พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 22

บทที่ 22

บทที่ 22 การกุมอำนาจโลกมืดในเมืองริเวอร์

ในตอนเช้ามืด รพีพงษ์เดินออกมาจากเขตชุมชนเล็ก ๆ หลัง จากนั้นก็ตรงไปยังจุดขายอาหารเช้าที่อยู่ไม่ไกลจากทางเข้า ชุมชน

ะ ตอนนั้นเขาวางแผนว่าจะทำอาหารเช้าแล้ว แต่ ศศินัดดา บอกว่าเธออยากกิน แป้งทอดใส่ไข่ แถมยังให้ รพีพงษ์ ออกมาซื้อให้อีก

ทั้งอาหารสามมื้อต่อวัน ล้างจาน กวาดถู ซักผ้าตลอด หลายปีมานี้ล้วนเป็นงานที่ รพีพงษ์ ต้องทำทั้งหมด จะบอกว่า เขาเป็นเหมือนพ่อบ้านนั่นก็ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงไปสักเท่า ไหร่

ในตอนเช้ารถขายอาหารเช้าคันเล็ก ๆ จะจอดเรียงรา ยกันเต็มไปหมด มีทั้งโรตี ซาลาเปา ปาท่องโก๋ และอื่น ๆ อีกมากมาย

รพีพงษ์ เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าร้านขาย แป้งทอดใส่ไข่ แล้วก็พบว่าเจ้าของร้าน แป้งทอดใส่ไข่ เปลี่ยนคนขายแล้ว

” พี่ชายมาใหม่เหรอ ? ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นคุณเลย ”

รพีพงษ์ เอ่ยปากถาม
แ ใช่แล้วล่ะ พี่สาวคนก่อนเธอเลิกขายไปแล้วน่ะ ผมก็เลย รับช่วงต่อจากเธออีกที ถือว่าได้ทำมาหากิน ” ชายวัยกลาง คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม ” เอา แป้ง ทอด กี่ชิ้น ? ”

” เอามาสามชิ้นละกัน ” รพีพงษ์ ตอบกลับไป

ชายวัยกลางคนเริ่มทำ แป้งทอด ทันที เมื่อ รพีพงษ์ เห็น เทคนิคการทำของเขาแล้วก็หรี่ตาลงเล็กน้อย

หรือว่าจะมองผิดไปนะ ?

ในชั่วขณะที่ชายคนนั้นกำลังจะหยิบไข่ไก่ขึ้นมา รพีพงษ์ นะที่ช บังเอิญสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ บนร่างกายเขา

การเคลื่อนไหวแบบนี้มักมีให้เห็นเฉพาะผู้ที่ฝึกฝนศิลปะ การต่อสู้มาตลอดหลายปีเท่านั้น รพีพงษ์เองก็มีการเคลื่อน ไหวเล็ก ๆ นี้เช่นกัน อีกทั้งมีเพียงผู้ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ มาแล้วจริง ๆ ถึงจะสามารถสังเกตเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ เช่นนี้ได้

เป็นไปได้มั้ยว่าพี่ชายคนนี้จะไม่ใช่แค่คนขาย แป้งทอดใส่ ไข่ แต่อาจเป็นคนมีฝีมือมา ?
รพีพงษ์ รีบพิจารณารอบตัวชายคนนี้ทันที แต่ก็พบว่าลัก ษณะท่าทางของเขาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากคนอื่น ๆ สักเท่า ไหร่ ๆ ไปก็เป็นเพียงคนขาย แป้งทอดใส่ไข่ ธรรมดา ๆ ดู คนหนึ่งเท่านั้น

อีกอย่าง รพีพงษ์เริ่มรู้สึกว่าความคิดของเขามันดูเหลว ไหลเกินไปหน่อย ถ้าเป็นคนมีฝีมือจริง ๆ จะมายืนขาย แป้ง ทอดใส่ไข่ อยู่ตรงนี้ทำไม

อาจจะมองผิดไปจริง ๆ นั่นแหละ

รพีพงษ์ ไม่ได้คิดต่อ หลังจากที่เขายืนรอ แป้งทอดใส่ไข่

เรียบร้อยแล้วก็หันหลังแล้วเดินกลับทันที ในตอนบ่าย รพีพงษ์ เดินออกมาจากบ้านเพียงคนเดียว

แล้วหลังจากนั้นก็เรียกรถไปที่ สถานบันเทิงสตาร์กาย

ภายในห้องห้องหนึ่งใน สถานบันเทิงสตาร์กายนั้นมี ไตรทศนั่งอยู่ข้าง ๆ รพีพงษ์ และกำลังรินเหล้าให้เขาด้วยค วามเคารพ

ไม่ว่าต่อหน้าคนอื่น ไตรทศจะเป็นคนที่เก่งกาจขนาดไหน แต่พออยู่ต่อหน้า รพีพงษ์เขาก็เป็นเพียงคนที่ซื่อสัตย์คนหนึ่งเท่านั้น

ไม่ใช่แค่เพียงเพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีตอนนี้ได้รับ มาจาก รพีพงษ์ แต่มันยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้เขาสู้ รพี พงษ์ไม่ได้

ถ้าเขากล้าที่จะทำตัวประจบประแจงต่อหน้า รพีพงษ์ ละก็ เขาก็อาจจะโดน รพีพงษ์ ตัดหัวออกมาเลยก็เป็นได้

” ช่วงนี้สถานการณ์ในเมืองริเวอร์ เป็นยังไงบ้าง ” รพีพงษ์ จิบเหล้าเบา ๆ แล้วเอ่ยปากถาม

” พี่รพี ด้วยการสนับสนุนของคุณตอนนี้ คนที่สามารถต่อ กรกับเราได้ในเมืองริเวอร์ ก็มีแค่อินทัช กับ พิชญุตม์ เท่านั้น แถมสองคนนี้ยังรู้ดีด้วยว่าผมน่ะชอบต่อสู้ พอเจอหน้ากันที ไรก็พากันหลบตลอด ”

ไตรทศตอบพร้อมกับรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้า

” สิ่งที่ผมบอกคุณในตอนนั้นไม่ใช่แค่เพื่อให้คุณไปต่อสู้ กับอินทัช และ พิชญตม์ เมื่อสามปีก่อนผมบอกให้คุณเริ่มเต เตรียมตัว ตอนนี้คุณคิดว่าคุณเตรียมไปถึงไหนแล้ว ” รพีพงษ์ ถามขึ้นเบา ๆ
สีหน้าของ ไตรทศเปลี่ยนเป็นจริงจังกว่าเดิมก่อนจะพูดขึ้น ว่า ” พี่รพี หรือคุณหมายความว่าเราจะต้องเริ่มลงมือแล้ว ? IT

” พวกคุณทั้งสามใช้เวลาต่อสู้กันนานเกินไปและที่นี่มันก็ สงบนานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้น มาบ้าง หรือตอนนี้คุณคิดว่าคุณมีพลังมากพอที่จะทำให้เกิด พายุในเมืองริเวอร์ได้แล้วรึไง ? ” รพีพงษ์ ถามขึ้น

ไตรทศพยักหน้าอย่างจริงจังก่อนจะพูดขึ้นว่า ” พี่รพีที่ ผมพูดว่าจะต่อสู้กับอินทัช และ พิชญุตม์มันเป็นเพียงแค่ฉาก หน้าเท่านั้น ตั้งแต่ที่คุณสั่งให้ผมเตรียมตัวผมก็ได้เตรียมกา รมาตลอด ถ้าคุณอยากจะเริ่มลงมือละก็แค่ พี่รพี สั่งมาคำ เดียวผมจะพาลูกน้องทั้งหมดไปถล่มเมืองริเวอร์ ให้ราบเป็น หน้ากลองเลย”

รพีพงษ์ พยักหน้าเบา ๆ แต่ภายในดวงตาของเขากลับดู สงบเช่นเคย

” ต่อสู้กับอินทัช และ พิชญุตม์ แค่สองคนมันยังไม่พอ หรอก ฉันต้องการกุมอำนาจโลกมืดทั้งหมดในเมืองริเวอร์ คุณเตรียมตัวไว้เถอะ ช่วงนี้อินทัช อาจจะดูกระสับกระส่าย บ้าง แต่ขอแค่เขาเผยท่าที่ออกมาสักหน่อยละก็ฉันจะกำจัดเขาให้สิ้น

ซากเลย ”

” ครับ พี่รพี ” ไตรทศตอบรับอย่างเด็ดเดี่ยว

เขาไม่เคยสงสัยในการตัดสินใจของ รพีพงษ์มาก่อนเลย และเขาก็ไม่เคยคิดว่ามันเป็นการพูดเกินจริงเกินไปที่ รพี พงษ์ พูดขึ้นมาว่าจะกำจัดอินทัชหนึ่งในสามราชันฟ้าในเมือง

ริเวอร์

โลกมืดในเมืองริเวอร์ ถูกแบ่งสถานะออกเป็นสามสาขา แต่ว่าจากการลงแรงของ รพีพงษ์ ที่รวมเข้ากับการร่วมมือ ของ ไตรทศในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ในตอนนี้อินทัช และ พิชญุตม์ กลายมาเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาไม่ได้แล้ว

รพีพงษ์ ต้องการกำจัดอินทัชไม่ใช่แค่เพียงเพราะเขาต้อ งการจะร่วมมือกับ ธายุกรในการขโมยวัตถุโบราณเท่านั้น แต่ทว่า รพีพงษ์ได้วางแผนทั้งหมดนี้ไว้นานแล้ว

เมืองริเวอร์ ในตอนนี้อาจพูดได้ว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ ของ รพีพงษ์ เลยก็ได้ ถึงแม้ว่าตระกูลลัดดาวัลย์จะส่งคน มาเชิญเขากลับไปในฐานะทายาท แต่เรื่องในปีนี้ทำให้ รพี พงษ์ เข้าใจแล้วว่ามีเพียงผู้ที่กุมอำนาจทุกอย่างไว้ในมือได้แล้ว เท่านั้นถึงจะได้รับความน่าเชื่อถือจริง ๆ IT

ต่อให้ตระกูลลัดดาวัลย์จะยิ่งใหญ่แค่ไหนแต่นั่นก็ไม่ใช่ ของของเขา อีกอย่างเขาก็มีความรู้สึกเล็ก ๆ ว่าจุดประสงค์ ของการที่ตระกูลลัดดาวัลย์ส่งคนมารับเขาในครั้งนี้อาจจะไม่ ใช่เรื่องง่าย ๆ ก็เป็นได้ ”

ดังนั้นเขาจะต้องทำให้เงินทุนในมือของเขาแข็งแกร่งให้ มากพอ และด้วยวิธีการนี้เท่านั้นที่จะช่วยให้เขาจัดกา รกกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้อย่างสงบในอนาคต

ในตอนเย็น รพีพงษ์ไปรับ อารียา หลังเลิกงาน พอถึงด้าน หน้าของเขตชุมชน อารียา ก็บอกว่า แป้งทอดใส่ไข่ เมื่อเช้า นั้นอร่อยมาก และก็อยากให้ รพีพงษ์ ซื้อให้เธออีกสักอัน

รพีพงษ์ เดินไปหยุดตรงหน้าแผงขาย แล้วสั่งชายวัยกลาง คนว่าเอา แป้งทอดใส่ไข่ หนึ่งอัน

นั้นคือภรรยาของคุณเหรอ ? สวยมากเลยนะ” ชายวัย กลางคนพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

ขอบคุณครับ ” รพีพงษ์ ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน

คุณนี่โชคดีมากเลยนะ ได้ภรรยาดีขนาดนี้ต้องทำดีกับ เธอให้มาก ๆ นะรู้มั้ย ” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นมาอย่างทอด ถอนใจ

รพีพงษ์ได้แต่ยิ้ม ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากจ่ายเงิน ๘ ณ เรียบร้อยแล้วเขาก็รับ แป้งทอดใส่ไข่ แล้วเดินจากไป

ไม่ต้องให้ชายวัยกลางคนคนนั้นบอก รพีพงษ์ เองก็รู้ดี ๘ ข เขาจะต้องใช้ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะทำดีต่อ อารียา ให้มาก

ที่สุด

สองวันต่อมา อารียาได้รับคำเชิญจาก ธายุกรโดยที่เขา บอกว่าเขาได้ทำผิดพลาดไปในการจัดนิทรรศการวัตถุ โบราณครั้งก่อน ดังนั้นเขาจึงอยากจะขอโทษ อารียาด้วย การเชิญเธอไปทานอาหารค่ำกับเขา

อารียา คิดไม่ถึงว่า ธายุกร จะเปลี่ยนไป อีกทั้งเขายังเป็น ฝ่ายเข้ามาขอโทษเธอก่อนด้วย

แต่เธอก็ไม่ได้คิดมาก นึกว่า ธายุกร หลงผิดไปแล้วจะกลับ ตัวกลับใจเลยไม่อยากเป็นศัตรูกับเธออีก
ด้าน ธายุกรเองก็ขอให้ อารียาออกไปทานอาหารกับเขา ซ้ำไปซ้ำมา จน อารียาทนการรบเร้าจากธายุกรไม่ไหว ดังนั้น เธอจึงได้ตอบตกลงไปกับเขา ะ

ในตอนเย็นวันนั้น อารียาแต่งหน้าอ่อน ๆ เมื่อเก็บของ เสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็กำลังจะเดินออกไป

พอ รพีพงษ์ เห็นดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามขึ้นว่า ” คุณจะไป

ไหน ? ”

อารียา เล่าเรื่องที่

ธายุกร

ต้องการจะเลี้ยงข้าวเธอเพื่อ

เป็นการขอโทษให้แก่ รพีพงษ์ ฟัง หลังจากนั้น รพีพงษ์ ก็

กลอกตาไปมาแล้วพูดขึ้นว่า ” ผมไปกับคุณดีกว่า ” หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงปฏิเสธ รพีพงษ์ไปตรง ๆ แต่หลัง จากเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้เธอไม่ได้มีความ รู้สึกขัดแย้งต่อ รพีพงษ์ แบบนั้นแล้ว

ก็ได้ ” อารียา พยักหน้ารับ หลังจากนั้นก็เดินออกไป พร้อมกับ รพีพงษ์

เมื่อพวกเขาลงไปถึงชั้นล่าง รพีพงษ์ก็หยิบโทรศัพท์มือถือ ของเขาขึ้นมาและส่งข้อความไปถึง ไตรทศ
” เตรียมการเคลื่อนไหว ”

ขณะที่ทั้งสองเดินออกไปถึงด้านหน้าของเขตชุมชน ทัน ใดนั้น รพีพงษ์ ก็พูดขึ้นว่า ” ผมไปซื้อ แป้งทอดใส่ไข่ สัก หน่อยดีกว่า ธายุกร จะเลี้ยงข้าวคุณ เขาคงไม่มายุ่งกับผม แน่นอน ”

อารียา คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าน่าจะใช่อย่างที่เขาว่าจึงหัน

ไปพยักหน้าให้กับ รพีพงษ์ รพีพงษ์ เดินไปถึงหน้าร้านขาย แป้งทอดใส่ไข่ ก่อนจะสั่ง

กับชายวัยกลางคนว่าเอา แป้งทอดใส่ไข่ หนึ่งชิ้น

ชายวัยกลางคนยื่นแป้งทอดใส่ไข่ ที่ทำเสร็จแล้วให้แก่ รพีพงษ์จากนั้นมองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบเบา ๆ ว่า ” ระวัง ตัวไว้ด้วยนะ ช่วงนี้ดูเหมือนว่าจะมีคนคอยจับตาดูคุณหรือไม่ ก็ภรรยาของคุณอยู่”

รพีพงษ์ ผงะไปชั่วครู่ เขาไม่คาดคิดเลยว่าอยู่ ๆ ชายวัย กลางคนคนนี้จะพูดเรื่องนี้กับเขา

แต่เขาเองก็ไม่ได้ถามอะไรมาก แม้ว่าคำพูดของชายวัย กลางคนจะทำให้ รพีพงษ์ รู้สึกได้ว่าคนคนนี้ต้องไม่ธรรม ดาอย่างแน่นอน แต่เขาก็รู้ว่าทุก ๆ คนล้วนมีความลับกันทั้ง นั้น
เขามีใจที่คิดจะตักเตือนกันแค่นี้ก็เกินพอแล้ว

รพีพงษ์ เริ่มมีความรู้สึกถูกชะตาต่อชายคนนี้ไม่น้อย

” ขอบใจนะ ”

รพีพงษ์ ตอบกลับก่อนจะรับ แป้งทอดใส่ไข่ แล้วเดินจาก

ไป

ณ ร้านอาหารสุดหรูแห่งหนึ่งในเมืองริเวอร์

ธายุกร และ ชรินทร์ทิพย์ นั่งอยู่ด้วยกัน

” พี่ธายุฉันไม่เข้าใจจริง ๆ นะว่าทำไมพี่ถึงต้องเชิญผู้หญิง ชั้นต่ำอย่าง อารียามาทานอาหารเย็นด้วย แล้วยังจะขอโทษ เธออีก พี่เป็นถึงทายาทในอนาคตของตระกูลฉัตรมงคล เลยนะ พี่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจเธอเลยด้วยซ้ำ ” ชรินทร์ทิพย์ พูดขึ้นอย่างไม่ไยดี

ธายุกร แสยะยิ้มขึ้นมาทันทีพร้อมกับพูดว่า ” เธอคิดว่าฉัน ต้องการจะขอโทษ อารียา จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ ฉันก็แค่พ ยายามจะดึงเธอให้ติดกับดักของฉันเท่านั้นแหละ II
” กับดัก ? กับดักอะไรกัน ? ” ดวงตาของ ชรินทร์ทิพย์เบิก

กว้างขึ้นทันที

ธายุกร จึงรีบเล่าแผนการของเขาที่กะว่าจะให้อินทัช จัด การ อารียา ให้เธอฟัง

” พี่ธายุ วิธีการของพี่มันไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยเหรอ ชรินทร์ทิพย์พูดขึ้น

” นี่มันจะไปนับอะไรได้ ใครมันบอกให้ อารียามาเป็นศัตรู กับฉันล่ะ อีกอย่างหลังจากเหตุการณ์คราวที่แล้วคุณปู่ก็ดู จะให้ความสำคัญกับ อารียา มากขึ้นด้วย ถ้าขึ้นยังเป็นแบ

บนี้ต่อไปเธออาจจะเข้ามาแย่งทรัพย์สมบัติไปจากฉันก็ได้ ”

ธายุกร พูดพร้อมกับหัวเราะเยาะ

ใช่ มีแค่ อารียา คนเดียวเท่านั้นที่ได้แต่งงานแล้วเอา สามีเข้าบ้าน เพราะอย่างนั้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาแบ่งสมบัติ ในตระกูลเราได้อีกแล้ว อีกอย่างนะอาจเป็นไปได้ว่า รพีพงษ์ มันต้องการที่จะเข้ามาเอาสมบัติของพวกเรา เลยจงใจใช้ให้ อารียา มาเป็นศัตรูกับเรา เพราะอย่างนั้นนะเราต้องขัดขวา มันทุกวิถีทางอย่าให้มันได้ประสบความสำเร็จ ” ชรินทร์ ทิพย์พูดขึ้นอย่าเด็ดเดี่ยว
” เหอะ ๆ แค่ไอ้โง่คนหนึ่งอย่าง รพีพงษ์ น่ะเหรอ เงินของ ตระกูลฉัตรมงคล สักแดงเดียวฉันก็ไม่มีวันให้มันได้แตะ อีกอย่างถ้าวันนี้มันกล้าตาม อารียา มาละก็ ฉันจะให้มันได้ เห็นความไร้ยางอายของ อารียา ที่อยู่ภายใต้ร่างกายของ พี่ทัช เลยคอยดู ” ธายุกร พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วย ความโหดเหี้ยม

ชรินทร์ทิพย์กลอกตาไปมาแล้วจึงพูดขึ้นว่า ” พอถึงตอน นั้นเราก็ค่อยเปิดโปงเรื่องนี้ออกไป ชีวิตของอารียาจะได้ถูก ทำลายอย่างสมบูรณ์แบบไปเลย เธอก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิง ขายตัวไปตลอดชีวิต แบบนี้ก็ถือว่าเป็นการไล่เธอออกไป จากตระกูลฉัตรมงคล ตรง ๆ เลยด้วย พี่คิดว่ายังไง ? ”

ธายุกรถึงกับชะงักไปชั่วขณะ เขาไม่คิดว่า ชรินทร์ทิพย์ จะโหดเหี้ยมไปกว่าเขาได้ เธอไม่เพียงแค่ต้องการให้อารียา สูญเสียความบริสุทธิ์ไปเท่านั้น แต่เธอยังต้องการที่จะเปิด เผยเรื่องนี้ออกไปอีกด้วย

น้องสาวของฉันนี้รู้จักวางแผนจริง ๆ เลยนะ เอาตามที่ เธอว่าเลยแล้วกัน พอถึงตอนนั้นเราก็เอาเรื่องนี้ไปบอกคุณปู่ บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่รักนวลสงวนตัว ล่อลวงอินทัช ออกไป ให้ชื่อเสียงของ เธอย่อยยับภายใต้ตระกูลฉัตรมงคล นี่แหละ ” ธายุกร พูด ขึ้นอย่างเห็นด้วย

ชรินทร์ทิพย์ยิ้มออกมาด้วยท่าทางราวกับว่ากำลังรอคอย ดูความพินาศของชีวิต อารียา อยู่

” พี่ธายุ ฉันขอตัวก่อนแล้วกันไว้อีกเดี๋ยวถ้าผู้หญิงชั้นต่ำ คนนั้นมาแล้ว วันนี้พี่ต้องให้ พี่ทัช เล่นกับเธอให้สนุกสุด ๆ ไปเลยนะ ” ชรินทร์ทิพย์ยืนขึ้นก่อนจะเดินออกไปข้างจาก ร้านอาหารไป

ธายุกร ยิ้มเยาะขึ้นมาพร้อมกับพูดกับตัวเองเบา ๆ ว่า ” อารียา การที่เธอมาเป็นศัตรูกับฉัน เธอได้รู้ซึ้งถึงผลของมัน ในเร็ว ๆ นี้แน่ แล้วก็ รพีพงษ์ ฉันจะทำให้แกรู้สึกเหมือนตาย ทั้งเป็นเลยล่ะ !”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท