พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 72

บทที่ 72

บทที่ 72 คุกเข่าลงเสียงดังตุ้บ

ชายร่างใหญ่กระแทกโต๊ะอย่างจัง เขามองลูกเต๋า 12 ลูก ที่อยู่ฝั่งรพีพงษ์อย่างไม่อยากจะเชื่อ

เขาคิดว่าทักษะการทอยลูกเต๋าของเขามันน่าทึ่งมาก แต่เขาไม่สามารถทำให้ลูกเต๋า 12 ลูกเรียงเป็นแถวตั้ง เรียงขึ้น แถมแต้มบนลูกเต๋าก็เป็นจำนวนแต้มน้อยที่สุด

เรื่องแบบนี้มีแต่ในทีวีเท่านั้นแหละ เขาไม่เชื่อ อีกอย่าง การทอยลูกเต๋าไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น แต่ตอนนี้ภาพ นั้นมันกำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ

หลังจากที่คนรอบๆ เห็นลูกเต่าที่อยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ ต่างก็พากันอ้าปากค้างแล้วมองไปยังรพีพงษ์อย่างไม่

อยากจะเชื่อ

ไตรทศกับธฤตญาณก็ตกตะลึง พวกเขานึกว่ารพีพงษ์ จะไม่สามารถชนะชายร่างใหญ่ได้ ไม่คิดว่าฝีมือการ ทอยลูกเต๋าของรพีพงษ์จะเจ๋งกว่าชายร่างใหญ่เสียอีก

“ไอ้หมอนี่ ยังมีความสามารถอีกกี่อย่างที่ยังซ่อนไว้อยู่ อีกนะ” ธฤตญาณพูดพึมพำ “ฉันไม่นับ เราแข่งกันเรื่องจำนวนตัวเลข ถึงนายจะเอา

มันซ้อนกันก็ไม่ได้”

ชายร่างใหญ่เดินเข้าไปหารพีพงษ์ แล้วเอาลูกเต๋าของ เขามาทีละลูก จากนั้นเขาก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น ด้านล่างของลูกเต๋าเป็นแต้มเดี๋ยวทั้งหมด

ถ้านับแบบไม่คิดอะไร เขากับรพีพงษ์มีคะแนนเท่ากัน แต่ด้านฝีมือเขาแพ้รพีพงษ์แล้ว

ชายร่างใหญ่โลดแล่นในวงการกาสิโนมาหลายปี นี่ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกพ่ายแพ้

“ถ้าคุณไม่พอใจ ครั้งนี้ก็ถือว่าเสมอกัน เราจะแข่ง อย่างอื่นกันก็ได้” รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดขึ้น

เห็นได้ชัดว่าชายร่างใหญ่ไม่พอใจ เขาพูดออกมาทันที ว่า “ได้ งั้นฉันจะแข่งอย่างอื่นกับนาย!”

พูดจบ เขาก็เดินไปทางโต๊ะพนันที่อยู่ภายในกาสิโน รพีพงษ์เดินตามไปเช่นกัน ทั้งสองคนเริ่มเล่นพนันใน

รูปแบบต่างๆ

คนโดยรอบต่างพากันส่งเสียงเชียร์ไม่หยุด ชื่นชม ฝีมือการพนันของรพีพงษ์ สีหน้าของชายร่างใหญ่ยิ่งดูไม่ได้ขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่

แพ้ รพีพงษ์ก็จะให้เขาถอดเสื้อออกหนึ่งชิ้น สุดท้ายบน

ตัวของชายร่างใหญ่ก็เหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว

การพนันรอบสุดท้ายสิ้นสุดลง รพีพงษ์ยิ้มมุมปาก อย่างร้ายกาจแล้วหันไปมองชายร่างใหญ่

เขามีสีหน้าสิ้นหวังจากนั้นก็เดินมาหารพีพงษ์ ก้มหน้า

ไม่พูดอะไรสักคำ
“เซียนพนันเป็นอะไรไปแล้ว ไม่ใช่เพราะว่าแพ้แบบน่า สังเวชแล้วจะทำร้ายหรอกนะ”

“ดูจากรูปร่างเขาแล้ว ถ้าเขาจะมีเรื่อง ไอ้หมอนั่นสู้เขา ไม่ได้แน่ๆ”

“ซวยแล้ว ซวยแล้ว เซียนพนันโมโหแล้ว พวกเรารีบหนี

เร็ว!”

รพีพงษ์จ้องชายร่างใหญ่ จากนั้นเขาก็หรี่ตาลง ไม่รู้ว่า เซียนพนันคนนี้จะทำอะไร

ไตรทศเอาตัวมาบังรพีพงษ์ไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็น ยะเยือก “ไอ้อ้วน ยอมพนันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ถ้าแพ้แล้วจะทำร้ายคนอื่น ฉันก็จะให้นายได้ลิ้มรสหมัด เหล็กแห่งความยุติธรรมว่ามันเป็นยังไง!”

ชายร่างใหญ่ไม่พูดอะไรสักคำ เขาเดินเข้ามาหารพี พงษ์จากนั้นก็กำมือทั้งสองข้าง

ไตรทศเข้าใจว่าเขากะจะทำร้ายรพีพงษ์ จึงยกมือขึ้น มาข้างหนึ่งเพื่อเตรียมจะต่อสู้

ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ชายร่างใหญ่ก็คุกเข่าลงเสียงดังตับ ต่อหน้าของรพีพงษ์ จากนั้นก็กอดขาของเขาแน่นแล้ว พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “อาจารย์ รับผมเป็นลูกศิษย์ เถอะ ผมรับรองว่าต่อจากนี้จะเชื่อฟังคุณ ขอแค่คุณสอน ทักษะการพนันให้กับผมและไม่ให้ผมถอดกางเกงในออก”

ผู้คนโดยรอบต่างพากันอึ้ง ทั้งกาสิโนเต็มไปด้วยความ

เงียบ

ะ หลังจากนั้นผู้คนต่างก็พากันหัวเราะ พวกเขาคิดไม่ถึง จริงๆ ว่าเซียนพนันที่ดูน่าเกรงขามจะยอมทำเช่นนี้

หนำซ้ำตอนนี้บนตัวของชายร่างใหญ่ก็เหลือเพียง กางเกงในแค่ตัวเดียว การพนันรอบสุดท้ายเขาก็แพ้ ถ้า พูดตามหลักเหตุผลแล้วกางเกงในตัวนี้เขาก็ควรจะถอด มันออกเช่นกัน

ใครๆ ก็คาดไม่ถึงว่าเขาจะยอมคุกเข่าอ้อนวอนรพีพงษ์ เพื่อรักษากางเกงในที่เหลืออยู่บนตัวเขาเอาไว้

รพีพงษ์ก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าระบบความคิดของชาย ร่างใหญ่จะแปลกประหลาดเช่นนี้ เขาทำตัวไม่ถูกไปพัก หนึ่ง

“เอ่อ…คุณลุกขึ้นมาก่อนแล้วค่อยคุยกันดีไหม” รพี พงษ์พูด

“ถ้าอาจารย์ไม่ตอบตกลง ผมก็จะไม่ลุก” ชายร่างใหญ่

พูดด้วยความเย่อหยิ่ง รพีพงษ์ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี เห็นคนรูปร่างใหญ่

ขนาดนี้มาทำท่าทีอย่างนี้ต่อหน้าเขา มันทำให้เขารับไม่

ได้จริงๆ

“เอ่อ..งั้นคุณลุกขึ้นมาก่อนเถอะ กางเกงในก็ไม่ต้องถอดแล้ว” รพีพงษ์พูด

ชายร่างใหญ่รีบลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วยิ้มให้กับรพีพงษ์ จากนั้นก็รีบไปสวมเสื้อผ้า

“อาจารย์ หลังจากนี้เป็นต้นไป ผมจะเชื่อฟังคุณ คุณ

ให้ผมทำอะไร ผมก็จะทำทุกอย่าง” หลังจากที่สวม เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ชายร่างใหญ่ก็พูดกับรพีพงษ์ด้วย ความนอบน้อม

รพีพงษ์หยักหน้าแล้วพูดว่า “ต่อจากนี้อย่าเปิดกาสิโน อีกเลย ไปทำงานกับธฤตญาณเถอะ เขาจะทำให้คุณได้ ใช้ความสามารถของตัวเองได้อย่างเต็มที่”

“ครับ อาจารย์!” ชายร่างใหญ่ตอบกลับ

ไตรทศมองชายร่างใหญ่ตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็ มองไปยังธฤตญาณแล้วเขาก็หลุดหัวเราะออกมา

“นายหัวเราะอะไร” รพีพงษ์เอ่ยถาม

“ผมกำลังคิดว่า เรายังขาดม้ามังกรขาวอีกสักตัว ก็ สามารถไปเอาพระไตรปิฎกที่ชมพูทวีปได้แล้ว” ไตรทศ

พูด

“นายพูดไร้สาระอะไร” ธฤตญาณเอ่ยขึ้น

“นายดูสิ พี่รพีเป็นพระอาจารย์ นายเป็นซุนหงอคง ชายร่างใหญ่เป็นตือโป๊ยก่าย ส่วนฉันคือซัวเจ๋ง ขาดแค่ ม้ามังกรขาว” ไตรทศพูดแล้วหัวเราะ
ชายร่างใหญ่ได้ยินสิงที่ไตรทศพูดก็จ้องเขาเขม็ง จาก นั้นก็ด่าออกมาว่า “นายสิตือโป๊ยก่าย ฉันคือแม่ทัพเทียน ฝูง!”

“เกือบได้ๆ” ไตรทศพูดแล้วหัวเราะ

หลังจากปราบตือโป๊ยก่ายเรียบร้อย รพีพงษ์ ให้ชาย ร่างใหญ่ไปสถานบันเทิงสตาร์กายกับไตรทศและธฤต ญาณ ส่วนตัวเขาเองรีบกลับไปที่บ้าน

ก่อนหน้านี้เขากลับบ้านดึกน้อยมาก ถึงแม้จะรู้ว่าอารี 2 ยาอาจจะไม่สนใจว่าเขาจะกลับบ้านดึกหรือไม่ แต่เขา กลับรู้สึกว่าตัวเองต้องกลับบ้านให้เร็ว

หลังจากที่เข้ามาในบ้าน ศศินัดดากับศักดาเข้านอน เรียบร้อยแล้วรีบไปอาบน้ำอย่างเร็วที่สุด จากนั้นก็กลับ เข้าไปในห้องนอน

อารียากำลังนอนอยู่บนเตียง ดูเหมือนว่าจะหลับไป แล้ว รพีพงษ์ปิดประตูอย่างเบามือ จากนั้นเขาก็กะว่าจะ นอนลงข้างๆ อารียา

ครั้งก่อนตั้งแต่อารียาอนุญาตให้เขาขึ้นมานอนบน เตียง รพีพงษ์ก็ไม่ได้ลงไปนอนบนพื้นอีก

ขณะที่รพีพงษ์กำลังจะเอนตัวนอนลง จู่ๆ อารียาก็พูด ขึ้นมาว่า “นายไปนอนบนพื้น”

รพีพงษ์อึ้งไป คิดไม่ถึงว่าดึกขนาดนี้แล้วอารียายังไม่

นอน
“ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่นอนอีกเหรอ” รพีพงษ์เอ่ยปาก

ถาม

“เหอะ ไม่ใช่เพราะนายหรอก” อารียาพูดด้วยน้ำเสียง

โกรธเคือง

ตั้งแต่ที่รพีพงษ์ออกไปเธอก็คิดวุ่นวายไปหมด การ ที่นอนไม่หลับก็เพราะเขา ที่พูดไปเมื่อกี้ก็แค่โกรธ

รพีพงษ์รู้สึกประหลาดเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไร ให้เธอโกรธถึงขนาดนี้

หรือว่าจะมีประจำเดือน

น่าจะใช่ ได้ยินมาว่าคนที่มีประจำเดือนจะอารมณ์ แปรปรวน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จะไม่ทำให้เธอหงุดหงิด

รพีพงษ์ปูที่นอนเงียบๆ กะจะนอนที่พื้นสักคืน

อารียาเห็นว่ารพีพงษ์ไปนอนบนพื้นจริงๆ ในใจเธอฟัน ธงว่าเขาไปทำอะไรผิดมาแล้วกลัวว่าเธอจะรู้ ไม่งั้น ทำไมเธอพูดแค่ประโยคเดียว เขาก็ลงไปนอนบนพื้น แล้ว

เธอยิ่งรู้สึกน้อยใจเข้าไปใหญ่ น้ำตาคลออยู่ที่เบ้าตา

โอ๊ย เกลียดจริงๆ ไอ้หมอนี่จะออกไปทำอะไรแล้วมัน เกี่ยวอะไรกับฉัน ทำไมฉันต้องเสียน้ำตาให้หมอนั่นด้วย ประหลาดจริงๆ

อารียากลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เธอพลิกตัวกลับไปบทที่ 72 ตุกเข่าลงเสียงตั้งตู้น

เพราะไม่อยากให้รพีพงษ์เห็น

เดี๋ยวถ้าไอ้หมอนี่อธิบายกับเธอว่าไปทำอะไรมา ไม่แน่ เธออาจจะให้อภัยเขาก็ได้

รพีพงษ์เห็นท่าทีของอารียา ก็คิดว่าเธออาจจะไม่ สบาย เขาจึงไม่ไปรบกวนเธอแล้วนอนบนพื้นอย่าง เงียบๆ

เวลาผ่านไป อารียาเห็นว่ารพีพงษ์หลับไปแล้ว น้ำต่า ของเธอไหลออกมาเพราะความน้อยใจ

คิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะหมดรักขนาดนี้ เธอน้อยใจมาก เขากลับไม่ถามไถ่อะไร แถมยังให้เธอแบกรับความเศร้า ดูเหมือนว่าเธอมองเขาผิดไปแล้ว

เดิมทีเธอเข้าใจว่าความรู้สึกระหว่างเธอกับเขา ค่อยๆ เริ่มดีขึ้นแล้ว ดูท่าว่าเธอจะคิดไปเองคนเดียว

อารียาเจ็บปวดใจตลอดทั้งคืน ในที่สุดเธอก็หลับไป ด้วยความเหนื่อยล้า

เช้าวันต่อมา อารียาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกปวดที่

ดวงตา เมื่อคืนเธอร้องไห้อยู่พักใหญ่ แต่น่าเสียดายที่รพี

พงษ์ไม่รู้ เธอกำลังจะลงจากเตียงด้วยความรู้สึกผิดหวัง ขณะ

นั้นเองเธอก็เห็นว่ามีน้ำหวานสีแดงวางอยู่ที่หัวเตียง

อารียารู้สึกแปลกใจ เธอไม่ได้มีประจำเดือน ใครเป็น คนเอาน้ำหวานมาวางไว้กันนะ
แอพ รายงาน

จากนั้นประตูห้องนอนก็เปิดออก รพีพงษ์ยกโจ๊กเข้ามา ในห้อง

“คุณตื่นแล้วเหรอ มากินโจ๊กให้ร่างกายอุ่นขึ้นก่อน” รพีพงษ์เห็นว่าอารียาตื่นแล้วก็รีบพูดขึ้นมา

อารียาคิดในใจว่ารพีพงษ์ไปทำความผิดมาแล้วกลัวว่า เธอจะรู้ จึงทำดีกับเธอ เธอไม่ยอมโดนเขาหลอกหรอก

“เหอะ อย่าคิดว่าเอาใจฉันแล้วฉันจะไม่สนใจความไม่ ละอายใจของนายนะ รพีพงษ์ ต่อจากนี้ไปนายก็ใช้ชีวิต ของนาย ฉันก็ใช้ชีวิตของฉัน เราจะไม่ก้าวก่ายชีวิตของ กันและกัน จะได้ไม่หงุดหงิดใจ” อารียาพูดขึ้น

รพีพงษ์มีสีหน้ามึนงง ไม่รู้ว่าอารียาเป็นอะไร เขาเอ่ย ปากถามขึ้น “คุณมีประจำเดือนเลยทำให้อารมณ์ไม่ดีใช่ ไหม”

“นายสิมีประจำเดือน อย่ามาหาข้ออ้างอะไรต่อหน้า ฉัน” สีหน้าของอารียาทั้งโกรธทั้งอายจนแทบอยากจะ กัดเขา

“ไม่ใช่ประจำเดือน แล้วทำไมคุณถึงโกรธขนาดนี้ล่ะ” รพีพงษ์ถามอย่างไม่เข้าใจ

“เหอะ นายถามตัวเองเถอะ รพีพงษ์ การที่นายออกไป หาผู้หญิงฉันไม่สนหรอกนะ เรื่องนี้ฉันต้องขอโทษนาย ด้วยซ้ำ แต่ว่าต่อจากนี้นายก็อย่าถามเรื่องของฉันให้ มากเกินไป” อารียาพูดพลางน้ำตาก็คลออยู่ที่เบ้าตา
รพีพงษ์ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ “หาผู้หญิงงั้นเหรอ คุณกำลัง พูดอะไร”

“นายยังจะแกล้งโง่อีก เมื่อคืนนายออกไปหาผู้หญิง ไม่ใช่เหรอ” อารียาพูดอย่างหงุดหงิด

รพีพงษ์ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาพูดขึ้นมาว่า “ผมบอกกับคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมไปช่วยเพื่อนทำธุระ ผมจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง”

“ถ้าคุณไม่เชื่อ ให้ผมสาบานได้เลย ถ้าผมทำเรื่องที่น่า ละอายจริง หลังจากนี้ขอให้ผมไร้ผู้สืบสกุล!”

อารียาเห็นว่าเขาสาบานร้ายแรงขนาดนี้ จู่ๆ เธอก็ ตระหนักได้ว่าเธออาจจะเข้าใจผิดเขา

“จะ จริงเหรอ” อารียาเอ่ยถาม

“จริงแน่นอน ในสายตาของผมมีเพียงคุณเท่านั้น ผม จะไปหาผู้หญิงคนอื่นได้ยังไง” รพีพงษ์พูดขึ้น

อารียาเหมือนยกภูเขาออกจากอก เธอรู้สึกโล่งจน

บอกไม่ถูก

รพีพงษ์เห็นท่าทีของเธอ จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นว่า “เพราะ แบบนี้คุณเลยหึงเหรอ”

“หึงอะไร เหอะ ฉันก็แค่ถามเท่านั้น” หน้าของอารี

ยาแดงก่ำ สีหน้าเต็มไปด้วยความเขินอาย

รพีพงษ์เห็นท่าทางน่ารักของเธอ ใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมาทันที สายตาของเขามองไปที่ริมฝีปากของเธอ จากนั้นก็ค่อยๆ โน้มหน้าเข้าไปหาเธอ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท