พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 64

บทที่ 64

บทที่ 64 ซื้อรถ

“แม่อารี คุณอย่าว่ารพีพงษ์อย่างนี้ รพีพงษ์ก็ได้พูดแบบนี้ แล้ว นั่นหมายความว่า เขามีเงินซื้อรถ นี่เป็นเรื่องที่ดี” ป้า ฟางยิ้มแล้วพูด อยากให้รพีพงษ์คุยโวโอ้อวดที่นี่ใจจะขาด

เมื่อถึงตอนนั้น รพีพงษ์ไม่สามารถซื้อรถได้ เธอก็ สามารถมาดูเรื่องตลกขายหน้าแล้ว

“เขาจะมีเงินได้สักที่ไหน ช่วงหลายปีมานี้ เงินของเขา ฉันเป็นคนให้ทั้งหมด เงินเหล่านั้น แค่พอที่จะซื้อผักได้เท่านี้ แม้ว่าเขาจะเก็บหอมรอมริบตลอดชีวิต ก็ไม่สามารถซื้อรถ ได้” ศศินัดดาพูดอย่างมั่นใจ ราวกับว่ารพีพงษ์ไม่มีเงิน ได้ กลายเป็นความภาคภูมิใจของเธอไปแล้ว

“ก็ไม่สามารถพูดแบบนี้ได้ ถ้าเกิดเป็นเงินของรพีพงษ์เอง ล่ะ รพีพงษ์ นายคิดจะซื้อรถเมื่อไหร่?” ป้าฟางพูดด้วยรอย ยิ้ม

ศศินัดดาสีหน้าลำบากใจ เห็นว่าป่าฟางกำลังจะจับเรื่องนี้

ไม่ปล่อยแล้ว

เธอจ้องมองไปที่รพีพงษ์ด้วยท่าทีโกรธเคือง ในดวงตา

เต็มไปด้วยไปสังหาร

ถ้าไม่ใช่ว่าการฆาตกรรมเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ไม่แน่ ศศิ นัดดาจะแทงรพีพงษ์ที่สองที่จริงๆ

“พรุ่งนี้มั้ง” รพีพงษ์ตอบ

“จริงเหรอ ดูท่าทางว่าในมือของรพีพงษ์มีเงินอยู่ไม่น้อย งั้นพรุ่งนี้ฉันต้องมาดูว่า นายซื้อรถอะไร” รอยยิ้มบนใบหน้า ของป้าฟางยิ่งเข้มข้นขึ้น แน่นอนว่าเธอรู้สถานะของรพี พงษ์ที่อยู่ในบ้านเป็นอย่างดี รู้ว่าเขาไม่มีทางซื้อรถได้
ตอนที่รพีพงษ์พูดเรื่องแบบนั้นออกมา พรุ่งนี้เธอเข้ามาดู ถ้าไม่มีรถ เธอก็จะสามารถหัวเราะเยาะเย้ยศศินัดดาอย่าง มีเหตุมีผลแล้ว

นี่คือสงครามระหว่างผู้หญิงที่มีอายุมากขึ้น

ศศินัดดายื่นมือออกไปบีบแขนของรพีพงษ์โดยตรง จาก นั้นยิ้มแล้วพูดกับป้าฟางว่า “อย่าไปฟังเขาพูดเหลวไหล เขา จะมีเงินมากขนาดนั้นได้อย่างไร แค่ล้อเล่นกับคุณเท่านั้น”

อารียาก็เหลือบมองไปที่รพีพงษ์อย่างอึดอัดใจ จากนั้นก็ พูดกับป้าฟางว่า “ใช่ รพีพงษ์พูดจากไปเรื่อย ตอนนี้พวก เราไม่มีแผนที่จะซื้อรถ”

ป้าฟางยืนขึ้นโดยตรง พูดด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่ารพีพงษ์จะ ไม่มีงานทำ แต่ยังไงก็เป็นผู้ชาย เขาน่าจะไม่พูดโวโอ้อวด มั้ง รพีพงษ์ ถ้านายจะซื้อรถ ฉันแนะนำให้นายซื้อเหมือน กับบ้านฉัน ก็แค่สองแสนกว่าเอง”

“พรุ่งนี้ฉันมาดูรถคันใหม่ของบ้านคุณนะ วันนี้ก็กลับไป

ก่อน”

ป้าฟางเดินออกไปทางประตู

“ยินดีต้อนรับ” รพีพงษ์พูดขึ้น

หลังจากที่รอป้าฟางออกไป ศศินัดดาจ้องเขม็งไปที่รพี พงษ์ด้วยสายตาที่โกรธเกี้ยวในทันที แล้วพูดว่า “นาย จงใจ อยากให้ฉันเสียหน้าต่อหน้าป้าฟางใช่ไหม นายสามารถซื้อ รถได้ที่ไหน? พรุ่งนี้ป้าฟางมาแล้ว เห็นว่าไม่มีรถ ที่ถูก หัวเราะเยาะก็ยังเป็นฉัน ฉันว่านายจงใจที่จะแก้แค้นฉัน!”

“รพีพงษ์ นายไม่ควรพูดอย่างนี้กับป้าฟางจริงๆ สถานการณ์ของบ้านเราในตอนนี้ ยังไม่เหมาะที่จะซื้อรถ”

อารียาก็พูดแนะนำตาม
“พรุ่งนี้ฉันก็จะไปซื้อรถ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้นเบาๆ

“ดูนายเก่งกล้ายิ่งนัก พรุ่งนี้ยังจะไปซื้อรถอีก ฉันว่านาย ซื้อรถในฝันมั้ง ไม่มีความสามารถอะไรเลยสักเสี้ยวเดียว รู้ แต่เพียงคุยโวโอ้อวด

ศศินัดดาโกรธจนทนไม่ไหวจริงๆ หลังจากที่ด่ารพีพงษ์ ไม่กี่ค่า ก็หันกลับไปที่ห้องแล้ว

อารียาก็ถอนหายใจเช่นกัน เธอก็ไม่ได้คิดว่า รพีพงษ์ไม่มี ความสามารถ เพียงแต่ว่า ก่อนหน้านี้รพีพงษ์ซื้อของให้เธอ มากมายขนาดนั้น ซึ่งแพงจนน่ากลัวมาก แม้ว่าจะมีเงินมาก ขนาดไหน เกรงว่าอาจจะเหลือไม่มากแล้ว

“เข้านอนเร็วเถอะ พรุ่งนี้ฉันไปบริษัทด้วยตัวเอง” อารียา พูดประโยคหนึ่ง แล้วก็หันกลับไปที่ห้องเลย หลังจากที่ป้าฟางกลับไปถึงบ้าน ก็กุมท้องของตัวเองแล้ว หัวเราะชอบใจทันที ทำให้สามีและลูกชายของเธอมีอาการ

สับสนงุนงง

“นี่เกิดอะไรขึ้น? หัวเราะชอบใจขนาดนี้?” สามีของป้า

ฟางถาม

“พวกคุณเดาสิว่า เมื่อกี้อยู่ที่บ้านศศินัดดา ฉันได้ยิน อะไร? รพีพงษ์นายไร้ประโยชน์นี่ กลับบอกว่าพรุ่งนี้จะไป ซื้อรถ!” ป้าฟางพูดเสียงดัง

หลังจากที่สามีและลูกชายของเธอฟังแล้ว มองหน้ากัน แล้วหัวเราะเสียงดังตาม

“ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม รพีพงษ์ถึงกับพูดว่า จะไปซื้อรถ? เขามีเงินเหรอ? กลัวว่าจะยังคงหลอกภรรยาของเขามั้ง” ลูกชายของป้าฟางพูดขึ้น
“รพีพงษ์ได้บอกว่า ใช้เงินของตัวเขาเอง นายไร้ ประโยชน์นี้ขี้โม้ได้หน้าไม่แดงเลยจริงๆ ตลอดเวลาหลายปี ที่เขาอยู่บ้านของศศินัดดา ศศินัดดาให้เงินเขาเดือนละห้า ร้อยหยวน ให้เขาซื้อผัก ถ้าเขามีเงินซื้อรถ ก็มีผีจริงๆแล้ว!” ป้าฟางพูดอย่างดูถูก

“ช่างน่าขำแทบตายจริงๆ นายไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ถึงกับ กล้าที่จะพูดว่า ตัวเองจะซื้อรถ เขาเห็นว่าลูกชายของเรา ซื้อรถดีๆ เลยอิจฉาสินะ” สามีของป้าฟางพูดด้วยความ เหยียบหยาม

“รอพรุ่งนี้เราไปบ้านของเขาด้วยกัน ดูสิว่ารพีพงษ์นี้ สามารถซื้อรถแบบไหนกลับมาได้บ้าง” ป้าฟางพูดด้วย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

“คงจะไม่ใช่จักรยานนะ” ลูกชายของป้าฟางพูดหัวเราะ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะชอบใจอีกครั้ง

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากอารียาได้ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ไม่ให้รพีพงษ์ไปส่ง ขับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคนเดียวไป ทำงานเลย

หลังจากที่รพีพงษ์ทำความสะอาดบ้านเรียบร้อย ก็ออก จากบ้านไปสแกนจักรยานสาธารณะ แล้วไปที่ Auto City เลย

เขาจอดจักรยานสาธารณะไว้ที่ประตูร้าน4s แลนด์โร เวอร์ หลังจากที่พวกพนักงานในนั้นได้เห็นเข้า ต่างก็ล้อ เลียนขึ้น

“พวกคุณดูสิ ข้างนอกมีคนหนึ่งที่ขับจักรยานสาธารณะ มา อย่าบอกกับฉันนะ ว่าเขามาดูรถในร้านของเรา”
“ดูท่าทีแล้ว มาร้านเราจริง ในสมัยนี้ มีคนทุกรูปแบบจริงๆ ยากจนมากขนาดนี้ ยังกล้าที่จะมาร้าน แลนด์โรเวอร์ดูรถ” “เดี๋ยวเขาเข้ามา ทุกคนอย่าไปสนใจเขา ปล่อยให้เขา

เดินดูคนเดียว คนแบบนี้ รู้เพียงแต่จะทำให้เราเสียเวลา เท่านั้น ชอบก็ซื้อไม่ไหว”

รพีพงษ์เดินเข้าไปในร้านแลนด์โรเวอร์ หลังจากที่มองไป รอบๆ อยากจะหาพนักงานคนหนึ่งถามบ้าง แต่ข้างในมี พนักงานขายยืนอยู่หลายคน กลับไม่มีคนหนึ่งที่เข้ามาพูด กับเขาเลย

เขาเดินเข้าไปข้างในสองก้าว พูดกับพนักงานขายพวก นั้นว่า “อืม…ฉันอยากซื้อรถคันหนึ่ง พวกคุณมาช่วย แนะนำให้ฉันหน่อย!”

“เชอะ! พูดอย่างกับเป็นความจริง คนแบบนาย เราเห็นมา มากแล้ว ดูตั้งนานก็ไม่ซื้อ”

“ใช่เลย ฉันขี้เกียจที่จะเสียเวลากับคนแบบนี้”

รพีพงษ์ขมวดคิ้วในทันใด ไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะถูกมอง

เป็นคนที่ชอบมองดูแต่ไม่ซื้อ เขาเหลือบมองไปที่จักรยานไฟฟ้าข้างนอก ก็เข้าใจ

เหตุผลในทันที

ในเมื่อพวกคุณไม่อยากจะได้เงินส่วนนี้ นั้นฉันก็ไปดูที่ ร้านอื่นแล้วกัน

รพีพงษ์ตั้งใจที่จะหันออกไป เพราะนอกจากแลนด์โร เวอร์แล้ว เขายังมีหลายยี่ห้อให้เลือก สำหรับเรื่องแบบนี้ รพีพงษ์ไม่มีข้อเรียกร้องอะไรมาก

ถ้าหากทางคุณภาพจะเกิดปัญหาอะไร ถึงเวลานั้นเพียง

แค่เปลี่ยนใหม่อีกอันก็พอแล้ว

ขณะที่เขากำลังจะออกไป มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาหาเขา จากไม่ไกล แล้วพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณต้องการดูรถใช่

ไหม? ฉันไปห้องน้ำเมื่อกี้ เลยมาไม่ทันเวลา”

ผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่าวิภาดาเป็นพนักงานขายใหม่ที่นี่ เป็น คนกระตือรือร้นมาก

รพีพงษ์เหลือบมองไปที่วิภาดา เมื่อเห็นว่าเธอมีท่าทีที่ แตกต่างจากพนักงานขายคนอื่นๆ เลยพยักหน้า

“ฉันมาแนะนำรถของเราที่นี่ให้คุณนะ ถ้าคุณมีรถที่ชอบ ในใจ ก็สามารถบอกกับฉันได้ ฉันจะแนะนำให้คุณโดย ละเอียด” วิภาดาพูดขึ้น

แม้ว่าเธอจะเดาออกจากทางเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของ รพีพงษ์ ว่ารพีพงษ์ไม่เหมือนคนที่อยากจะซื้อรถจริงๆ แต่ เธอเป็นคนจริงจังรับผิดชอบงานมาโดยตลอด และรู้ดีว่า หน้าที่ในการทำงานของตัวเองคืออะไร เธอรู้สึกว่า ไม่ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ตาม เธอก็ควรที่จะ

อธิบายกับลูกค้าที่สมควรอธิบายให้เข้าใจ มีเพียงเช่นนี้ ถึง

สามารถสร้างลูกค้าแฝงของเธอได้

ดังนั้นเธอจะให้ความสำคัญกับทุกคนที่มาที่นี่อย่างจริงจัง

พนักงานขายพวกนั้นที่อยู่ไม่ไกล เห็นวิภาดาเดินเข้าไป บนใบหน้าพร้อมแสดงออกรอยยิ้มที่เหยียดหยาม “อีหนู วิภาดาคนนั้นโง่จริงๆ ไม่ได้มองดูว่าคนนี้ใส่เสื้ออะไรไว้บน ตัวเลย รู้เพียงเสนอหน้าเข้าไป ถึงตอนสุดท้ายแล้ว ก็เสีย เวลาเปล่าอยู่ดี”
“เธอเพิ่งมา ยังไม่มีประสบการณ์มากนัก ให้เธอพบกับ ความผิดหวังไม่กี่ครั้ง ก็จะฉลาดเอง เดี่ยวเธอก็จะรู้เอง คน ที่ขับจักรยานสาธารณะมาแบบนี้ ไม่มีสักคน ที่สามารถซื้อ รถในที่นี้ของเราได้”

“ช่างโง่จริงๆ เสื้อผ้าของคนคนนั้น แค่ดูก็รู้ว่าเป็นของข้าง ทาง เสียเวลากับคนแบบนี้ เสียเวลาในชีวิตชัดๆ”

วิภาดาอธิบายรถหลายรุ่นให้รพีพงษ์ อย่างมีความอดทน โดยมีราคาอยู่ระหว่างห้าแสนถึงแปดแสน แม้ว่าเธอจะมี ความอดทนในการบริการให้รพีพงษ์ แต่ในใจก็ไม่คิดว่า รพี พงษ์จะสามารถซื้อรถที่มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งล้านได้ รถ ราคาห้าแสนกว่า ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

รพีพงษ์เหลือบมองไปที่รถยนต์คันเหล่านั้น ก็ยังไม่พอใจ มากนัก

ในตอนนี้ เขาสังเกตเห็นมีรถคนหนึ่งที่ดูไม่เลวจอดอยู่ไม่ ไกลจึงเดินเข้าไป แล้วถามว่า “รถคันนี้ราคาเท่าไหร่?”

วิภาดาเหลือบมองไปที่รถคันนั้น แล้วไม่ค่อยที่จะกล้าพูด เล็กน้อย “คุณผู้ชาย คันนี้เป็นรุ่น Land Rover range rover prosperity ราคารวมหนึ่งล้านสองแสนสองหมื่น หยวน ราคาสูงไปเล็กน้อย หรือคุณจะดูอย่างอื่นไหม..?”

แม้ว่ารพีพงษ์อาจจะกลายเป็นลูกค้าแฝงของเธอ แต่เธอ

ก็ไม่คิดว่า รพีพงษ์จะซื้อรถราคาแพงขนาดนี้ได้ “ใจกล้ามากจริงๆ ไปดูที่แลนด์โรเวอร์ด้วย รถคันนี้อาจ

จะแพงกว่าบ้านเขาด้วยซ้ำ” “เหอะๆ ถ้าเขาสามารถซื้อแลนด์โรเวอร์ได้ เกรงว่าฉันก็

คงสามารถแต่งงานเข้าตระกูลไฮโซแล้ว”
“รอดูเรื่องตลกเลย คนพวกนี้ฉันรู้จักดีแล้ว เดี๋ยวก็จะบอก

ว่า คิดดูก่อน คราวหน้าค่อยมาซื้อ”

รพีพงษ์ยิ้มให้วิภาดา แล้วพูดว่า “ไม่ต้องดูรุ่นอื่นแล้ว เอา

คันนี้แล้วกัน”

วิภาดาตั้งตัวไม่ได้ในทันที ตะลึงไปชั่วขณะจากนั้นก็ แสดงสีหน้าสงสัยให้กับรพีพงษ์

รพีพงษ์เห็นเธอเป็นแบบนี้ จึงพูดอีกครั้ง “ฉันจะเอารถคัน นี้ จะรับรถในวันนี้ เธอไปช่วยฉันทำเอกสารดำเนินการเลย”

วิภาดาถึงได้ตั้งตัวตอบสนองได้ แล้วถามอีกครั้ง “คุณ ผู้ชาย คุณไม่พิจารณาคันอื่นแล้วจริงๆ หรือ รถคันนี้มีมูลค่า ล้านกว่าเลยนะ”

“เอาคันนี้แล้วกัน ฉันขี้เกียจไปดูคันอื่นแล้วเหมือนกัน รีบ

ไปดำเนินการให้ฉันเถอะ” รพีพงษ์พูดขึ้นอย่างหนักแน่น

วิภาดากลืนน้ำลายลงคอ ในเวลานี้เธอถึงตั้งสติได้ วันนี้ เธอได้พบกับลูกค้ารายใหญ่แล้ว

พวกเธอเป็นพนักงานขายที่นี่ รถที่ขายออก ก็มีค่า คอมมิชชั่นทั้งนั้น ถ้าเธอขายรถราคาหนึ่งล้านกว่าได้จริงๆ เพียงแค่ค่าคอมมิชชั่น ก็เป็นเงินมูลค่าไม่น้อย

ในเวลานี้ พนักงานขายเหล่านั้นที่อยู่ไม่ไกล ก็ตกตะลึง นิ่งอึ้ง จ้องมองรพีพงษ์ด้วยความไม่เชื่อ “ให้ตายเถอะ ไม่ใช่มั้ง เขาจะซื้อรถคันนี้จริงๆเหรอ?”

หมดกัน ออเดอร์รายใหญ่ขนาดนี้ ฉันทำให้พลาดไป อย่างนี้เลย”

“คนสมัยนี้ทำไมเป็นแบบนี้หมด ขี่จักรยานสาธารณะ มาซื้อรถ Range rover คือมาทดสอบเราหรือ?”

ในเวลานี้ พนักงานขายอายุประมาณยี่สิบแปดยี่สิบเก้า เดินไปตรงข้างหน้ารพีพงษ์ ผลักวิภาดาออกไปโดยตรง “คุณผู้ชาย วิภาดาเป็นคนมาใหม่ของเรา หลายงานไม่ เข้าใจ ให้ฉันมาช่วยคุณดำเนินเอกสาร”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท