บทที่ 5 เล่ห์เพทุบาย
“ปะเป็นไปไม่ได้”
ราศรีมองรพีพงษ์อย่างอึ้งๆ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่อยาก จะเชื่อ คนไร้ประโยชน์ตอนที่เรียน กลายเป็นประธานในตอน
นี้
เดิมที่เธอจะได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็น เกียรติสำหรับเธอมาก เธอบอกกับครอบครัวไปแล้ว รอให้ ถึงสัปดาห์หน้า เธอเชิญญาติสนิทมาทานข้าวเพื่ออวดความ สำเร็จของเธอ
แต่ทั้งหมดนี่มันพังลงต่อหน้าของเธอ ตอนนี้เธอไม่เพียง แต่จะไม่ได้เลื่อนขั้น แต่ยังจะถูกไล่ออกจากงานอีก
“รพีพงษ์ ฉันผิดไปแล้ว ฉันมีตาหามีแววไม่ ไม่ควรจะพูด กับนายอย่างนั้น นายเห็นเห็นแก่ที่เราเคยนั่งข้างกัน ปล่อย ฉันไปสักครั้งเถอะนะ”ราศรีพูดอ้อนวอน
นรธีร์เหลือบมองเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้ารู้ว่า เป็นแบบนี้ ก็ไม่ควรทำตั้งแต่แรก เธอหาเรื่องใส่ตัวเอง รปภ. เอาตัวเธอออกไป”
รปภ. พวกนั้นไม่กล้าปฏิเสธ รีบเข้ามาในทันที พวกเขาจับ แขนของเธอแล้วพาออกจากห้องโถง
คนที่เหลืออยู่ในห้องโถงมองไปยังรพีพงษ์ด้วยความประ หม่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
รพีพงษ์เหลือบมองคนพวกนั้น แล้วพูดว่า “เมื่อกี้ใครที่ รวมหัวกับราศรีพูดเยาะเย้ยฉัน กลับไปเขียนเรื่องทบทวนตัว เอง ฉันจะหักเงินเดือนครึ่งหนึ่ง”
“อีกเรื่องก็คือ เรื่องที่ฉันเป็นประธานของอสังหาริมทรัพย์ ะ ะ ฟ้าอนงค์ห้ามไปพูดกับใครทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นจะไล่ออก เข้าใจหรือยัง” %3D
“เข้าใจแล้วค่ะ”
คนกลุ่มนั้นพูดตอบ ไม่มีใครกล้าคัดค้านสักคน
พูดจบเขาก็ไม่มีอารมณ์ดูอะไรต่อ เขาพูดสั่งนรธีร์สองสาม
ประโยค จากนั้นก็เดินออกไป
คนกลุ่มนั้นแสดงความเคารพให้เขา เมื่อเห็นเขาขับรถคัน
เก่าๆ ก็รู้สึกหดหูในใจ
“ประธานของพวกเราช่างแตกต่างจริงๆ นี่เป็นสิ่งที่เขา กำลังจะบอกกับพวกเราว่าคนที่ประสบความสำเร็จเขาไม่ มาสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หัดเรียนรู้ไว้ซะบ้าง ได้ยินหรือ ยัง!” นรธีร์เอ่ยขึ้น
ทุกคนต่างพากันพยักหน้า
ระหว่างทางบนถนน อารมณ์ของรพีพงษ์นับว่าไม่เลว กลับไปบอกให้อารียารู้เป็นนัยๆ ให้เธอไปซื้อตึกสำนักงานที่ อสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์
จู่ๆ เขาก็เหลือบไปเห็นธายุกรกับชรินทร์ทิพย์ เดินเข้าไป ในร้านกาแฟอย่างลับๆ ล่อๆ ท่าทางแบบนั้นเหมือนกับขโมย ไม่มีผิด
เขารู้สึกประหลาดใจ การที่สองคนนี้ออกมาพร้อมกัน เก้า ในสิบครั้งคือต้องการทำร้ายอารียา เขาอยากรู้ว่าทั้งสอง คนจะทำอะไร ดังนั้นเขาจึงหยุดรถลงข้างทาง ปกปิดหน้า ตาของตัวเองแล้วเข้าไปในร้านกาแฟ
เขานั่งหันหลังให้ทั้งสองคน โดยนั่งอยู่ตรงโต๊ะที่ไม่ห่าง จากพวกเขาสักเท่าไร จากนั้นก็หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา บังหน้าตัวเอง เพื่อไม่ให้โดนจับได้
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะพูดไม่ค่อยดังเท่าไร แต่ทว่าเขาที่นั่ง อยู่ไม่ไกลได้ยินอย่างชัดเจน
“พี่ธายุ เรียกฉันออกมาด่วนขนาดนี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า
คะ” ชรินทร์ทิพย์ถามด้วยความสงสัย
ธายุกรยิ้มอย่างร้ายกาจแล้วพูดว่า “แน่นอนว่าต้องมี อีก ทั้งยังเป็นเรื่องดีอีกด้วย เธอจะต้องสนใจมากแน่ๆ”
“ห่ม? เรื่องดีอะไรคะ” ชรินทร์ทิพย์ถามขึ้นอย่างประหลา
ดใจ
“อารียาขวางหูขวางตาเธอมาตลอดไม่ใช่หรือไง คราวนี้ ฉันคิดวิธีดีๆ ที่จะกำจัดมันออกไป มันจะไม่ได้รับความรัก จากคุณปู่แน่นอน ไม่แน่มันอาจจะโดนไล่ออกจากตระกูล ฉัตรมงคลด้วย” ธายุกรพูดด้วยความตื่นเต้น
แววตาของชรินทร์ทิพย์เป็นประกาย “วิธีอะไรรีบบอกฉัน มาเร็วๆ เลยค่ะ ”
รพีพงษ์ตั้งใจฟังเช่นกัน เขาคิดในใจว่าเป็นไปตามที่เขา ได้คาดไว้ การที่ทั้งสองคนรวมตัวกันก็เพื่อจะหาเรื่องอารียา น่ารังเกียจสิ้นดี
“ตอนนี้คุณปู่อยากซื้ออาคารสำนักงานไม่ใช่เหรอ เขาถูก ใจที่ที่ อสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ แต่ว่าฝั่งนั้นดูถูกบริษัทเล็กๆ อย่าง ตระกูลฉัตรมงคล บวกกับการที่ต้องมีเงินสิบสามล้าน เพื่อที่จะซื้ออาคารสำนักงานนั่น แต่คุณปู่ให้ได้แค่แปดล้าน ดังนั้นเรื่องนี้จึงทำไม่สำเร็จ ”
“เธอก็รู้ว่าคุณปู่ตื้อขนาดไหน คุณปู่บอกให้ฉันไปคุณกับ ฝั่งนั้นสองสามครั้ง ฉันก็ไปแต่ว่าขนาดหน้าของผู้จัดการก็ยัง ไม่ได้เจอเลย”
“ดังนั้นฉันจึงจะโยนภาระนี้ให้กับอารียา ให้มันไปซื้อ เรื่องนี้ขนาดฉันยังไม่สามารถทำได้เลย อารียาก็ทำไม่ได้ แน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นเราก็ใช้โอกาสนี้ให้คุณปู่ไล่มันออก ไป”
ชรินทร์ทิพย์ได้ฟังเช่นนั้น ก็รู้สึกสงสัยแล้วถามขึ้นว่า “ถ้า อย่างนั้นเราจะโยนภาระนี้ไปให้มันได้ยังไงล่ะ มันไม่ได้โง่สัก หน่อย”
“ฉันได้ยินมาว่ามันรู้สึกผิดกับการที่รพีพงษ์ไปยืมเงินคุณปู่ ในงานเลี้ยง ดังนั้นมันเลยอยากชดเชยโดยการช่วยคุณปู่ชื่อ อาคารสำนักงานนั่นให้ได้ เราก็พูดกรอกหูพวกญาติๆ ให้ พวกเขาพูดเรื่องนี้ มันปฏิเสธไม่ได้แน่นอน” ธายุกรพูด อธิบาย
ชรินทร์ทิพย์เผยยิ้ม และชื่นชมวิธีของธายุกร
“เหอะ ผู้หญิงต่ำตมอย่างมันตั้งแต่เล็กจนโตมันก็แย่งซีน ฉันมาโดยตลอด มันขวางหูขวางตาฉันมาตั้งนานแล้ว ครั้งนี้ ฉันจะไล่มันออกจากบ้านให้ได้” ชรินทร์ทิพย์พูดพึมพำกับตัว
เอง
“ถ้าจะพูดให้ถูกยังมีไอ้สวะรพีพงษ์อีกคน ต้องให้พวกมันรู้ ฤทธิ์ของฉันสักหน่อย” ธายุกรหรี่ตาพูด
“เวลาไม่เคยคอยท่า พวกเรารีบไปพูดเรื่องนี้กับคุณปู่ เถอะ” หลังจากที่ทั้งสองคนพูดจบก็ออกจากร้านกาแฟไป
รพีพงษ์วางหนังสือพิมพ์ลงช้าๆ แววตาของเขาแฝงไปด้วย ความเย็นชา จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ
“พวกแกจะเอาอะไรมาคิดบัญชีกับภรรยาของฉัน น่าตลกสิ้นดี!”
รพีพงษ์ขับรถกลับมาถึงบ้าน เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านก็ได้ ยินเสียงอารียาพูดกับเขา “คุณรีบแต่งตัว เมื่อกี้คุณปู่แจ้งให้ พวกเราทั้งหมดไปรวมตัวกันที่นั่นเพื่อประชุมตระกูล”
รพีพงษ์อึ้งไป เขาคิดในใจว่าธายุกรกับชรินทร์ทิพย์ทำ อะไรเร็วจริงๆ ถ้าเดาไม่ผิดการประชุมตระกูลครั้งนี้คือเรื่อง ซื้ออาคารสำนักงานแน่ๆ
เขาพยักหน้าแล้วรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ขณะนั้นเองศศินัดดาก็เหลือบมองเขา แล้วพูดว่า “แกไม่ ต้องแต่งตัวหรอก ครั้งนี้เป็นการประชุมของตระกูล แกไม่ ต้องไปไปเพิ่มความวุ่นวายเปล่าๆ”
อารียาขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “แม่ เขาเป็นสามีของหนู เขา ก็นับว่าเป็นคนของตระกูลฉัตรมงคล ทำไมแม่ถึงไม่ให้เขา
ไป”
“คนของตระกูลฉัตรมงคลอะไรกัน แกลืมไปแล้วเหรอว่า
มันทำอะไรไว้ในงานเลี้ยงของคุณปู่ แกยังกล้าให้มันตาม
ไปอีกเหรอ” ศศินัดดามองไปที่รพีพงษ์อย่างไม่สบอารมณ์ อารียาเม้มปาก เธอไม่สนใจคำพูดของศศินัดดาแล้วหัน ไปพูดกับรพีพงษ์ “รีบไปแต่งตัวสิ”
รพีพงษ์รีบพยักหน้าแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง
ศศินัดดายังคงก่นด่าอยู่อย่างนั้น แต่เธอก็ไม่สามารถห้าม ไม่ให้ลูกสาวพารพีพงษ์ไปด้วย
เมื่อถึงคฤหาสน์ตระกูลลัดดาวัลย์ สมาชิกทั้งสี่เดินเข้าไป ในบ้าน ขณะนั้นก็มีคนนั่งอยู่ในคฤหาสน์เยอะแล้ว นภที่ป์นั่ง อยู่ตรงกลางโซฟา
เมื่อทุกคนเห็นครอบครัวของอารียา มาถึง ต่างก็พากันส่ง สายตาหากัน และแสยะยิ้มเย็นชาอย่างบอกไม่ถูก ชรินทร์ทิพย์ แสยะยิ้มเย้ยหยัน แล้วพูดพึมพำกับตัวเอง
“อารียา รอดูอะไรสนุกๆ ได้เลย ครั้งนี้แกตายแน่!”