พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 40

บทที่ 40

บทที่ 40 สงครามเริ่มขึ้นแล้ว

วีรยุทธเห็นรพีพงษ์ยอมรับ ก็แอบแสยะยิ้มในใจ

“ไอ้รพีพงษ์นี่มันไร้น้ำยาซะจริงๆ รู้อยู่กับใจว่าเรื่องมัน เป็นยังไง แต่ก็ยังพูดคลุมเครืออีก ถึงเขาจะอธิบายจริงๆ ศศินัดดาก็คงจะไม่เชื่ออยู่ดี”

เมื่อตอนกลางวัน เขาคิดวางแผนเพื่อที่จะป้ายสีรพีพงษ์ ให้เป็นแพะรับบาปแทน แบบนี้ล่ะก็ เขาจะได้ไม่ต้องเสียเงิน สักบาทสักสตางค์ แถมยังได้ทีวีเครื่องนั้นเป็นของตัวเองอีก

เดิมทีเขาเตรียมข้อโต้แย้งไว้มากมาย แต่ตอนได้เห็น ปฏิกิริยาตอบสนองของ รพีพงษ์แล้ว เขาคิดว่าคำพูดพวก นั้นก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เท่ากับว่าไอ้ไร้น้ำยานี่มันยอมรับผิด ด้วยตัวเอง

“น้องนัดดา ยิ่งพูดอีกก็ถูกอีก คนประเภทนี้ใจมันลึกเกิน ไป ยังไงก็ให้อยู่ที่นี่ไม่ได้” วีรยุทธเปิดปากพูด

“พี่วี ครั้งนี้ต้องขอบคุณพี่จริงๆนะ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ ฉันก็ คงดูไม่ออกว่ารพีพงษ์ไอ้คนไร้ประโยชน์นี่มันร้ายซะขนาด นี้ ไม่คิดเลยว่ามันจะมาแว้งกัดกันได้” ศศินัดดามองไปทาง วีรยุทธด้วยความซาบซึ้งใจ

” แหมน้องล่ะก็ จะขอบคุณหรือไม่ขอบคุณ ก็ไม่จำเป็น อีกแล้วล่ะ ติดเพียงแค่ทีวีเครื่องนั้นถูกไอ้รพีพงษ์ทำพัง ฉัน ก็ไม่รู้จะให้เงินเธอยังไง อีกหน่อยยังต้องหาคนมาซ่อมทีวี เครื่องนั้นอีก คงจะต้องจ่ายอีกไม่น้อย”

วีรยุทธทำหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ พูดราวกับว่าศศินัดดาต้อง

ให้เงินเขาอีก

ศศินัดดาได้ยินวีรยุทธก็ไม่คิดจะให้เงินอีก ความซาบซึ้งใจเมื่อครู่สลายหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ที่วีรยุทธพูดก็ถูก เรื่องนี้ไม่ควรให้วีรยุทธรับผิดชอบเรื่องเงิน

เธอโยนความรับผิดชอบทั้งหมดไปที่ รพีพงษ์ ตอนนี้ กลายเป็นว่า รพีพงษ์เป็นคนทำให้เธอเสียเงินไปกว่าสี่หมื่น หยวน

“แกนี่มันไอ้ไร้ประโยชน์ ไม่รู้จักพัฒนาปรับปรุงตัวเอง รู้จักแต่จะมาแว้งกัด ตอนนี้เป็นไงล่ะ ทำให้ฉันเสียเงินไปตั้ง สี่หมื่นหยวน เงินนี้แกจะทำยังไง! ” ศศินัดดาจ้องรพีพงษ์ ตาถลึง

“ผมไม่ได้เป็นคนทำทีวีพัง หรือจะพูดว่า ทีวีมันไม่ได้พัง ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” รพีพงษ์พูดเรียบๆ

“แกหมายความว่ายังไง แกหาว่าฉันโกหกหรอ ฉันอายุปูน นี้แล้ว จำเป็นต้องมาโกหกเพียงเพราะแค่เงินสี่หมื่นหยวน หรือไง น้องนัดดาถ้าสงสัยฉันล่ะก็ ไปบ้านฉันด้วยกันตอน นี้เลย เราไปดูให้เห็นมันกับตาว่าทีวีมันพังหรือไม่พัง! “วีร ยุทธพูดกระโชกโฮกฮาก

ศศินัดดาเห็นวีรยุทธโมโห ก็รีบพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี “พี่วี อย่าโกรธเลยนะ ไอ้รพีพงษ์คนพิการทางสมองนี่มัน เป็นคนยังไงพี่ก็รู้ อย่าลดตัวลงไปต่อปากต่อคำกับมันเลย แค่พี่พูดฉันก็เชื่อแล้ว”

วีรยุทธส่งเสียงหีในลำคอ พลางสะบัดมือ พูดเสียงเย็น “อย่างนั้นฉันก็คงต้องขอตัวก่อนล่ะ ถ้าพวกเธอไม่เชื่อล่ะก็ อยากจะไปดูที่บ้านฉันเมื่อไหร่ก็เชิญ ถ้าขืนฉันอยู่ต่อไป ไม่รู้ว่าจะมายัดข้อหาอะไรให้ฉันอีก”

พูดจบ วีรยุทธก็หมุนตัวเดินออกไปจากบ้านของศศิ นัดดา ด้วยท่าทางราวกับเสียใจที่ถูกใส่ร้าย
ศศินัดดาเองก็รีบเดินตามไปส่ง ปากพูดเอาใจไม่หยุด จริงๆแล้วในใจเธอก็แอบสงสัยว่าเป็นเพราะวีรยุทธไม่ อยากให้เงิน ก็เลยตั้งใจพูดแบบนี้

แต่เธอเป็นคนรักษาข้าตา ยังไงก็ไม่สามารถว่าญาติตัว เองซึ่งๆหน้าได้

อีกทั้ง เทียบกับความสงสัยที่มีต่อวีรยุทธ แล้ว เธอยอมที่ จะเชื่อมากกว่าว่ารพีพงษ์เป็นเนรคุณ

หลังจากที่ส่งวีรยุทธเรียบร้อยแล้ว ศศินัดดาปิดประตู บ้าน มองไปทางรพีพงษ์ด้วยความโกรธเกลียดเต็มประดา

“แกทำให้ฉันสูญเงินตั้งสี่หมื่นหยวน เรื่องนี้จะปล่อยไปไม่ ได้ แถมแกยังมากินมานอนบ้านฉันนานเป็นปีๆขนาดนี้ รวมๆแล้วแกต้องจ่ายเงินให้ฉันทั้งหมด สองแสนหยวน หย่า กับแคลร์ของฉัน จากนั้นก็ไสหัวออกไปจากบ้านฉัน” ศศิ นัดดาพูดอย่างไร้เยื่อใย

อารียารีโต้กลับ “แม่ แม่ไม่คิดว่ามันมีอะไรแปลกๆหรอ เรื่องที่รพีพงษ์จะไปถวงเงิน เขาบอกหนูไว้ก่อนแล้ว เป็นไป ไม่ได้ที่เขาอยากจะหุบเงินแม่ไว้ แม่ก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าอาวี เป็น คนยังไง ทำไมแม่ถึงต้องสงสัยรพีพงษ์ด้วย”

“แคลร์ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ไอ้หมอนี่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร ปอดแหก แต่จริงๆแล้วในใจมันคิดยังไงใครจะไปรู้ เงินตั้งสี่ หมื่นหยวนเลยนะลูก ลูกคงจะไม่ได้อยากให้แม่ไปดูที่บ้าน อาวี จริงๆใช่ไหม เงินนี้ยังไงรพีพงษ์ก็ต้องหามาคืน”

อารียารู้สึกผิดแทนรพีพงษ์อย่างหาอะไรมาเปรียบไม่ได้

เธอเองเพิ่งเข้าใจว่ากี่ปีมานี้รพีพงษ์ต้องทนกับอะไรมาบ้าง “ทีวีเครื่องนั้นรพีพงษ์เป็นคนซื้อ ถึงเขาจะเป็นคนทำพัง จริงๆ เขาก็ไม่จำเป็นต้องชดใช้อะไร” อารียาพูดด้วยความโมโห

ศศินัดดาทำหน้าดูถูกเหยียดยาม พลางพูด “แคลร์ ถึงลูก จะอยากพูดแทนเขา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องโกหกแม่หรอก รพี พงษ์กี่ปีมานี้กินแต่ข้าวบ้านเรา เขาจะมีเงินซื้อทีวีที่แพง ขนาดนี้ได้ยังไง คงจะให้ลูกควักแทนมากกว่า”

อารียาเริ่มรู้สึกว่าศศินัดดาพยายามหาเรื่องโดยไร้

เหตุผล ไม่ว่าเธอจะพูดยังไง เกรงว่าศศินัดดาก็จะยังโยน เรื่องนี้ให้รพีพงษ์อยู่ดี ศศินัดดาหันไปทางรพีพงษ์ พลางพูด “แกนี่มันไร้ ประโยชน์ซะยิ่งกว่าสัตว์จริงๆ เรื่องเกิดแล้วยังจะให้ลูกสาว

ฉันรับหน้าแทนอีก ถ้าแกมีเงินซื้อทีวีราคาแพงขนาดนี้จริงๆ

ล่ะก็ ลูกสาวฉันคงไม่ต้องมาทนลำบากไปกับแกแบบนี้

“เงินพวกนั้น ผมจะหามาคืนให้” รพีพงษ์เอ่ยปาก

ศศินัดดาเบ้ปาก พูด “อย่ามาทำเป็นพูดอวดดีไปหน่อย เลย แกมีดีแค่ไหนกันเชียว วีรยุทธขึ้นชื่อว่าลื่นซะยิ่งกว่า ปลาไหลถ้าแกเอาเงินคืนจากเขามาได้ พระอาทิตย์คงจะ ขึ้นทางทิศตะวันตกแน่ล่ะ”

รพีพงษ์ได้แต่เงียบกับอารียา ศศินัดดารู้ทั้งรู้ว่าไอ้วีรยุทธ นี่มันปลิ้นปล้อนแค่ไหน แล้วยังจะพูดแทนเขาอีก นี่สินะที่ เรียกว่าถึงจะตายก็ขอรักษาหน้าไว้ก่อน

“เรื่องจะไปถวงเงิน แกเป็นคนพูดเองนะ ถ้าเอาคืนมาไม่ ได้ล่ะก็ แกไม่ต้องมากินข้าวบ้านนี้อีก แล้วฉันจะให้แกหย่า กับแคลร์คอยดู!

ศศินัดดาพูดอีกประโยค ก่อนที่จะหมุนตัวเดินเข้าห้องไป ศักดาเองก็มองไปทางพวกเขาอย่างลำบากใจ ก่อนจะ

ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเดินตามเข้าห้องไป
ไม่ว่าเมื่อไหร่ เขาก็ทำได้แค่ถอนหายใจเท่านั้น เปรียบ เทียมกับรพีพงษ์แล้ว เขาต่างหากที่สมควรถูกเรียกว่าหนู ตกถังข้าวสารของจริง

“รพีพงษ์ ขอโทษจริงๆนะ แม่ฉันหัวแข็งมาแต่ไหนแต่ไร แล้ว ฉันเชื่อว่านายไม่ได้เป็นคนทำทีวีพัง อย่าคิดมากเลย นะ” อารียาพูดด้วยความรู้สึกผิดเต็มใบหน้า

รพีพงษ์ยิ้มอ่อนๆ พลางพูด “ไม่เป็นไรหรอก ฉันชินแล้ว

ล่ะ” ไม่รู้ว่าทำไม คำพูดว่าชินแล้ว ที่ออกมาจากปากของรพี พงษ์ ถึงทำให้อารียารู้สึกปวดใจแทน

“เธอก็ไม่ต้องคิดมากแล้วนะ เงินก้อนนี้ฉันจะเอาคืนมาให้ ได้ เธอไม่ต้องกังวลแทนฉันหรอก” รพีพงษ์พูดไปพลางดัน อารียาเข้าห้อง

อารียาเม้มปากเบาๆ ในใจคิด ถ้ามีโอกาสล่ะก็ เธอจะต้อง ทำอะไรชดเชยให้รพีพงษ์ให้ได้

วันต่อมา หลังจากที่ส่งอารียาไปทำงานเรียบร้อยแล้ว รพี พงษ์เองยังไม่ได้กลับไป

เขามาระแวกใกล้ประตูทางเข้าบ้านของวีรยุทธ หลี่ตาม

องเข้าไปข้างในครู่หนึ่ง ก่อนจะควักมือถือออกมาโทรหา

ไตรทศ

“พาคนมาที่เราเจอกันเมื่อวานนี้ วันนี้แหละที่สงครามจะ เริ่มขึ้น”

รพีพงษ์ไม่ใช่คนกระจอกงอกง่อย เขาให้โอกาสวีรยุทธ แล้ว ในเมื่อไม่เห็นค่า ก็คงต้องใช้วิธีที่มันพิเศษขึ้นไปอีกสัก หน่อย

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท