พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 13

บทที่ 13

บทที่ 13 เรียก ไตรทศออกมาพบฉัน

เมื่อพี่ฮันน่าได้ยินตัวเลขที่พนักงานบอก เธอถึงกับเบิกตา โพลง เธอคิดว่าตัวเองหูฝาดไป จึงรีบวิ่งไปดูหน้าจอคอมพิว

เตอร์

“หน่วย สิบ ร้อย สิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน มะ หมื่นล้าน!” เธอตกใจจนแทบจะสะดุ้งออกมา

“ในบัตรของนายมีเงินหมื่นล้านจริงๆ!” พี่ฮันน่ารู้สึกว่าตัว เองหายใจแรง มือทั้งสองข้างสั่นไปหมด

รพีพงษ์ยื่นมือไปหยิบบัตรกลับมา แล้วพูดขึ้นมาว่า “ตอนนี้ผมดูเหมาะที่จะเข้าไปร่วมงานแล้วหรือยัง”

พี่ฮันน่ากลืนน้ำลายลงคอ เธอมีสีหน้าละอายใจ แล้วรีบ พูดขึ้นมาว่า “ไม่ เหมาะสมค่ะ คุณผู้ชาย เมื่อกี้ฉันขอโทษ จริงๆ นะคะ ฉันมีตาหามีแววไม่ แสดงกิริยาที่ไม่ดีกับคุณ ผู้ชาย หวังว่าคุณผู้ชายจะไม่ถือโทษโกรธนะคะ เดี๋ยวฉันจะ พาคุณเข้าไปในทางของแขกวีไอพีค่ะ แล้วจะจัดห้องส่วนตัว ให้คุณด้วยค่ะ”

รพีพงษ์ไม่พูดอะไรแล้วเดินออกมาพร้อมกับพี่ฮันน่า พวก เข้าเดินเข้าไปตามทางเดินสำหรับแขกวีไอพี เมื่อเดินเข้าไป ถึงในงานประมูล เขาเข้าไปในห้องส่วนตัวเฉพาะแขกวีไอพีเท่านั้นที่จะเข้ามาได้ เขาสามารถทำการประมูลผ่านปุ่มที่ติด ตั้งอยู่ในห้อง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นผู้ ประมูล นับว่าเป็นการป้องกันความปลอดภัยให้กับแขกวี ไอพีด้วย

เมื่อพี่ฮันน่าส่งรพีพงษ์เข้าไปในห้องเรียบร้อย เธอจึงเดิน ออกมา เธอถอนหายใจพรวดออกมา เมื่อกี้ตอนที่เธอส่งเขา เข้าไปในห้อง มือของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ ชายสองคนที่กันรพีพงษ์เอาไว้เมื่อตอนแรกเดินเข้ามา

หาเธอ สีหน้าของชายทั้งสองดูงุนงง

“พี่ฮันน่า คุณให้ไอ้ขอทานนั่นเข้าไปในนั้นทำไมครับ แถมยังให้มันเดินทางสำหรับแขกวีไอพีด้วย มันให้อะไรคุณ เหรอครับ” ผู้ชายหนึ่งในนั้นเอ่ยปากถาม

เธอไม่พูดอะไรแล้วตบผู้ชายคนนั้นไปหนึ่งฉาด จากนั้นก็ ก่นด่าว่า “ระวังปากแกไว้ให้ดี ท่านนั้นคือแขกวีไอพีของเรา ถ้าใครกล้าเรียกเขาว่าขอทานอีก ก็เก็บของแล้วไสหัวออก ไปซะ!”

ไม่นานงานประมูลก็เริ่มขึ้น

ของที่นำมาประมูลในครั้งนี้ล้วนเป็นของที่หรูหราและมี ราคา แต่รพีพงษ์ก็ไม่ได้สนใจ

เป้าหมายเดียวของเขาคือสินค้าชิ้นสุดท้ายของการประมูลนี้ ซึ่งก็คือสร้อยคอหัวใจวีตัส

เวลาผ่านไป สินค้าแต่ละชิ้นถูกประมูลไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง ถึงสินค้าชิ้นสุดท้ายนั่นก็คือสร้อยคอหัวใจวีตัส คนที่กำลังจะหลับอย่างรพีพงษ์รีบตั้งสติ เขามองออกไป

ทางหน้าต่างเห็นพิธีกรกำลังพูดแนะนำสร้อยคอหัวใจวีตัส เขาคิดในใจว่าไม่ว่าจะต้องใช้เงินมากเพียงใด เขาก็จะ ประมูลสร้อยคอเส้นนั้นมาให้ได้

“ทุกท่านครับ สร้อยคอหัวใจวีตัสมาจากฝีมือของนักออก แบบที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นเครื่องประดับที่ควรค่า แก่การสะสม สร้อยคอเส้นนี้ หลักๆ แล้วทำจากเพชรชั้นดี จำนวน 108 เม็ด…”

“ราคาเริ่มประมูลของสร้อยคอเส้นนี้คือสิบล้าน เริ่ม ประมูลได้ครับ”

หลังจากที่พิธีกรพูดจบ ทุกคนก็เริ่มประมูล แต่ราคามัน เพิ่มขึ้นครั้งละห้าแสนถึงหนึ่งล้าน รพีพงษ์ รู้สึกหงุดหงิด เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปตรงหน้าต่าง จากนั้นก็พูดขึ้นมา อย่างเสียงดังว่า “ฉันให้สามสิบล้าน!”

ทุกคนต่างพากันตกตะลึง แล้วหันหน้าไปมองรพีพงษ์ที่อยู่ ในห้องวีไอพีเป็นตาเดียว แต่ทว่ามีกระจกคั่นอยู่พวกเขาเลย มองไม่ออกว่าเป็นใคร
“ไอ้หนุ่มคนนี้มันบ้าไปแล้ว ประมูลสามสิบล้านเนี่ยนะ มัน เกินราคาของสร้อยเส้นนี้แล้ว”

“ผู้ที่ให้ราคาสามสิบล้านคือใครกันครับ ให้ราคาเยอะ ขนาดนี้ คงจะไม่ใช่เศรษฐีในเมืองริเวอร์ใช่ไหมครับ”

“ฉันคิดว่าจะซื้อสร้อยเส้นนี้ให้ภรรยาของฉันได้ในราคา ประมาณสิบห้าล้าน ดูท่าแล้วน่าจะได้แค่ฝันแล้วล่ะ”

“นี่มันวัดระดับกันชัดๆ เขาเป็นคนรวยตัวจริงเลยล่ะ เงิน อันน้อยนิดของเรา คือเงินที่เขาเอาไปซื้อสร้อยคอเท่านั้น”

“สามสิบล้านครั้งที่ 1 ยังมีใครจะประมูลเพิ่มไหมครับ” พิธี กรพูดขึ้น เขาก็เพิ่งเคยเจอคนที่ให้ราคามากขนาดนี้

ขณะนั้นเองคนที่อยู่ในห้องวีไอพีอีกห้องหนึ่ง น้ำเสียงที่ฟัง

แล้วเหมือนเป็นการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวตะโกนออกมาว่า

“ผมให้สามสิบห้าล้าน!”

“สี่สิบห้าล้าน!” รพีพงษ์ประมูลอย่างไม่ต้องคิด ในสาย ตาของเขาเงินก็แค่ตัวเลข ถ้าเขาซื้อสร้อยคอมาได้ ก็จะเอา มาเป็นของขวัญให้อารียา

คนที่อยู่ในห้องวีไอพีอีกห้องหนึ่งเงียบลง ได้ยินเพียงเสียง ถอนหายใจ

ทุกคนต่างพากันตกใจกับราคาที่รพีพงษ์ประมูล สี่สิบห้า ล้านนี่มันสามารถซื้ออาคารพาณิชย์ได้สี่ห้าหลังเลยนะ แต่นี่เขาใช้เงินเยอะขนาดนี้เพื่อซื้อสร้อยเพียงเส้นเดียว

นี่สิถึงจะเรียกคนรวยของจริง!

สุดท้ายก็ไม่มีใครสู้ราคาประมูลของรพีพงษ์ได้ สร้อยคอ หัวใจวีตัสจึงตกเป็นของเขาในราคาสี่สิบห้าล้าน

ทุกคนต่างก็อยากรู้ว่าใครคือคนที่ใช้เงินเยอะขนาดนี้เพื่อ ซื้อสร้อยเพียงเส้นเดียว

แต่ทว่าที่งานประมูลมีมาตรการรักษาความปลอดภัยของ แขก คนพวกนี้จึงไม่สามารถเห็นหน้าของรพีพงษ์ได้

ะ ๘4 เมื่อเขาเดินออกมา ก็มีคนมาดักหน้าเขาไว้ คนคนนั้นก็คือ

พี่ฮันน่า

พี่ฮันน่าดูมีเสน่ห์กว่าเมื่อครู่ กระดุมเสื้อเม็ดบนของเธอถูก

ปลดออกสองเม็ด ใบหน้าของเธอก็ดูออกว่าได้รับการแต่ง

หน้ามา

เธอมองรพีพงษ์ด้วยสายตาอ่อนโยนแล้วพูดขึ้นมาว่า “คุณผู้ชาย ฉันมาขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อครู่”

“ไม่จำเป็น” รพีพงษ์เดินตรงไปข้างหน้า

เธอรีบเดินตามมาทันที “คุณผู้ชาย อย่าเฉยชาแบบนี้สิคะ เมื่อครู่ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉันสำนึกผิดแล้ว เพื่อที่จะชดใช้ ความผิดครั้งนี้ ฉันเต็มใจทำทุกอย่างตามที่คุณต้องการ”
“นี่เป็นนามบัตรของฉัน รอให้ฉันเลิกงาน คุณโทรมาได้ นะคะ ฉันจะรีบไปหา เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะทำตามสิ่งที่คุณ บอกทุกอย่างโดยไม่ขัดขืน”

พูดจบ พี่ฮันน่าก็ขยิบตาให้รพีพงษ์ แล้วเดินจากไปด้วยท่า ที่เขินอาย

รพีพงษ์เดินถือนามบัตรไว้แล้วก็เดินตรงออกไปข้างนอก ตอนที่เขาเดินมาถึงหน้าถังขยะ ชายหนุ่มก็มองนามบัตรใน มือแล้วก็เบะปากจากนั้นก็ทิ้งมันลงไปในถังขยะ

หลังจากที่ซื้อสร้อยคอหัวใจวีตัสได้แล้ว รพีพงษ์ก็ไม่ได้ ๘ๆ กลับไปที่บ้านทันที แต่เข้านั่งแท็กซี่ไปยังสถานบันเทิงสตาร์ กาย ที่อยู่ในเมืองริเวอร์

สถานบันเทิงสตาร์กายเป็นสถานบันเทิงที่มีชื่อเสียงมาก ในเมืองริเวอร์ที่นี่ได้รับการขนานนามว่าสวรรค์ของบรรดา หนุ่มๆ ไม่ว่าวัยรุ่นหรือวัยทำงานที่รู้สึกเหงาหรือเปล่าเปลี่ยว ใจในยามค่ำคืน ก็มักจะมาที่นี่เพื่อคลายความเหงา

สถานที่แห่งนี้มีชื่อเสียงด้านสาวงาม แต่นั่นก็เป็นเพียงเห ตุผลรอง เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้สถานที่แห่งนี้มีชื่อเสียงก็คือที่ นี่เป็นของไตรทศหนึ่งในสามของราชาใต้ดินที่มีชื่อเสียงแห่ง เมืองริเวอร์

ไตรทศ เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วง ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาเป็นผู้ที่มีความสามารถในการต่อสู้ อีกทั้งยังมีอำนาจ เขาคนเดียวสามารถต่อกรกับชายนับสิบซึ่งแข็ง แกร่งกว่าเขาได้

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไตรทศอาศัยสองมือของตัวเอง จนได้เป็นราชาใต้ดินแห่งเมืองริเวอร์เขามีลูกน้องที่ภักดีอยู่ ในกำมือจำนวนมาก

ราชาที่เหลืออีกสองคน ก็คือ พิชญตม์และอินทัช ยังต้อง เกรงกลัวอำนาจของเขา

รพีพงษ์เดินมาถึงหน้าประตูสถานบันเทิงสตาร์กาย จู่ๆ ก็ มีชายร่างกายกำยำสองคนมากันตัวเขาไว้

“ไอ้เด็กน้อย ทำอะไร ไม่เห็นเหรอว่าร้านยังไม่เปิด รีบ ใสหัวไปซะ อย่ามายุ่งเวลาเล่นมือถือของฉัน” ชายร่างกำยำ เอ่ยขึ้นมา

รพีพงษ์ปรายตามองทั้งสองคน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็น ยะเยือก “เรียกไตรทศออกมาพบฉัน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท