พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 92

บทที่ 92

บทที่ 92 ผู้โชคดี

กลับมาถึงบ้าน

ศศินัดดาใบหน้าโกรธขึ้งมองไปที่รพีพงษ์ พูดว่า “นี่คุณ ปัญญาอ่อนจริงๆหรือแกล้งปัญญาอ่อนกันแน่เนี่ย บ้าน เก่าๆที่คุณซื้อนั้นจะไปเทียบกับบ้านหลังใหญ่โตของคนอื่น เขาได้ยังไง คุณตั้งใจให้พวกเราขายหน้าใช่มั้ย”

ศักดาถอนหายใจ เอ่ยว่า”ในเมื่อพูดออกไปแล้ว ถึงเวลา พวกเขาต้องมาเยี่ยมบ้านพวกเราแน่ ถ้าไม่ได้จริงๆ พวกเรา ก็ไปเช่าสักหลังหนึ่งก่อน ให้พอรักษาหน้าไปก่อน ต่อไปรอ

ให้แคลร์ได้เงิน แล้วค่อยซื้อหลังใหญ่อีกสักหลัง”

“เช่าสักหลังเหรอ นี่คุณคิดว่าคนอื่นเขาโง่กันหรือไง อยู่ ได้ไม่กี่วันก็ถูกคนอื่นจับได้แล้ว ถึงเวลาจะยิ่งขายหน้า มากกว่าเดิม”ศศินัดดาเอ่ยอย่างโมโห

“บ้านที่ผมซื้อไม่ทำให้พวกคุณผิดหวังหรอก ถึงเวลาพวก คุณไปดูพร้อมกันก็จะรู้เอง”รพีพงษ์เอ่ยปาก

อารียาชำเลืองมองรพีพงษ์ เอ่ยว่า”รพี บ้านที่แม่ฉัน ต้องการก็คือบ้านแบบเดียวกับที่ครอบครัวของชรินทร์ ทิพย์ คุณซื้อห้องเดียว ต่อให้ดีแค่ไหน ก็ไม่มีทางทำให้แม่ พอใจได้”

รพีพงษ์ยิ้มให้อารียา พูดว่า”เชื่อผมสิ”

อารียาเห็นรพีพงษ์พูดอย่างนั้น จึงไม่พูดอะไรต่อดีกว่า

ศศินัดดาถลึงตาใส่รพีพงษ์ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะหลงตัวเองขนาดนี้

“ได้ รพีพงษ์ นายจำไว้เลยนะ ว่านายพูดอะไรไว้ ถึงเวลา พวกเราไปบ้านที่นายซื้อ หากบ้านหลังนี้ทำให้พวกเราต้อง ขายหน้า ถึงตอนนั้นนายต้องไสหัวออกไปจากบ้านพวกเรา อย่าคิดกลับมาอีก!”

หล่อนหาโอกาสที่จะเขี่ยรพีพงษ์ออกจากบ้านอยู่แล้ว ใน เมื่อตอนนี้รพีพงษ์รนหาที่ตายเอง แน่นอนว่าหล่อนก็ไม่ต้อง เกรงใจอีกแล้ว

ศศินัดดายุติการโต้เถียง รอวันที่สุดท้ายของเดือนที่จะ เขี่ยรพีพงษ์ออกจากบ้าน หล่อนกับรู้สึกยินดีไม่น้อย

อารียาถอนหายใจอย่างหมดหนทาง พารพีพงษ์กลับห้อง “บ้านที่คุณซื้อนั้น จะทำให้แม่ฉันพอใจได้จริงหรือ”อารี

ยาเอ่ยปากถาม

“วางใจเถอะ ถ้าทำไม่ได้ ผมก็ไม่พูดออกไปแบบนั้น หรอก ผมไม่เหมือนคนที่ชอบพูดจาคุยโวโอ้อวดพวกนั้น นะ”รพีพงษ์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม

อารียาพยักหน้า ด้วยนิสัยของรพีพงษ์แล้ว ไม่พูดอะไร แบบนั้นแน่

หรือว่าที่เขาซื้อนั้น จะไม่ใช่แค่ห้องเล็กๆ

แม้จะเดาออกว่าบ้านที่รพีพงษ์ซื้ออาจจะไม่ใช่แค่ห้อง เล็กๆ แต่อารียาก็ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง คิดแค่ว่าต่อให้ รพีพงษ์ไม่ได้ซื้อห้องเล็กๆ แต่บ้านที่ซื้อก็คงไม่น่าจะดีกว่า บ้านของชรินทร์ทิพย์
แต่ขอแค่พอรับได้ ก็ช่างมันแล้ว

ผ่านไปอีกสองวัน อารียาก็เลิกงานเร็วกว่าปกติกลับมา บ้าน เดินมาที่ตรงหน้ารพีพงษ์ ยิ้มแล้วพูดว่า”วันนี้ฉันไม่มี ธุระอะไรเลยเลิกงานเร็ว ไปเถอะ ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณไป กัน”

รพีพงษ์มองอารียาอย่างเอ็นดู เอ่ยว่า”รอขากลับก็ได้ ตอนบ่ายคุณยังต้องไปทำงานอีก”

“ไม่ได้ ครั้งก่อนก็บอกว่าจะเลี้ยงคุณ สุดท้ายก็ร้อนจน เป็นลม วันนี้อากาศเย็นสบายขนาดนี้ แน่นอนว่าจะไม่เกิด เรื่องแบบครั้งก่อนแน่นอน ฉันเลือกร้านไว้เรียบร้อยแล้ว รีบ ไปเถอะ “อารียาพูดด้วยรอยยิ้ม

รพีพงษ์ได้แต่พยักหน้า เดินตามอารียาออกจากประตูไป

ทั้งสองคนเดินมาถึงที่จอดรถ อารียาส่งกุญแจรถให้รพี พงษ์ พร้อมเอ่ยว่า “คุณขับแล้วกัน”

“แต่ว่า แม่คุณไม่ให้ผม..”รพีพงษ์เอ่ย

“โอ้ย เขาพูดอะไรก็ต้องทำตามอย่างนั้นเหรอ ยิ่งไปกว่า นั้นรถนี่คุณเป็นคนซื้อ คุณจะขับก็ต้องไม่มีปัญหา แน่นอน”อารียาเอ่ยปาก “แล้วก็….ออกไปเดทกัน คุณจะ ใจร้ายให้ผู้หญิงขับรถเหรอ”

ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย

พอรพีพงษ์ได้ยินคำนี้ ก็รีบรับกุญแจไปทันที ท่าทาง ราวกับเป็นการบริการต่อเทพธิดาโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
อารียาส่งเสียงหัวเราะออกมา จากนั้นก็นั่งลงที่ตำแหน่ง ข้างคนขับ

รพีพงษ์เปิดประตูขึ้นรถ พูดว่า”พวกเราจะไปเดตกัน ที่ไหนครับ นางฟ้าของผม เชิญสั่งมาได้เลยครับ”

“คุ้มกะตังค์ ออกเดินทางได้”อารียาเอ่ยตามมุกของเขา รถขับออกจากหมู่บ้าน รพีพงษ์ขับรถมุ่งหน้าไปที่คุ้มกะ

ตั้งค์ คุ้มกะตังค์นับว่าเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของ เมืองริเวอร์ มีชื่อพอๆกับภัตตาคารสปริงแยงซี

เพราะครั้งก่อนอยากไปเลี้ยงข้าวรพีพงษ์ที่ภัตตาคาร สปริงแยงซี สุดท้ายก็ร้อนจนเป็นลม ดังนั้นอารียาจึง เปลี่ยนสถานที่

ไม่นาน รพีพงษ์ก็ขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของคุ้มกะ ตังค์ ทั้งสองเดินเข้าไปด้านในคุ้มกะตังค์พร้อมกัน

ออกเดตครั้งนี้ถือว่าราบรื่น ไม่มีอะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น มาทำลายการออกเดตของทั้งสองคน

อารียาสั่งอาหารอร่อยมาให้รพีพงษ์หลายอย่าง แต่ว่า ลองชิมไปชิมมา ก็รู้สึกว่าไม่อร่อยเหมือนที่รพีพงษ์ทำเอง

“โอ้ย แย่มากจริงๆ พ่อครัวของที่นี่ยังทำอาหารไม่อร่อย เท่าคุณเลย นี่มันทำให้ฉันเสียหน้ามาก”อารียาคร่ำครวญ ออกมา

รพีพงษ์ยิ้มออกมา รู้สึกว่าท่าทางแบบนี้ของอารียาน่ารักมาก

“ไม่งั้นคุณจ้างผมทำอาหารให้ผมรับรองว่าคุณไม่เสีย

หน้าแน่”

“อย่างนั้นดีเลย”อารียายิ้มออกมา

“แต่ว่าผมบอกก่อนเลยนะว่า จะจ้างผมทำอาหาร ราคา ไม่ถูกนะครับ”ใบหน้ารพีพงษ์เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย

อารียาตะลึง เอ่ยถามว่า”จ้างคุณทำอาหารหนึ่งครั้ง ต้อง จ่ายเท่าไหร่”

“จูบของคุณหนึ่งครั้ง” รพีพงษ์ตอบ

อารียาหน้าแดงขึ้นมาทันที ไม่กล้าสบตารพีพงษ์ เธอคิด ไม่ถึงเลยว่า จู่ๆรพีพงษ์จะกล้าหยอดเธอถึงขนาดนี้ ทำเอา หัวใจของเธอเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ

“คุณนี่ร้ายกาจนักนะ ไม่สนคุณแล้ว” อารียาเอ่ยอย่าง

เขินอาย

ตอนนี้เองที่พนักงานเดินตรงมาที่พวกเขา ยื่นบัตรใบหนึ่ง ให้รพีพงษ์ใบหน้าเต็มไปด้วยความนอบน้อม พูดว่า”คุณ ผู้ชายครับ ยินดีด้วยครับ คุณเป็นผู้โชคดีของร้านเรานับ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากท่านมารับประทานอาหารที่ร้าน เราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และยังได้รับสิทธิพิเศษสูงสุด โดยอาศัยบัตรใบนี้ ท่ายังสามารถให้เพื่อนของท่านได้รับ สิทธิ์รับบริการนี้ได้เช่นกัน”

ได้ยินคำพูดของพนักงาน รพีพงษ์ก็ตกตะลึง ถามว่า”ผู้ โชคดีงั้นเหรอ พวกคุณเอาอะไรมาเลือก”
“เรียนคุณผู้ชาย ผู้โชคดี แน่นอนว่าต้องอาศัยโชคชะตา เจ้าของร้านเราคิดว่าท่านเป็นคนที่มีความโชคดีมาก ดังนั้น จึงเลือกท่าน”พนักงานตอบ

รพีพงษ์ไม่เชื่อคำพูดของพนักงาน เขาหันไปดูรอบๆ ก็ พบตาสีทองนั่งอยู่ไม่ไกลจากเขา

ตาสีทองเห็นว่ารพีพงษ์มองมายังตนเอง ก็ยกแก้วไวน์ขึ้น ดื่มให้รพีพงษ์หนึ่งแก้ว

รพีพงษ์รับบัตรใบนั้นมา แล้วพูดกับพนักงานว่า “ได้ เข้าใจแล้ว คุณไปเถอะ”

อารียามองบัตรในมือของรพีพงษ์อย่างแปลกประหลาด ใจ แล้วพูดว่า”ว้าว รพีพงษ์ คุณนี่ช่างโชคดีจังเลยนะ ที่ กลายเป็นผู้โชคดีของคุ้มกะตังค์ อย่างนั้นก็หมายความว่า ต่อไปมากินข้างที่นี่ ก็ไม่ต้องจ่ายเงินนะสิ”

รพีพงษ์ยิ้มให้อารียา พูดว่า “เป็นโชคดีที่ได้มาเพราะคุณ ไง บัตรใบนี้ผมให้คุณ ที่นี่อยู่ใกล้บริษัทคุณ ต่อไปคุณก็มา ทานข้าวที่นี่โดยไม่ต้องเสียเงินแล้ว”

ความจริงนั้นเขารู้ดี ว่าแท้จริงแล้วไม่ได้มีผู้โชคดีอะไร นี่ ก็แค่ตาสีทองอยากจะเอาใจเขาเท่านั้น

ในเมื่อตาสีทองก็ซื้อร้านคุ้มกะตังค์เอาไว้แล้ว แม้ว่าตาสี ทองจะเป็นแค่พ่อบ้านของตระกูลลัดดาวัลย์ แต่ว่า ทรัพย์สินทั้งหมดที่เขามีก็ไม่ได้เหมือนอย่างคนธรรมดา ทั่วไป

รพีพงษ์คิดว่าตาสีทองนั้นมีความอดทนจริงๆ นานขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่ลดละความพยายามที่จะให้เขากลับบ้าน ตระกูลลัดดาวัลย์

อารียารับบัตรใบนั้นจากรพีพงษ์ สีหน้าเต็มไปด้วยความ ตื่นเต้นดีใจ เธอไม่รู้เลยว่ารพีพงษ์และคนสูงอายุที่นั่งอยู่ ตรงหัวมุมนั้นรู้จักกัน และไม่รู้ว่าบัตรใบนี้ก็คือผู้เฒ่าคนนั้น มอบให้กับรพีพงษ์

“อ้าว นี่ไม่ใช่อารียาเหรอ คิดไม่ถึงเลยนะว่าจะมาเจอเธอ ที่นี่”ตอนนั้นเองที่มีเสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา ร่างของ อารียาชะงักเกร็งทันที

เธอหันกลับไปมองด้านหลัง มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ แต่งหน้าเข้มยืนอยู่ด้านหลังเธอ สีหน้าเต็มไปด้วยการดูถูก เยาะเย้ยจ้องมองมาที่เธอ

“เป็นเธอเองเหรอ กันตา”อารียาเอ่ยถาม

รพีพงษ์มองพิจารณาผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า ครั้ง ก่อนบุษบากรเคยพูดถึงคนที่ชื่อกันตา ความสัมพันธ์ของ อารียากับหล่อนนั้นไม่ค่อยจะดีนัก

กันตาเองก็ไม่เกรงใจ นั่งลงข้างๆอารียาทันที พูดด้วย ท่าทางแปลกใจ”คิดไม่ถึงว่าเธอจะยอมมาทานอาหารที่ ร้านนี้ด้วย สงสัยคงต้องหาเงินนานถึงจะมาทานอาหารที่นี่ มื้อหนึ่งได้ละมั้ง”

อารียาขมวดคิ้วทันที กันตายังคิดว่าเธอยังทำงานเป็น พนักงานเล็กที่บริษัทอยู่ แทบไม่รู้เลยว่าเธอได้ขึ้นตำแหน่ง แล้วได้รับโครงการใหญ่โต
เห็นอารียาไม่พูดอะไรกันตาก็ยิ่งคิดว่าอารียาคงจะไม่ได้ มีความสุขสบายอะไรนัก จากนั้นก็โยนแค็ตตาล็อคห้องลง บนโต๊ะ

“คิดว่าตอนแรกที่โรงเรียน มีคนตามจีบเธอมากมาย ขนาดไหน นางฟ้าที่เย็นชาอย่างฉัน ยังไม่เคยตกลงปลงใจ กับใครมาก่อน ใครจะไปคิดว่าหลังจากที่เรียบจบแล้ว เธอ จะแต่งงานกับคนที่ไร้ค่าคนหนึ่ง”

“ดวงของฉันยังโชคดีกว่าเธอมาก ตอนนี้ฉันได้พบกับ แฟนซึ่งเป็นทายาทเศรษฐี ไม่นานี้เขาก็เพิ่งซื้อบ้านที่ดง เย็นให้ฉันหนึ่งหลัง สามห้อง สามล้านกว่าบาทเชียวนะ วัน นี้เพิ่งจะได้รับห้อง”

กันตาอยากจะมาคุยอวดต่อหน้าอารียานานแล้ว หล่อน เองก็คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้พบเธอที่นี่ ดังนั้นจึงรีบคว้า โอกาสไว้ทันที รีบแสดงอำนาจบารมีของตนเองต่อหน้า อารียาทันที

“อ้อ อย่างนั้นก็ยินดีกับเธอด้วย”อารียาตอบกลับไปสั้นๆ

กันตาก็ยิ่งได้ใจ หล่อนหันไปชำเลืองมองอารียา พูด ว่า”อารียา นี่คงจะไม่ใช่สามีไร้ประโยชน์ของเธอหรอกนะ นี่เธอกล้าพาเขาออกมากินข้าวด้วยกันเหรอเนี่ย หรือว่าเธอ อยากขายหน้า”

“ถ้าหากเป็นฉัน ฉันคงไม่พาไอ้คนไร้ประโยชน์ออกมา ด้วยแน่ แต่ว่าเรื่องพวกนี้คงไม่เกิดขึ้น เพราะแฟนฉันเป็น ทายาทเศรษฐี และก็หล่อมาก พาออกไปไหนก็เป็นที่เชิด หน้าชูตา”
“เธอพล่ามพอหรือยัง”อารียาสีหน้าโกรธเกรี้ยว รับไม่ ไหวกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ

สีหน้าของกันตาไม่ทุกข์ร้อนอะไร พูดว่า “ทำไม ปากก็ ปากของฉัน จะห้ามไม่ให้ฉันพูดได้เหรอ ตอนนั้นที่ โรงเรียนเธอทระนงตนมากนักไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ไม่แล้ว เหรอ ใคร! ” ฉันจะบอกให้นะ นี่เขาเรียกว่าโชคไม่เข้าใครออก

อารียากำหมัดแน่น ขบเขียวเคี้ยวฟันมองไปที่กันตา เอ่ยว่า”ฉันอยากจะไล่เธอออกไปจากที่นี่จริงๆ”

กันตาเบ้ปาก พูดว่า”จะไล่ฉันออกไปเหรอ จะบอกเธอ ให้นะ ฉันเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ เจ้าของร้านนี้ก็ยังต้อง เกรงใจแฟนฉัน ฉันจะดูสิว่าจะมีใครกล้าไล่ฉันออกไปมั้ย” พนักงานที่นำหน้ามานั้นชำเลืองมองกันตา เอ่ย ปาก”ขอโทษครับ คุณรบกวนการรับประทานอาหารของ

พอหล่อนพูดจบ ก็มีพนักงานหลายคนเดินมาทางนี้

ลูกค้าสำคัญของเราอย่างมากครับ ขอเชิญให้คุณออก

จากร้านเราเดี๋ยวนี้ครับ มิเช่นนั้นพวกเราคงต้องไล่ออกไป”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท