พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่85

บทที่85

บทที่85 จะซื้อธนาคารมาเลยก็ยังได้

ผู้จัดการพูดเสียงดัง ทำให้ทุกสายตาในห้องโถงพุ่งมาที่จุด

เดียว

พวกเขาพินิจพิเคราะห์รพีพงษ์ ก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

“คุณวรดรเป็นเศรษฐีน่ะ ธนาคารต้องเอาใจเป็นธรรมดา คนไม่มีเงินจะไปเทียบกับเขาได้ไง” “สังคมสมัยนี้ใครมีเงินก็มีสิทธิ์ขาด คนนี้ก็อุตส่าห์ตื้ออยู่

ตรงนี้ ถ้าเขามีเงินแบบคุณวรดร ธนาคารก็คงจะเอาใจเป็น

พิเศษ”

“จัๆ คนๆนั้นแต่งตัวซอมซ่อขนาดนั้น ดูก็รู้แล้วว่าไม่มีเงิน หรอก ยังเพ้อเจ้อจะไปเทียบกับคุณวรดรอีก ตลกดีเนอะ”

คุณวรดรหันไปมองรพีพงษ์ ใบหน้ายิ้มเยาะ พูดขึ้นว่า”พี่ น้อง ผมเป็นสมาชิกบัตรทองคำของธนาคารนี้ มีสิทธิพิเศษ ถ้าอยากจะให้เขาปฏิบัติกับพี่ชายแบบนี้ ก็ต้องทำสักใบ แต่ ว่าเงินที่ใช้ทำบัตร น่าจะมากกว่าเงินฝากทั้งหมดที่พี่ชายมีล่ะ มั่ง”

ผู้จัดการหัวเราะเสียงดัง พูดว่า “คุณวรดรพูดถูกแล้วครับ เขาจะมีปัญญาสมัครบัตรทองคำของธนาคารเราได้ไง ก็แค่ ยาจกคนหนึ่ง”

ธฤตญาณเห็นทั้งสองคนร้ายกาจขนาดนี้ ในใจเกิดไม่สบ อารมณ์ขึ้น ไม่ว่ารพีพงษ์จะมีเงินมากขนาดนี้หรือไม่ ก็ไม่ควร จะปฏิบัติด้วยแบบนี้
“พี่รพี จะให้ไตรทศมาช่วยไหม จัดการพวกมันสองคน”ธ ฤตญาณถามขึ้น

รพีพงษ์ส่ายหน้า จากนั้นจึงหยิบบัตรธนาคารตัวเองออกมา แกว่งไกวตรงหน้าผู้จัดการธนาคาร พูดขึ้น”เรียกผู้อำนวยการ ใหญ่ออกมา”

ผู้จัดการจ้องมองบัตรในมือรพีพงษ์ เบ้ปากทันที

เขาไม่รู้จักบัตรในมือรพีพงษ์แม้แต่น้อย เพราะบัตรใบนี้มี จำนวนจำกัดเหลือเกิน มีแต่กลุ่มคนที่มีเงินมากที่สุดใน ธนาคารไม่กี่คนเท่านั้นถึงจะมี ระดับผู้จัดการคงยังสัมผัสไม่ ถึง

“คุณจะบ้าหรือไง สมาชิกของเราที่นี่ถ้าไม่ใช่บัตรทองคำก็ คือบัตรเงิน คุณเอาบัตรดำมาแกว่งไปแกว่งมาหาอะไร แถม ยังอยากพบผู้อำนวยการ ฝันไปเถอะนะ”ผู้จัดการธนาคารไม่ สนใจ

ในเวลานี้คุณวรดรที่อยู่ข้างๆเบิ่งตาโต เขามองบัตรดำใน มือรพีพงษ์ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“คุณวรดร พวกเราเข้าไปเถอะครับ อย่าไปสนใจยาจกนั่น เลย เสียลูกตาคุณเปล่าๆ”

ผู้จัดการพูดขึ้น

คุณวรดรไม่ได้สนใจเขา หากแต่ดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้อง ไปที่บัตรในมือของรพีพงษ์ อุทานออกมาด้วยความ ตกใจ”นี่….บัตรดำของธนาคารโลกเหรอ”

ในใจของรพีพงษ์คิดว่าอย่างน้อยก็มีคนที่รู้จักของดี ไม่งั้น วันนี้คงจะไม่มีทางได้โอนเงินให้ธฤตญาณแน่นอน
ผู้จัดการธนาคารถามขึ้นอย่างงงงั้น”บัตรดำของ ธนาคารโลกเหรอ คืออะไรครับ”

ธฤตญาณเองก็ไม่เคยได้ยินบัตรดำของธนาคารโลก เขา จึงมองบัตรในมือของ

รพีพงษ์อย่างละเอียด แต่ก็ไม่เห็นอะไรพิเศษ

ถ้าเขารู้ว่าบัตรดำในมือของรพีพงษ์นั้นรูดได้ไม่จำกัดวงเงิน ก็คงไม่คิดแบบนี้

“รีบไปเรียกผู้อำนวยการมาเร็ว”คุณวรดรหันหลัง พูดกับผู้ จัดการ

“คุณวรดร….”ผู้จัดการธนาคารไม่รู้ว่าคุณวรดรเป็นอะไร ถึงได้พูดแทนยาจกนั่น

“บอกให้ไปก็ไปไง อย่ามาพิรี้พิไร! “คุณวรดรตะโกนเสียง

ดัง

ผู้จัดการธนาคารไม่กล้ารอช้า รีบพยักหน้าให้คุณวรดร แล้วเข้าไปเรียกผู้อำนวยการ

ออกมา

คุณวรดรพูดและยิ้มให้รพีพงษ์อย่างนอบน้อม”พี่ชายครับ ขอโทษจริงๆนะครับ เมื่อกี้ผมพูดจาไม่เหมาะสม ผมขออภัย

นะครับ หวังว่าจะไม่ถือสา”

“หรือผมขออนุญาตเลี้ยงอาหารสักมือ เป็นการขอโทษ ได้ ไหมครับ”

“ไม่ต้องหรอกครับ”รพีพงษ์พูดเสียงเรียบ คุณวรดรเองก็ไม่กล้าพูดอะไร ในใจเขารู้ดี ว่าคนที่มีบัตรดำของธนาคารโลก ไม่ใช่คนที่จะไปมีเรื่องได้ด้วยแน่นอน ต่อให้จะเป็นเพื่อนกับรพีพงษ์ไม่ได้ ก็ไม่ควรจะเป็นปฏิปักษ์

กับรพีพงษ์

คนที่มีบัตรดำของธนาคารโลก ส่วนมากมักจะมีอิทธิพลใน วงสังคม บ้านเขาทำธุรกิจ ย่อมรู้ว่าคนประเภทนี้เก่งกาจ อย่างไร ถ้าหากรพีพงษ์เห็นเขาเป็นปฏิปักษ์ ธุรกิจบ้าน

เขาจะต้องเดือดร้อนแน่นอน

คุณวรดรเป็นคนรู้ตัวดี พอคิดถึงจุดนี้ จึงรีบขอโทษรพีพงษ์ คนรอบตัวมองรพีพงษ์ด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่ เข้าใจว่าคุณวรดรเป็นอะไร ถึงได้จู่ๆขอโทษรพีพงษ์ ไม่ เหมือนกับคุณวรดรที่พวกเขารู้จัก

ธฤตญาณเดินไปหยุดข้างรพีพงษ์แล้วถามเสียงค่อย”พี่รพี บัตรดำนี้เป็นบัตรสูงสุดของธนาคารเหรอ มิน่าล่ะพี่ถึงให้ผม ได้ร้อยล้าน”

รพีพงษ์หัวเราะ แล้วพูดขึ้น”ธนาคารนี้ทำบัตรแบบนี้ออกมา ไม่ได้หรอก เงินของฉันในบัตรนี้ จะซื้อมันทั้งธนาคารยังไม่มี

ปัญหา”

ธฤตญาณรู้สึกทึ่ง มองบัตรในมือธฤตญาณอีกครั้ง ซื้อ ธนาคารนี้ได้เลยเหรอ มันต้องใช้

เงินเท่าไหร่กัน

ผ่านไปสักพัก ผู้จัดการนำทางชายสวมสูทวัยกลางคนคน หนึ่งเดินมา คนๆนั้นเป็น

ผู้อำนวยการธนาคาร
ผู้อำนวยการเห็นคุณวรดรยืนตรงนั้น จึงรีบเข้าไปจับมือ คุณวรดรเพื่อทักทาย สำหรับรพีพงษ์กับธฤตญาณ เขาไม่ แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ

“คุณวรดร คุณนั่นเอง ผมคิดว่าใครเสียอีก เรียกผมออกมา เร่งด่วนมีธุระอะไรหรือครับ”

ผู้อำนวยการยิ้มให้

คุณวรดรแค่นเสียงเย็นชา พูดขึ้น”พนักงานคุณบริการได้ แย่มาก ที่เรียกออกมาก็เพราะเรื่องนี้แหละ” ตอนนี้เขาพยายามเอาใจรพีพงษ์เต็มที่ และไม่เข้าข้างคน

ของธนาคาร

ผู้อำนวยการตะลึง ถามขึ้น” คุณวรดร ไม่ทราบว่าคนไหน ทำให้คุณไม่พอใจครับ”

คุณวรดรชี้ไปที่ผู้จัดการ พูดขึ้น”ไม่ได้ทำให้ผมไม่พอใจ

แต่ทำให้คุณผู้ชายท่านนี้ไม่พอใจ ผู้จัดการของคุณไม่บริการ

ลูกค้า แถมยังอวดดีใส่ ไม่เห็นลูกค้าอยู่ในสายตา เรื่องนี้จะ

ต้องมีคำตอบ”

ผู้อำนวยการหันไปมองรพีพงษ์ เห็นเขาแต่งตัวซอมซ่อ ใน ใจคิดว่าไม่น่าจะใช่บุคคลสำคัญอะไร จึงเอ่ยปากพูด”คุณว รดรอย่าล้อเล่นเลยครับ ถ้าผู้จัดการทำให้คุณไม่พอใจ ผมจะ อบรมเขาแน่นอน แต่ถ้าเป็นคนนี้ ช่างเถอะครับ”

“ผู้อำนวยการพูดถูกแล้วครับ จะให้ไปพูดคุยอะไรกับยาจก แต่จุดนี้อาจทำให้คุณวรดรไม่พอใจ ผมต้องขออภัยคุณวรด รด้วยครับ “ผู้จัดการธนาคารเอ่ยปากพูด

“คุณว่าใครเป็นยาจก”คุณวรดรบันดาลโทสะ ถ้าเขาทำให้รพีพงษ์ไม่พอใจไปกว่านี้ คนที่ซวยที่สุดคงจะเป็นเขา

“คนๆนี้น่ะสิครับ คุณวรดร คุณอย่าโดนเขาหลอกล่อเลย บัตรดำธนาคารโลกอะไรนั่น ของแบบนี้ หลอกคนครับ”ผู้ จัดการธนาคารพูดเข้าข้างตนเอง

ครั้งนี้คุณวรดรยังไม่ทันพูดอะไร ผู้อำนวยการก็หันกลับมา จ้องตาถลึงใส่ผู้จัดการ พูดว่า”ว่าไงนะ! บัตรด่าของ ธนาคารโลก! ? ”

“ใช่นะสิครับ คนๆนี้หยิบบัตรดำขึ้นมา คุณวรดรบอกว่าเป็น บัตรดำธนาคารโลก”

ผู้จัดการยังพูดเข้าข้างตัวเองต่อไป

ผู้อำนวยการหันไปหารพีพงษ์ทันที ด้วยท่าทางที่นอบน้อม ขึ้นมามาก

“คุณผู้ชายครับ ขอโทษด้วยนะครับ กระผมขออนุญาตดู บัตรของท่านได้ไหมขอรบ”

รพีพงษ์ยื่นบัตรธนาคารของตนเองส่งให้

พอผู้อำนวยการดูแล้ว จึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วรีบโค้ง คำนับให้รพีพงษ์”คุณลูกค้าที่เคารพยิ่ง กระผมขออภัยอย่าง สูงในความยุ่งยากที่นำมาให้แก่ท่าน กระผมจะทำการอบรม และลงโทษพนักงานผู้ไม่นอบน้อมคนนี้อย่างเข้มงวด หวังว่า คุณท่านจะอภัยซึ่งความบกพร่องและผิดพลาดของพวกเรา ในครั้งกระนี้”

ผู้จัดการที่ยืนข้างๆเซ่อไปในบัดดล เขาไม่เข้าใจว่าทำไม เพื่อบัตรใบนี้ จู่ๆผู้อำนวยการ
ถึงได้นอบน้อมกับยกจกคนนี้ได้ขนาดนี้

“ผู้อำนวยการ ทำอะไรน่ะครับ บัตรใบนี้ไม่ใช่บัตรวีไอพี ของธนาคารเราสักหน่อย ทำไมต้องนอบน้อมด้วยขนาดนั้น ล่ะครับ” ผู้จัดการเปิดปากพูด

ผู้จัดการจ้องเขม็งให้ผู้จัดการสำนึก แล้วพูดขึ้น”บัตรของ คุณท่านน่ะ เป็นบัตรที่ธนาคารโลกผลิตออกมาอย่างจำกัด ทั่วโลกมีแค่หนึ่งร้อยใบ บัตรของคุณท่านน่ะใช้ได้ทั่วโลก และมีอภิสิทธิ์สูงสุด และรูดได้ไม่จำกัดวงเงิน ขอแค่คุณท่าน ประสงค์ จะรูดซื้อธนาคารเราก็ยังไม่มีปัญหาเลย ทีนี้คิดว่า สมควรแก่การนอบน้อมหรือยัง”

พอผู้จัดการฟังผู้อำนวยการพูดจบ หัวใจก็เต้นไม่เป็นระส่ำ มองไปที่รพีพงษ์อย่างหวาด

กลัว มาจนตอนนี้ เขาถึงได้รู้ว่าได้สร้างความขุ่นเคืองให้ บุคคลที่น่ากลัวเสียแล้ว

“คุณ…คุณผู้ชาย ขอโทษขอรับ คือก่อนหน้ากระผมหัว ร้อนไปหน่อย อภัยให้กระผมด้วยนะขอรับ”ผู้จัดการรีบโค้ง สุดตัวให้กับรพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจผู้จัดการแม้แต่น้อย เขาบอกกับผู้ อำนวยการว่า”ทำตามกฏของพวกคุณเถอะ ไม่อย่างนั้น กฏ ธนาคารของพวกคุณล่มแน่นอน”

ผู้อำนวยการรีบพยักหน้าเข้า หันไปมองผู้จัดการ พูด ขึ้น”พรุ่งนี้ไปยื่นใบลาออกที่ฝ่ายบุคคลซะนะ เรื่องนี้ผมช่วย คุณไม่ได้”

ผู้จัดการแทบจะร้องไห้ออกมา เขาเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการไม่เท่าไหร่ เดิมที่คิดว่าอนาคตก้าวไกลแน่นอน

และแล้วอนาคตอันก้าวไกลยังไม่ทันได้เริ่ม ก็โดนตัวเอง

ทำลายลงเสียนี่

ตอนนี้ต่อให้เสียใจสำนึก ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว

“คุณผู้ชายขอรับ เชิญตามกระผมมาทางนี้ หากท่าน ต้องการทำธุรกรรม กระผมสามารถช่วยเป็นธุระให้ขอรับ”ผู้ อำนวยการบอก

“ผมต้องการโอนเงิน “รพีพงษ์เปิดปากพูด

คนรอบๆตัวมองอย่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะ เป็นแบบนี้

“บัตรในมือคนๆนั้นเป็นบัตรจริงหรือบัตรปลอมน่ะ ดูเขาแต่ง ตัวสิ ไม่เหมือนคนมีตังค์เลย เขาคงไม่ไล่ผู้จัดการออก เพียง เพราะจะโอนเงินไม่กี่พันหรอกมั้ง”

“จๆ บัตรนั่นท่าจะเป็นของจริงนะ แต่ถ้าบัตรนั่นรูดไม่จำกัด วงเงิน เขาจะมาโอนอะไรล่ะ จะโอนก็น่าจะโอนได้ไม่มาก เสียดายก็แต่ผู้จัดการ โดนไล่ออกเพราะเรื่องแค่นี้”

ผู้จัดการฟังคนรอบข้างวิจารณ์แล้ว ในใจไม่พอใจยิ่ง ถ้ารพื พงษ์จะโอนแค่เงินไม่กี่พัน

แต่ต้องทำให้ตัวเองโดนไล่ออก แบบนี้ก็ไม่ยุติธรรมเกินไป อย่างไรเสียตู้ATMก็โอนเงินไม่กี่พันได้ เขาไม่ได้พูดอะไร ผิดนี่นา ก็แค่ท่าทีแย่หน่อย

“คุณผู้ชายครับ ขอเรียนถามว่าต้องการโอนเงินเท่าไหร่ ต่อให้จะไล่กระผมออก ก็ต้องให้กระผมไปแบบเข้าใจ อย่างไร เสียตู้ATMโอนเงินได้จริง ผมพูดแบบนี้เพื่อประสิทธิภาพการ ทำงานนะขอรับ”ผู้จัดการถามไปอย่างหน้าด้าน

รพีพงษ์ยิ้มให้ พูดขึ้น”หนึ่งร้อยล้าน ตู้ATMโอนได้ไหม” คนทั้งห้องโถงธนาคารเงียบลงด้วยความตกตะลึง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท