พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่91

บทที่91

บทที่91 ไม่เห็นมีอะไรดูดีเลย

“ที่นี่ก็ถือว่าไม่ได้ดีอะไรนักหนา แย่กว่าดงเย็นนิด หน่อย”รพีพงษ์เอ่ยปาก

ศศินัดดาและศักดาทั้งสองได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ สีหน้าเต็มไปด้วยการดูถูกเยาะเย้ยทันที

“จะรอดูว่าจะเก่งสักแค่ไหนกัน กลับไม่พูดถึงดงเย็น คน ที่พักอยู่ที่ดงเย็นล้วนแต่เป็นคนรวยทั้งนั้น ต้องให้คนมาพูด เหรอ”ศศินัดดาพูด

“คุณไม่ลองดูที่พักของตัวเองบ้างว่ามันดีแค่ที่ไหน เอาที่ อยู่เล็กของคนอื่นมาเทียบกับที่นี่ พูดเหมือนคุณพักอยู่ที่ดง เย็นอย่างนั้น”ศักดาก็พูดขึ้นบ้าง

รพีพงษ์ ไม่พูดอะไร จะว่าไปแล้ว แน่นอนว่าเขาสามารถ พูดได้ว่าอยู่ที่ดงเย็น ก็แค่บ้านที่เพิ่งซื้อ เขายังไม่เคยไป เท่านั้น ทั้งสี่คนมุ่งหน้าเดินเข้าไปใน หมู่บ้านศศินัดดาและศักดา

ทั้งสองคนมองสภาพแวดล้อมที่สวยงามของหมู่บ้าน

ยิ่งที่นี่สภาพแวดล้อมดีขนาดไหน ในใจของศศินัดดาก็ จะยิ่งมีความคิดเห็นต่อศักดาและรพีพงษ์สองคนมากขึ้น เท่านั้น

เธอรู้สึกมาตลอดว่า ตนเองคงไม่มีปัญญาอยู่หมู่บ้านชั้นดี เพราะศักดาและรพีพงษ์สองคนนั้นช่างน่าสมเพช

ไม่นาน ทั้งสี่คนก็มาถึงตึกที่ชรินทร์ทิพย์อยู่ ขึ้นลิฟต์ไปศศินัดดาพาพวกเขามากที่ประตูห้องห้องหนึ่ง ยื่นมือไปกด กริ่ง

ไม่นานประตูก็เปิดออก คนที่มาเปิดประตูก็คือพ่อของ ชรินทร์ทิพย์ คิมหัตต์

“มาๆ เข้ามานั่งก่อน พวกเราเพิ่งทำอาหารเสร็จ รอพวก คุณอยู่เลย” คิมหัตต์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม สามารถมองเห็น ความสะใจของเขาจากทางสายตา

ศักดาและศศินัดดาต่างก็ยิ้มให้คิมหัตต์ จากนั้นก็เดิน เข้าไปในบ้าน

อารียาและรพีพงษ์เดินเข้าไปพร้อมกัน มองเห็นชรินทร์ ทิพย์และแม่ของเขานั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าท่าทางหยิ่ง ทระนง เห็นพวกเขาเข้ามา ก็ไม่มีท่าทีจะลุกขึ้นแต่อย่างใด

บ้านของชรินทร์ทิพย์หลังนี้มีสามห้องรับแขก พื้นที่ถือว่า ใหญ่ที่เดียว เทียบกับบ้านของอารียาแล้ว ถือว่าเป็นบ้านที่

หรูหรามาก

“พี่สองพี่สะใภ้นี่ช่างโชคดีจังเลยนะคะ ได้อยู่บ้านหลัง ใหญ่ขนาดนี้ น่าอิจฉาจังเลยค่ะ”ศศินัดดาพูดกับคิมหัตต์

“ไม่หรอก พวกเราโชคดี มีเพื่อนจะขายพอดี ผมก็เลยซื้อ เอาไว้” คิมหัตต์พูด

“พวกคุณอย่ามามัวยืนอยู่ตรงนี้อยู่เลย เข้าไปดูด้านใน เถอะ”ลูกสะใภ้ของคิมหัตต์พูด

ศศินัดดาและศักดาทั้งสองต่างเดินเข้าไปด้านใน เยี่ยม ชนบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา
ชรินทร์ทิพย์เห็นรพีพงษ์และอารียาไม่ขยับ ใบหน้าแสดง ถึงการดูถูก เอ่ยปากว่า “ทำไม พวกคุณสองคนถูกบ้านของ ฉันทำให้ตกใจขนาดนี้เลยเหรอ ไม่ขยับเขยื้อนเลย ไม่ต้อง ห่วง แค่ดูนิดเดียวไม่เก็บเงิน”

อารียาโกรธขึ้นมาทันที คิดจะตอบโต้ชรินทร์ทิพย์สัก สองสามประโยค แต่พอคิดได้ว่าบ้านของตนเองไม่ได้ดี เท่ากับหล่อน ทันใดนั้นรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไปต่อกรกับเขา ชั่วขณะ“บ้านนี้ก็ธรรมดา ไม่เห็นมีอะไรสวยเลย”รพีพงษ์ เอ่ยปาก

ชรินทร์ทิพย์ถลึงตาโตทันที แต่ว่าก็รู้สึกได้ว่ารพีพงษ์นั้น พูดเพื่อให้ตัวเองดูดี เพราะตัวเขาเองไม่มีปัญญาพักอยู่ที่นี่ ในใจเกิดความอิจฉาริษยา ไม่ได้กินองุ่นก็บอกว่าองุ่นนั้น เปรี้ยว

“เชอะ บ้านที่นี่ธรรมดางั้นเหรอ คุณลองซื้อสักหลังสิ จะ

ได้รู้ว่าเวลาพูดโอ้อวด ไม่ต้องกลัวคนอื่นหัวเราะเยาะ”ชริน ทร์ทิพย์บ่นพึมพำ อารียาหยิกแขนของรพีพงษ์ แสดงความหมายว่าอย่าไป

โต้เถียงกับชรินทร์ทิพย์เลย

ไม่นาน ศศินัดดาและศักดาสองคนก็เยี่ยมชมบ้าน เดินมา ถึงห้องรับแขกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วย มองออกว่า พวก เขาทั้งสองต่างก็มีความอิจฉาริษยาอยู่

คิมหัตต์และลูกสะใภ้เห็นท่าทางของพวกเขาสองคน ใน ใจก็ยิ่งรู้สึกสะใจ ลูกสะใภ้เขาเห็นท่าทางของทั้งสองคน วันนี้พวกเขาเรียบครอบครัวของศศินัดดามาทั้งครอบครัวก็เพื่อที่จะให้พวกเขาอิจฉา

เมื่อก่อนชรินทร์ทิพย์ถูกนภทีป์ลงโทษ ก็เพราะรพีพงษ์ ครอบครัวของพวกเขาต่างก็โกรธแค้นรพีพงษ์อยู่ในใจ แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับศศินัดดา

ที่ซื้อบ้านครั้งนี้ ครอบครัวของชรินทร์ทิพย์นั้นแน่นอนว่า ยิ่งได้ใจ ต้องทำให้ครอบครัวของศศินัดดาเข้าใจว่า พวก เขาแทบไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเทียบกับบ้านของตนเองได้

ทั้งสองครอบครัวมานั่งที่หน้าโต๊ะอาหารพร้อมกัน ครอบครัวชรินทร์ทิพย์ต่างมีสีหน้ายิ้มแย้ม แอบสะใจ สีหน้าของครอบครัวของอารียานั้นเห็นชัดว่ามีความสลด หดหูอยู่บ้าง เต็มไปด้วยความโศกเศร้า

“คิดว่าบ้านใหม่ที่ฉันเพิ่งซื้อเป็นอย่างไรบ้าง ฉันเองก็ไป หาคนที่สนิทกัน เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกที่สุด จึงได้ซื้อ ไม่ อย่างนั้นตำแหน่งตรงนี้ไปที่ใจกลางเมือง ฉันแทบจะซื้อไม่ ไหว” คิมหัตต์เอ่ยพลางยิ้ม

“บ้านนี้ดีมากเลย พื้นที่ก็กว้างขวาง สภาพแวดล้อมของ บ้านก็ดี ช่างน่าอิจฉาจริงๆ”ศศินัดดาเอ่ยปาก

“เชอะ เมื่อครู่รพีพงษ์ยังบอกว่าบ้านนี้ธรรมดา บ้านที่ ครอบครัวคุณอยู่คงจะดีกว่าพวกเรามากสินะ ไม่อย่างนั้น รพีพงษ์คงไม่พูดแบบนั้น” ชรินทร์ทิพย์พูด

ศศินัดดาและศักดาสีหน้าเปลี่ยนไปทันที หันหน้าไปทาง

รพีพงษ์ถลึงตาใส่เขา

“เจน เธอก็อย่าไปฟังรพีพูดเหลวไหลนักเลย คนไร้ประโยชน์อย่างเขา จะไปเข้าใจได้อย่างไรว่าอะไรดีไม่ดี เธอก็คิดว่าเขาก็แค่เพ้อเจ้อไปเรื่อยก็พอ” ศศินัดดารีบเอ่ย ปากพูด

“ใช่ อย่าไปฟังรพีพงษ์พูดเพ้อเจ้อ” ศักดาเสริมขึ้น ศศินัดดาหันหน้าไปมองที่รพีพงษ์อีก ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พลางเอ่ยว่า “ถ้าพูดดีๆไม่เป็นก็หุบปากซะ ตัวเองไม่มีความ สามารถ ยังกล้ามาว่าของคนอื่น”

ชรินทร์ทิพย์เห็นรพีพงษ์ถูกตำหนิ ก็ยิ้มอย่างสะใจขึ้นมา ทันที

คิมหัตต์จ้องมองรพีพงษ์ กลอกตา แล้วพูดว่า”รพีพงษ์คิด ว่าบ้านเราธรรมดา คงต้องเคยเห็นที่ดีกว่านี้แน่ ดูท่าช่วงนี้ รพีพงษ์คงจะมีชีวิตความเป็นอยู่ไม่เลวสินะ หรือว่านายเอง คิดจะซื้อบ้านอยู่เหมือนกัน”

รพีพงษ์ไม่พูดอะไร ศศินัดดาจึงเอ่ยว่า”พี่สอง พี่ก็อย่าล้อ เล่นเลย รพีเป็นคนแบบไหนพี่ก็น่าจะรู้ดี งานยังไม่มีทำเลย จะซื้อบ้านได้ยังไงกัน”

“หึๆ คนเขาออกจะเก่งนะ แม้แต่บริษัทซันบับเบิลกรุ๊ปยัง ล้มเอามาได้ แน่นอนว่าไม่เห็นบ้านหลังนี้ของพวกเราอยู่ใน สายตา” ชรินทร์ทิพย์เอ่ยเหน็บแนม

“เจน นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด เรื่องนั้นแคลร์เป็นคนทำ ไม่ เกี่ยวอะไรกับรพีเลยแม้แต่น้อย”ศศินัดดากล่าว

อารียาเม้มปากชำเลืองมองศศินัดดา คิดจะโต้แย้งกับ หล่อน แต่ว่าเมื่อคำนึงถึงสถานการณ์ด้านนอกตอนนี้ จึงไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีก

“เธออย่าพูดอย่างนี้เลย ลองฟังความคิดของรพีเขาก่อน เถอะ เขาพูดมาขนาดนั้นแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะมีความคิดที่ จะซื้อบ้านจริงๆก็ได้นะ ใช่มั้ยรพี” คิมหัตต์ที่มีท่าทาง สนุกสนานไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรพูดขึ้น

ศศินัดดาและศักดาสองคนต่างก็ผิดหวังที่พารพีพงษ์ ออกมา นี่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ

“ผมซื้อบ้านแล้ว”รพีพงษ์เอ่ยปาก

ศศินัดดาตีหน้าผาก เมื่อครู่เรื่องที่เธอกังวลมากที่สุดก็คือ รพีพงษ์จะพูดเรื่องซื้อบ้านออกมา คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะ พูดออกมาจริงๆ

สำหรับศศินัดดาแล้ว ที่รพีพงษ์ซื้อนั้นมันก็แค่ห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งเท่านั้น เทียบไม่ได้กับบ้านที่คนอื่นซื้อใหม่ คำพูด แบบนี้พูดออกมายิ่งทำให้พวกเขาอับอาย

และครอบครัวของชรินทร์ทิพย์จะต้องใช้ประโยชน์จาก เรื่องนี้มาข่มพวกเขา

“อ้อ เหรอ คิดไม่ถึงเลยว่ารพิจะซื้อบ้านแล้ว อย่างนั้น บ้านที่เขาซื้อต้องดีกว่าพวกเราแน่ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่คิด ว่าบ้านของพวกเราธรรมดา”คิมหัตต์พูด

แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่ว่าเขาไม่เชื่อว่ารพีพงษ์จะซื้อ บ้านที่ดีกว่าพวกเขาได้

“ใช่แบบนั้นที่ไหนกัน เขาก็แค่ซื้อห้องเล็กๆห้องหนึ่ง เท่านั้น พื้นที่เกรงว่าจะเท่ากับครึ่งหนึ่งของห้องรับแขกของพวกคุณเท่านั้น จะไปเทียบกับบ้านของพวกคุณได้ยัง ไง”ศศินัดดาเอ่ยอย่างอับอาย

คิมหัตต์กับอีกสามคนตกตะลึงในทันใด ที่แท้ก็แค่ซื้อ ห้องเล็กๆห้องหนึ่งเท่านั้น นี่มันมีอะไรน่าโอ้อวดกัน ที่แท้ก็ พวกเศษสวะ ซื้อห้องเล็กเท่ารูหนูก็คิดว่าตนเองวิเศษวิโส

“เหอะๆ ที่แท้ก็คือห้องนั้นหรือ มิน่าเล่าถึงได้มั่นอกมั่นใจ ขนาดนั้น ห้องนั้น เกรงว่าคงจะซื้อใกล้กับดงเย็น ไม่อย่าง นั้นจะกล้าบอกว่าดีกว่าที่นี่ของพวกเราได้ยังไง”ชรินท์ทิพย์ รีบเสริมขึ้น

“โอ้ย พวกคุณอย่ามัวแต่แกล้งล้อรพีพงษ์อยู่เลย บ้านที่ เขาซื้ออยู่เกือบจะถึงชายขอบเมืองโน่นแล้ว จะเป็นที่ดง เย็นได้ยังไงกัน ต่อให้เขาจะโชคดีแค่ไหน ก็ซื้อบ้านที่ดง เย็นไม่ไหวหรอก”ศศินัดดาอธิบายอย่างอึดอัดใจ

รพีพงษ์รู้สึกน่าขันนิดหน่อย เขายังไม่ทันได้บอกเลยว่า บ้านที่ตนเองซื้อนั้นใหญ่แค่ไหน อยู่ที่ไหน คิดไม่ถึงว่าศศิ นัดดาจะอาศัยความรู้สึกของตนเอง คิดเองเออเองว่าเป็น ห้องเล็กๆที่ชายขอบของเมือง

“ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ไหน ซื้อแล้วก็ดีแล้ว”คิมหัตต์เอ่ย

พลางยิ้ม “รพี แล้วคุณจะเข้าไปอยู่ที่บ้านเมื่อไหร่ ถึงเวลา ให้พวกเราไปเยี่ยมชมบ้างนะ” สิ่งที่ศศินัดดากลัวจะได้ยินมากที่สุด ก็คือประโยคนี้

อะไรที่เธอกลัว สิ่งนั้นมันก็จะมาหาเธอ

เธอรีบหันหน้าไปหารพีพงษ์ คิดจะขัดขวางคำพูดของรพีพงษ์ เวลานี้รพีพงษ์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เอ่ยว่า”ได้สิ อย่างนั้น อีกสองสามวันพวกคุณค่อยไปดูแล้วกัน ถึงเวลาผมจะเอา ที่อยู่ให้พวกคุณ”

ศศินัดดาสีหน้าผิดหวัง เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับรพี พงษ์แล้ว

“ใน…ในเมื่อเป็นอย่างนี้ อย่างนั้นถึงเวลาก็ไปดูพร้อมกัน

เลยแล้วกัน” ศศินัดดาเอ่ยอย่างหมดเรี่ยวแรง ครอบครัวของชรินทร์ทิพย์ล้วนมีใบหน้าเย็นยะเยือก ถึง เวลาไปดูห้องเล็กๆของรพีพงษ์ พวกเขาก็จะได้โอกาสเยาะ

เย้ยถากถางครอบครัวของศศินัดดาอีก

อารียาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เธอเองก็คิดว่าบ้านที่รพี พงษ์ซื้อนั้นก็เป็นแค่ห้องเล็กๆห้องหนึ่งเท่านั้น จึงไม่ได้คิดที่ จะเชิญคนอื่นไปเยี่ยมชม

แต่รพีพงษ์ก็เอ่ยปากไปแล้ว จะถอนคำพูดก็คงยาก

รพีพงษ์กำหนดวัน เป็นวันสุดท้ายของเดือน ให้ครอบครัว ของชรินทร์ทิพย์ไปเยี่ยมชมบ้านของเขา

ถึงเวลานั้นก็จะทำให้ครอบครัวของชรินทร์ทิพย์รู้ว่า บ้าน ที่พวกเขาซื้อหลังนี้ แทบไม่ได้กับคฤหาสน์หรูหราที่รพี พงษ์ซื้อ

หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ศศินัดดาและศักดาก็ไม่ อาจจะทนอยู่ต่อไปได้ จึงกล่าวลากับคิมหัตต์ รีบออกจาก ที่นี่ไป

หากอยู่ต่อไป ไม่แน่ว่ารพีพงษ์อาจจะทำอะไรให้พวกเขาต้องอับอายขายหน้าอีก

รอจนครอบครัวของศศินัดดากลับไปแล้ว ครอบครัว ของคิมหัตต์สามคนต่างพากันหัวเราะร่าเสียงดัง

“ช่างน่าขำจริงๆ ไอ้รพีพงษ์นั่น ซื้อห้องเล็กๆห้องหนึ่ง ยัง คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสเต็มประดา เขาไม่รู้จริงๆหรือว่าเมื่อ เทียบกับบ้านที่พวกเราซื้อนั้นมันทุเรศแต่ไหน”ศักดาเอ่ย พลางหัวเราะ

“รพีพงษ์ช่างเป็นเศษสวะที่มีชื่อเสียงโด่งดังจริงๆ สมอง ของเขาคงจะไม่มีให้ใช้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถูกคนมากมาย พูดถึงแบบนี้ พวกคุณดูท่าทางของศศินัดดาสิ ช่างน่าขำ จริงๆ “แม่ของชรินทร์ทิพย์เอ่ย

ใบหน้าของชรินทร์ทิพย์เผยให้เห็นสายที่มีความเจ้าเล่ห์ ออกมา พร้อมพูดว่า”ถึงเวลาพวกเราไปดูว่าบ้านของรพี พงษ์จะเป็นยังไง จากนั้นก็จะได้โอกาสเยาะเย้ยถากถาง เขาให้ถึงที่สุด ให้เขาไม่มีโอกาสได้เงยหน้าอ้าปาก !

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน