พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 27

บทที่ 27

บทที่ 27 หุบปากเน่า ๆ ของคุณชะ

หลังจากวางสายของ เธียรวิชญ์ แล้ว รพีพงษ์ก็กดโทรออก หาเมฆา ผู้จัดการร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าทันที

” ติดต่อใครครับ ? ” เสียงจากปลายสายที่พูดฟังดูสบาย

” ฉันคือ รพีพงษ์ ” รพีพงษ์ พูดขึ้น

หลังจากนั้นก็มีเสียงเก้าอี้เลื่อน ตามมาด้วยเสียงอันกระ ตือรือร้นของ เมฆา ” คุณรพีเป็นท่านนี่เอง ไม่ทราบว่าท่าน ต้องการอะไรหรือครับ ? ”

เมื่อสักครู่นี้มีสายจาก เธียรวิชญ์ โทรมาหาเขาพร้อมกับ กำชับว่า หากมีคนชื่อ รพีพงษ์ ติดต่อมา ไม่ว่าเรื่องอะไรจะ ต้องตอบตกลงทั้งหมด

ต่อให้จะต้องย้ายของทั้งหมดออกจากร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า เมฆา ก็จะต้องยอม

เมฆา เองก็ไม่ได้โง่เขารู้ดีว่า รพีพงษ์ จะต้องเป็นคนใหญ่ คนโตแน่ ๆ ไม่เช่นนั้น เธียรวิชญ์ คงไม่ต้องโทรศัพท์มาหา เขาด้วยตัวเองหรอก

” ฉันอยู่ที่โซนสามร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า คุณลงมานี่หน่อย รพีพงษ์ พูดจบเขาก็กดวางสาย


หลังจากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่โซนขายโทรทัศน์ พนักงา นขายและ อารียายังคงยืนอยู่ตรงนั้น

สีหน้าของพนักงานขายเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม และสีหน้าของ อารียา ก็มีแต่ความอึดอัดและลำบากใจ

“ยังไง โทรไปยืมเงินใครแล้วเขาไม่ให้ยืมเหรอ ฉันจะบอ กอะไรคุณให้นะถ้าคุณไม่มีปัญญาจะจ่ายก็ไม่ต้องมาเสแสร้ง แกล้งทำ คนแบบคุณนี่มีแต่จะทำให้คนอื่นรังเกียจจริง ๆ ” พนักงานขายพูดขึ้นอย่างไม่เต็มใจ

11 ผมเรียกผู้จัดการของพวกคุณมาแล้ว อีกเดี๋ยวพอเขา มาถึงค่อยว่ากัน ” รพีพงษ์ พูดขึ้นเบา ๆ

พนักงานขายไม่เชื่อคำพูดของ รพีพงษ์ เลยแม้แต่น้อย เธอตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่ดังยิ่งกว่าเดิม ” อย่างคุณเนี่ยนะ ? กล้าจะเรียกผู้จัดการของพวกเรามา ฝันอยู่รีไงนอกจากลูกค้า รายใหญ่แล้ว ผู้จัดการของเราคงไม่ลงมาเสียเวลากับคนจน ๆ อย่างคุณหรอก ”

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงแค่ยืนนิ่ง ๆ อยู่ที่เดิม

หลังจากนั้นไม่ถึงสองนาทีก็มีชายร่างสูงผอมใส่ชุดสูท คนหนึ่งวิ่งเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเขาวิ่งมาที่นี่ด้วยความเร็ว สูงสุดเลยทีเดียว

พนักงานขายเมื่อเห็นผู้จัดการร้านมาที่นี่จริง ๆ ก็แอบรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

แต่ในใจเธอกลับรู้สึกว่านี่สิถือเป็นโอกาสดีของเธอ เพียง แค่เธออธิบายกับผู้จัดการให้ชัดเจนไปเลยว่า รพีพงษ์ ไม่มี เงินจ่ายค่าโทรทัศน์แถมยังทำให้ที่นี่วุ่นวาย ไม่แน่ว่าผู้ จัดการอาจจะชื่นชมเธออีกด้วยก็เป็นได้

” ผู้จัดการคะ ตรงนี้มีคนที่ไม่มีเงินจ่ายค่าสินค้าอยู่ค่ะ แถมยังจะมาพูดอีกว่าตัวเองซื้อไหวให้ฉันจัดการเอาโทร ทัศน์เครื่องละสามหมื่นแปดเครื่องนั้นออกมาค่ะ เขาไม่มีเงิน จะจ่ายเลยอีกทั้งยังทำให้เรื่องวุ่นวายกว่าเดิมอีก แล้วยังบอก ว่าจะเรียกคุณมาที่นี่ด้วยค่ะ ” พอผู้จัดการมาถึงตรงหน้าเธอ ก็รีบพูดขึ้นทันที

” คนไหน ? ” เมฆา ถามขึ้น

พนักงานขายชี้นิ้วไปทาง รพีพงษ์ ก่อนจะตอบว่า ” เขา คนนี้ค่ะ แค่ยาจกคนหนึ่งยังจะมาเสแสร้งอีก ฉันแทบจะทน มองต่อไปไม่ไหวแล้วค่ะ ”

เมฆา เหลือบไปมอง รพีพงษ์ก่อนจะถามว่า ” คุณ

คือ..คุณรพี ? ”

รพีพงษ์ พยักหน้ารับ

” ผู้จัดการคน อย่างเขาเนี่ยคุณจะเรียก คุณ ไปทำไมกันคะ ฉันไม่เรียกเขาให้เข้าไปเอาข้าวของเรามากิน ก็ถือว่าเห็นแก่หน้าเขาขนาดไหนแล้ว ” พนักงานขายพอเห็นผู้จัดการมา เธอก็มีความมั่นใจมากขึ้น คำพูดของเธอยิ่งไม่น่าฟัง มากกว่าเดิมอีก

เมฆา หน้าถอดสี นี่เป็นถึงบุคคลสำคัญของ เธียรวิชญ์ แต่พนักงานขายคนนี้กล้าบอกให้เขามาขอข้าวกิน ช่างพูดไม่ คิดจริง ๆ

เธอหุบปากเน่า ๆ ของเธอไปเลยนะ คุณรพี เป็นคนที่เธอ จะมานินทาว่าร้ายได้รึไง ? ” เมฆา จ้องไปที่พนักงานขาย

เมื่อพนักงานขายเห็นผู้จัดการจู่ ๆ ก็โกรธขึ้นมา ในใจเธอ ก็กระตุกไปเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ดี เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่า เมฆา จะปฏิบัติต่อ รพีพงษ์แบบนี้

ผู้จัดการคะฉัน….”

” คุณจะอะไร คุณไม่มีอะไรที่ต้องพูดแล้ว ” เมฆา ตะคอก

ขึ้นมา

พอถึงตรงนี้พนักงานขายก็พึ่งจะรู้ตัวว่าเธอคงได้ไปยั่วยุ คนใหญ่คนโตเข้าแล้ว

อารียา ที่อยู่ข้าง ๆ มองไปที่ เมฆา อย่างรู้สึกผิด ในตอน แรกเธอนึกว่าผู้จัดการร้านจะรำคาญพวกเธอมากกว่า พนักงานขาย แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่าผู้จัดการร้านมาอยู่

ข้างพวกเธอแทน
เมื่อ เมฆา อบรมสั่งสอนพนักงานของเขาเรียบร้อยแล้ว ก็ รีบหันกลับมาทาง รพีพงษ์ ทันที ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกับใบ หน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพว่า ” ขอโทษจริง ๆ นะครับ พนักงานคนนี้พึ่งมาใหม่กฎเกณฑ์หลาย ๆ ข้อเธอก็ยังไม่เข้า ใจ ได้โปรดให้อภัยเธอด้วยนะครับ ”

” คุณอยากได้โทรทัศน์เครื่องไหน บอกผมได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมให้คนห่อให้พร้อมส่งถึงบ้านเลยครับ ”

รพีพงษ์ ชี้นิ้วไปยังโทรทัศน์เครื่องละสามหมื่นแปดเครื่อง นั้นก่อนจะพูดว่า ” เครื่องนั้นล่ะ ”

เมฆา รีบพยักหน้ารับทันทีพร้อมกับพูดว่า ” ทิ้งที่อยู่ของ

คุณไว้ได้เลยครับ ผมจะให้คนจัดส่งให้เร็วที่สุด ”

รพีพงษ์ จึงส่งที่อยู่ของเขาให้กับ เมฆา

หลังจากที่ เมฆา จดที่อยู่เรียบร้อย เขาก็เงยหน้าขึ้นและ มองไปทาง อารียา ก่อนจะเอ่ยปากชมว่า ” นี่คือภรรยาของ คุณสินะครับ สวยมากจริง ๆ เกรงว่าขนาด ไซซี (หนึ่งในสี่ สาวงามในประวัติศาสตร์จีน) คงเทียบไม่ติดเลยล่ะครับ ”

อารียา รู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่พอฟังแล้วก็รู้สึกดีกว่า มาก เมื่อเทียบกับความอับอายก่อนหน้านี้ที่เธอได้รับ มัน ช่างให้ความรู้สึกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว

รพีพงษ์ ไม่ได้พูดอะไรต่อ ไม่ว่ายังไง เมฆา ก็เป็นแค่เครื่องมือที่เขาจะต้องใช้ก็เท่านั้น ไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำตัว สุภาพกับเขา

“อ๋อใช่ คุณภาพของพนักงานคุณจะต้องได้รับการ ปรับปรุงขึ้นมาใหม่ด้วยนะ ต้องให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็น อันดับหนึ่งเสมอ ถ้าหากพวกเขาดูถูกเหยียดหยามลูกค้าละ ก็อย่าเก็บเอาไว้”

รพีพงษ์ หันกลับมาพูดกับ เมฆา อีกหนึ่งประโยคก่อนที่ จะเดินจากไป

” คุณรพี พูดถูกครับ กลับไปผมจะยกระดับพนักงานใหม่ ทั้งหมด พนักงานคนไหนที่ไม่มีคุณภาพ ผมจะคัดออกให้ หมดเลยครับ ”

รพีพงษ์ พยักหน้ารับ ก่อนจะพา อารียา เดินออกจากร้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า ไป ซึ่งแม้แต่เงินสักสตางค์เดียวเขาก็ไม่ได้

จ่าย

พนักงานขายรู้สึกอับอายและเสียใจกับความคิดของเธอที่ มีต่อ รพีพงษ์ มาก ถ้าหากเธอไม่ทำแบบนั้นไปเรื่องแบบนี้ก็ คงไม่เกิดขึ้น

ไปที่ฝ่ายการเงินรับเงินเดือนเดือนนี้ของคุณแล้วไปซะ

พวกเราที่นี่เก็บคุณไว้ไม่ได้หรอก

เมฆา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังกลับทันที

ขณะที่ รพีพงษ์ กำลังเดินไปบนถนนพร้อมกับ อารียา นั้น เธอหันมองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อน จะถามขึ้นว่า ” ทำไมผู้จัดการคนนั้นเขาไม่เอาเงินจากคุณ ล่ะ ? นั่นมันโทรทัศน์เครื่องละสามหมื่นแปดเชียวนะ ”

” ผมโทรให้เพื่อนผมจ่ายไปก่อนแล้ว เดี๋ยวกลับไปผม ค่อยเอาคืนเขา ” รพีพงษ์ ตอบพร้อมรอยยิ้ม

ในตอนนี้ อารียา ถึงจะพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ ก่อน หน้านี้จากท่าทีที่ผู้จัดการร้านปฏิบัติต่อ รพีพงษ์ ทำให้เธอนึก ว่าเขาเป็นเจ้าของของร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ซะอีก ที่แท้เขาก็ แค่ให้เพื่อนจ่ายเงินให้ก่อน

ทั้งสองคนมาถึงบ้านยังไม่ทันไร โทรทัศน์ที่ซื้อก็ส่งมาถึง แล้ว พร้อมกับมีคนเข้ามาติดตั้งให้อย่างกระตือรือร้น

ศศินัดดาและ ศักดา กลับมาจากทำงานในตอนเย็น พอ เห็นว่าโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นถูกแทนที่ด้วยเครื่องใหม่ พวก เขาสองคนล้วนประหลาดใจ

II นี่มันไม่ใช่โทรทัศน์สุดหรูเครื่องละสามหมื่นแปดนั่นรีไง ทำไมถึงมาตั้งอยู่ที่บ้านเราได้ ? ”

” คงต้องเป็น แคลร์ซื้อเข้ามาอยู่แล้วสิ ดูเหมือนว่าเธอจะ ได้รับผลประโยชน์มากมายจากการจัดนิทรรศการครั้งก่อนนะ ” ศักดา พูดขึ้น

ทั้งคู่พยายามชะโงกดูหน้าโทรทัศน์อย่างระแวดระวังอยู่

นาน

” แคลร์ ของเราอนาคตก้าวไกลมากเลยนะ เธอซื้อโทร ทัศน์ดี ๆ มาให้พวกเราด้วย ต่อไปถ้าอยู่นอกบ้านฉันจะ ชื่นชมลูกสาวของเราให้มากกว่านี้แน่ ๆ ” ใบหน้าของศศินัด %3D ดา เต็มไปด้วยความยินดี

หลังจากนั้นไม่นาน รพีพงษ์ ก็เดินเข้ามาดูผลลัพธ์ของโทร ทัศน์เครื่องนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เขาเดินไปที่หน้าโทรทัศน์ ก่อนจะเปิดมันขึ้นมา

ในขณะที่เขากำลังหยิบรีโมตขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนช่อง ศศินัด ดา ก็พุ่งเข้ามาพร้อมแย่งรีโมตออกไปจากมือเขาทันที

ศศินัดดา จ้องมอง รพีพงษ์ ด้วยหางตาก่อนจะพูดเสีย งดังว่า ” นี่เป็นโทรทัศน์ที่ลูกสาวของเราซื้อมา อีกอย่างมัน ก็แพงมากด้วยนี่ไม่ใช่ของที่แกจะสามารถเอามาดูได้ หลัง จากนี้ถ้าแกอยากจะดูโทรทัศน์ละก็ไปใช้เครื่องเก่านู่น เครื่อง นี้ห้ามแตะต้องเด็ดขาด ! “

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท