พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 34

บทที่ 34

บทที่ 34 ของขวัญมูลค่าห้าแสนหยวน

ตั้งแต่บุษบากรออกอากาศมา นี่นับเป็นครั้งแรกที่เจอบัญชี ระดับจักรพรรดิ์มหาเศรษฐี เข้ามาที่ช่องของเธอ เธอจึงให้ความสำคัญกับไอดีที่มีชื่อว่าดวงใจตะวันมาก ผู้ หญิงหน้าตาดีอย่างเธอ ถึงจะอยู่ในกลุ่มผู้ประกาศข่าวหญิง

มากมาย ก็นับว่าสวยเป็นอันดับต้นๆ ไอดีดวงใจตะวันนี้ ขอแค่

ให้เป็นผู้ชายเท่านั้น ยังไงเธอก็ไม่มองข้าม

แต่ตั้งแต่ที่ไอดีดวงใจตะวันเข้ามาที่ช่องออกอากาศนี้ มีแค่ กดติดตามเท่านั้น จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ มัน ทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวลไม่น้อย สงสัยว่าไอดีดวงใจตะวันก็แค่ เข้ามาดูเล่นๆเท่านั้นเอง

“พี่ชายดวงใจตะวัน พูดอะไรหน่อยนะค้า บุษดีใจมากเลยที่ พี่มาช่องของฉัน เรามาเป็นเพื่อนกันได้นะคะ” บุษบากรพูดผูก มิตร

ทันทีที่พูดจบ ชั่วพริบตา ยานบินอวกาศก็พุ่งเข้ามาเต็มหน้า จอออกอากาศไปหมด

อีกทั้งจำนวนยานบินอวกาศที่บินว่อนไปมากลางหน้าจอ ทำเอาบุษบากรช็อกค้างไปเลย

ไม่เพียงแค่เธอเท่านั้น ทุกคนที่ชมการออกอากาศอยู่ต่างก็ สะดุ้งตกใจกับการมาอย่างกะทันหันของของขวัญชุดนี้ จนคน จำนวนไม่น้อยแอบคิดว่าตัวเองต้องตาฝาดไปแล้วแน่ๆ

“พระเจ้าช่วย ! ตาฉันไม่ได้บอดใช่ไหม อยู่ๆก็เห็นยานบิน อวกาศเป็นร้อยๆลำบินไปมา”

“นี่มันต้องเป็นภาพหลอนแน่ๆ เป็นไปได้ยังไงที่จะมีคนส่ง ของขวัญได้มากมายมหาศาลขนาดนี้ในครั้งเดียว โทรศัพท์ ฉันต้องไวรัสเข้าเครื่องแน่ๆ”
“โทรศัพท์นายไม่ได้มีไวรัสอะไรทั้งนั้นแหละ ฉันก็เห็น เหมือนกัน ยานบินอวกาศเป็นร้อยๆลำ ยังไงก็มองไม่ผิดโว้ย”

อารียาที่นั่งอยู่ข้างๆบุษบากรเห็นบุษบากรเพื่อนของตัวเองอ ยู่ๆก็สติหลุดไปเรียบร้อย ถามด้วยความสงสัยเปี่ยนล้นบน ใบหน้า “บุษ เธอเป็นอะไรไปน่ะ ยานบินอวกาศนี่มันราคาแพง มากเลยหรอ”

บุษบากรหันขวับไปมองอารียา พูดเสียงสั่น “ยานบินอวกาศ ลำหนึ่งราคาห้าพันหยวน….”

อารียาพยักหน้าหมึกๆ ในใจคิดแพงอยู่เหมือนกันนะเนี่ย แต่

ก็ไม่ได้แพงจนเกินจริง “ผู้ชายคนนี้ส่งมาให้ฉันร้อยลำ ” บุษบากรพูดต่อ

อารียาเบิกตาโตเป็นไข่ห่าน ตามด้วยสีหน้าที่คาดไม่ถึง “ตั้ง ร้อยลำอย่างนั้นหรอ อย่างนั้นก็ห้าแสนหยวนน่ะสิ…”

บุษบากรเองก็ไม่กล้าเชื่อจำนวนที่มากมายขนาดนี้ แต่เบื้อง หลังของเธอก็ถูกเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ยานบินอวกาศหนึ่ง ร้อยลำ ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องโกหก

“พี่ชายดวงใจตะวัน ขอบคุณมากเลยนะคะสำหรับรางวัล พี่ นี่ทำให้ทุกคนประหลาดใจมากๆเลยนะคะ รักพี่มากๆเลยอ่ะ”

ริมฝีปากเล็กๆของบุษบากรยิ้มหวานปานน้ำผึ้ง แทบอยากที่ จะจูบนายดวงใจตะวันอะไรนี่ผ่านหน้าจอสักที่สองที

“พี่ใหญ่สุดยอดไปเลย ของขวัญมูลค่าตั้งห้าแสนหยวน ชาติ นี้ผมยังไม่มีปัญญาหาเงินได้มากขนาดนั้นเลย”

“พี่ชายดวงตะวัน ใจดีสุดๆไปเลย! สุดยอดไม่มีใครเทียบ

ได้!

“สุดยอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ! ! ! ”
“แม่เจ้า ชีวิตคนรวยมันเป็นแบบนี้เองใช่ไหม”

“มาดูให้เห็นกับตา ได้ยินว่ามีคนแจกของขวัญ ยานบิน อวกาศตั้งร้อยลำ เรื่องจริงใช่ไหมเนี่ย”

“โคตรสุดยอด ผมกำลังดูเขาแข่งกันอยู่ อยู่ๆก็เห็นว่ามีคน แจกยานบินอวกาศตั้งร้อยลำ”

“แม่งจะเจ๋งไปแล้ว ผมเพิ่งมาจากช่องสคูดิโอของน้องดา หลา นี่มันเศรษฐีที่ไหนกัน รวยโคตรๆ”

“นี่มันเทพเจ้าชัดๆ..

ช่องของบุษบากรจากเดิมที่มีข้อความอยู่แค่ไม่กี่สิบ ข้อความ ค่อยๆเลื่อนผ่านไปทีละเล็กทีละน้อย แต่อยู่ๆเพราะ ของขวัญจากรพีพงษ์ ทำให้บนหน้าจอออกอากาศ เหมือนกับ ถูกกลุ่มดาวหางขนาดใหญ่พุ่งชน ชุนละมุนวุ่นวายไปหมด

เรื่องของขวัญยานบินอวกาศร้อยลำกลายเป็นกระแสฮือฮา ยกใหญ่ เพียงแค่ชั่วพริบตาสั้นๆเท่านั้น จำนวนผู้เข้าชมช่อง ของบุษบากรกลับเพิ่มขึ้นเป็นแสนๆได้

บุษบากรมองดูจำนวนแฟนคลับในช่องออกอากาศของตัว เองที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าตัวอย่างรวดเร็ว ในใจตื่นเต้นไปหมด ของขวัญที่ดวงใจตะวันให้เธอครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้เธอได้ รับส่วนแบ่งถึงครึ่งหนึ่ง ยังทำให้ช่องออกอากาศของเธอได้รับ ความนิยมมากยิ่งขึ้นไปด้วย

เธอรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าไอดีดวงใจตะวัน คงจะต้องเป็นคุณชายอภิมหาเศรษฐีร้อยล้านพันล้านที่ไหน สักแห่งแน่ๆ ถูกใจเธอ ก็เลยส่งของขวัญให้

ในใจเธอคิดไปไกลถึงขนาดฉากความรักที่จะเกิดขึ้นใน อนาคตระหว่างเธอกับพ่อหนุ่มอภิมหาเศรษฐี

แต่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าของขวัญพวกนี้ คือของขวัญที่รพีพงษ์

ตั้งใจแจกให้อารียาที่อยู่ในหน้าจอ
หลังจากดึงสติตัวเองกลับมา บุษบากรก็รีบกดส่งข้อความ ส่วนตัวหาไอดีดวงใจตะวัน “พี่ชายคะ นี่คือวีแชทของฉัน ไว้ เราคุยกันบ่อยๆนะคะ”

รพีพงษ์กดดูข้อความ แต่กลับไม่สนใจอะไร

เขามองดูข้อความมากมายที่เด้งขึ้นในช่องออกอากาศ ใน ใจแอบรู้สึกตลก ก่อนจะกดปิดช่องออกอากาศไป

บุษบากรเห็นว่าไอดีดวงใจตะวันไม่ได้ตอบข้อความเธอกลับ แถมยังกดออกจากช่องของเธออีกด้วย ทำให้เธอรู้สึกผิดหวัง ไม่น้อย

แต่คิดดูอีกที เขาส่งของขวัญให้เธอมากขนาดนี้ คงต้อง สนใจในตัวเธออย่างแน่นอน

ตอนนี้ไม่สนใจเธอ เดาว่าคงจะยุ่งอยู่ ไม่ทันตอบ

C

คิดไปคิดมาก็ใช่ ระดับอภิมหาเศรษฐีแบบนี้ คงจะตัวยุ่งเป็น เกลียวทุกวัน เดี๋ยวเขาว่างก็คงทักเธอมาเองนั่นแหละ

คิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของบุษบากรก็อดที่จะยิ้มกว้างออก มาไม่ได้ ตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้เจอกับคุณชายอภิมหา เศรษฐีคนนี้

“แคลร์ ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังมีความรักแหละ” บุษบากรม องตาเยิ้มไปทางอารียาเหมือนคนสติไม่สมประกอบ

อารียาหัวเราะขึ้นมา พลางพูด “กับอีตาอภิมหาเศรษฐีที่ส่ง ของขวัญให้เธอน่ะหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ ฉันคิดว่านะ เขาจะต้องเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวของ ฉันแน่ๆ จะต้องมีสักวัน ที่เข้าจะขี่เมฆสายรุ้งมารับฉันไปอยู่ ด้วย” บุษบากรพูดด้วยตาเป็นประกาย

“ถ้าถึงเวลานั้น ฉันก็คงจะต้องไปร่วมโต๊ะรับประทานอาหาร กับเขาสักมื้อซะแล้วล่ะ จะให้เอาเธอไปง่ายๆได้ยังไงกัน” อารียาพูดไปหัวเราะไป

ในใจเธอจริงๆ ก็อดที่จะอิจฉาบุษบากร ไม่ได้ ไม่มีใครเป็น ศัตรูกับเงินทั้งนั้น ถ้าอยู่ๆมีคนให้เงินเธอมากมายขนาดนั้น แน่นอนว่าเธอก็ต้องดีใจมากเหมือนกัน

แต่คิดทบทวนดูแล้ว รพีพงษ์เองก็เคยซื้อสร้อยราคาสี่สิบห้า

ล้านหยวนให้เธอ แพงกว่ายานบินอวกาศพวกนี้ตั้งเยอะ ดังนั้น

เธอไม่อิจฉาหรอก

ถ้าเธอรู้ว่าของขวัญพวกนี้ที่บุษบากรได้รับ จริงๆแล้วก็คือ ของขวัญที่รพีพงษ์ส่งให้เธอ เกรงว่าคงจะตกใจจนปากค้างจน คางร่วงลงไปถึงข้างล่าง

“นับแต่วันนี้ไป ฉันจะเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม รอเจ้า ชายขี่ม้าขาวของฉันมารับ” บุษบากรพูดด้วยสีหน้าเต็มเปี่ยม ไปด้วยความหวัง

“แคลร์ ถ้าถึงเวลาที่เจ้าชายขี่ม้าขาวของฉันปรากฏตัว เธอ ต้องเป็นพยานให้ฉันนะ ตกลงไหม” บุษบากรเปิดปากพูด

อารียาพยักหน้ายิ้มๆ พร้อมตอบกลับ “ได้แน่นอนสิ ฉันเองก็ แอบตื่นเต้นแทนเธอเหมือนกันนะ อยากเห็นจริงๆว่าเจ้าชาย ขี้ม้าขาวของเธอจะหน้าตาเป็นยังไง”

“ฮิฮิ เธออยากดูก็ได้อยู่นะ แต่ว่าห้ามคิดอะไรกับเขาเชียว เขาเป็นของฉัน” บุษบากรพูดอย่างจริงจัง

“วางใจเถอะ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นซะหน่อย ใครจะไปรู้เจ้า ชายขี่ม้าขาวของเธอ อาจจะปาเข้าไปหกสิบกว่าแล้วก็ได้” อารียาหยอกเล่น

“ไปเลย อย่ามาพูดจาเลอะเทอะนะ เจ้าชายขี่ม้าขาวของฉัน น่ะ ต้องหน้าตาหล่อเหลา ไม่ว่าผู้หญิงที่ไหน ก็ต้องอยากได้ไป ครอบครองอย่างแน่นอน ”

พอมาถึงตอนนี้ รพีพงษ์ก็เดินออกมาจาก

ห้อง บุษบากรเห็นรพีพงษ์เดินออกมา ก็รีบเบ้ปากอย่างรังเกียจ พลางพูด “ขัด โชคขัดลาภจริงๆ เพิ่งพูดถึงเจ้าชายขี่ม้าขาวได้ไม่ทันไร ที่ไหนได้ คนไร้น้ำยาก็มาพอดี”

“ฉันว่ารพีพงษ์เขาก็ออกจะดี ไม่แน่ ไม่มีอะไรบกพร่องไป จากเจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอหรอก” อารียา ยิ้มแป้น

“เขาน่ะหรอ เป็นแค่เด็กยกรองเท้าให้เจ้าชายขี่ม้าขาวของ ฉันยังไม่พอเลยด้วยซ้ำ แคลร์ ฉันไม่ได้ว่าเธอนะ แต่เธอแต่ง กับเขาเพราะความจำเป็น สู้ตัดเขาออกตอนที่ยังมีโอกาสดี กว่า ถึงเวลาที่เจ้าชายขี่มาขาวของฉันมา ฉันจะให้เขาช่วยหา ผู้ชายดีๆ ให้เธอสักคน รับรองว่าดีกว่ารพีพงษ์เป็นร้อยเท่า”

รพีพงษ์ฟังออกว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวที่บุษบากรพูดออกมา จากปากก็คือเขาเอง เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าของขวัญที่เขากดๆ ส่งให้ไป จะทำให้บุษบากรคิดไปไกลขนาดนี้

แต่เขาก็ไม่ได้กะที่จะพูดออกมา ไม่รู้ว่าถ้าอีกหน่อยบุษษา กรรู้ว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวในใจเธอก็คือที่เธอด่าว่าเป็นคนเศษ สวะอย่างรพีพงษ์ ผลมันจะออกมาเป็นยังไง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท