ได้ จะหมดสติไปตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด
สติของกโยยองไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เนื่องด้วยสถานการณ์ที่ไม่คาดที่นางกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ นางย้ำกับตัวเองในใจ และพยายามบังคับไม่ให้ดวงตาสั่นไหว
“ชายารอง”
ริมฝีปากบางของบีพาอันขยับเรียกกโยยองอย่างน่าหลงใหล ชั่วขณะนั้นกโยยองรู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งบนโลกอยู่ในกำมือของนาง ทุกอย่างภายในพระราชวังอันแสนกว้างใหญ่แห่งนี้ราวกับว่าอยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของตน กโยยองรู้สึกขอบคุณกิจวัตรที่ตนคอยปฏิบัติอย่างไร้ความหมายในทุกวัน โล่งใจที่ตนชำระกายอย่างสะอาดสะอ้าน ทั่วทั้งตัวในตอนนี้จึงเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ ถือเป็นเรื่องดีที่ในทุกคืนนางจะสวมใส่ชุดผ้าแพรบางลื่นที่ปักลวดลายอย่างสวยงามอยู่เสมอ ถือว่าทุกสิ่งที่นางทำมาตลอดไม่ไร้ประโยชน์ กโยยองรู้สึกโล่งใจ หรือเรียกได้ว่านางรู้สึกพึงพอใจเสียด้วยซ้ำ นางโล่งใจที่บีพาอันเห็นตนในสภาพที่งดงามเช่นนี้ ถึงแม้เขาจะมาเยือนอย่างกะทันหันก็ตาม
ทว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเข้าใจผิดของกโยยองเท่านั้น บีพาอันก้มหน้ามองกโยยอง และกโยยองก็เงยหน้ามองบีพาอันอย่างเขินอาย ทันทีที่นางสบเข้ากับสายตาดุคมนั่น นางก็เข้าใจในทันที การมาเยือนครั้งนี้หาได้ใกล้เคียงกับการที่สามีมาเยือนเรือนที่อยู่ของภรรยาตนเองไม่ ไม่มีแม้แต่ความอ่อนหวานหรือความอ่อนโยน ดวงตาของบีพาอันเป็นดั่งภูเขาน้ำแข็งที่ทั้งแข็งกร้าวและเย็นเยียบ สะท้อนเพียงเงาดำลึกและมืดมน ในตอนแรกที่กโยยองเห็นแววตานั้นางจึงนรู้สึกโกรธขึ้นมา
เขาที่มองมายังชายาของตนด้วยสายตาไร้ความรู้สึกใดเช่นนั้น ไม่มีวี่แววว่าจะให้ความสนใจกับหญิงนางใดเลย ถึงแม้ว่ากโยยองจะไม่รู้จักความรู้สึกอันลึกซึ้งระหว่างชายหญิงมากนัก ทว่านางก็พอจะคาดเดาได้จากสัญชาตญาณ
“ฝ่าพระบาทฮวางแทจาเพคะ…?” ทันทีที่สัมผัสได้ถึงลางไม่ดี กโยยองก็เอื้อมมือไปกุมที่หน้าอกของตน แต่นางไม่ได้ทำเพื่อที่จะระงับหัวใจที่เต้นรัว การกระทำนั้นเป็นดั่งการสะกดความกลัวที่พรั่งพรูเข้ามาโดยอัตโนมัติ
“ยังคงเก็บชุดอภิเษกไว้หรือไม่”
“ชุดอภิเษกหรือเพคะ”
คำถามไม่คาดคิดถูกถามจากผู้ที่ยืนทำหน้าน่ากลัวอยู่ตรงหน้า มันเป็นคำถามที่แปลกประหลาดจนทำให้กโยยองลืมเลือนความหวาดกลัวแล้วถามย้ำอีกครั้ง
“ชุดอภิเษกที่เราทิ้งเอาไว้เมื่อคืนวันส่งตัว”
ใบหน้าของกโยยองขึ้นสี นางไม่คิดว่าบีพาอันจะพูดเรื่องในวันนั้นขึ้นมาด้วยตนเอง วันที่แสนอัปยศอดสูที่ตนไม่อยากจะนึกถึงมันอีก
“ชุดอภิเษกอย่างนั้นหรือเพคะ”
ถึงแม้ในตอนนี้กโยยองจะรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ทว่านางก็พยายามนึกให้ออก เพราะมันเป็นคำถามที่บีพาอันมาเยือนที่นี่เพื่อถามตน ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องหาคำตอบที่เขาต้องการให้ได้
“อ้อ หม่อมฉันนึกออกแล้วเพคะ หม่อมฉันจำได้ว่าเหล่าข้ารับใช้ในตำหนักดงบินนำไปส่งให้ห้องซักรีด มันน่าจะถูกส่งคืนให้วังตะวันออกเรียบร้อยแล้วนะเพคะ”
กโยยองพยายามบอกสิ่งที่ตนเองนึกขึ้นได้ ถึงแม้นางจะพยายามเอ่ยตอบไปอย่างอึกอัก ทว่าดูเหมือนมันจะไม่ใช่คำตอบที่บีพาอันต้องการ ริมฝีปากบางของเขาเม้มแน่น
“เช่นนั้นหรือ”
ใจของกโยยองตกไปที่ตาตุ่มเพียงได้ฟังเสียงที่เปล่งออกมาราวกับเป็นเสียงลมหายใจ หลังจากบีพาอันได้ฟังคำตอบแล้วเขาก็หมุนตัวกลับทันที
“แล้วเหตุใดนางถึง…”