พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่82

บทที่82

บทที่82 หยิบของแล้วจ่ายเงินด้วย

ทุกคนต่างมองไปทางรพีพงษ์ คิดไม่ถึงว่าเขาจะแสดงท่าที ไม่กลัวตายออกมา แล้วเข้ามาจัดการเรื่องนี้

เสือพากลุ่มคนหยุดลง มองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าแสดงรอยยิ้มร้ายกาจ

“เจ้าหนู แกนี่มันหัวเหล็กจริงๆ แม้แต่เสืออย่างกูถึงก็กล้ามา ขวางทาง ถึงรู้ไหมว่าต่อไปกูจะทำอะไร ถึงได้กล้ามาขวางทา งกูเนี่ย”เสือหัวเราะเสียงเย็นชา

“ฉันไม่สนว่าพวกแกจะทำอะไรหยิบของไป ก็ต้องจ่าย เงิน”รพีพงษ์เปิดปากพูด คนรอบตัวต่างเข้ามามุงดูแล้วส่ายหน้า แม้ว่ารพีพงษ์จะทำ เรื่องที่ถูกต้องก็เถอะ แต่ว่าสำหรับพวกเขา ในยุคนี้ คนที่

แสดงความกล้าหาญ ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากคนที่โง่เขลา “เจ้าหนุ่มนี่โง่จริงๆ ไม่ดูเลยว่าทางนั้นมีคนกี่คน แถมยังมี รอยสักเต็มตัว ดูก็รู้ว่าเป็นพวกนักเลงหัวไม้ หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ แบบนี้ไม่น่าจะรอดไปได้ง่ายๆหรอก”

“เสือคนนี้ฉันรู้ดี ได้ยินว่าเป็นลูกน้องมือฉกาจของอินทัช แต่ตอนนี้อินทัชตายไปแล้ว เสือเลยขึ้นตำแหน่งมาแทน ข่าว ว่าเขาจะมาแทนที่อินทัช และเป็นสามราชันฟ้าคนใหม่”

“จ๊ๆ แหยมไม่ได้เลยนะนั่น ดูท่าเจ้าหนุ่มนั่นคงซวยแล้วล่ะ”

“ดูเถอะ ผอมบางขนาดนั้น อีกฝั่งก็ล่ำสันเหลือเกิน คิดว่า ฟาดลงมาไม่กี่ทีก็เดี้ยงเข้าโรงพยาบาลแล้วล่ะ”
เสือเห็นรพีพงษ์ดูไม่รู้ผิดชอบชั่วดี จึงเบ้ๆปาก

“เจ้าหนุ่ม จะบอกอะไรให้นะ กูยังมีเรื่องสำคัญต้องทำโว้ย ถ้ามึงไม่อยากเข้าโรงพยาบาล ก็รีบไสหัวไป ไม่งั้น อย่าหาว่า กูไม่เกรงใจ! “เสือพูด พลางกัดกินลูกท้อในมือ

เวลานี้เองเด็กน้อยวิ่งออกมาจากแผงผลไม้ กระตุกเสื้อรพี พงษ์ เปิดปากพูด”พี่ชายครับ อย่ายุ่งเรื่องนี้เลย พวกเขาคน เยอะ พี่สู้ไม่ไหวหรอกนะ”

รพีพงษ์ยิ้มให้เด็กน้อย เปิดปากพูด”ความถูกต้องในโลกนี้ น่ะ ไม่ได้วัดกันที่การต่อสู้หรอกนะ พวกเขาเอาของเธอไป ก็ ควรจะจ่ายเงิน ไม่อย่างนั้นสังคมก็วุ่นอีรุงตุงนังไปหมดน่ะสิ”

เด็กน้อยฟังคำพูดของรพีพงษ์ แล้วจึงแสดงสีหน้าเข้าใจกึ่ง ไม่เข้าใจ

คนรอบตัวต่างก็รู้สึกแสบจมูกกับคำพูดนี้ของรพีพงษ์ ต่อให้ สังคมมีกฎหมายก็เถอะนะแต่ว่าคนส่วนมากก็นิยมกฏหมู่อยู่ดี

“เช็ดแม่งเอ๊ย ยังจะมาถกความถูกต้องกับกูอีกนะ เชื่อมั้ยว่า กูจะทำให้ถึงรู้จักว่าอะไรคือความถูกต้องที่แท้จริง เซ็ง ฉิบหาย เสือกมาเจอพวกสมองกลวง”เสือเปิดปากด่าทอ

“เจ้าหนุ่ม อย่าไปต่อกรกับพวกเขาเลยนะ สู้เขาไม่ได้ หรอก”ในเวลานี้ผู้เฒ่าที่อยู่ข้างๆเปิดปากพูดขึ้น

คนรอบตัวต่างพยักหน้าตาม

รพีพงษ์ไม่ได้ใส่ใจคนที่มาห้าม หากแต่มองเสือแล้วพูดขึ้น อย่างเย็นชา “ฉันให้โอกาสแกแค่ครั้งเดียว เอาเงินให้เขาเดี๋ยวนี้ ฉันจะปล่อยแกไป ไม่อย่างนั้น บางทีความถูกต้องก็ ต้องใช้กำลังเข้าช่วย ”

เสือหัวเราะฮ่าๆเสียงดัง เขาหันไปมองลูกน้องของตนเอง เปิกปากถาม”เมื่อกี้พวกมึงได้ยินป่าววะว่ามันพูดอะไร กูไม่ได้ หูฝาดใช่ไหม”

“ลูกพี่ ไอ้นี่มันสมองกลวง อย่าไปพูดพล่ามทำเพลงกับมัน เลย ซัดมันสักทีมั้ย ให้มันรู้ฤทธิ์เดชเสียบ้าง!

“กูก็เพิ่งเคยเห็นคนสมองเสื่อมแบบนี้แหละว่ะ ยังมีหน้ามา ให้โอกาสพวกเราครั้งนึง กูว่ามันคงดูละครมากไป”

“ลูกพี่ เรายังมีงานใหญ่ต้องทำนะ ขยะแบบนี้ รีบกำจัดไป

เหอะ”

เสือหลุบตาลง พูดขึ้นทันที”แม่งเอ๊ย กูเกือบลืมเรื่องสำคัญ

ไปเลย ลุย เก็บมัน ถือว่าวอร์มอัพ”

คนด้านหลังของเสือบุกขึ้นไปหารพีพงษ์ทันที ต่างแสดงสีห น้านึกเหิม

รพีพงษ์มองเด็กที่อยู่ข้างๆตน แล้วป้องเด็กไว้ที่หลังตน จาก นั้นจึงพุ่งออกไป โชว์ฝีไม้ลายมือ

คนพวกนี้แม้ว่าแต่ละคนจะตัวล่ำสัน แต่เทคนิคตัวเบาของ รพีพงษ์ ไม่ต่างอะไรกับสี่ชั่ง

ถอนพันกรัม สู้ไม่กี่ที ก็ชัดพวกชายฉกรรจ์เหล่านั้นจน

หมอบ

เขาค่อนข้างเชี่ยวชาญในเรื่องสรีระศาสตร์ แต่ละกระบวนท่าของเขา ล้วนสกัดจุดที่อ่อน แอที่สุดของมนุษย์ แล้วผ่อน ลมหายใจออก พวกชายฉกรรจ์ต่างหมอบและกลิ้งไปบนพื้น

เสือเห็นสถานการณ์ ปากที่กำลังกัดลูกท้อไม่ขยับ เขาจ้อง มองรพีพงษ์ รู้ว่าคราวนี้ตัวเองเจอยอดฝีมือเข้าแล้ว

เขารู้ถึงพละกำลังตัวเองดีว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้รพีพงษ์ แน่นอน ดังนั้นในเวลาแรก เขาจึงเลือกที่จะวิ่งหนี

รพีพงษ์เห็นเสือวิ่งหนี จึงบุกขึ้นไป แล้วซัดเข้าที่ข้างหลัง

เสือ

เสือเห็นว่าตัวเองไม่สามารถถอนตัวจากรพีพงษ์ได้ จึงหยุด

แล้วปล่อยหมัดไปที่

รพีพงษ์

หมัดนี้ไม่เบา ถ้าเป็นคนธรรมดาโดนข้า คงกระดูกแตกเป็น

ท่อนๆไปแล้ว

รพีพงษ์เงื้อมือขึ้น กุมหมัดเขาไว้ แล้วดุนลงล่าง ปล่อย ฝ่าเท้าออกไป เตะอีกฝ่ายกระเด็นท้องหงาย

เสือต้านแรงรพีพงษ์ไม่ไหม จึงฟาดล้มลงไปบนพื้น

แรงของเขาปะทะกับอินทัชได้เลย เสียดายที่ตอนที่รพีพงษ์ เก็บอินทัช ไม่ต้องใช้แรงมาก ขนาดนี้

เสือล้มลง จึงคิดจะลุกขึ้นวิ่งหนี แต่รพีพงษ์ไม่ให้โอกาส เขา กระทืบเท้าลงพื้น จากนั้นย่อลง แล้วซัดหมัดใส่เขาหลายหมัด

“พี่…พี่ชาย พอเถอะ ผมสำนึกแล้ว ผมให้เงิน ผมให้เงิน ปล่อยผมไปเถอะ”เสือ อ้อนวอน

คนรอบตัวต่างตกตะลึง ชายฉกรรจ์แบบนี้ กลับโดนรพีพงษ์เก็บซะเรียบ

ทุกคนต่างคิดว่าเสือเป็นคนโหดร้าย รพีพงษ์เจอเขาเข้า ต้องซวยแน่นอน

ตอนนี้พวกเขารู้แล้ว รพีพงษ์โหดร้ายกว่า

รพีพงษ์วางมือ ยื่นมือให้เสือ พูดเสียงเย็นชา “เอาเงินมา”

เสือไม่พูดพล่ามทำเพลงรีบควักเงินในกระเป๋าให้ เดิมที่เขาคิดว่าพอทำธุระสำคัญเสร็จ จะพาพี่น้องไปดื่ม เหล้าสักหน่อย จึงพกเงินมาสอง

หมื่น จู่ๆต้องมาควักให้รพีพงษ์

“ยังมีพวกแกอีก”รพีพงษ์หันหน้าไปพูดกับพวกที่กองบนพื้น

ทุกคนต่างควักเงินออกมาจากกระเป๋า แล้วส่งให้ พวกเขาไม่ได้มีเงินแบบเสือ ทุกคนรวมกัน ก็รวมกันไม่ถึง

ห้าพัน

หลังจากที่รพีพงษ์นับเงิน จึงพูดกับเสือว่า”ต่อไปเอาของคน อื่นต้องให้เงิน ไม่อย่างนั้นความถูกต้องจะมาลงทัณฑ์พวก แก”

เสือรีบพยักหน้าแล้วพูดขึ้น”ครับ ครับ พี่ใหญ่ รู้แล้วครับ ต่อ

ไปผมให้เงินแน่นอน”

“ไสหัวไป”

คนกลุ่มนี้พยายามคลานขึ้นมาจากพื้น แล้วเผ่นอ้าวไป โดยที่ไม่หันหลังกลับ

รพีพงษ์เดินไปหยุดข้างเด็ก ยิ้มให้ พูดว่า”ยืนหยัดในความถูกต้องนะ แล้วจะได้ผลดีเอง”

จากนั้นเขาจึงส่งเงินให้เด็ก

“หนูบอกว่าพ่อหนูป่วย ต้องใช้เงินรักษา เงินพวกนี้อาจไม่ มาก รับไว้ก่อนแล้วกัน ถือว่าเขาบริจาคให้” รพีพงษ์เอ่ยปาก

พูด

หลังจากที่เด็กน้อยได้ฟัง จึงรีบส่ายหน้า พูดขึ้น”พี่ชาย เป็น คนดี สู้จนคนร้ายหนีไป เงินนี้ให้พี่ครับ”

“พวกเขากินผลไม้หนูไปนะ เงินนี่น่ะค่าผลไม้ “รพีพงษ์ยัด เงินใส่มือเด็ก

เด็กน้อยทำหน้าเหลอหลา ไม่รู้จะเอาไงดี

“เก็บแผงผลไม้แล้วไปหาพ่อเถอะ ต่อไปอย่าออกมาขาย ผลไม้คนเดียวอีกล่ะ”

รพีพงษ์กำชับขึ้นมาคำหนึ่ง แล้วเดินจากไป

หลังจากที่รพีพงษ์จากไป ทุกคนก็พูดกันไม่หยุด ต่างก็อด ทายไม่ได้ว่ารพีพงษ์เป็นใครกันแน่

ตลอดทางที่มาสตาร์กาย รพีพงษ์เดินเข้าไป เห็นธฤตญาณ

ไตรทศและเจ้าอ้วนสามคน กำลังนั่งล้อมวงกันบนโซฟาใน โถง สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม

“เป็นอะไรกันเนี่ย แต่ละคนหน้านิ่วคิ้วขมวด”รพีพงษ์ยิ้ม พลางพูด

ทั้งสามคนเงยหน้ามองรพีพงษ์ เจ้าอ้วนลุกขึ้นยืน พูดกับรพี พงษ์ว่า”อาจารย์ครับ ดูเอาเถอะ ให้ผมอยู่กับคนๆนี้อยู่ได้ เจ้า นี่มันจนจนแทบจะไม่มีข้าวกินอยู่แล้ว ตอนนี้กำลังกลุ่มเรื่องเงินอยู่”

รพีพงษ์ยิ้ม คิดไม่ถึงว่า เขาจะกลุ่มเรื่องเงิน

“ทำไมถึงกลุ่มเรื่องเงินล่ะ ไหนว่ามาสิ” รพีพงษ์เปิดปากพูด

“นั่นสินะ เมื่อสองวันก่อนฉันขอให้เจ้าอ้วนช่วยคำนวณ บัญชีของเรา โดยวิธีการทำรายการ เพื่อดูว่าเราต้องใช้เงิน เท่าไหร่ในอนาคต เพื่อรักษาการทำงานตามปกติ เจ้าอ้วนจึง บอกว่า เงินเราหมุนได้มากสุดสามเดือน หลังจากนี้สตาร์กาย ก็เลี้ยงคนไม่ได้มากขนาดนี้แล้วล่ะ แล้วจะค่อยๆขาดทุนจน ปิดตัวลง “ธฤตญาณกล่าว

รพีพงษ์ผงะ เขาไม่คาดคิดว่าธฤตญาณจะมีปัญหา เศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่นี่

เมื่อก่อนไตรทศเป็นผู้รับผิดชอบด้านนี้ เขาไม่ได้พิจารณา ประเด็นเหล่านี้เลย เขาจะเก็บค่าคุ้มครองจากกองกำลังเล็ก ๆ รอบตัวเขาในยามที่เขาไม่มีเงินเท่านั้น

ตอนนี้ธฤตญาณบริหาร และเจ้าอ้วนทำบัญชี ปัญหาจึง ค่อยๆชัดเจนขึ้น

“ฉันสงสัยว่าเจ้าอ้วนคิดบัญชีผิด เราดวงดีจะตายที่เมืองกรี นโคล เราไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้” ธฤตญาณกล่าว

“ตดเถอะ! กูคิดบัญชื่ออย่างดี แกโชคดีในเมืองกรีนโคล ตอนนี้เรากุมเมืองริเวอร์ได้ ถ้าไม่คิดให้ละเอียด ต่อไปจะมี ปัญหา ” เจ้าอ้วนโต้กลับทันที

รพีพงษ์พยักหน้าและกล่าวว่า “บัญชีนั้นชัดเจนและไม่มี อันตรายใด ๆ ค่าใช้จ่ายในการรักษาการทำงานตามปกติมีค่า ใช้จ่ายเท่าไหร่?”
เจ้าอ้วนมองรพีพงษ์ เปิดปากพูด”ถ้าหมุนได้ดี ให้ฉันร้อย ล้าน รับประกันว่าจะคุมเมืองริเวอร์ได้ แล้วก็หมุนได้ดีด้วย”

“แต่อย่าคิดให้ฉันควักเงิน ฉันมาทำงาน พวกนายต้องจ่าย เงินเดือนให้ฉัน น้อยไปนิดก็ไม่ได้”

ธฤตญาณกับไตรทศจ้องเขม็ง เห็นได้ชัดว่าไม่สบอารมณ์ พวกเขารู้ดีว่าร้อยล้านไม่ได้เล่นกันง่ายๆ ต่อให้เป็นรพีพงษ์

เกรงว่าก็ไม่น่าจะมีเยอะ ขนาดนั้น

เดิมทีรพีพงษ์คิดว่าจะต้องการมากเท่าไหร่เชียว คิดไม่ ถึงว่าเอาแค่ร้อยล้าน เงินแค่นี้สำ

หรับเขา ก็เป็นแค่ขนเส้นเดียวของวัวเก้าตัว

เขาอยากบอกธฤตญาณว่าเงินไม่ใช่ปัญหา แต่ในเวลาแบบ นี้ สตาร์กายมีพวกเสเพลรวมตัวกันเต็มไปหมด

คนพวกนี้มุทะลุดุดัน พอคนมาตะโกนอยู่ในห้องโถง

“ธฤตญาณ ไสหัวออกมา เมืองริเวอร์ไม่มีที่ให้คนอย่างแก ซุกหัว วันนี้พวกเราจะถล่มแก!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท