พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 74

บทที่ 74

บทที่ 74 ให้เขาทั้งสองคนหย่ากัน

ศศินัดดามองอารียาอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่เป็นครั้ง แรกที่อารียาแสดงท่าทีกับรพีพงษ์ต่อหน้าของเธอ

หลังจากที่อารียาพูดจบ เธอก็พารพีพงษ์กลับห้อง

ศศินัดดาโกรธจนกระทืบเท้า กัดฟันกรอดแล้วพูดออก มาว่า “ไอ้นี่มันควรตาย รอฉันก่อนเถอะแก ไม่ช้าก็เร็วฉัน จะหาโอกาสไล่แกออกจากบ้าน!”

ภายในห้อง

“รพีพงษ์ นายจะช่วยให้ฉันเจรจาโครงการนี้ให้สำเร็จ จริงเหรอ” อารียาเอ่ยถาม

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณคิดว่าผมดูเหมือนคนที่คิด จะทำร้ายคุณไหม”

“ไม่เหมือนสักหน่อย แต่ว่าโครงการนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปไม่ยอมมาร่วมมือกับบริษัทเล็กๆ แบบเราแน่นอน ถ้ามันไม่ได้จริงๆ ฉันจะไปหาเจตนิพัทธ์ เขาเป็นคนของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป” อารียาก้มหน้าพูด

รพีพงษ์อึ้งไป เขาลืมไปเลยว่าเจตนิพัทธ์เป็นคนของ บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป เหมือนกับว่าเขาจะดูแลสำนักงาน สาขาบริษัทซันบับเบิล
“เจตนิพัทธ์คิดไม่ดีกับคุณ ผมไม่ยอมให้เขาใช้เรื่องนี้ มาเอาเปรียบคุณหรอก คุณวางใจเถอะ โครงการนี้ บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปไม่ให้คนอื่นทำหรอก” รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูดขึ้น

อารียาเม้มปากไม่ได้พูดอะไรออกมา

เธอรู้ว่ารพีพงษ์ไม่ชอบเจตนิพัทธ์ เธอก็ไม่ชอบเหมือน กัน แต่ว่าเรื่องครั้งนี้มันสำคัญมาก แม้ว่ารพีพงษ์จะรู้จัก คนในบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป แต่ก็ไม่ได้มีอิทธิพลต่อการ ตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูงของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปหรอก

เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน เธอควรจะไปหาเจตนิพัทธ์

ในเมื่อรพีพงษ์ไม่อยากให้เธอไปหาเจตนิพัทธ์ งั้นก็ไม่ ต้องบอกเรื่องนี้กับเขา

วันต่อมา ภายในร้านกาแฟร้านหนึ่งของเมืองริเวอร์ อารียานั่งอย่างระแวดระวังอยู่ตรงข้ามกับเจตนิพัทธ์ สีหน้าของเธอดูลำบากใจ ดูเหมือนว่ามีเรื่องอะไรกลุ้มใจ

“อารี คุณมาหาถูกคนแล้วจริงๆ คนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ คือผมเอง ถ้าจะเอาโครงการนี้ให้ตระกูลฉัตรมงคล ขอ เพียงแค่เอ่ยปากเท่านั้น” เจตนิพัทธ์พูดอย่างพออก พอใจ

อารียารีบเบิกตาโต คิดไม่ถึงว่าคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้

จะเป็นเจตนิพัทธ์
เธอคิดในใจว่ายังดีที่เธอมาหาเจตนิพัทธ์ก่อน ไม่งั้นถึง แม้รพีพงษ์จะรู้จักคนในบริษัทนั่น ดูจากความสัมพันธ์ ของเขากับเจตนิพัทธ์แล้ว เจตนิพัทธ์คงจะไม่ยอมช่วย เขาแน่

“งั้นคุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม สำหรับตระกูลเราแล้ว โครงการนี้สำคัญมากและมันก็สำคัญสำหรับฉันด้วย” อารียาพูดอ้อนวอน

เจตนิพัทธ์หัวเราะแล้วพูดว่า “อารี จากความสัมพันธ์ ระหว่างเรา การที่ผมช่วยคุณก็เป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่ แล้ว”

อารียาได้ยินที่เขาพูดก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที

“แต่ว่า คุณก็รู้ว่าผมคิดยังไงกับคุณ ตั้งแต่ มหาวิทยาลัยผมก็มีใจให้คุณมาตลอด ต่อให้ตอนนี้คุณ แต่งงานแล้ว ผมก็ไม่ยอมแพ้”

“อีกอย่างรพีพงษ์ก็แค่สวะ เขาไม่คู่ควรกับคุณแม้แต่ น้อย การที่คุณอยู่กับเขามันไม่เป็นธรรมกับคุณจริงๆ เงื่อนไขของผมคุณก็รู้ดี อีกทั้งโครงการครั้งนี้มันมีมูลค่า ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ ผมสามารถหาเงินให้คุณ ใช้ได้ทั้งชีวิตจากโครงการนี้”

“ขอแค่คุณยอมหย่ากับรพีพงษ์แล้วแต่งงานกับผม ผม รับรองว่าจะเอาโครงการนี้ให้ตระกูลฉัตรมงคล คุณว่า ไง”
เดิมที่เธอคิดว่าเจตนิพัทธ์ยอมช่วยเธอเพราะเห็นแก่ ความเป็นเพื่อน แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเจตนิพัทธ์จะให้เธอ หย่ากับรพีพงษ์

สำหรับเรื่องนี้ อารียาคิดว่ามันคงไม่ต้องพูดอะไรอีก แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะไม่หย่ากับรพีพงษ์

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้ว ฉันจะหาวิธี จัดการกับโครงการนี้เอง”

อารียาลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านกาแฟ

“อารี คุณจะไม่คิดสักหน่อยเหรอ ไอ้สวะนั่นมันมีดี 16 อะไร คุณแต่งงานกับผม ต่อไปคุณจะได้เสวยสุขอย่าง ไม่มีที่สิ้นสุด” เจตนิพัทธ์เห็นอารียามีความแน่วแน่เช่น นั้น เขาก็กระวนกระวายขึ้นมาทันที

อารียาไม่หันกลับมาอีก เธอเดินตรงออกจากร้าน

กาแฟ

เจตนิพัทธ์ก่นด่าอยู่ในใจ ไอ้สวะรพีพงษ์มันใช้วิธีอะไร กันแน่ ถึงทำให้อารียาไม่ยอมเปลี่ยนใจจากมัน

เจตนิพัทธ์ยกกาแฟขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด เขาคิดว่า อารียาเป็นผู้หญิงที่โง่จริงๆ ขณะที่เขากำลังหงุดหงิดอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีผู้หญิงหน้าตา

สวยมานั่งตรงข้ามแล้วยิ้มให้เขา

ที่แท้ก็คือชรินทร์ทิพย์ที่แอบตามอารียามานั่นเอง!
11.นานนาน

เจตนิพัทธ์รีบจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองแล้วพูดอย่าง สุภาพออกไปว่า “ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงท่านนี้มีเรื่อง อะไรหรือเปล่าครับ”

“คุณเป็นเพื่อนของอารียาเหรอ” ชรินทร์ทิพย์เอ่ยถาม

“ใช่ครับ คุณเป็นใคร” เจตนิพัทธ์เอ่ยปากถามเช่นกัน

“ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ” ชรินทร์ทิพย์ตอบ

“ถ้าคุณจะมาช่วยเธอพูดเรื่องโครงการของบริษัท คุณ ก็กลับไปเถอะ” เจตนิพัทธ์เอ่ยขึ้น

ชรินทร์ทิพย์หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้จิตใจ ดีขนาดที่จะมาช่วยเธอคุยเรื่องนั้นหรอก ฉันแทบจะไม่ อยากให้เธอได้โครงการนี้”

เจตนิพัทธ์อึ้งไป เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ชรินทร์ทิพย์ ต้องการจะสื่อ

“งั้นคุณมาทำไม” เจตนิพัทธ์เอ่ยถาม

“เมื่อครู่ฉันได้ยินสิ่งที่พวกคุณคุยกันหมดแล้ว ฉันมีวิธี ที่จะทำให้อารียาตกเป็นของคุณ” ชรินทร์ทิพย์พูดขึ้น

เธอไม่อยากให้อารียาทำโครงการนี้สำเร็จ แต่ตอนนี้ดู เหมือนว่าเธอจะเจอวิธีที่ดีกว่าที่จะจัดการกับอารียา อีก อย่างถ้าเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจตนิพัทธ์ ไม่แน่เธอ อาจจะได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้ไม่น้อย

เมื่อเห็นท่าทางของเจตนิพัทธ์ที่เต็มไปด้วยความสงสัยเธอจึงอธิบายความสัมพันธ์ของเธอกับอารียาให้เขาฟัง หลังจากที่เขาฟังจบ จึงเข้าใจว่าทำไมชรินทร์ทิพย์ถึงมา หาเขา

“คุณพูดว่ามีวิธีที่จะทำให้ผมได้อารียา วิธีอะไรเหรอ”

เจตนิพัทธ์เอ่ยถาม

“ในตระกูลฉันมีตำแหน่งสูงกว่าอารียามาก ถ้าฉันไป บอกคุณปู่ว่าให้อารียาแต่งกับคุณ คุณจะยอมยก โครงการนี้ให้ตระกูลเรา คุณว่าคุณปู่จะทำยังไง” ชริน ทร์ทิพย์พูด

แววตาของเจตนิพัทธ์เป็นประกาย แต่เขาก็ถามขึ้น ด้วยความสงสัย “แต่ว่าปู่ของคุณจะยอมเปลี่ยนการ แต่งงานตามอำเภอใจเพราะโครงการนี้นะเหรอ”

“คุณวางใจเถอะ คนทั้งเมืองริเวอร์รู้กันหมดว่ารพีพงษ์ เป็นไอ้สวะ ปู่ของฉันก็รำคาญเขา ถ้าให้เทียบกับคุณ เขาคงแทบไม่ต้องคิดอะไรเลยล่ะ ปู่ต้องเลือกคุณ แน่นอน อีกอย่างปู่ยังให้ความสำคัญกับโครงการนี้มาก นิมาก แน่นอนว่าเขาไม่สนใจความรู้สึกของรพีพงษ์หรอก” ชริน ทร์ทิพย์พูดด้วยความไม่พอใจ

เจตนิพัทธ์หัวเราะออกมา ถ้าชรินทร์ทิพย์ยอมช่วยเขา จริงๆ ไม่แน่เรื่องนี้อาจจะสำเร็จก็ได้

“งั้นถ้าเป็นเช่นนี้ คุณก็ช่วยอารียาแล้วไม่ใช่เหรอ” เจต นิพัทธ์ยิ้มแล้วพูดขึ้นมา
แจ้งรายงาน

“ชิ ไม่นับว่าฉันช่วยเธอหรอก ดูท่าเธอแล้วคงไม่อยาก หย่ากับรพีพงษ์ แต่ฉันชอบทำอะไรตรงกันข้ามกับเธอ อีกอย่างหลังจากเรื่องนี้แล้ว พวกเราก็นับว่าเป็น พันธมิตรกันแล้ว ฉันอยากจะได้ประโยชน์อะไรจากคุณ สักหน่อย คงจะไม่ยากหรอกใช่ไหม” ชรินทร์ทิพย์ยิ้ม แล้วพูดขึ้นมา

เจตนิพัทธ์ยื่นมือออกไปลูบมือของชรินทร์ทิพย์ พูด ด้วยท่าทีหยาบคาย “ผลประโยชน์น่ะมีอยู่แล้ว แต่ว่า… ผมว่าคุณก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอารียา เราไปหาอะไรสนุกๆ ทำกันดีไหม”

เขาไม่ใช่สุภาพบุรุษ ที่ชอบอารียาก็เพราะชอบรูปร่าง ภายนอกของเธอ ชรินทร์ทิพย์ก็ถือว่าเป็นคนสวย แน่นอนว่าความคิดของเขาก็เริ่มเอนเอียง

ชรินทร์ทิพย์ดึงมือของตัวเองกลับมา เธอมองเจตนิ พัทธ์ด้วยท่าทีรังเกียจ “เรื่องนี้ก็เอาอย่างนี้ละกัน ฉันช่วย ให้คุณได้ตัวอารียา เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็แบ่งผล ประโยชน์ให้ฉันด้วย”

เธอคิดมาโดยตลอดว่าตัวเองจะต้องแต่งงานกับ คนรวย แม้ว่าเจตนิพัทธ์จะเป็นคนของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป แต่เธอก็คิดว่าเขาไม่คู่ควรกับเธอ

เพราะฉะนั้นเธอจะไม่ให้เขาเอาเปรียบเธอ ทั้งสองแค่ ร่วมมือกันเท่านั้น

ชรินทร์ทิพย์พูดจบก็ออกจากร้านกาแฟ เธอจะไม่ให้แต่งรายงาน

เจตนิพัทธ์มีโอกาสเอาเปรียบเธอเด็ดขาด

เจตนิพัทธ์ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร แววตาของเขาแปร เปลี่ยนเป็นความนิ่ง “อารียา ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วเธอก็ ต้องเป็นผู้หญิงของฉัน เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะให้ไอ้สวะรพี พงษ์เห็นภาพที่เธอนอนอยู่ในอ้อมอกของฉันด้วยตาของ มันเอง!”

อารียากลับถึงบ้าน สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความผิด หวัง หลังจากที่รู้ว่าเจตนิพัทธ์เป็นคนรับผิดชอบ โครงการนี้ เธอยังรู้สึกดีใจ ไม่ว่ายังไงเธอกับเขาก็เป็น เพื่อนกันมานาน พูดอะไรก็คงจะง่ายขึ้น

แต่ทว่าเธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะให้เธอหย่ากับรพีพงษ์ เรื่องนี้ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่สามารถทำได้

ไม่รู้เมื่อไรที่เธอเริ่มที่จะห่างจากรพีพงษ์ไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะคิดเรื่องหย่า แต่ตอนนี้เธอจะ ไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด

รพีพงษ์เห็นอารียาดูกลุ้มใจ เขาจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “เป็น อะไรไป มีอะไรกลุ่มใจหรือเปล่า”

อารียาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร แค่ทำงาน เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ”

เธอกะว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับรพีพงษ์ อีกอย่างถ้าเขารู้ เขาต้องไม่พอใจแน่นอน

“พรุ่งนี้ผมจะไปคุยเรื่องโครงการที่สำนักงานสาขาบริษัทซันบับเบิล คุณจะไปกับผมไหม” รพีพงษ์เอ่ยถาม

อารียาเม้มปาก เดิมที่เธออยากจะบอกเขาว่าคนที่รับ ผิดชอบโครงการนี้คือเจตนิพัทธ์ และเจตนิพัทธ์ก็ไม่ ยอมให้โครงการนี้กับตระกูลเราแน่นอน

แต่คำพูดมันติดอยู่ที่ปาก เธอเริ่มลังเลขึ้นมา เธอคิดใน ใจว่าตอนนี้ไม่ควรจะบอกรพีพงษ์ก่อน ถ้าเขาอยากให้ เพื่อนเขาช่วยก็ลองให้เขาไปลองดูก่อน

“ฉันไม่ไปแล้ว พรุ่งนี้ฉันต้องทำงาน ถ้าเพื่อนของนาย ช่วยได้จริงๆ งั้นก็ลองดูเถอะ” อารียาพูด

รพีพงษ์ไม่ได้คิดมากอะไร เมื่อเห็นว่าอารียาพูดเช่นนี้ เขาก็พยักหน้าให้เธอ

ในเวลาเดียวกันภายในคฤหาสน์ตระกูลฉัตรมงคล ชรินทร์ทิพย์นั่งอยู่ข้างนภทีป์ เธอพูดบิดเบือนเรื่อง ระหว่างอารียากับเจตนิพัทธ์

หลังจากที่นภทีปได้ฟัง แววตาของเขาก็เป็นประกาย และยิ้มอย่างมีเลศนัย

“แกบอกว่า ผู้จัดการของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป ต้องการให้อารียาหย่ากับรพีพงษ์ ถึงจะยอมยกโครงการ นี้ให้ตระกูลเรางั้นเหรอ” นภทีป์เอ่ยถาม

ชรินทร์ทิพย์รีบพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่แล้วค่ะ วันนี้ เขาพูดออกมาจากปากตัวเอง คุณปู่ ไอ้สวะรพีพงษ์นั่น ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับตระกูลเราแม้แต่นิดเดียว ให้อารียาเลิกกับมันแล้วไปแต่งกับผู้จัดการนั่นยังดีเสียกว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะ คะ”

นภทีป์มีสีหน้าแห่งความคาดหวัง จากนั้นก็ยิ้มออกมา

แล้วพูดขึ้นมาว่า “แกพูดถูก ไอ้สวะรพีพงษ์ มันไม่เหมาะ

กับผู้หญิงของตระกูลฉัตรมงคลสักนิด ฉันอยากไล่มัน ออกจากตระกูลตั้งนานแล้ว” “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ทำให้มันหย่ากับอารียา ตระกูล ของเราจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะมันอีก!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท