‘กระหม่อมเพียงแค่ทำตามพระประสงค์ของฝ่าพระบาทพ่ะย่ะค่ะ’
คำพูดของรูแฮตั้งแต่วันคัดเลือกคู่อภิเษกสมรสผูกมัดยอมินอีกครั้ง นางกำชายเสื้อไว้แน่น กระดูกที่ปูดโปนบนมือขาวนั้นกำลังส่งเสียงกรีดร้อง รูแฮที่หลังจากงานอภิเษกสมรสมักจะเทียวมาหาตนเสมอนั้น ไม่ได้มาที่ตำหนักตนเป็นเวลานานแล้ว รวมถึงการพูดสนทนาเล็กๆ น้อยๆ และการมาเจอหน้ากันทุกวันที่เป็นดั่งกิจวัตรที่ต้องทำนั้นก็หยุดลงเช่นกัน จนมันกลายเป็นเรื่องเก่ายาวนานและเลือนราง ถ้าจะพูดชัดๆ ก็ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปีนั้นที่สตรีแปลกหน้าจากฮวากุกมารับตำแหน่งพระชายาฮวางแทจา
ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ยอมินเฝ้ามองสภาพที่ซูบซีดลงของรูแฮด้วยความกลุ้มใจ นางเพียงคิดว่าช่วงเวลามันใกล้เคียงกันเท่านี้ ทว่านางเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าความจริงแล้วที่รูแฮเป็นอยู่มิได้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานอภิเษกสมรสของฮวางแทจาเสียทีเดียว ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่ยอมินต้องคอยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นมัน ทว่าไม่นานนักรูแฮก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ตั้งแต่ที่ได้ยินข่าวคราวจากข้ารับใช้ที่ตนเลี้ยงไว้ในตำหนักนัมชอน ยอมินก็เชื่อว่ารูแฮจะกลับมาหาตนอีกครั้งอย่างแน่นอน
ทว่าในค่ำคืนที่โหดร้ายที่นางได้รอเขาอยู่นั้นสุดท้ายรูแฮก็ไม่ได้มาหานาง รูแฮที่กำลังกลับมามีชีวิตชีวานั้นออกห่างจากยอมินเร็วกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
“จะเป็นแบบนี้ไม่ได้”
ในที่สุดนางก็ดึงโบว์ที่ผูกติดเสื้อออก เล็บที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามของนางตอนนี้กลายเป็นอาวุธแหลมคม นางใช้เล็บของตัวเองขีดเส้นสีแดงขึ้นมาที่หน้าอก มีหยดเลือดไหลออกมาจากรอยแดงนั้น
“คำสั่งขององค์จักรพรรดิแท้ๆ คำสั่งจากพระองค์แท้ๆ! นี่มันผิดศีลธรรมยิ่งนัก”
ยอมินไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยเนื่องจากเป็นห่วงรูแฮที่ถูกออฮยูลเจเรียกไปพบเมื่อคืน แม้ว่าจะอดหลับอดนอนเพราะความกังวลแต่ก็ยังไม่หยุดกังวล หลังจากที่นางคิดอยู่สักพักหนึ่ง และเมื่อถึงเวลาเช้าตรู่นางก็รีบออกไปที่ตำหนักนัมชอน หลังจากที่ความสัมพันธ์ของนางกับรูแฮเริ่มเปลี่ยนไป การที่จะไปตำหนักนัมชอนนั้นก็เป็นเรื่องที่ยาก แม้กระนั้นนางก็ยอมที่จะเผชิญหน้ากับความอายเดินเข้าไปหาเขา
แล้วยอมินก็ได้เห็นบางสิ่งเข้า
ช่วงเช้าตรู่ในพระราชวัง เป็นช่วงเวลาที่สามารถหลบหลีกสายตาของพวกชาววังได้ ในมุมลึกหลังตำหนักนัมชอน นางเกือบจะเดินผ่านและไม่ได้เห็นภาพเงาของคนสองคนที่ยืนหันเข้าหากันแล้ว เนื่องจากไม่มีเสียงที่บ่งบอกว่ามีคนอยู่เลย มันจึงทำให้เห็นพวกเขาที่ซ่อนตัวอยู่ได้อย่างง่ายดายขึ้น รูแฮที่กำลังยิ้มและสบตากับกโยซึล ยอมินได้เห็นรูแฮมอบรอยยิ้มที่ไม่เคยมอบให้กับนางแม้แต่ครั้งเดียว ได้เห็นรอยยิ้มนั้นแล้ว ในขณะนั้น ณ ที่นั่น ยอมินมีลางสังหรณ์บางอย่าง นางเข้าใจแล้ว เข้าใจอย่างช่วยไม่ได้ เข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างรูแฮกับกโยซึลมีบางอย่างอยู่ มีบางอย่างที่นางไม่เคยมีและไม่เคยได้รับ
หลังจากที่นางย่องกลับมาตำหนักเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ ในหัวของยอมินก็เห็นแต่รอยยิ้มนั้นของรูแฮ อกของนางก็รู้สึกร้อนวูบวาบ เนื้อที่ถูกข่วนด้วยเล็บปูดหนาขึ้นมาและกลายเป็นสีแดง หยดเลือดที่ไหลออกมาเป็นครั้งคราวทำให้ผิวหนังของนางกลายเป็นสีแดง ยอมินล้มลงไปบนเบาะรองนั่งสีฟ้า บนผ้าแพรสีฟ้าเต็มไปด้วยจุดสีแดง
ตอนนี้ไม่อาจมองข้าม ‘นาง’ ได้อีกต่อไปแล้ว เพียงแค่เฝ้าดูอยู่เฉยๆ สถานการณ์กำลังเลวร้ายลงอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะทำเพียงเฝ้าดูอยู่ห่างๆ แล้ว หรือบางทีมันอาจจะสายไปแล้วก็เป็นได้
ครืด
ในตอนที่ยอมินกำลังนอนคว่ำหน้ากรีดหน้าอกของตัวเอง ประตูห้องก็ถูกเปิดออก แล้วโบจินก็เอาน้ำใส่น้ำแข็งมาให้ตามคำสั่ง “พระชายาฮวางเซจา!”
นางกรีดร้องวิ่งเข้ามาวางชามที่ใส่น้ำกับน้ำแข็งไว้บนโต๊ะหนังสือ แล้วดึงยอมินเข้ามากอดไว้
อัก อัก ยอมินกลืนเสียงกรีดร้องและน้ำตาไหลไม่หยุด นางกลิ้งตัวไปมาไม่สามารถลุกขึ้นได้ โบจินวางตัวของนางไว้บนตักของตน แล้วจับร่างกายของยอมินไว้แน่น กอดนางจากด้านหลัง จับมือทั้งสองข้างที่กำลังกรีดหน้าอกไว้
“พระชายาฮวางเซจา เกิดสิ่งใดขึ้นหรือเพคะ เหตุใดถึงขาดสติเยี่ยงนี้เพคะ”
โบจินพลอยร้องไห้ตามไปด้วย บาดแผลขีดข่วนของยอมินนั้นทำให้โบจินรู้สึกเจ็บปวด ราวกับว่านางถูกข่วนเสียเอง เหมือนมีมีดสั้นๆ ปักเข้ามาที่หน้าอกของตน
“ผู้ที่ไร้น้ำใจผู้นั้นสำคัญไฉน เหตุใดถึงมีแต่พระชายาที่ทรงเจ็บปวดเล่าเพคะ”
“…โบจิน” ยอมินหยุดมือที่กำลังขีดข่วนหน้าอก รวมไปถึงน้ำตาก็หยุดไหล นางมองโบจินด้วยดวงตาที่มีหยดน้ำตาคลออยู่ “เหตุใดถึงได้…”
“หม่อมฉันคือโบจินเพคะ โบจินที่อยู่ข้างพระชายาเสมอมา หม่อมฉันจะไม่เข้าใจในความรู้สึกของพระองค์ได้อย่างไรกันเพคะ”
“ได้เห็นมุมที่ไม่ดีของเราแล้วสินะ” ยอมินกัดริมฝีปากของตัวเอง แล้วดึงเสื้อผ้าที่หลุดออกมาคลุมไว้ แต่ว่ามือของโบจินก็ห้ามเอาไว้
“ผิวพรรณที่สวยงามได้ถูกทำลายไปหมดแล้วเพคะ” โบจินร้องไห้สะอึกสะอื้น ยอมินจ้องมองโบจินด้วยสายตาที่อึดอัดใจ โบจินร้องไห้โฮราวกับเด็กน้อย นางหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนคนโศกเศร้า กัดริมฝีปากตนเองเหมือนคนกำลังวิตก
“ทุกคนทำเกินไปแล้ว กระหม่อมเกลียดทุกคนเพคะ” โบจินบ่นพึมพำ “ทุกคนทำเกินไป ทุกคนใจร้ายกับพระชายาฮวางเซจาเกินไป”
โบจินได้พูดแทนยอมินในสิ่งที่ยอมินไม่สามารถพูดออกมาจากปากของตนได้ ยอมินไม่รู้เลยว่าควรจะต้องห้ามไม่ให้โบจินพูด หรือควรจะต้องโกรธกับสิ่งที่นางพูดออกมาดี ทว่านางรู้สึกเหมือนมีก้อนติดแน่นอยู่ภายในจนแทบจะทำให้หายใจไม่ออก
“คนผิดคือคนพวกนั้น แต่ว่าเหตุใดพระชายาถึงต้องมาเจ็บปวดเยี่ยงนี้หรือเพคะ พระชายาทรงอดทนได้เยี่ยงไรหรือเพคะ คนพวกนั้นจะต้องเจ็บปวด คนทำผิดต้องได้รับโทษสิเพคะ”
โบจินเริ่มโกรธ นางดึงยอมินเข้ามากอดแล้วร้องไห้โฮ โบจินได้ร้องไห้และปลดปล่อยความโกรธออกมาแทนยอมินแล้ว มือของยอมินแอบโอบกอดหลังของโบจิน
“จะต้องทำให้อารมณ์เย็นลงก่อนนะเพคะ” โบจินรีบเอาชามใส่น้ำกับน้ำแข็งมาอย่างลุกลี้ลุกลน