พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 28

บทที่ 28

บทที่ 28 ให้เขาขึ้นมานอนบนเตียง

รพีพงษ์ อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าเบา ๆ เมื่อมองไปยัง ศศินัดดา ที่ทำท่าราวกับว่ากำลังจะเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ขึ้น

แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ก็แค่โทรทัศน์เครื่องเดียวเท่านั้น ปกติเขาก็ไม่ค่อยได้ดูอยู่แล้ว อีกอย่างถ้าเขาอยากจะเอา ของจากร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าย้ายมาไว้ที่นี่หมดเลยก็ยังได้

ในตอนนั้นเอง อารียา ก็เดินเข้ามา ศศินัดดา จึงรีบตรง เข้าไปต้อนรับเธอพร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว

” ลูกสาวจ๊ะ ลูกดีกับพวกเรามากเลย ลูกซื้อโทรทัศน์รา คาตั้งแพงขนาดนี้ให้พ่อกับแม่ พ่อกับแม่มีความสุขมาก ๆ เละจ้ะ ” ศศินัดดา พูดขึ้น

” ใช่ ๆ ลูกสาวของเรานี่มีอนาคตกว้างไกลจริง ๆ พวกเรา ในฐานะพ่อแม่รู้สึกยินดีมาก ๆ เลยล่ะ ” ศักดา พูดต่อ

อารียา งงไปหมด โทรทัศน์เครื่องนี้เธอไม่ได้เป็นคนซื้อ ด้วยซ้ำ

” แม่คะ..” อารียากำลังจะอธิบาย

” ลูกจะ แม่รู้นะว่าลูกหวังดี แม่ก็จะไม่เกรงใจความหวังดี %3D ของลูกหรอกจ้ะ นับเป็นโชคดีจริง ๆ ที่มีลูกสาวอย่างหนู ไม่ เหมือนกับขยะไร้ค่าอย่าง รพีพงษ์ ที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยจะทำประโยชน์อะไรให้ครอบครัวเราเลย ”

ศศินัดดา ไม่หยุดให้ อารียา ได้พูดบ้างเธอพูดต่อขึ้นมา ทันทีว่า ” ลูกซื้อโทรทัศน์แพงขนาดนี้ให้เรา หลังจากนี้ห้าม ให้ รพีพงษ์ แตะนะลูก ถ้าอยู่ ๆ มันทำพังขึ้นมา แม่คงปวด ใจไม่น้อย ”

” แม่คะแต่โทรทัศน์เครื่องนี้….. “อารียา เริ่มร้อนรนขึ้น มา โทรทัศน์เครื่องนี้ รพีพงษ์ เป็นคนซื้อ ถ้าไม่ให้เขาแตะ ต้องเลย มันจะไม่เป็นการรังแกกันเกินไปหน่อยรึไง

” พอแล้ว แคลร์ ความหวังดีของลูกแม่เข้าใจดี ไม่ต้องพูด แล้ว เดี๋ยวแม่กับพ่อขอดูโทรทัศน์ก่อน ลูกกลับห้องไปพัก ผ่อนเถอะ ” ศศินัดดา ไม่เปิดโอกาสให้ อารียา พูดเลยแม้ แต่นิดเดียว

หลังจากนั้นเธอก็ยังหันหน้าไปจ้อง รพีพงษ์ ก่อนจะพิ่ม พำขึ้นว่า ” แกนี่มันก็ขยะจริง ๆ ลูกสาวฉันดีเลิศขนาดนี้ ทำไมต้องมาแต่งงานกับขยะแบบแกด้วยนะ ”

อารียา มองไปที่ รพีพงษ์ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำขอ

โทษ

รพีพงษ์ ยิ้มให้เธอเบา ๆ แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ติดใจ

อะไร ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” กลับห้องกันเถอะ ” พอถึงห้อง อารียา เม้มริมฝีปากของเธอแน่น พลางมองไปที่ รพีพงษ์ ด้วยใบหน้ารู้สึกผิด ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” ขอโทษ ด้วยนะ แม่ฉันก็เป็นแบบนี้ตลอด โทรทัศน์เครื่องนั้นคุณเป็น คนซื้อมาแท้ ๆ ”

“ไม่เป็นไรหรอก ใครซื้อมาก็เหมือนกันนั่นล่ะ เรื่องเล็ก น้อยแบบนี้อย่าเก็บมาใส่ใจเลย ” รพีพงษ์ ตอบ

หลังจากนั้นเขาก็เดินไปปูที่นอนลงบนพื้น

” ขอบคุณนะ” ครั้งนี้ อารียา เอ่ยขอบคุณ รพีพงษ์ จาก ใจจริง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา รพีพงษ์ ช่วยเหลือเธอมามา กมายเหลือเกิน อีกทั้งพวกเขาก็ทำงานกันอย่างหนักโดยที่ ไม่มีความไม่พอใจใด ๆ เกิดขึ้นด้วย

เธอเห็นท่าทางของ รพีพงษ์ ที่แสดงออกมาได้ไม่เลวจึงคิด ในใจว่า หรือว่า….จะให้เขาขึ้นมานอนบนเตียงดีนะ ?

พอคิดถึงตรงนี้ หัวใจเธอก็เต้นเร็วขึ้น แถมหน้าของเธอก็ แดงกำขึ้นมาทันที

ถ้าเขาขึ้นมานอนบนเตียง เขาจะลงไม้ลงมืออะไรกับฉันมั้ย

พอถึงตอนนั้นถ้าเขาทนไม่ไหวจริง ๆ แล้วจับฉัน…

อย่างนั้นรอต่อไปอีกหน่อยดีกว่า ถ้าวันไหนที่เขาทนไม่ ไหวจริง ๆ ก็คงปีนขึ้นเตียงมาเองแหละ

แต่งงานกันก็นานแล้ว ถ้าหากว่าเขาต้องการจริง ๆ ก็ไม่

นะใช่ว่าจะให้ไม่ได้…

หลังจากที่คิดเรื่อยเปื่อยไปสักพัก อารียา ก็ล้มตัวลงบน เตียง ไม่ทันไรก็พล่อยหลับไป

เช้าวันต่อมา รพีพงษ์ พา อารียา ไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉัตร

มงคล เพื่อบอก นภทีป์ เรื่องของ ธายุกร ขณะที่ทั้งสองคนเดินมาถึงด้านหน้าของเขตชุมชน รพีพงษ์

ก็เดินไปที่ร้านขาย แป้งทอดใส่ไข่ อีกครั้ง

” เถ้าแก่ เอา แป้งทอดใส่ไข่ สองอัน ” รพีพงษ์ บอกกับ

คนขาย

ชายวัยคนยิ้มพร้อมกับพยักหน้า หลังจากนั้นก็เริ่มลงมือ

” เรื่องเมื่อวานนี้ขอบคุณ คุณมาก ๆ เลยนะ ” รพีพงษ์

ทำ

พูดขึ้น

” ไม่เป็นไรหรอก พวกคุณสามีภรรยาดูรักกันมาก ผมก็ไม่ อยากให้มันเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ” ชายวัยกลางคนตอบกลับ

พร้อมรอยยิ้ม

คุณมองออกว่ามีคนจับตาดูพวกผมอยู่ แสดงว่าคุณ คงไม่ใช่คนธรรมดาใช่มั้ยล่ะ ” รพีพงษ์ เอ่ยปากถาม

ก่อนหน้านี้ที่เจอกันครั้งแรกเขาก็รู้สึกแล้วว่าผู้ชายคนนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ และหลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อวานขึ้นมันยิ่งทำให้เขามั่นใจในความคิดของเขามากกว่าเดิมอีก

” ไม่ธรรมดาอะไรกันล่ะ ผมก็แค่คนขาย แป้งทอดใส่ไข่ แค่นั้นเอง ” ชายวัยกลางคนตอบกลับ

พอเห็นว่าชายวัยกลางคนนั้นไม่อยากตอบ รพีพงษ์ ก็ไม่

ได้ซักไซร้ต่อ

หลังจากที่รับ แป้งทอดใส่ไข่ มาแล้ว เขาก็บอกลาชายวัย กลางคน พร้อมกับหันหลังกลับไปหา อารียา

แล้วทั้งสองคนก็ตรงไปยังคฤหาสน์ตระกูลฉัตรมงคล

ภายในคฤหาสน์ตระกูลฉัตรมงคล ธายุกร และ ชรินทร์

ทิพย์มาถึงที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้ว

นภทีป์ นั้นยังไม่ลงมาจากชั้นบน ทั้งสองคนก็กำลังกระซิ

บกันอยู่เบา ๆ ว่า

พี่ พี่แน่ใจจริง ๆ ใช่มั้ยว่าเมื่อวานนี้ อารียา โดนอิน ทัช…ไปแล้วน่ะ ” ชรินทร์ทิพย์เอ่ยปากถามขึ้น

” เรื่องนี้นี่ไม่ต้องสงสัยเลย ถึงแม้ว่าเมื่อวานจะมีข้อผิด พลาดนิดหน่อย ตรงที่ถูกไอ้โง่ รพีพงษ์ นั่นมันดูออกว่ามียา ในเหล้า แต่หลังจากนั้นอินทัช ก็โผล่ออกมาด้วยตัวเองเลย แล้วมีเหรอที่ขยะอย่าง รพีพงษ์นะจะสู้กับอินทัช ไหว ”
” แล้วเรื่องหลังจากนั้นล่ะ พี่ได้เห็นกับตาตัวเองรึเปล่า ? ” ชรินทร์ทิพย์ยังถามต่อ

” เปล่า หลังจาก มาถึง ฉันก็กลับเลย แต่เธอไม่ต้องสงสัย %3D ในการทำงานของ อินทัช หรอก อีกอย่างถ้ามันไม่สำเร็จละก็ เขาคงโทรมาบอกฉันแล้ว แต่นี่อะไรเมื่อวานทั้งวันไม่โทร มาสักสาย ไม่แน่ว่าจนถึงตอนนี้ก็อาจจะทำอะไรอยู่กับ อารี ยา อยู่ก็ได้นะ ” ตอบกลับ

ทันใดนั้นรอยยิ้มที่น่ากลัวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ ชริน ทร์ทิพย์พร้อมกับที่เธอพูดขึ้นว่า ” อารียา นี่มันเป็นผู้หญิง ขายตัวชัด ๆ แต่งงานกับ รพีพงษ์ มาตั้งนานไม่ยอมให้รพี พงษ์ แตะต้อง แต่พอถึงตอนนี้กลับปล่อยให้อินทัช เล่นด้วย ทั้งคืน ฉันละอยากรู้จริง ๆ ว่าตอนนี้เธอจะรู้สึกยังไง”

” ไม่แน่ว่าเธออาจจะติดใจความรู้สึกแบบนี้ก็ได้นะ อาจ จะเต็มใจที่จะเป็นผู้หญิงเลว ๆ ของอินทัช ” ธายุกร พูดขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มที่น่าสมเพช

หลังจากนั้นไม่นาน นภทีป์ ก็ลงมาจากชันบน ธายุกร และ ชรินทร์ทิพย์ทั้งสองคนก็รีบวิ่งเข้าไปเพื่อจะใส่ร้าย อารียา

ทันที

คุณปู่คะ คุณปู่รู้อะไรมั้ยคะ อารียา ผู้หญิงไร้ยางอาย คนนั้น เพื่อที่จะประจบอินทัช เมื่อคืนนี้เธอไม่ได้กลับมาบ้าน ค่ะ เธอทำให้ตระกูลเราขายหน้ามาก ๆ เลยค่ะ ” ชรินทร์ทิพย์พูดขึ้น

” อย่ามาพูดจาเหลวไหล อารียา เป็นคนยังไงฉันรู้ดี อย่า มาพยายามใส่ร้ายเธอ ” หลังจากที่ นภทีป์ ได้ยิน ชรินทร์ ทิพย์พูดดังนั้นเขาก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาทันที

คุณปู่ครับ ที่ เจน พูดเป็นความจริงนะครับ เมื่อวานนี้ผม เห็นกับตาว่าเธอกับอินทัช ออกไปทานข้าวด้วยกัน ทั้งสอง คนยังพากันพูดถึงเรื่องอย่างว่าด้วยนะครับ แถม อารียา ก็ทำตัวติดกับอินทัช ไม่เลิกอีก ผมเห็นมากับตาตัวเองเลย ครับ ” ธายุกร โกหกขึ้นมาอย่างหน้าไม่อาย

นภทีป์ ตบโต๊ะอย่างแรงพร้อมกับยืนขึ้น

” อะไรนะ ! เธอกล้าทำเรื่องขายหน้าต่อตระกูลฉัตรมงคล แบบนั้นได้ยังไง น่าโมโหจริง ๆ ! บอกให้เธอเข้ามาเจอฉัน เดี๋ยวนี้ ฉันต้องถามเธอด้วยตัวฉันเองให้ชัด ๆ ถ้าเป็นแบบ นั้นจริง ๆ ละก็ เธอจะไม่มีวันได้เหยียบเข้ามาในบ้านของตระ กูลฉัตรมงคล อีกต่อไป ! ”

คุณปู่คะ หลานเกรงว่าตอนนี้ อารียา อาจจะยังไม่ลุก ออกจากเตียงของอินทัช เลยก็ได้นะคะ ” ชรินทร์ทิพย์พูดขึ้น

มือของ นภทีป์ เริ่มสั่น ” ทำไมเธอถึงไปทำเรื่องแบบนี้กับ อินทัช ได้ล่ะ ? ตระกูลฉัตรมงคล เองก็ไม่เคยร่วมมือกับ บริษัทของคนอย่างอินทัช อยู่แล้ว นี่ อารียา กำลังตบหน้า

คนแก่อย่างฉันอยู่รึไง
คุณปู่ลืมเรื่องการจัดนิทรรศการครั้งที่แล้วไปแล้วเห รอครับ คนที่เราจับได้เป็นคนของอินทัช ไงครับ อารียา คงกลัวว่าอินทัช จะกลับมาแก้แค้น เธอเลยจงใจเข้าไป ประจบสอพลอเขาแน่ ๆ ” ธายุกร พูดขึ้นมา ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ทำให้เรื่องครั้งก่อนดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา เลยสักนิด

” เหอะ มันน่าโมโหจริง ๆ ! ” นะที่ ป์ พูดขึ้นน้ำเสียงเต็ม ไปด้วยความโกรธ

และในขณะนั้นเอง แม่บ้านประจำตระกูลฉัตรมงคล ก็วิ่ง เข้ามาพร้อมกับพูดว่า ” คุณท่านคะ อารียา และ รพีพงษ์ ทั้ง สองคนมาขอเข้าพบท่านค่ะ บอกว่ามีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ “

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท