พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่83

บทที่83

บทที่83 หาเรื่อง

รพีพงษ์หันออกไปมองด้านนอก แล้วถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น

เหรอ”

ธฤตญาณฝืนยิ้ม แล้วพูดขึ้น”ช่วงนี้พัฒนาได้ค่อนข้างเร็ว สร้างความไม่พอใจให้หลายคน มักจะมีนักเลงมาหาเรื่อง เรื่องนี้เดี๋ยวไตรทศก็จัดการเองแหละ”

ไตรทศใช้มือถูกำปั้น หักนิ้วทั้งสองมือดังกร๊วบๆ

“แม่งเอ๊ย กำลังคันไม้คันมือพอดี ก็ใช้มันเป็นกระสอบทราย แล้วกันวะ”

เจ้าอ้วนเห็นสถานการณ์ด้านนอก จึงรีบวิ่งไป เปิดปาก พูด”พวกนายออกไปก่อน ฉันปวดท้อง จะไปห้องน้ำ เดี๋ยว ตามไปสมทบ”

เจ้าอ้วนค่อนข้างขี้ขลาด ทุกครั้งเวลาเจอเรื่องแบบนี้ ก็มัก

จะหลบ

ธฤตญาณกับไตรทศชินชาเสียแล้ว เลยไม่พูดอะไร รพี พงษ์ไม่ได้ใส่ใจ อย่างไรเสียเจ้า อ้วนก็มาช่วยธฤตญาณทำ

บัญชี

ทั้งสามคนเดินออกมาจากสตาร์กาย ยืนต่อหน้านักเลง หัวไม้ทั้งหมดยี่สิบคน หัวโจกที่นำเป็นนักเลงวัยรุ่นผมทอง ในมือถือมีด สีหน้า

ดุร้าย ท่าทางเหมือนไปฆ่าไก่มา “พวกแกสามคน ใครคือธฤตญาณ”วัยรุ่นผมทองถาม
ธฤตญาณก้าวขึ้นหน้า เปิดปากพูด”ฉันเอง แกคิดจะทำไร”

วัยรุ่นผมทองมองธฤตญาณตั้งแต่หัวจรดเท้า แค่นหัวเราะ พูดว่า”คิดว่าจะแน่สักแค่ไหน ดูๆไปก็เหมือนคนขายโรตีไข่

จริงๆ”

รพีพงษ์กับไตรทศหัวเราะเสียงดังฮ่าๆ รพีพงษ์มองธฤต ญาณที่หนึ่ง ในใจคิดว่าเจ้าผม

ทองนี่มองคนได้แม่นดีจริงๆ

ธฤตญาณโมโหหน้าเขียว ถลึงตาจ้องวัยรุ่นผมทองพูด

ะ ว่า”ดังนั้นพวกแกเลยมารนหาที่ตาย”

วัยรุ่นผมทองเบ้ปาก พูดขึ้น”พวกข้าก็มาแทนแกไง แกไอ้ธ ฤตญาณเป็นตัวอะไรวะ เมือง ริเวอร์จะต้องมีที่ให้เรา ส่วนแก ก็เป็นหินให้พวกเราเหยียบ! ”

“ฉันก็จะไม่รังแกพวกแก พวกแกก็เรียกคนของพวกแกออก มา แค่พวกแกสามคน ไม่พอค่าน้ำจิ้มโว้ย”

ในเวลานี้ไตรทศเดินขึ้นหน้า พูดขึ้น”พวกเราสามคนก็มาก พอละ สำหรับเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบพวกแก กูคนเดียวก็ เหลือแหล่ละ”

วัยรุ่นผมทองมองไปที่ไตรทศ พินิจอย่างละเอียดตั้งแต่หัว จรดเท้า แล้วถามขึ้น”แกเป็นใครอีก”

“กู ไตรทศ มีไร ไม่เคยได้ยินหรือไง”ไตรทศเปิดปากพูด

วัยรุ่นผมทองชะงักในใจ แน่นอนว่าย่อมเคยได้ยินชื่อ ไตรทศ เขาเป็นคนเหี้ยมโหดมาก แต่แค่ไม่รู้ว่าไตรทศเป็นก ลุ่มเดียวกันกับธฤตญาณ เลยคิดว่าไตรทศโม้
“ถ้าแกแม่งเป็นไตรทศ กูก็เป็นคนตระกูลกุลสวัสดิ์เมืองริ เวอร์ละ ไม่ต้องมาแกล้งโม้หรอก ไตรทศจะมาโผล่ตรงนี้ได้ไง กัน”วัยรุ่นผมทองเปิดปากพูด

“นั่นสิ ไม่หัดตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาบ้างล่ะ สารรูป แบบแก จะเทียบกับไตรทศได้ไง”

“ลูกพี่ อัดมันสักทีดีไหม ดูว่ามันยังกล้าปลอมตัวเป็นคนอื่น หรือเปล่า! ”

พวกหนุ่มๆโห่ร้องเอ็ดตะโร

สีหน้าไตรทศบึ้งขึ้นมาโดยพลัน เขาคิดไม่ถึงว่า คนพวกนี้ ไม่เชื่อในคำพูดของเขา

ทีนี้ถึงคราวที่ธฤตญาณจะหัวเราะไตรทศเข้าบ้าง เมื่อกี้ ตอนที่ไตรทศหัวเราะเขา เขาค่อนข้างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ จึงถือโอกาสนี้ หัวเราะเยาะคืนบ้าง

ในตอนนี้คนๆหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆวัยรุ่นผมทองได้มองมาที่รพี พงษ์ เขาหรี่ตาลง จากนั้นจึงพูดกับวัยรุ่นผมทองว่า “ลูกพี่ เจ้า นั่นดูคุ้นๆนะ เหมือนสวะที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเมืองริเวอร์ เลย”

วัยรุ่นผมทองจ้องรพีพงษ์ตาไม่กระพริบ พูดขึ้นว่า”สวะงั้น เหรอ แกหมายถึงรพีพงษ์เหรอ”

“ใช่ มันนั่นแหละ เมื่อก่อนผมเคยเห็น มันมาอยู่นี่ได้ไง”

วัยรุ่นผมทองจ้องรพีพงษ์ตาไม่กระพริบ ในใจคิดว่าสวะ อย่างรพีพงษ์มาอยู่นี่ งั้นคนที่อ้างว่าเป็นไตรทศต้องเป็นพวก ต้มตุ๋นแน่เลย
ไตรทศจะมาอยู่กับสวะอย่างรพีพงษ์ได้ไง ต้องเป็นของ ปลอมแน่ๆ

“แม่งเอ๊ย เป็นสวะนั่นจริงๆด้วย ธฤตญาณ ดูท่าพวกเราจะ ประเมินแกสูงไป คิดไม่ถึงว่าคนในมือแก จะเป็นไอ้สวะแบ บนิ้ว่ะ”หนุ่มผมทองหัวเราะฮ่าๆเสียงดัง

“สวะแบบนี้นะซัดทีเดียวได้สิบคนเลยนะ ว่ากันว่าธฤต ญาณฝีมือพอๆกับไตรทศเลย มาดูตอนนี้ คิดว่าโม้”

“สวะอย่างรพีพงษ์ยังกล้ามาเทียบชั้นกับเรา จะบอกให้รีบ หนีไปเถอะ จะได้ไม่ต้องตกใจจนฉี่ราด”

ธฤตญาณกับไตรทศหันไปมองรพีพงษ์ แล้วก็หัวเราะขึ้นมา ตอนนี้ทั้งสามคนติดกับแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครได้หัวเราะใครทั้ง สิ้น

รพีพงษ์จ้องมองพวกเขาทั้งสอง ทั้งสองคนจึงเงียบปากลง รพีพงษ์ยิ้มให้พวกเขา พวก เขาไม่กล้าพูดอะไร แต่ว่าพวก เขาหัวเราะรพีพงษ์ ก็ต้องคิดว่าจะโดนรพีพงษ์เก็บไหม

“รีบจัดกันซะ อย่ามาเสียเวลากับเรื่องเล็กๆน้อยๆเลย”รพี

พงษ์เปิดปากพูด

ธฤตญาณกับไตรทศต่างพยักหน้า

หนุ่มผมทองเห็นว่าในบรรดาสามคน รพีพงษ์เป็นคนที่มี สิทธิมีเสียงที่สุด ในใจรู้สึกกังขา แต่ว่าพวกเขาค่อนข้างดูแค ลนธฤตญาณ คนที่ต้องฟังคำสั่งสวะ จะแน่สักแค่ไหน

“ฉันก็คิดว่าธฤตญาณจะแน่สักแค่ไหน คิดไม่ถึงว่ากลัวไอ้สวะนี้เอง เสียชื่อเปล่าๆ วันนี้กำจัดพวกแก เมืองริเวอร์ของเรา ก็จะได้สูงขึ้นมาหน่อย พวกแกก็คือหินใต้เท้าของพวกเรานี่ แหละ! “วัยรุ่นผมทองประกาศก้อง

ไตรทศเดินขึ้นหน้า พูดขึ้นว่า “หยุดพล่ามสักที จะมาก็มา พร้อมกันทีเดียว กูไม่อยากเสียเวลา”

“เย็ดแม่งเอ๊ย ยังมีหน้ามาโม้อีกนะ เป็นสวะแบบรพีพงษ์ แล้วจะทำไรได้ พี่น้อง ในเมื่อพวกมันไม่รู้ผิดชอบชั่วดี พวก เราลุย ให้พวกมันลิ้มรสความร้ายกาจเสียบ้าง! ”

วัยรุ่นผมทองบุกไปทางไตรทศ โดยไม่เห็นไตรทศอยู่ใน

สายตา

ไตรทศเบ้ปาก กำลังคนพวกนี้เมื่อเทียบกับเขาแล้วก็เป็นแค่ มด จะจัดการน่ะเหร แค่เป่าก็กลายเป็นผุยผงแล้ว

เขาบีบข้อมือวัยรุ่นผมทองวัยรุ่นผมทองอ่อนแรงทันตา มีด

ในมือร่วงลงพื้น

ต่อมาไตรทศจึงชูวัยรุ่นผมทองขึ้น ทำว่าเขาเป็นหุ่นยนต์ตน หนึ่ง แล้วโยนใส่พวกคนที่

ตามมาข้างหลัง

อารมณ์ของไตรทศระเบิดขึ้น วิธีการวิวาทก็ค่อนข้างเถื่อน คนที่เคยปะทะกับเขาต่างรู้ดี ว่าเวลาที่เขาเอาเรื่องขึ้นมา เขา ไม่เคยไว้หน้าใคร นี่คือจิตวิญญาณที่พวกคนโหดร้ายพึงมี และก็เพราะแบบนี้

แหละ ไตรทศถึงได้ขึ้นชื่อใน เมืองริเวอร์

แน่นอนว่า กว่าเขาจะมีวันนี้ได้ ไม่ใช่เพราะความโหดร้ายอย่างเดียว ความสามารถของ เขาย่อมโดดเด่นไม่เป็นรอง

ใครด้วย

แต่ว่าแต่ละเรื่องย่อมไม่เหมือนกัน ไตรทศจะโหดร้ายแค่

ไหน ก็ไม่โหดร้ายเท่ารพีพงษ์ นอกจากนี้เขายังสู้รพีพงษ์ไม่ได้ด้วย จึงได้แต่เดินตามรพี

พงษ์อย่างภักดี

เสียดายที่นักเลงหัวไม้พวกนี้ไม่รู้ถึงความเก่งกาจของรพี พงษ์ ตอนนี้คิดว่ารพีพงษ์เป็น เพียงแค่สวะ และก็ไม่รู้ว่าใช้วิธี การอะไรเอาธฤตญาณให้อยู่หมัดต่างหาก

วัยรุ่นผมทองโดนไตรทศทรมานอยู่สองสามที ก็แน่นิ่งไป ไตรทศจึงใช้หัวเขาจู่โจมนักเลงหัวไม้พวกนั้น พวกนั้นต่างล้ม ระเนระนาด วัยรุ่นผมทองยิ่งเจ็บปวด แค่ไม่กี่ที เขารู้สึก ราวกับว่าหัวจะระเบิดออกมาอย่างไรอย่างนั้น

เพียงแค่เวลาห้านาที นักเลงหัวไม้ยี่สิบกว่าคนก็ล้ม ระเนระนาดไปกองกับพื้น

ไตรทศจับวัยรุ่นผมทองโยนออกไป วัยรุ่นผมทองกัดฟันลุก ขึ้นยืน ตัวโงนเงน แล้วล้มลง ไปอีก

ไตรทศปรบมือชอบใจ เดินไปหยุดตรงหน้าวัยรุ่นผมทอง พูดขึ้น”ตอนนี้ยังอยากใช้พวกเราเป็นหินรองตีนอีกไหม”

วัยรุ่นผมทองขนลุกซู่ มองไตรทศด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วย ความหวาดกลัว ในใจคิดว่าทำไมคนๆนี้ถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้ คงจะไม่ใช่ไตรทศจริงๆหรอกมั้ง

แต่ว่าไตรทศจะมาอยู่กับรพีพงษ์ได้ไง ต้องเป็นตัวปลอม แน่ๆ ก็แค่วิวาทเก่งก็เท่านั้น แต่ ยังห่างไกลกับตรีทศอยู่หรอก
วัยรุ่นผมทองนั่งลงบนพื้น มองไตรทศแล้วกลืนน้ำลาย พูด ว่า “แก….แกลำพองใจให้น้อยๆหน่อย พวกเราก็แค่มาทดสอบ แกเท่านั้นแหละ ลูกพี่เรายังไม่มา รอให้เขามาก่อนเถอะ แก จะไม่มีโอกาสลำพองใจ!

ไตรทศฟังคำพูดของเขา แล้วยื่นกำปั้นออกมา อยากจะสั่ง

สอนอีกสักที่สองที

รพีพงษ์ได้เดินมาตอนนี้เอง แล้วขวางเอาไว้

“ในเมื่อมันยังมีลูกพี่ ก็รอลูกพี่มันมาเถอะ จะถอนหญ้าก็ ต้องถอนให้ถึงโคน ไม่งั้นก็จะยังวุ่นวายเหมือนเดิม”รพีพงษ์ เปิดปากพูด

ไตรทศจึงได้เก็บหมัดตัวเองเข้าไป ด่าทอออกมา”งั้นฉันก็ รอเก็บพร้อมลูกพี่แกแล้วกัน แม่งเอ๊ย พูดมากจริงโว้ย”

วัยรุ่นผมทองเห็นว่ายังไงพวกนี้ยังต้องฟังไอ้สวะอยู่ ความ

กลัวในใจจึงลดน้อยลง

เขาหัดฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่พูดกับไตรทศแล้ว แต่หันไป พูดกับรพีพงษ์แทน พูดขึ้นว่า “ลูกพี่พวกกูไม่ธรรมดานะว้อย เก่งกว่าพวกเราเยอะ รอเขามา พวกมึงเห็นดีแน่”

รพีพงษ์จ้องไปที่วัยรุ่นผมทองแล้วถาม”ลูกพี่พวกแกเป็น

ใคร”

“รอเขามาก็รู้เองแหละ รับประกันว่าจะตกใจ! “เจ้าผมทอง

พูด

จากนั้นเขาจึงหยิบมือถือออกมา ส่งข้อความให้ลูกพี่ ผมทองนั่งตรงบนพื้น จ้องมองไตรทศอย่างละเอียด เปิดปากพูด “พี่น้อง แกวิวาทเก่งขนาดนี้ ต้องมาตามไอ้สวะดูท่าจะ บัดซบไปหน่อยละมั้ง มาตามลูกพี่เราดีกว่า ลูกพี่เราเนี่ยเป็น บุคคลสำคัญเมืองริเวอร์เลยนะ รับรองว่าทำให้นายใหญ่โต ได้แน่”

ไตรทศเบ้ปาก พูดขึ้น”เจ้าหนู ถ้าแกยังกล้าเรียกเขาว่าสวะ

อีกล่ะก็ ฉันจหักขาแกออกทั้งสองท่อน กูพูดจริงทำจริง ไม่

เชื่อลองดู”

ผมทองคอหดทันที บ่นพึมพำในใจ”ไม่มีสมองจริงๆเล้ยย ใครๆก็รู้ทั่วเมืองริเวอร์ว่า รพีพงษ์เป็นสวะ แกยังมาพูดเข้าข้าง มันอีก สงสัยจะน้ำเข้าสมอง คนแบบนี้อ่ะ เก่งแค่ไหนแล้วมี ประโยชน์อะไรวะ”

ประมาณสิบนาทีให้หลัง ไม่ไกลนักมีกลุ่มคนแห่กันมา คน พวกนี้สักไปทั่วตัว ดูแล้ว เหมือนกองโจรไม่มีผิด

เจ้าผมทองสนใจขึ้นมา ลูกพี่พวกเขาพาคนมาแล้ว ไม่ต้อง กลัวไอ้พวกธฤตญาณสามคน นั้นแล้ว

ไตรทศกับธฤตญาณหันไปมอง หรี่ตาลง สายตารพีพงษ์จับจ้องไปที่หัวโจก แล้วยิ้มขึ้นที่มุมปาก หัวโจกก็คือคนที่เขาเพิ่งสั่งสอนไปเมื่อกี้นี่เอง เสือ!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท