ช่วงเวลาที่ได้ยินเสียงที่กโยซึลเอ่ยเรียกรูแฮ พร้อมกับเข้าไปประคองเขาที่เดินโซซัดโซเซนั้น บีพาอันก็ตระหนักถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ เขาหยุดยืนอยู่ที่เดิม พร้อมกับจ้องมองไปที่กโยซึลอยู่ไกลๆ สายตา สีหน้า รวมทั้งน้ำตาของกโยซึลกับรูแฮที่กำลังจ้องมองซึ่งกันและกันอยู่
เขาทั้งคู่…เป็นถึงเพียงนั้นแล้ว
ตนไม่อาจเข้าไปแทรกได้เลย มันสายเกินไปเสียแล้ว ความรู้สึกลิงโลดที่ว่าตนอาจจะได้รับพรจากสวรรค์นั้นเลือนหายไปจากหัวใจในทันที สวรรค์ไม่เคยเข้าข้างเขาเลยสักครั้ง
“บางที…รูแฮอาจเป็นชายที่เหมาะกับชายามากกว่าเรา อย่างน้อย…รูแฮก็คงให้อ้อมกอดที่อบอุ่นได้มากกว่าเรา”
ยิ่งไปกว่านั้น บีพาอันไม่อาจเข้าไปหยุดสายตาของกโยซึลที่จ้องมองรูแฮได้ หัวใจของนางได้ให้ชายอื่นไปเรียบร้อยแล้ว เขาไม่อาจทำลายมันเพียงเพราะความโลภของตนได้ บีพาอันรู้สึกกลัวขึ้นมาอีกครั้ง
“หวังว่าเจ้าจะมีความสุข”
เขาละทิ้งคำที่ฟังแล้วรู้สึกจักจี้อย่างคำว่าความสุขและความรักไปนานแล้วตั้งแต่มุ่งหวังจะเป็นจักรพรรดิ จะมาอยากได้มันเอาตอนนี้ก็คงจะเป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์
สายลมพัดผ่านตำหนักดงชอนไปอย่างเศร้าสร้อย กโยซึลเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถทำให้บีพาอันอ่อนแอลงได้
***
“ชายาล้มป่วยอย่างนั้นหรือ”
บีพาอันที่กำลังเปิดหนังสืออยู่ลุกพรวดขึ้นมาอย่างกะทันหัน พร้อมเอ่ยถามขันที ขันทีน้อมตอบรับ หลังจากที่บีพาอันบอกให้ขันทีออกไป เขาก็ไม่อาจจดจ่ออยู่กับหนังสืออีกต่อไปได้ บีพาอันเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องของตน เขาห่วงนาง อยากจะไปหานาง ทว่าก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เขาไม่อาจล้ำเส้นได้อีกแล้ว เขาไม่อยากทำให้นางหวั่นไหว และทุกข์ใจอีกแล้ว หลังจากที่ได้ยินว่ากโยซึลล้มป่วย บีพาอันก็ไม่อาจจดจ่ออยู่กับสิ่งใดได้เลย ผ่านไปได้หนึ่งอาทิตย์ ในคืนนั้นบีพาอันก็ตัดสินใจที่จะไปหากโยซึล
นางกำนัลที่ต่างต้องคอยเช็ดตัวให้กโยซึล และอยู่เฝ้านางตลอดทั้งวันทั้งคืนมาอาทิตย์หนึ่ง ในที่สุดก็เหนื่อยล้าจนเผลอหลับไป มีทั้งที่หลับคาอยู่ที่บริเวณใกล้ๆ เตียงนอน และที่เอนตัวพิงอยู่ที่ประตูทางเข้า ทั่วทั้งตำหนักดงบีนิ่งสงบ ผู้คนต่างเหนื่อยล้าจนหลับใหลไป และในคืนที่เงียบสงัดนี้ บีพาอันได้เปิดประตูเข้ามาด้านใน แล้วเดินเข้าไปหากโยซึล แม่นมที่ยังหลับไม่สนิทตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงบางอย่าง ทันทีที่นางหันไปเห็นบีพาอัน นางก็ตกใจอ้าปากค้าง บีพาอันยกนิ้วขึ้นแตะที่ริมฝีปาก
“ชู่ อย่าบอกใครว่าเรามาที่นี่”
แม่นมพยักหน้ารับ หลังจากนั้นนางก็ออกจากห้องไป ขณะนี้ทั้งห้องเหลือเพียงบีพาอันกับกโยซึล เสียงครางอย่างเจ็บปวดของกโยซึลดังขึ้นเบาๆ เนื่องจากพิษไข้
“โปรดอย่าเจ็บป่วยเลย”
บีพาอันใช้หลังมือของตนลูบไล้ไปที่แก้มของกโยซึล ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางรู้สึกดีกับไออุ่นจากมือของบีพาอันที่ลูบไล้แก้มที่แดงขึ้นเพราะพิษไข้หรืออย่างไร กโยซึลจึงขยับหน้าในอาการกึ่งหลับกึ่งตื่นเอียงเข้าหาฝ่ามือนั้น
“หวังว่าเจ้าจะมีความสุขดังที่ปรารถนา หวังว่าเจ้าจะถูกเติมเต็มในส่วนที่บกพร่องที่เราไม่สามารถเติมเต็มให้ได้”
น้ำตาหลั่งไหลออกมาจากดวงตาของกโยซึล เป็นน้ำตาที่ไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันหลั่งออกมาเพราะพิษไข้ หรือเพราะหัวใจของนางกันแน่ บีพาอันเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา แล้วเดินออกจากห้องไป
แม่นมตกใจกับการมาเยือนของบีพาอัน จึงทำได้เพียงมองไปที่ประตูที่ถูกปิดลงอย่างเหม่อลอย
***
หลังเสร็จจากการเข้าประชุมที่ท้องพระโรง บีพาอันก็ได้แวะไปเยี่ยมชมอุทยานดอกไม้ของพระราชวังกลาง เขารู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังแอบตามเขาอยู่
“ท่านพี่ได้ทรงไปเยี่ยมพระชายาฮวางแทจาบ้างหรือไม่ขอรับ”
บีพาอันไม่อาจตอบคำถามอันเสียดแทงหัวใจที่รูแฮถามได้อย่างตรงไปตรงมา ทุกครั้งที่ได้เห็นหน้ารูแฮ เขาก็มักจะนึกถึงสายตาของกโยซึลกับรูแฮที่มองกันและกันอยู่ร่ำไป จนทำให้ปวดหนึบที่หัวใจขึ้นทุกที แม้บีพาอันจะไปเยี่ยมกโยซึลที่นอนป่วยอยู่มาแล้ว ทว่าเขาแอบไปในยามกลางคืนจึงไม่สามารถบอกความจริงกับรูแฮได้ และไม่สามารถบอกให้ผู้ใดรู้ได้เช่นเดียวกัน หากรูแฮรู้ถึงความรู้สึกของเขาเข้าแล้วล่ะก็ รูแฮจะต้องหลีกทางให้เขาอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นก็รังแต่จะทำให้กโยซึลเจ็บปวด บีพาอันไม่ต้องการให้นางเจ็บปวด เขาหวังให้นางมีความสุขอย่างที่นางต้องการและคาดหวังไว้
“จะโอบกอดนางไว้สักครั้งหนึ่ง…ไม่ได้เชียวหรือขอรับ”
หัวใจของบีพาอันสั่นไหวขึ้นมาอย่างรุนแรงหลังจากได้ฟังสิ่งที่รูแฮพูดออกมา โอบกอดนางหรือ เหตุใดเขาจะไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้กัน บีพาอันนั้นโอบกอดกโยซึลไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งในทุกค่ำคืน ทว่ารอยยิ้มที่เคยยิ้มให้ตนในอดีตกลับเปลี่ยนมาเป็นความกลัวในตอนนี้ เขาจะกล้าโอบกอดนางได้อย่างไร
“เราไม่โอบกอดหญิงคนใดทั้งนั้น”
บีพาอันจำต้องพูดออกไปอย่างนั้น รูแฮหาได้เกรงกลัวบีพาอันไม่ เขาระเบิดความโกรธออกมา พร้อมกับเผชิญหน้ากับบีพาอันเพื่อกโยซึล และด้วยท่าทีเช่นนั้นจึงทำให้บีพาอันวางใจ หากเป็นบุรุษเช่นนี้ล่ะก็ หากเป็นบุรุษที่กล้าจะเผชิญหน้ากับเขาเพื่อหญิงสาวที่ตนรักเช่นนี้ล่ะก็ ในวันข้างหน้าคงจะไม่มีอะไรให้กังวล แม้บีพาอันจะคาดเดาได้ว่าในวันข้างหน้าเส้นทางของทั้งคู่จะต้องพบเจอกับความลำบากเพียงใด แต่เขาก็พอจะวางใจ ปล่อยให้ทั้งสองคนรักกันได้แล้ว
“ต่อแต่นี้ไปกระหม่อมจะไม่เรียกท่านว่าท่านพี่ หรือแม้แต่ท่านพี่ฮวางแทจาอีกต่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าพระบาทฮวางแทจา”
รูแฮกำหมัดแน่น ตัวสั่นระริก เขาหันหลังและเดินออกจากอุทยานไป บีพาอันเองก็กดความเจ็บปวดที่ปะทุขึ้นมาที่ปลายจมูกไว้ แล้วหันหลังกลับไป ดอกไม้ฤดูร้อนสีสดที่อวดโฉมของตนอย่างเต็มที่แม้จะไม่มีผู้ใดมองชมเป็นเหมือนดั่งตัวเขาในตอนนี้ หลังจากนั้นบีพาอันก็เอื้อมมือไปสัมผัสดอกไม้ที่งดงามที่สุดดอกหนึ่งจากนั้นก็ใช้มือขยำมันจนเละ กโยซึลเปรียบเหมือนดั่งดอกไม้พวกนี้ หากนางอยู่เคียงข้างคนที่โตบโตขึ้นมาอย่างเย็นชาในพระราชวังที่ไร้ซึ่งมิตรภาพแห่งนี้ นางจะต้องแหลกสลายดั่งดอกไม้พวกนี้เป็นแน่
เท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
หลังจากนี้รูแฮจะต้องพุ่งเข้าหากโยซึล แล้วคอยอยู่เคียงข้างนางอย่างไร้ซึ่งความลังเลเป็นแน่
ดีแล้ว ไปเถิด รูแฮ นำตัวเจ้าที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับข้า นำความมุ่งมั่นนี้ไปหานาง แล้วโอบกอดนางไว้ ไม่ว่าจะกี่ร้อย กี่พันครั้ง ให้สมกับที่ข้าไม่อาจทำได้ จงโอบกอดนางอย่างอ่อนโยน ทำในสิ่งที่ข้าไม่อาจทำได้ แทนข้าด้วย…
บีพาอันหยิบกลีบดอกไม้ที่ฉีกขาดมาใกล้ๆ ที่ปากของตน กลีบดอกไม้นุ่มเฉียดผ่านริมฝีปากของเขา เขาอยากจะโอบกอดนางเหลือเกิน อยากรักนางอย่างที่ต้องการเหลือเกิน กลิ่นหอมหวานทำให้จมูกของบีพาอันคันยุบยิบ เขาโยนกลีบดอกไม้ลงบนพื้น แล้วก้าวออกจากอุทยานไป
เช้าตรู่วันหนึ่ง
บีพาอันไปที่ตำหนักดงบีโดยไม่ให้ใครรู้ เขาแอบเดินมาตามทางเดินด้านในของตำหนักดงบี แล้วตรงไปที่หน้าต่างบานที่อยู่ใกล้กับห้องนอนและอยู่ใกล้กับเตียงของกโยซึล เขาจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมกับนึกถึงหญิงงามที่ยังคงนอนหลับไหลอยู่ด้านใน บีพาอันยืนอยู่ตรงนั้นเพียงครู่เดียว ทว่าเวลาช่างผ่านไปเร็วนัก ในไม่ช้าพระอาทิตย์ก็เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า เขาสะดุ้งตัวและได้สติ รีบนำดอกไม้ช่อหนึ่งที่ถือมาด้วยอย่างระมัดระวังเสียบไว้ที่ช่องว่างของหน้าต่าง มันเป็นดอกไม้สีฟ้าที่ปลายกลีบดอกเป็นสีม่วงเข้ม มันมีกลีบดอกที่เล็กยิ่งกว่าเล็บมือรวมตัวกันห่อหุ้มเกสรไว้ และที่ก้านก็มีเศษกระดาษชิ้นเล็กถูกมัดไว้อยู่ มันคือจดหมายที่ไม่ว่าบีพาอันจะคิดเท่าไรก็ไม่อาจเขียนสิ่งใดลงไปได้ เขาไม่อาจแสดงความรู้สึกใดให้นางรู้ได้เลย บีพาอันที่หลังจากทิ้งของขวัญที่แอบนำมาให้โดยเปิดเผยตัวตนไม่ได้ไว้แล้ว เขาก็ยืนมองหน้าต่างอยู่พักหนึ่ง หลังจากได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านใน เขาก็หันหลังเดินกลับไป
แผ่นหลังที่ดูเปลี่ยวเหงาเดินออกไปจากตำหนักดงบีอย่างว้าเหว่