พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 63

บทที่ 63

บทที่ 63 จับมือครั้งแรก

อารียามองไปที่รพีพงษ์ด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย แล้ว พูดว่า “แต่ว่า คนของหมาป่าดำยังคงอยู่ข้างนอก.”

“พวกเขาจะไม่มาหาเรื่องพวกเราอีกแล้ว” รพีพงษ์พูดด้วย

รอยยิ้ม

อารียาชะงักไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่ารพีพงษ์ทำได้อย่างไร แต่ เธอก็ไม่ได้คิดมาก จับมือของรพีพงษ์ไว้ ลุกขึ้นจากโซฟา

เพื่อนสมัยเรียนรอบข้างต่างมองไปที่รพีพงษ์ด้วยสีหน้า สงสัย ไม่เชื่อเลยว่าพวกหมาป่าดำจะไม่มาหาเรื่องอีกแล้ว

“ทุกคนอย่าเชื่อคำพูดของเขาเด็ดขาด เขาต้องการ หลอกล่อพวกเราออกไปอย่างแน่นอน แล้วให้พวกเราถูก หมาป่าสีดำทุบตีเหมือนกับเขา”

“ฉันก็คิดอย่างนั้น หมาป่าดำพูดเมื่อกิ้ว่า เขาจะกลับมา จัดการพวกเรา ตอนนี้จะไม่มาหาเรื่องพวกเราได้ยังไง เขา ต้องโกหกแน่ๆ”

“รพีพงษ์ นายพูดเลย นายได้ตกลงกับหมาป่าดำ เรียบร้อยแล้วใช่ไหม ว่าจะมาหลอกพวกเรา?”

รพีพงษ์ไม่สนใจคนพวกนี้เลย ดึงอารียาเดินออกไปจาก ห้องส่วนตัว

แม้ว่าบุษบากรก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ว่ารพีพงษ์ สามารถ สยบพวกหมาป่าดำได้ แต่เธอก็กัดฟันไว้ลุกขึ้นเดินตามไป

ทั้งสามคนมาถึงระหว่างทางเดิน อารียาและบุษบากร ทั้ง

สอง เมื่อเห็นคนที่ล้มอยู่บนพื้น ต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจ

“ร.รพีพงษ์ พวกเขาถูกคุณต่อยล้มทั้งหมดเลยหรือ?” อารียาถามขึ้น

“ไม่ใช่ สิ ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงล้มลงกับพื้น” รพี พงษ์ทำท่าเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร

“ทำไมพวกนายถึงนอนอยู่กับพื้นเหรอ?” รพีพงษ์ ชำเลือง มองคนที่อยู่บนพื้น ส่งสายตาพิฆาตไปด้วย

คนคนนั้นขนลุกไปหมดแล้ว แล้วรีบพูดว่า “ฉัน…พวก เราเห็นว่าพื้นสกปรกนิดหน่อย เราเลยเช็ดพื้นกัน”

อารียาและบุษบากร ต่างก็แสดงสีหน้าเหมือนถูกทำตัว เป็นคนโง่

รพีพงษ์ยักไหล่ให้ทั้งสอง แล้วพูดว่า “พวกคุณดูสิ พวก เขากำลังถูพื้นอยู่”

พวกเธอสองคนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแค่ขอให้คน ของหมาป่าดำไม่ได้มาหาเรื่องพวกเขา ก็พอแล้ว

พูดถึงแล้ว ทำไมถึงมองไม่เห็นหมาป่าดำล่ะ? หรือว่า หมาป่าดำมีธุระกะทันหัน ออกไปแล้ว พวกเขาจึงได้ปล่อย รพีพงษ์ไป?

เมื่อมาคิดพิจารณาในตอนนี้ ก็มีเพียงคำอธิบายที่สมเหตุ สมผลข้อนี้เท่านั้น

ทางนั้นทำไมถึงมีคนที่หน้าตาเหมือนหัวหมู น่าแปลก

จริงๆเลย

หญิงสาวทั้งสอง สีหน้าต่างเต็มไปด้วยความสงสัย ตาม รพีพงษ์เดินออกไปข้างนอก

พวกเจตนิพัทธ์ เมื่อเห็นว่าพวกรพีพงษ์ออกไปแล้ว ก็ไม่ได้เกิดเรื่องอะไร เลยเดินตามออกไปทางนอกประตูอย่าง ระมัดระวังในทันที

เมื่อพวกเขาเห็นพวกคนที่ล้มนอนอยู่บนพื้น ต่างก็แสดง ความประหลาดใจ

“นี่ ….คงจะไม่ใช่รพีพงษ์ทำนะ?”

รพีพงษ์เก่งมากขนาดนั้นเลยหรือ ถึงว่าทำไมเขาถึงมั่นใจ ไม่เกรงกลัวอะไรเลย”

ลูกน้องที่ล้มลงกับพื้นคนหนึ่ง รู้ดีว่ารพีพงษ์ ไม่ต้องการ ให้คนเหล่านี้รู้ความเก่งกล้าของเขา จึงได้พูดว่า “กรุณา

หลบให้หน่อย อย่ามาขวางพวกเราถูพื้น”

“ที่แท้กำลังถูพื้นนี่เอง ฉันยังคิดว่า คนพวกนี้ถูกรพีพงษ์ ต่อยล้มเสียอีก” ทุกคนต่างโล่งใจ

“จะเป็นไปได้ยังไง ที่ถูกรพีพงษ์ต่อยล้ม เศษสวะอย่าง

เขา มีเพียงโดนต่อยเท่านั้น”

“พวกเราอย่าขวางคนอื่นถูพื้นตรงนี้ดีกว่า รีบไปกันเถอะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวหมาป่าดำพาคนมาอีก เราก็จะซวยแล้ว”

ทุกคนล้วนพยักหน้า รีบเดินออกไปนอก KTV

เจตนิพัทธ์ก็ได้เดินออกจากห้องส่วนตัวเช่นกัน เขาก้ม หน้ามองคนที่อยู่บนพื้นพวกนั้น ในใจก็รู้สึกตกตะลึงมาก เช่นกัน แต่เขาไม่คิดที่จะรอนาน ต้องรีบออกไปโดยเร็ว ที่สุด

และในขณะนี้เอง มือข้างหนึ่งก็คว้าข้อเท้าของเขา กะทันหัน เขาหันหน้ามองไป พบว่าเป็นคนที่มีหน้าตาดู เหมือนหัวหมู

“นาย. นายจะทำอะไร?” เจตนิพัทธ์ถามอย่างประหม่า
“ฉันหานายมีเรื่องจะคุยกันนิดหน่อย ความแค้นในวันนี้ ฉันต้องแก้แค้นแน่นอน!” หมาป่าดำพูด

เจตนิพัทธ์เบิกตากว้างในทันที อุทานอย่างตกตะลึง “คุณ คือหมาป่าดำ?!”

หลังจากออกมาจาก KTV อารียาและบุษบากร ต่างก็ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก วันนี้ในที่สุดก็ปลอดภัยจาก อันตราย ต่อไปอย่ามางานเลี้ยงกับเพื่อนพวกนี้เลยดีกว่า

อารียาเหลือบมองไปที่บุษบากร แล้วถามขึ้น “บุษ คุณจะ กลับไปยังไง?”

“ฉันไปเรียกแท็กซี่แล้วกัน พวกคุณสองคนกลับไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน” บุษบากรเหลือบมองไปที่รพีพงษ์โดยไม่ได้ ตั้งใจ ในแววตามีความผิดหวังเล็กน้อย

ทำไมไอดีดวงใจตะวันดันต้องเป็นนายด้วย ถ้าหากนาย ไม่ได้แต่งงานกับอารี จะดีมากขนาดไหน แม้ว่านายจะเป็น สวะที่คนทั้งเมืองริเวอร์รู้หมด ฉันก็จะเป็นฝ่ายไล่จีบนายเอง บุษบากรจนใจ แม้ว่าเธอจะหลงใหลกับไอดีดวงใจตะวัน แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะแย่งแฟนของเพื่อนสนิท

“นั้นพวกเราก็ไปก่อนนะ คุณระวังความปลอดภัยด้วย” อารียาพูดกับบุษบากรประโยคหนึ่ง แล้วหันกลับไปจับมือ ของรพีพงษ์จากไปเลย

ระหว่างทาง รพีพงษ์มีรอยยิ้มที่แปลกประหลาดมาโดน ตลอด ไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดอะไรอยู่

อารียารู้สึกแปลกๆ เลยถามขึ้น “นายขำอะไรกัน?”

“คุณว่า….นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เราจับมือกันไหม?”
อารียาซะงัก จากนั้นก็รีบก้มหน้ามองอย่างรวดเร็ว พบว่า

มือของเธอยังคงถูกรพีพงษ์จับไว้แน่น และเธอก็ไม่ได้รู้สึก ว่า แบบนี้มีความไม่เหมาะสมยังไง ตอนนี้ได้รับการเตือนจากรพีพงษ์แบบนี้ ใบหน้าของเธอก็

เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในทันที จากนั้นก็จะดึงมือออกจากมือ

ของรพีพงษ์ทันที

รพีพงษ์รีบจับมือของอารียาไว้แน่นในทันที ไม่ให้โอกาส เธอได้หลุดออกเลยแม้แต่น้อย

“คนเลว” อารียาพูดบ่นขึ้น

เมื่อเห็นว่าไม่สามารถหลุดพ้นได้ อารียาก็ยอมแพ้ ปล่อย ให้รพีพงษ์จับไว้แบบนี้

มุมปากของรพีพงษ์ เกิดส่วนโค้งที่เจ้าเล่ห์ คิดในใจว่า โอกาสนั้น ได้มาด้วยจากการต่อสู้ของตัวเองจริงๆ ถ้าขณะ นั้นเขาปล่อยมือไป อยากจะจับมือของอารียาอีก กลัวว่า มันคงจะยากมากแล้ว

ทั้งสองคนเดินบนเส้นทางกลับบ้านแบบนี้เรื่อยๆ ไฟถนน ดึงยาวเงาของทั้งสอง จนถึงตลอดไป

ในบ้าน ศศินัดดากำลังนั่งคุยกับป้าฟางคนเพื่อนบ้าน

เมื่อเห็นอารียากลับมา ศศินัดดาก็รีบดึงอารียาไปทันที แล้วพูดว่า “อารี เข้ามาคุยกับป้าฟางครู่หนึ่ง รพีพงษ์ นาย รีบไปล้างจานในครัวเลย”

ป้าฟางได้โอ้อวดลูกชายของเธอกับศศินัดดาสักพักใหญ่ ในนี้แล้ว ศศินัดดาฟังจนรู้สึกอิจฉาในใจ ตอนนี้อารียากลับ มา เธอจะต้องคว้าโอกาสไว้ ใช้ อารียาโต้กลับครั้งหนึ่ง
รพีพงษ์ก็ไม่ได้พูดอะไร เดินเข้าไปในครัวล้างจานอย่าง รู้ตัว

“คุณคงไม่รู้สินะ ตอนนี้อารีของเรา ได้เป็นผู้บริหารระดับ สูงในบริษัทแล้วนะ แต่ละเดือนมีเงินเดือนหมื่นกว่าแล้ว” ศศินัดดาพูดอย่างภูมิใจ

ป่าฟางเหลือบมองไปทางศศินัดดา พูดเสียงดัง “จริงเห รอ เงินเดือนของมนวรรธน์บ้านเรา ก็ได้แค่หมื่นกว่าเหมือน กัน ตอนนี้อารีเก่งมากขนาดนี้แล้วหรือเนื่ย”

“ก็ทั่วๆไป ช่วงนี้อารีทำผลงานได้ไม่เลว ไม่แน่ท่านปู่นภ ที่ปัของเรา อาจจะเลื่อนตำแหน่งให้อารีก็ได้” ศศินัดดาถ่อม ตัวในปาก แต่การแสดงออกได้ภูมิใจมากถึงขีดสุดแล้ว

“อย่างนั้นก็เยี่ยมมากจริงๆ” สีหน้าของป้าฟางดูไม่พอใจ เล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด

เธอกลอกตาแล้วถามต่อ “อารี เงินเดือนของเธอสูงมาก ขนาดนี้แล้ว คิดที่จะซื้อรถคันหนึ่งไหม มนวรรธน์บ้านเรา ก่อนหน้านี้ไม่นาน เพิ่งซื้อมาคันหนึ่ง สองแสนกว่าหยวนนะ เหมือนจะเรียกคัมรี่อะไรสักอย่าง เราก็ไม่รู้เรื่อง แต่รถคัน นั้นดีมากจริง”

“ฉันเห็นว่าเธอให้รพีพงษ์นั่งรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าส่งเธอ ไปทำงานทุกวัน ต้องเหนื่อยมากแค่ไหน เมื่อไหร่จะซื้อรถ คันหนึ่งขับล่ะ”

อารียารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ตอนนี้เงินเดือนของเธอมีหมื่น กว่าจริงๆ แต่เธอได้รับการเลื่อนตำแหน่งไม่นานนัก ไม่มี เงินออมเลยสักนิด จะสามารถซื้อรถสองแสนกว่าไหวได้ อย่างไร

ศศินัดดาก็รู้สถานการณ์นี้ดี ดังนั้นความภาคภูมิใจในเมื่อครู่ ก็จางหายไปหมดแล้ว

“เรื่องของการซื้อรถ ยังคงต้องคิดพิจารณาอย่าง รอบคอบ ฉันว่าตอนนี้ให้รพีพงษ์ส่งอารีไปทำงานทุกวันก็ดี อยู่แล้ว ยังไงคนที่เหนื่อยคือรพีพงษ์ ไม่ใช่อารีเสียหน่อย” ศศินัดดาพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาใบหน้าของเธอ

“ป้าฟาง ฉันเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งไม่นาน เงินใช้ จ่ายในครอบครัวหมดแล้ว เรื่องการซื้อรถ ไว้พูดคุยในภาย หลังดีกว่า” อารียาอธิบาย

เมื่อเห็นพวกเธอทั้งสองพูดแบบนี้สี สีหน้าของป้าฟางก็ กลับมาภูมิใจอีกครั้ง สีหน้านั้นเหมือนจะบอกว่า บ้านเธอซื้อ ไม่ไหว บ้านฉันสามารถซื้อได้ ลูกชายของฉันเก่งไหม!

“ของอย่างรถยนต์ ซื้อโดยเร็วจะดีกว่า หลังจากที่ซื้อรถ แล้ว พวกเธอจะรู้ว่า มีรถนั้นสะดวกมากจริงๆ” ป้าฟางเอ่ย ขึ้น

ในตอนนี้ รพีพงษ์ล้างจานเสร็จเดินออกมา ศศินัดดา ได้ เห็นรพีพงษ์ ก็พูดทันทีว่า “เฮ้ ที่จริงเราวางแผนจะซื้อรถไว้ นานแล้ว ต้องโทษรพิพงษ์ไอ้สวะนี้ทั้งหมด ก่อนหน้านี้ไม่ นาน ทำทีวีราคาสี่หมื่นกว่าของพี่วีเสีย ชุดใช้ไปไม่น้อย ไม่อย่างนั้น เราก็ได้ซื้อรถแล้ว”

รพีพงษ์ได้ยินศศินัดดาพูดแบบนี้ แล้วพูดว่า “ตอนนี้เราก็ สามารถซื้อได้”

ศศินัดดารีบจ้องเขม็งในทันที โดยคิดในใจว่า ตัวเองกว่า จะหาเหตุผลหนึ่งได้ มาปกปิดความจริงที่ว่า บ้านของเธอ ซื้อรถไม่ไหว ไม่คาดคิดว่า รพีพงษ์จะเปิดเผยอีกครั้ง

ซื้อตอนนี้ได้อย่างไร? ขายนายรพีพงษ์หรือ? คำพูดที่ นายพูดออกไปในตอนนี้ ถึงเวลานั้น ไม่สามารถซื้อรถได้ยิ่งจะทำให้ป้าฟางหัวเราะเยาะ ศศินัดดาระเบิดไฟโกรธใน ใจหนัก แทบจะกินรพีพงษ์เข้าไป

“นายพูดเรื่องเหลวไหลอะไรที่นี่ รีบไสหัวไปที่อื่น ที่นี่นาย ไม่มีสิทธิ์พูด!” ศศินัดดาตะโกนว่า

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท