พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 44

บทที่ 44

บทที่ 44 ผมไม่โทษคุณที่คุณอีคิวต่ำ

ดวงตาของ เจตนิพัทธ์ เบิกกว้าง รอยยิ้มน่าอึดอัดปรากฏ บนใบหน้าคราหนึ่ง จากนั้นเขาก็อยากจะถอนมือตัวเองออก

ไป

แต่ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ รพีพงษ์ไม่ตั้งใจจะปล่อย เมื่อเห็น ว่าเขาจะถอนออก กลับบีบแน่นขึ้นแทน

ไอ้เด็กนี้ไม่ใช่สวะหรอกเหรอ? ทำไมแรงเยอะขนาดนี้? ช่วงนี้ฉันออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่ง โค้ชในยิมยังแทบจะ แข็งแรงไม่เท่าฉันด้วยซ้ำ

เจตนิพัทธ์ ในใจเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นว่า รพีพงษ์ไม่ยอมปล่อยมือ กำลังคิดจะเริ่มออกแรง อยากจะ ให้บทเรียนรพีพงษ์สักหน่อย

อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน มือของรพี พงษ์ล้วนไม่มีการไม่ตอบสนองใดๆ กลับเป็นมือของเขา ที่ ถูก รพีพงษ์บีบจนยิ่งมายิ่งเจ็บ

เหงื่อเย็นผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเจตนิพัทธ์ มือของเขา ก็เจ็บไม่อาจใช้แรงได้อีก แต่เขาก็ต้องอดทนต่อไป เพื่อให้ ตัวเองดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ถ้าหากให้บุษบากรกับอารียาเห็นว่าอันที่จริงเขาเทียบไม่ ได้แม้แต่สวะชิ้นหนึ่งด้วยซ้ำ นั่นก็เป็นไปได้ว่าน่าอับอาย เกินไปแล้วจริงๆ

รพีพงษ์หัวเราะเยาะในใจ ตั้งแต่แรกเขาก็เดาเอาไว้แล้ว ว่าเจตนิพัทธ์คนนี้จะต้องให้เขาลงจากหลังม้า น่าเสียดาย ที่เขาไม่ให้โอกาสนี้กับ เจตนิพัทธ์

“พวกคุณสองคน ทำไมไม่นั่งลง จะยังจับมือกันเพื่ออะไร?” บุษบากรถามขึ้นประโยคหนึ่งอย่างค่อนข้างแปลก

ใจ

“นั่นสิรพีพงษ์คุณนี่กระตือรือร้นเกินไปแล้ว ถ้าจับต่อไป อีก มือผมคงจะแตกแล้ว” เจตนิพัทธ์ฉวยโอกาสนี้ รีบเอ่ย ประโยคหนึ่ง

รพีพงษ์ด้วยเหตุนี้จึงปล่อยเขา ดูท่าทีของ อารียาก็นั่งลง

แล้ว

เจตนิพัทธ์ ทันใดนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกคราหนึ่ง มือของเขาตอนนี้กลายเป็นสีม่วงหน่อยๆ ซึ่งเป็นอาการของ เลือดไม่ไหลเวียน

ถ้าหากว่าตอนนั้น รพีพงษ์ยังดึงดันจะจับต่อไป มือข้างนี้ ของเขาอาจจะใช้การไม่ได้แล้ว

เจตนิพัทธ์ ไม่มีทางให้บุษบากรกับอารียาเห็นมือข้างนี้ ของเขา เขายื่นเมนูให้ แล้วฉวยโอกาสขณะที่ บุษบากร กำลังสั่งอาหาร ลูบมือของตัวเองอย่างรวดเร็ว

แม่มันเถอะช่างเป็นตัวชั่วร้ายจริงๆ ไอ้เด็กนี่พละกำลังบน มือเยอะมากจริงๆ ดูเหมือนว่าวันนี้ไม่ได้เขาดูสีหน้าสัก หน่อย เขาคงไม่รู้ว่าตัวเองกี่จินกี่เหลี่ยงแล้ว

เจตนิพัทธ์พึมพำอย่างร้ายกาจในใจ กำลังคิดว่าต้องหา โอกาสล้างแค้นคราวนี้ให้ได้

“ใครๆต่างก็บอกว่ารพีพงษ์ได้ชื่อว่าเป็นสวะแห่งเมืองริ เวอร์ วันนี้ได้พบกันครั้งแรก ก็ไม่ได้รู้สึกเหลือทนขนาดนั้น เหมือนที่คนอื่นพูด” เจตนิพัทธ์ แสร้งพูดอย่างใจเย็น

“งั้นคุณก็มองเขาสูงแล้วจริงๆ เขาเป็นได้แค่สวะตั้งแต่หัว จรดเท้า คุณดูสิฉันว่าเขาแบบนี้ เขายังไม่กล้าพูดอะไรเลย” บุษบากรพูดไปพลางเล่นมือถือไปพลาง
“บุษ!” อารียาเรียกเธอเสียงหนึ่งอย่างค่อนข้างหงุดหงิด บุษบากรแลบลิ้นใส่ อารียาแล้วไม่พูดอีก

ทันใดนั้นเจตนิพัทธ์ก็รู้สึกภูมิใจขึ้นมา ในใจคิดว่ารพีพงษ์ คนนี้ประมาณว่าวันวันเอาแต่ทำงานบ้าน พละกำลังจึงมาก ขนาดนี้ นอกจากจุดนี้แล้ว เขาก็เป็นได้แค่สวะไร้ค่าชื้นหนึ่ง

เขาหัวเราะสองเสียง และเปิดปากพูดว่า : “ผมคนนี้เป็นคน พูดตรงๆ คำพูดเมื่อกี้ดูเหมือนจะพูดไม่ถูกอยู่บ้าง หวังว่า คุณจะไม่ถือสานะ”

รพีพงษ์มองเขาแวบหนึ่ง พูดเบาๆว่า : “คุณอีคิวต่ำ ผมไม่ โทษคุณ”

เจตนิพัทธ์ ตกตะลึงทันที บุษบากรกับอารียาทั้งสองคน เพราะประโยคที่จู่ๆก็โพล่งออกมานี้ของ รพีพงษ์ เกือบจะ หลุดเสียงหัวเราะออกมา

เดิมที่เขากำลังคิดจะแสดงต่อ เขาจึงตั้งใจพูดแบบนั้น จากนั้นให้รพีพงษ์ช่องโต้แย้งใดๆก็ยังไม่มี

คิดไม่ถึงว่า รพีพงษ์จะพูดความจริงโต้งๆว่าเขาอีคิวต่ำ จึงทำให้เป็นเขาที่ไม่รู้ว่าจะต่อบทสนทนายังไงแทน

“อะแฮ่ม” เจตนิพัทธ์กระแอมอย่างอึดอัดใจสองเสียง รพี พงษ์ช่างเป็นคนมีอารมณ์ขันจริงๆ”

อารียาหันไปมองรพีพงษ์ยิ้มๆแวบหนึ่ง จู่ๆเธอก็รู้สึกว่า เจตนิพัทธ์ พูดไม่ผิด ผู้ชายคนนี้ ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างมี อารมณ์ขันจริงๆ

“อารียาคุณดูสิว่ามีเมนูที่คุณอยากกินรีเปล่า อาหารหู หนานของที่นี่อร่อยเป็นพิเศษ” เจตนิพัทธ์ไม่อยากจะสนใจ รพีพงษ์สวะตัวนี้อีกต่อไป จึงหันไปคุยกับอารียา
อารียาหรี่ตายิ้มๆ แล้วพูดว่า “ให้บุษสั่งเถอะ เธอกินอะไร ฉันก็กินอันนั้นแหละ”

“คิดไม่ถึงว่าผ่านมานานขนาดนี้ คุณจะยังสบายๆเช่นนี้ อยู่” เจตนิพัทธ์พูดกลั้วหัวเราะ

หลังจากนั้นเขาก็ยื่นเมนูให้ รพีพงษ์แล้วเปิดปากพูดว่า “ลองดูสิว่ามีเมนูที่อยากกินรึเปล่า คิดจะมากินข้าวที่ ภัตตาคารสปริงแยงซีชั้นหก ไม่ใช่จะมาได้ง่ายๆ ผมจองที่ นั่งอยู่นานมากกว่าจะได้ ปกติรพีพงษ์น่าจะยากมากที่จะมา กินข้าวในสถานที่แบบนี้ใช่ไหม คุณต้องคว้าโอกาสเอาไว้ ให้ได้ กินให้เยอะหน่อย” %3D

คำพูดนี้ของเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าการโอ้อวดความสุด ยอดของเขา ภัตตาคารสปริงแยงซีแห่งนี้ไม่ใช่ว่าแกรพี พงษ์ผู้ยากจนเช่นนี้จะมาได้ ให้แกดูเมนูแวบหนึ่ง แล้วให้ ราคาของอาหารเหล่านั้นทำให้แกตกใจตาย

รพีพงษ์แค่รู้สึกว่าเจตนิพัทธ์คนนี้ค่อนข้างน่าเบื่อ แต่ใน เมื่อเขาบอกแล้วว่าให้ตัวเองสั่งอาหาร ถ้าอย่างนั้นตาม ธรรมเนียมแล้วจะเกรงใจไม่ได้

“คุณเลี้ยงใช่ไหม?” รพีพงษ์ถามประโยคหนึ่ง

“ตามธรรมเนียมผมเป็นคนเลี้ยง ปกติคุณน่าจะใช้เงิน ของ อารียาจ่ายทุกอย่างสินะ ให้คุณเลี้ยงก็ไม่สมเหตุสม ผลไปหน่อย” เจตนิพัทธ์กล่าวอย่างจงใจ

รพีพงษ์เม้มปาก จากนั้นก็เรียกบริกรมา และเปิดปากพูด ว่า “อันที่อยู่ในหน้านี้ ยกเว้นปลาตัวนี้ เอามาให้ผมทั้งหมด ชุดหนึ่ง แล้วก็หน้านี้อีก เอาหมดเลย แล้วก็เอาไวน์แดงระ ดับไฮเอนด์มากอีกสองขวด ส่วนอันอื่นเอาไว้ผมอยากได้ แล้วจะเรียกคุณอีกที”
ทุกคนต่างก็อึ้งกับวิธีการสั่งอาหารชนิดนี้ของรพีพงษ์บริ กรยังอ้าปากค้าง เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นการสั่งอาหารอย่าง ถึงใจขนาดนี้

บุษบากรกับ อารียาก็พากันจ้อง รพีพงษ์ด้วยความตกใจ บุษบากรรู้สึกว่ารพีพงษ์สั่งอาหารแบบนี้น่าอับอายเกินไป จริงๆ อย่างกับคนไม่เคยกินงั้นแหละ

แต่ที่อารียารู้สึกได้ก็คือ นี่เป็นความตั้งใจของรพีพงษ์ เขา อยากจะผลักเจตนิพัทธ์ลงหลุม เจตนิพัทธ์เหลือบมองอาหารในเมนูสองหน้านั้นปราดหนึ่ง

ทันใดนั้นก็รู้สึกค่อนข้างเจ็บปวด อาหารสองหน้านี้รวมกัน

เกรงว่าจะมีสองพันหยวน

แต่ก็ยังอยู่ในกรอบความอดทนของเขา นี่ยิ่งทำให้เขา เชื่อว่า รพีพงษ์เป็นแค่คนยากจน ไม่เคยกินอะไรเลย ถึงได้ สั่งอาหารที่ละหน้า

เขาจึงยิ่งดูถูกรพีพงษ์รุนแรงขึ้น รู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คู่ ต่อสู้ของเขาเลยด้วยซ้ำ และอารียาก็คงไม่ชอบคนจนเช่นนี้ แน่นอน

ไม่นานนัก บริกรก็นำอาหารจานเล็กจานใหญ่ขึ้นมาวาง จนเต็มโต๊ะไปหมด

เจตนิพัทธ์ที่รินไวน์ หยิบขึ้นมาและยื่นแก้วให้อารียากับ บุษบากรข้ามรพีพงษ์คนเดียวเท่านั้น

รพีพงษ์ก็ไม่สนใจเช่นกัน หยิบตะเกียบกินอาหาร

บุษบากรอยากให้ รพีพงษ์อับอายมากขึ้น จึงถามว่า: “หัวหน้าห้อง ทำไมคุณไม่ให้เกียรติรพีพงษ์เลยล่ะ?” เจตนิพัทธ์แสร้งทำเป็นนึกอะไรขึ้นได้ทันที รีบหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา และเปิดปากพูดว่า “คุณดูความจำของผมนี่สิ ลืม แล้วว่ารพีพงษ์ยังอยู่ที่นี่ ความรู้สึกถึงการมีอยู่ของเขาต่ำ เกินไปแล้วจริงๆ ถ้าไม่พูด ผมก็แทบจะมองไม่เห็นเขาด้วย

ซ้ำ” บุษบากรหัวเราะเบาๆ แล้วหันไปมอง รพีพงษ์นึกสงสัยว่า เขาจะแก้ไขความลำบากใจนี้ยังไง

สุดท้ายแล้วการเป็นคนที่ถูกเมิน ก็ยังเป็นเรื่องที่ทำให้ ผู้คนรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก ถ้าหากเปลี่ยนเป็นบุษบากร เกรงว่าจะกินอะไรไม่ลงไม่นานแล้ว

ท่าทางของรพีพงษ์ยังคงสงบนิ่งเหมือนเคย เขาเงยหน้า ขึ้น แล้วมอง เจตนิพัทธ์ แวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ชนแก้วกับ เจต นิพัทธ์ จิบไวน์เอง และพูดว่า:

“ไม่เป็นไร คุณสมองไม่ดี สายตาไม่ดี ผมไม่โทษคุณ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท