บทที่62 นายอยากตายใช่ไหม
ทั้งอารียาและบุษบากรต่างหวาดกลัวเล็กน้อย ไม่คาด คิดว่าหมาป่าดำนี้ จะใจกล้ามากขนาดนี้ คิดอุบายมาถึง ตัวพวกเธอ
อารียาขยับไปทางรพีพงษ์เล็กน้อย ในเวลานี้ มีเพียง รพีพงษ์เท่านั้น ที่สามารถให้ความรู้สึกปลอดภัยแก่เธอได้
มากพอ
บุษบากรเองก็อยากที่จะขยับไปทางรพีพงษ์โดยไม่รู้ตัว แต่พอนึกถึงท่าทีของรพีพงษ์ที่มีต่อเธอ เธอก็ทำได้แค่ยืน นิ่งๆอยู่กับที่แล้ว
เจตนิพัทธ์เองก็ไม่ได้คาดคิดว่า หมาป่าดำจะคิดอุบาย ไปถึงตัวอารียาและบุษบากร เดิมทีเขาเพียงแค่อยากหา แพะรับบาป ให้รพีพงษ์มาปวดหัวกับเรื่องนี้
แต่เรื่องกลายเป็นเช่นนี้ มันไม่ใช่เขาที่สามารถจะ ควบคุมได้อีกต่อไป ถ้าหากอารียาถูกหมาป่าดำย่ำยีทำลายจริงๆ เขาก็ไม่มี
วิธีอะไรทั้งนั้น
และในความคิดของเขาแล้ว แม้ว่าอารียาจะถูกหมาป่า
ดำมันย่ำยี ก็ยังดีกว่ามอบให้รพีพงษ์นายเศษสวะนั้น “อย่าเงียบสิ ชื่อเสียงของฉัน หมาป่าดำ อยู่ในละแวกนี้ เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งต่อสายตาของทุกคน ไม่เชื่อพวก
เธอไปสอบถามได้ นอนกับฉัน พวกเธอไม่ขาดทุนหรอก”
หมาป่าดำพูดยิ้มขึ้น
รพีพงษ์ลุกขึ้นยืนจากโซฟาทันที พูดอย่างเย็นชา “นายอยากตายใช่ไหม?”
คนรอบข้างได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ที่มีต่อหมาป่าดำ ต่างก็รู้สึกหัวใจกระตุกสั่นเล็กน้อย
“นายบ้าไปแล้วเหรอ? นั่นคือหมาป่าดำเลยนะ นายกล้า พูดกับเขาด้วยท่าที่อย่างนี้ได้อย่างไร?”
“คนที่อยากตายคือนาย นายยังไม่รีบขอโทษกับเขา โดยเร็ว มิฉะนั้นวันนี้พวกเราจะต้องเดือดร้อนเพราะนาย ทั้งหมด”
“เป็นไอ้สมองพิการจริงๆ ถึงเวลานี้แล้ว ยังไม่พูดจากับ เขาดีๆ ยังมาแกล้งทำเป็นอวดเก่งอีกด้วย”
หลังจากที่เจตนิพัทธ์ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ในใจก็ หัวเราะเยาะเหมือนกัน คิดในใจว่า รพีพงษ์แกว่งเท้าหา เสี้ยน รนหาที่ตายจริงๆ หากหมาป่าดำสามารถช่วยเขา กำจัดรพีพงษ์ไปได้ นั้นก็ดีมากที่สุดอยู่แล้ว
หมาป่าดำหรี่ตามองไปที่รพีพงษ์ แล้วถามขึ้น “นายมัน เป็นใครกัน? กล้ามาพูดกับข้าแบบนี้?”
“ฉันเป็นสามีของเธอ” รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา
“พี่ใหญ่ คนนี้ฉันรู้จัก เขาก็คือเศษสวะที่ทั่วทั้งเมืองริ เวอร์รู้จักกันหมด ส่วนผู้หญิงคนนั้น น่าจะเป็นอารียาของ ตระกูลฉัตรมงคล” ในเวลานี้ ลูกน้องคนหนึ่งของหมาป่า ดำได้พูดขึ้นมา
หมาป่าดำมองไปที่รพีพงษ์ จากนั้นก็หัวเราะเยาะ “ฉัน คิดว่าเป็นใคร ที่แท้นายก็คือราชาแมงดาอันดับหนึ่งในเมืองริเวอร์ ทำไม นี่มีความสามารถแล้วเหรอ? ถึงกล้าที่ จะมาท้าทายกับฉัน?”
“พี่ใหญ่ รพีพงษ์นี่ ก็แค่แมงดาเกาะผู้หญิงกิน เขาเอา ความกล้าที่ไหนมาท้าทายกับพี่ ฉันว่าเขาอยากหาเรื่อง โดนเฆี่ยนมากกว่า อยากให้พี่ใหญ่สั่งสอนเขาเสียหน่อย” ลูกน้องของหมาป่าดำหัวเราะเยาะ
เพื่อนร่วมชั้นของเจตนิพัทธ์ ต่างมองไปที่รพีพงษ์ ด้วย ความวิตกกังวล กลัวรพีพงษ์จะพูดอะไรออกมาที่รุนหาที่ ตายเองอีก แล้วทำให้พวกเขาเดือดร้อน
“รพีพงษ์ ในเวลาแบบนี้ นายก็อย่าอวดเก่งอีกเสย รีบ ขอโทษพี่ใหญ่ บางทีเขาอาจจะให้อภัยพวกเราได้”
“ใช่เลย นายอย่าใจร้อนไปเอง เราไม่อยากโชคร้ายไป กับนายด้วย”
“รีบขอโทษ นายมันแค่ตัวสวะ จะเอาอะไรไปสู้กับ หมาป่าดำได้ อย่าเสียเวลาที่นี่”
อารียากัดฟันไว้ ในที่สุดเธอก็ได้เห็นธาตุแท้ของเพื่อน สมัยเรียนพวกนี้อย่างชัดเจนแล้ว
หมาป่าดำมองไปที่รพีพงษ์ แล้วพูดขึ้นว่า “ขอโทษก็ไม่ จำเป็นแล้ว เพียงแค่นายเอาเมียของนายมาให้ฉันใช้ หน่อย ฉันก็จะยกโทษให้นาย ไม่อย่างนั้น นายก็กำลังรน หาที่ตายจริงๆ”
รพีพงษ์กำหมัดไว้แน่น พูดอย่างเย็นชา “รนหาที่ตาย
คือนาย!”
“บ้าเอ้ย นายโง่เง่านี้ ไว้หน้าให้แล้ว ยังจะหน้าด้านอีกใช่ ไหม พี่ใหญ่ ฉันมาช่วยพี่จัดการเขา!” ลูกน้องของ หมาป่าดำต่างกระตือรือร้นที่จะลอง
หมาป่าดำก็หรี่ตาด้วย นี่ยังเป็นครั้งแรกที่มีใครกล้ามา ท้าทายเขามากขนาดนี้ และยังเป็นเศษสวะที่มีชื่อเสียง โด่งดังในเมืองริเวอร์ด้วย
เขารู้สึกว่า ศักดิ์ศรีของเขาโดนรพีพงษ์ทำให้อัปยศ
อดสูแล้ว
“ออกไปจัดการดีกว่า ฉันไม่อยากทำให้คนที่นี่ได้รับ บาดเจ็บ” รพีพงษ์พูดขึ้น
หมาป่าดำหัวเราะเยาะเย้ย แล้วพูดขึ้น “ฉันว่านายไม่ อยากให้พวกเขาได้ดูนายถูกทุบตีมั้ง แต่ในเมื่อนาย 2 เสนอมาแล้ว งั้นฉันก็ตกลงกับนาย ออกไปข้างนอกฉันจะ ทำให้นายรู้ถึงความเก่งกล้าของฉัน หมาป่าดำ”
อารียาดึงแขนของรพีพงษ์ไว้ทันที ใบหน้าเต็มไปด้วย ความกังวล
“ไม่ต้องเป็นห่วง เป็นแค่เศษขยะเท่านั้น ทำอะไรฉันไม่ ได้” รพีพงษ์พูดขึ้น
จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกไปข้างนอก
หมาป่าดำกวาดมองไปที่คนในห้องส่วนตัว แล้วพูดว่า “รอฉันอยู่ที่นี่ทั้งหมด เดี่ยวฉันจัดการไอ้โง่เง่านี้เสร็จ แล้ว ค่อยมาจัดการพวกนาย อย่าคิดว่ามามีปัญหากับฉัน หมาป่าดำ พวกนายยังจะสามารถออกไปจากที่นี่อย่าง ปลอดภัยได้”
หลังจากออกไป ลูกน้องของหมาป่าดำ ก็ปิดประตูห้องส่วนตัวในทันที
พวกเพื่อนสมัยเรียนของเจตนิพัทธ์ รู้สึกหมดหวังเล็ก น้อย คาดไม่ถึงว่า มีรพีพงษ์คนหนึ่งเป็นแพะรับบาป แต่ หมาป่าดำก็ยังไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปอีก
พวกเขาต่างมองไปทางอารียา ในสายตาเต็มไปด้วย ความตำหนิ
“นายรพีพงษ์คนนี้ พูดอะไรก็ได้ ดันจะไปโต้เถียงกับ หมาป่าดำ ที่นี้ก็ดีเลย พวกเราออกไปไม่ได้สักคน”
“ไอ้เหี้ย ทำไมฉันถึงโชคร้ายขนาดนี้ ได้เจอกับนาย หน้าโง่แบบนี้ ถ้าครั้งนี้ฉันเกิดเรื่องอะไรขึ้น จะไม่ปล่อย รพีพงษ์ไปแน่นอน”
ทั้งกลุ่มพูดวิพากษ์วิจารณ์ ราวกับว่าล้วนลืมไปหมด แล้วว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเจตนิพัทธ์เป็นต้นเหตุ ผลัก ความรับผิดชอบทั้งหมด ไปที่ตัวรพีพงษ์
“พวกคุณจะจบได้ยัง เรื่องนี้ทั้งๆที่เจตนิพัทธ์เป็นคน สร้างขึ้น ทำไมถึงโทษรพีพงษ์ล่ะ?” บุษบากรทนไม่ไหว กับคนเหล่านี้จริงๆ จึงตะโกนออกมาคำหนึ่ง
“แต่ถ้าเขาไม่ไปตอบโต้กับหมาป่าดำ หมาป่าสีดำก็ไม่ ขังพวกเราไว้ที่นี่ ” มีคนพูดอย่างไม่พอใจ
“แล้วพวกคุณอยากให้เขาพูดอะไร? หรือว่าหมาป่าดำ กำลังจะรังแกอารี รพีพงษ์ยังต้องตามใจหรือ? ถ้าเป็นสามี ของพวกคุณที่ทำแบบนี้ พวกคุณสามารถรับได้หรือ?” บุษบากรพูดขึ้นอีกครั้ง
อารียาใบหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง แม้ว่าก่อนหน้า บุษบากรจะมีที่ท่าที่ไม่ดีมากต่อรพีพงษ์ แต่เธอก็รู้ว่าบุษบากรแค่ปากพูดถึงเท่านั้น ใจจริงก็ยังดีอยู่
ทั้งหมดได้ยินคำพูดของบุษบากร ไม่ส่งเสียงในทันที แต่ภายในใจ ก็ยังคงรู้สึกว่า เรื่องนี้ต้องโทษรพีพงษ์
เจตนิพัทธ์ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยเช่นกัน หลังจากที่ หมาป่าดำจัดการรพีพงษ์เสร็จ คนต่อไปที่จะจัดการ ก็ ต้องเป็นเขาแน่นอน
“หรือไม่ก็….เรารวบรวมเงินออกมา แล้วให้หมาป่าดำ พวกคุณก็น่าจะรู้หมาป่าดำร้ายกาจมากแค่ไหน ถ้าไม่ให้ เงิน เรื่องนี้อาจคงไม่มีทางจบแน่นอน” เจตนิพัทธ์พูดขึ้น
“ถ้าจะให้เงินคุณก็เป็นคนที่ต้องให้ อย่าหวังให้เราออก เงินให้คุณ” อารียาก็ได้เห็นธาตุแท้ของเจตนิพัทธ์ กระจ่างแล้ว พูดด้วยความโกรธ
ด้านนอกห้องส่วนตัว รพีพงษ์ถูกลูกน้องของหมาป่าดำ
ล้อมรอบ
หมาป่าดำยิ้มเยาะมองไปที่รพีพงษ์ แล้วถามขึ้น “ไอ้ น้อง นายบอกฉันได้ไหม กล้าท้าทายกับฉันแบบนี้?”
รพีพงษ์เบะปากเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ท้าทายกับนาย ยัง ต้องใช้ความกล้าด้วยเหรอ? นายถือว่าเป็นตัวอะไรกัน?”
สีหน้าของหมาป่าดำเคร่งขรึมในทันที ในแววตามีไอ สังหาร
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถจัดการเศษสวะ อย่างนายได้ ทุกคนลงมือจัดการ ให้มันคุกเข่าเรียกฉัน ว่าปู่”
ลูกน้องของหมาป่าดำพวกนั้น รีบพุ่งตรงไปที่รพีพงษ์
ทันที
รพีพงษ์ก็กำลังตั้งตัวรอ ท่าทางว่องไว การเคลื่อนไหว รวดเร็ว นักเลงพวกนี้ ปกติแค่ต่อสู้กันเท่านั้น ความ สามารถยังสู้พวกคนที่ริชาร์ดพามาในตอนนั้นเลย
กล่าวได้ว่ารพีพงษ์จัดการลูกน้องพวกนี้ โดยไม่ต้องเสีย แรงอะไรเลย
หมาป่าดำมองทักษะฝีมือที่แข็งแกร่งปราดเปรียวของ รพีพงษ์แล้ว เบิกตากว้างในทันที
“ล้วนบอกกันว่า รพิพงษ์เป็นไอ้ขี้ขลาดไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงต่อสู้เก่งขนาดนี้!”
เขายังไม่ทันทอดถอนหายใจ รพีพงษ์ก็ได้พุ่งมาข้าง
หน้าเขาแล้ว
“ตอนนั้นนายอยากจะแตะต้องภรรยาของผม? นายรู้ ไหมว่า คนที่มีความคิดแบบนี้ สุดท้ายเป็นอย่างไรบ้าง?”
รพีพงษ์ถามอย่างเย็นชา หมาป่าดำกำหมัดแน่น ไม่ได้หวาดกลัวรพีพงษ์เลย ด่าทอขึ้นมา “ข้าสนใจพวกเขาแล้วจะเป็นไง วันนี้จัดการ
นายเสร็จ ฉันก็จะไปเล่นเมียของนาย!”
รพีพงษ์ส่ายหัว แล้วจากนั้น ก็ตบหน้าหมาป่าดำทันที หมาป่าดำยังไม่ทันที่จะตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ ก็รู้สึกว่า ร่างกายหนักหน่วง ล้มไปกระทบที่กำแพง
“บ้าเอ้ย ถ้าไม่ใช่ว่าข้าดื่มเหล้า ตอนนี้ปวดหัวนิด
หน่อย..”
เพี้ยง!
เป็นการตบอีกครั้ง ใบหน้าทั้งสองข้างของหมาป่าดำก็ บวมแดงหมดแล้ว เขาไม่เข้าใจ ว่าทำไมตัวเองแม้แต่นายสวะคนเดียว ยัง
จัดการไม่ได้เลย หรือว่าเหล้าที่ดื่มในวันนี้ เป็นเหล้า
ปลอม?
“ระยำ! ฉัน…”
ปัง!
รพีพงษ์ชกกำปั้นไปที่ท้องของหมาป่าดำ หมาป่าดำ แทบจะอาเจียนทุกอย่างในท้องออกมา
ในใจของหมาป่าดำรู้สึกกลัวเล็กน้อยแล้ว เขามองไม่ 1 เห็นการเคลื่อนไหวของรพีพงษ์เลย คิดในใจว่า วันหลังจะ ต้องไปจัดการคนขายเหล้าปลอมแน่นอน
ในพริบตาเดียว หมาป่าดำถูกต่อยจนฟกช้ำดำเขียว หมดแล้ว หัวสมองเขามึนงงเล็กน้อย
รพีพงษ์จะตบหน้าหมาป่าสีดำอีกครั้ง หมาป่าดำได้สติ แล้ว คุกเข่าลงกับพื้น ขอความเมตตาทันที “คุณปู่ฉันรู้ ผิดแล้ว คุณยกโทษให้ฉันเถอะ!”
“รู้ว่าผิดแล้ว ยิ่งสมควรตี”
มือของรพีพงษ์ไม่ได้หยุดลงแต่อย่างใด ตบหน้าของ หมาป่าดำโดยตรง
เพียง! เพี้ยง! เพี้ยง!
เสียงตบหน้าที่กระจ่างชัดเจนดังขึ้นหลายครั้ง ใบหน้า ของหมาป่าดำผิดรูปไปหมดแล้ว
เวลานี้ในห้องรับรองส่วนตัว ทุกคนสีหน้ายังคงเต็มไป ด้วยความกังวล ปากบ่นรพีพงษ์ไม่หยุด
“โทษนายสวะนั่นคนเดียว ถ้าไม่ใช่มัน เราจะติดอยู่ที่นี่ ได้ยังไง กังวลแทบตายจริงๆ เดี่ยวเราจะต้องทำยังไงดี”
“เฮ้ย ทำยังไงได้ ใครให้พวกเราได้เจอกับนายหน้าโง่ แบบนั้น ตอนนี้ดูท่า ทำได้แค่ยอมรับชะตากรรมแล้ว”
“เมื่อกี้พวกคุณได้ยินเสียงกรีดร้องข้างนอกไหม ฉันเดา ว่า ตอนนี้รพีพงษ์กำลังจะถูกซ้อมตายแล้ว”
อารียากับบุษบากร ทั้งสองต่างมีสีหน้ากังวล เสียงกรีด ร้องจากด้านนอกดังขึ้นเป็นระยะๆ ทำให้พวกเธอตื่น ตระหนกอย่างบีบหัวใจ
“บุษ เราควรจะทำอย่างไรดี พวกเขาคนเยอะขนาดนั้น เพียงแต่รพีพงษ์คนเดียว ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา 2 แน่นอน”
“หรือว่า …..เราแจ้งตำรวจไหม?” บุษบากรพูดขึ้น
“แจ้งตำรวจสามารถทำอะไรได้ เกรงว่ารพิพงษ์คงจะ ถูกทำร้ายถึงตายแล้ว ถ้ารู้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก คุณก็ไม่ ควรพารพีพงษ์เศษสวะนั้นมา” คนคนหนึ่งพูดด้วยความไม่ พอใจ
และในเวลานี้เอง ประตูห้องส่วนตัวก็ถูกเปิดออก กะทันหัน ทุกคนต่างตัวสั่นสะท้าน จากนั้นก็รีบหันมองไป กลัวว่าหมาป่าดำจะมาจัดการพวกเขา
รพีพงษ์เดินเข้ามาจากด้านนอก ตามร่างกายไม่ได้รับ บาดเจ็บแม้แต่ปลายผม ทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก
เขาเดินไปตรงหน้าอารียา จากนั้นก็ยื่นมือไปหาอารียา พูดอย่างอ่อนโยน “เราไปกันเถอะ”