พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 5

บทที่ 5

บทที่ 5 เล่ห์เพทุบาย

“ปะเป็นไปไม่ได้”

ราศรีมองรพีพงษ์อย่างอึ้งๆ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่อยาก จะเชื่อ คนไร้ประโยชน์ตอนที่เรียน กลายเป็นประธานในตอน

นี้

เดิมที่เธอจะได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็น เกียรติสำหรับเธอมาก เธอบอกกับครอบครัวไปแล้ว รอให้ ถึงสัปดาห์หน้า เธอเชิญญาติสนิทมาทานข้าวเพื่ออวดความ สำเร็จของเธอ

แต่ทั้งหมดนี่มันพังลงต่อหน้าของเธอ ตอนนี้เธอไม่เพียง แต่จะไม่ได้เลื่อนขั้น แต่ยังจะถูกไล่ออกจากงานอีก

“รพีพงษ์ ฉันผิดไปแล้ว ฉันมีตาหามีแววไม่ ไม่ควรจะพูด กับนายอย่างนั้น นายเห็นเห็นแก่ที่เราเคยนั่งข้างกัน ปล่อย ฉันไปสักครั้งเถอะนะ”ราศรีพูดอ้อนวอน

นรธีร์เหลือบมองเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้ารู้ว่า เป็นแบบนี้ ก็ไม่ควรทำตั้งแต่แรก เธอหาเรื่องใส่ตัวเอง รปภ. เอาตัวเธอออกไป”

รปภ. พวกนั้นไม่กล้าปฏิเสธ รีบเข้ามาในทันที พวกเขาจับ แขนของเธอแล้วพาออกจากห้องโถง
คนที่เหลืออยู่ในห้องโถงมองไปยังรพีพงษ์ด้วยความประ หม่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

รพีพงษ์เหลือบมองคนพวกนั้น แล้วพูดว่า “เมื่อกี้ใครที่ รวมหัวกับราศรีพูดเยาะเย้ยฉัน กลับไปเขียนเรื่องทบทวนตัว เอง ฉันจะหักเงินเดือนครึ่งหนึ่ง”

“อีกเรื่องก็คือ เรื่องที่ฉันเป็นประธานของอสังหาริมทรัพย์ ะ ะ ฟ้าอนงค์ห้ามไปพูดกับใครทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นจะไล่ออก เข้าใจหรือยัง” %3D

“เข้าใจแล้วค่ะ”

คนกลุ่มนั้นพูดตอบ ไม่มีใครกล้าคัดค้านสักคน

พูดจบเขาก็ไม่มีอารมณ์ดูอะไรต่อ เขาพูดสั่งนรธีร์สองสาม

ประโยค จากนั้นก็เดินออกไป

คนกลุ่มนั้นแสดงความเคารพให้เขา เมื่อเห็นเขาขับรถคัน

เก่าๆ ก็รู้สึกหดหูในใจ

“ประธานของพวกเราช่างแตกต่างจริงๆ นี่เป็นสิ่งที่เขา กำลังจะบอกกับพวกเราว่าคนที่ประสบความสำเร็จเขาไม่ มาสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หัดเรียนรู้ไว้ซะบ้าง ได้ยินหรือ ยัง!” นรธีร์เอ่ยขึ้น

ทุกคนต่างพากันพยักหน้า

ระหว่างทางบนถนน อารมณ์ของรพีพงษ์นับว่าไม่เลว กลับไปบอกให้อารียารู้เป็นนัยๆ ให้เธอไปซื้อตึกสำนักงานที่ อสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์

จู่ๆ เขาก็เหลือบไปเห็นธายุกรกับชรินทร์ทิพย์ เดินเข้าไป ในร้านกาแฟอย่างลับๆ ล่อๆ ท่าทางแบบนั้นเหมือนกับขโมย ไม่มีผิด

เขารู้สึกประหลาดใจ การที่สองคนนี้ออกมาพร้อมกัน เก้า ในสิบครั้งคือต้องการทำร้ายอารียา เขาอยากรู้ว่าทั้งสอง คนจะทำอะไร ดังนั้นเขาจึงหยุดรถลงข้างทาง ปกปิดหน้า ตาของตัวเองแล้วเข้าไปในร้านกาแฟ

เขานั่งหันหลังให้ทั้งสองคน โดยนั่งอยู่ตรงโต๊ะที่ไม่ห่าง จากพวกเขาสักเท่าไร จากนั้นก็หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา บังหน้าตัวเอง เพื่อไม่ให้โดนจับได้

ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะพูดไม่ค่อยดังเท่าไร แต่ทว่าเขาที่นั่ง อยู่ไม่ไกลได้ยินอย่างชัดเจน

“พี่ธายุ เรียกฉันออกมาด่วนขนาดนี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า

คะ” ชรินทร์ทิพย์ถามด้วยความสงสัย

ธายุกรยิ้มอย่างร้ายกาจแล้วพูดว่า “แน่นอนว่าต้องมี อีก ทั้งยังเป็นเรื่องดีอีกด้วย เธอจะต้องสนใจมากแน่ๆ”

“ห่ม? เรื่องดีอะไรคะ” ชรินทร์ทิพย์ถามขึ้นอย่างประหลา

ดใจ
“อารียาขวางหูขวางตาเธอมาตลอดไม่ใช่หรือไง คราวนี้ ฉันคิดวิธีดีๆ ที่จะกำจัดมันออกไป มันจะไม่ได้รับความรัก จากคุณปู่แน่นอน ไม่แน่มันอาจจะโดนไล่ออกจากตระกูล ฉัตรมงคลด้วย” ธายุกรพูดด้วยความตื่นเต้น

แววตาของชรินทร์ทิพย์เป็นประกาย “วิธีอะไรรีบบอกฉัน มาเร็วๆ เลยค่ะ ”

รพีพงษ์ตั้งใจฟังเช่นกัน เขาคิดในใจว่าเป็นไปตามที่เขา ได้คาดไว้ การที่ทั้งสองคนรวมตัวกันก็เพื่อจะหาเรื่องอารียา น่ารังเกียจสิ้นดี

“ตอนนี้คุณปู่อยากซื้ออาคารสำนักงานไม่ใช่เหรอ เขาถูก ใจที่ที่ อสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ แต่ว่าฝั่งนั้นดูถูกบริษัทเล็กๆ อย่าง ตระกูลฉัตรมงคล บวกกับการที่ต้องมีเงินสิบสามล้าน เพื่อที่จะซื้ออาคารสำนักงานนั่น แต่คุณปู่ให้ได้แค่แปดล้าน ดังนั้นเรื่องนี้จึงทำไม่สำเร็จ ”

“เธอก็รู้ว่าคุณปู่ตื้อขนาดไหน คุณปู่บอกให้ฉันไปคุณกับ ฝั่งนั้นสองสามครั้ง ฉันก็ไปแต่ว่าขนาดหน้าของผู้จัดการก็ยัง ไม่ได้เจอเลย”

“ดังนั้นฉันจึงจะโยนภาระนี้ให้กับอารียา ให้มันไปซื้อ เรื่องนี้ขนาดฉันยังไม่สามารถทำได้เลย อารียาก็ทำไม่ได้ แน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นเราก็ใช้โอกาสนี้ให้คุณปู่ไล่มันออก ไป”
ชรินทร์ทิพย์ได้ฟังเช่นนั้น ก็รู้สึกสงสัยแล้วถามขึ้นว่า “ถ้า อย่างนั้นเราจะโยนภาระนี้ไปให้มันได้ยังไงล่ะ มันไม่ได้โง่สัก หน่อย”

“ฉันได้ยินมาว่ามันรู้สึกผิดกับการที่รพีพงษ์ไปยืมเงินคุณปู่ ในงานเลี้ยง ดังนั้นมันเลยอยากชดเชยโดยการช่วยคุณปู่ชื่อ อาคารสำนักงานนั่นให้ได้ เราก็พูดกรอกหูพวกญาติๆ ให้ พวกเขาพูดเรื่องนี้ มันปฏิเสธไม่ได้แน่นอน” ธายุกรพูด อธิบาย

ชรินทร์ทิพย์เผยยิ้ม และชื่นชมวิธีของธายุกร

“เหอะ ผู้หญิงต่ำตมอย่างมันตั้งแต่เล็กจนโตมันก็แย่งซีน ฉันมาโดยตลอด มันขวางหูขวางตาฉันมาตั้งนานแล้ว ครั้งนี้ ฉันจะไล่มันออกจากบ้านให้ได้” ชรินทร์ทิพย์พูดพึมพำกับตัว

เอง

“ถ้าจะพูดให้ถูกยังมีไอ้สวะรพีพงษ์อีกคน ต้องให้พวกมันรู้ ฤทธิ์ของฉันสักหน่อย” ธายุกรหรี่ตาพูด

“เวลาไม่เคยคอยท่า พวกเรารีบไปพูดเรื่องนี้กับคุณปู่ เถอะ” หลังจากที่ทั้งสองคนพูดจบก็ออกจากร้านกาแฟไป

รพีพงษ์วางหนังสือพิมพ์ลงช้าๆ แววตาของเขาแฝงไปด้วย ความเย็นชา จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ

“พวกแกจะเอาอะไรมาคิดบัญชีกับภรรยาของฉัน น่าตลกสิ้นดี!”

รพีพงษ์ขับรถกลับมาถึงบ้าน เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านก็ได้ ยินเสียงอารียาพูดกับเขา “คุณรีบแต่งตัว เมื่อกี้คุณปู่แจ้งให้ พวกเราทั้งหมดไปรวมตัวกันที่นั่นเพื่อประชุมตระกูล”

รพีพงษ์อึ้งไป เขาคิดในใจว่าธายุกรกับชรินทร์ทิพย์ทำ อะไรเร็วจริงๆ ถ้าเดาไม่ผิดการประชุมตระกูลครั้งนี้คือเรื่อง ซื้ออาคารสำนักงานแน่ๆ

เขาพยักหน้าแล้วรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

ขณะนั้นเองศศินัดดาก็เหลือบมองเขา แล้วพูดว่า “แกไม่ ต้องแต่งตัวหรอก ครั้งนี้เป็นการประชุมของตระกูล แกไม่ ต้องไปไปเพิ่มความวุ่นวายเปล่าๆ”

อารียาขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “แม่ เขาเป็นสามีของหนู เขา ก็นับว่าเป็นคนของตระกูลฉัตรมงคล ทำไมแม่ถึงไม่ให้เขา

ไป”

“คนของตระกูลฉัตรมงคลอะไรกัน แกลืมไปแล้วเหรอว่า

มันทำอะไรไว้ในงานเลี้ยงของคุณปู่ แกยังกล้าให้มันตาม

ไปอีกเหรอ” ศศินัดดามองไปที่รพีพงษ์อย่างไม่สบอารมณ์ อารียาเม้มปาก เธอไม่สนใจคำพูดของศศินัดดาแล้วหัน ไปพูดกับรพีพงษ์ “รีบไปแต่งตัวสิ”

รพีพงษ์รีบพยักหน้าแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง
ศศินัดดายังคงก่นด่าอยู่อย่างนั้น แต่เธอก็ไม่สามารถห้าม ไม่ให้ลูกสาวพารพีพงษ์ไปด้วย

เมื่อถึงคฤหาสน์ตระกูลลัดดาวัลย์ สมาชิกทั้งสี่เดินเข้าไป ในบ้าน ขณะนั้นก็มีคนนั่งอยู่ในคฤหาสน์เยอะแล้ว นภที่ป์นั่ง อยู่ตรงกลางโซฟา

เมื่อทุกคนเห็นครอบครัวของอารียา มาถึง ต่างก็พากันส่ง สายตาหากัน และแสยะยิ้มเย็นชาอย่างบอกไม่ถูก ชรินทร์ทิพย์ แสยะยิ้มเย้ยหยัน แล้วพูดพึมพำกับตัวเอง

“อารียา รอดูอะไรสนุกๆ ได้เลย ครั้งนี้แกตายแน่!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท