พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 94

บทที่ 94

บทที่ 94 มีทางเข้าดีๆไม่เข้าทำไมต้องไปทางลัด

ระหว่างทางกลับบ้านนั้น ใบหน้าอารียามีแต่ความสุขใจ ดูแล้วผ่อนคลายสบายใจมาก

ตั้งแต่ครั้งก่อนที่บุษบากรบอกกับอารียาเรื่องของกันตา นั้น อารียาก็เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง แม้ว่าตัวเองจะรู้ว่าไม่ ควรจะต้องไปสนใจเรื่องของกันตา แต่ว่าก็ไม่อาจทำได้

วันนี้รพีพงษ์ถือว่าช่วยให้เธอเชิดหน้าหายใจได้อย่างเต็ม

ปอดแล้ว คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วกันตาจะหน้าแตกแบบ

หมอไม่รับเย็บ เธอเองก็อยากจะหัวเราะออกมา

รพีพงษ์มองท่าทางของอารียา มุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอย ยิ้ม ขอแค่อารียามีความสุข เขายอมทำให้เธอทุกอย่าง

“รพี ไม่นานก็จะสิ้นเดือนแล้ว ถึงเวลานั้นครอบครัวของ ชรินทร์ทิพย์จะไปดูบ้านที่นายซื้อ ถ้าหากเขาพูดจาอะไร ไม่เข้าหู นายก็อย่าเอาไปใส่ใจ บ้านคือคุณกับฉันอยู่ พวก เราพอใจก็พอ”จู่ๆอารียาก็พูดขึ้นมา

เธอคิดถึงเรื่องบ้าน ดังนั้นจึงอยากจะปลอบใจรพีพงษ์

บ้าง

รพีพงษ์ยิ้มออกมา พูดว่า”เรื่องนี้คุณไม่ต้องห่วง บ้านที่ ผมซื้อ ต้องทำให้ทุกคนพอใจแน่นอน”

อารียาคิดว่ารพีพงษ์กำลังปลอบใจตัวเองเช่นกัน จึง ทำได้แค่พยักหน้า

ทั้งสองกลับมาถึงบ้านพร้อมกัน เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของศศินัดดาที่นั่งอยู่บนโซฟา

เห็นอารียาและรพีพงษ์กลับมา ศศินัดดาก็เอ่ยว่า “รพี พงษ์ หนังสือกรรมสิทธิ์บ้านที่เธอซื้อล่ะ เอามาสิ”

รพีพงษ์ตกตะลึง พูดว่า”ยังไม่ได้ครับ ต้องอีกสักพักถึงจะ ได้ครับ”

อารียาสีหน้าสงสัย เอ่ยถามว่า”แม่ แม่จะเอาหนังสือ กรรมสิทธิ์ไปทำอะไรคะ” “ทำอะไรเหรอ แน่นอนว่าเอาบ้านที่เขาซื้อไปขายนะสิ

จากนั้นก็นำเงินนี้ไปเป็นเงินดาวน์ ซื้อบ้านที่พอจะไปวัดไป

วาได้สักหลัง”ศศินัดดาเอ่ยด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว

“บ้านของรพีพงษ์เพิ่งจะซื้อเองนะคะ ทำไมต้องขาย แม่ คะ แม่ไม่พอใจรพีพงษ์ ก็ไม่ควรทำแบบนี้นะคะ”อารียาพูด

“ทำไมฉันจะทำแบบนี้ไม่ได้ แกรู้มั้ยว่าตอนนี้ตระกูล ฉัตรมงคลทั้งตระกูลเขารู้กันหมดแล้วว่ารพีพงษ์ซื้อบ้าน หลังเล็กๆเก่าๆหลังหนึ่ง และยังทำเป็นพูดว่าบ้านตัวเองดี กว่าของลุงรองแก ตอนนี้ไม่เพียงแค่ที่บ้านลุงรองแกเท่านั้น คนในตระกูลฉัตรมงคลพวกนั้น ต่างอยากจะเห็นบ้านหลัง นี้ของรพีพงษ์กันหมด”

“วันนี้ตอนเช้า ฉันก็รับโทรศัพท์หลายสาย ล้วนบอกว่าจะ ขอไปเยี่ยมชมบ้านพร้อมกัน แกไม่รู้ว่าน้ำเสียงของคนพวก นั้น ราวกับจะรอเยาะเย้ยครอบครัวของเราขนาดไหน แล้ว แกว่าฉันควรจะขายบ้านหลังนั้นของเขาแล้วเอาไปซื้อหลัง ที่พอดูได้มั้ย”
“หรือว่าแกอยากให้ครอบครัวเราต้องอับอายขายหน้า” เมื่อได้ยินคำพูดของศศินัดดา อารียาก็ยิ่งแน่ใจว่าเป็น

ฝีมือของชรินทร์ทิพย์แน่นอน ในใจก็โกรธขึ้นมา “แม่ บ้านเพิ่งจะซื้อจะขายเร็วขนาดนั้นได้ยังไง อีกอย่าง

ก็ยังไม่ได้หนังสือถือครองกรรมสิทธิ์ ขายไม่ได้อยู่แล้ว แม่

ก็อย่าฟังซ่านไปเลยนะคะ”อารียาเอ่ยปลอบใจ

ศศินัดดาแสดงออกถึงความน้อยอกน้อยใจอย่าง มาก”ทำไมชีวิตฉันต้องลำบากขนาดนี้ ลูกสาวก็มาแต่งงาน กับเศษสวะคนหนึ่ง ตอนนี้ยังต้องมารับกับความอับอายอีก ฉันมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ยังดีที่รักษาหน้าไว้ นี่พวกแกจะ บีบบังคับให้ฉันตาย”

อารียาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรขึ้นมาทันที ศศินัดดาโวยวาย แบบนี้ เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะหาวิธีไหนมาสู้

“บ้านที่ผมซื้อไม่ทำให้พวกคุณต้องอับอายขายหน้า หรอกครับ ไม่ต้องขายเพื่อจะไปซื้อใหม่ “รพีพงษ์เอ่ย ศศินัดดาแววตาดุดัน จ้องไปที่รพีพงษ์ แล้วเอ่ยว่า”แก ไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้ บ้านอะไรที่แกซื้อ ใช้เงินของลูกสาวฉัน

ซื้อมา ต่อให้ตอนนี้ไม่ขาย ถึงเวลาได้หนังสือกรรมสิทธิ์มา

ฉันก็จะเอาไปขาย!แกอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกคิดอะไรอยู่ นะ แกคิดจะปอกลอกครอบครัวฉันใช่มั้ย!” รพีพงษ์พูดไม่ออก รู้ว่าจะอธิบายกับศศินัดดาอย่างไรก็

ไม่มีประโยชน์ อารียาเองก็รู้นิสัยของศศินัดดาดี เห็นหล่อนพูดแบบนั้นแล้ว ก็รีบเดินกลับห้อง ไม่เช่นนั้นหากอยู่ต่อไปก็อาจจะพูด อะไรที่ไม่น่าฟังออกมาอีก

เมื่อออกมาจากห้อง สายตาอารียาที่มองรพีพงษ์นั้นมี ความเหนื่อยล้าเล็กน้อย เอ่ยว่า”คุณอย่าไปถือสาที่แม่พูด เมื่อกี้เลยนะคะ บ้านนั้นคุณใช้เงินของคุณซื้อ ฉันจะไม่ให้ แม่เอาไปขาย”

“ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ”รพีพงษ์ตอบ”คุณไปพักเถอะ ตอน บ่ายต้องไปทำงานอีก”

อารียาพยักหน้า กลับห้องไปพักผ่อน

ตอนเย็น อารียากลับมา สีหน้าท่าทางดูแล้วไม่ค่อยดีนัก หลังจากทานข้าวแล้ว เธอก็กลับไปในห้อง รพีพงษ์ก็รีบ ไปนวดให้เธอทันที

อารียายกมือห้าม นั่งลงบนเตียงสองแขนกอดเข่าของ ตนเองไว้ เอาหัวตัวเองมุดเข้าไป

“เป็นอะไรไป”รพีพงษ์เห็นท่าทางของอารียา ก็รู้ทันทีว่า ต้องเจอเรื่องอะไรมาแน่

“วันนี้ที่ทำงานฉัน ได้ยินหลายคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่ คุณซื้อบ้าน พวกเขาต่างพากันหัวเราะเยาะครอบครัวเรา บอกว่าพวกเราไม่มีปัญญาอยู่บ้านดีๆได้ เอาบ้านเก่าๆเล็กๆ มาพูดให้ดูดี ฉันได้ยินแล้วไม่สบายใจ”เสียงของอารียา สำลักเล็กน้อย

รพีพงษ์รู้สึกสงสารขึ้นมาทันที เดิมเขาคิดว่าอารียาจะไม่ ใส่ใจคำพูดของคนพวกนี้ว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร ตอนนี้ดูแล้ว เขาคิดง่ายเกินไป

เดิมเขาคิดจะทำให้เธอแปลกประหลาดใจ ดังนั้นจึงไม่ได้ บอกว่าเขาซื้อบ้านไว้ที่ไหน ตอนนี้ดูแล้ว เพื่อให้อารียา สบายใจ เขาคงต้องบอกเธอแล้ว

“รพี หรือว่าเราจะเชื่อที่แม่บอก เอาบ้านไปขาย แล้วซื้อ บ้านที่พอจะดูดีขึ้น แม้ว่าฉันจะให้ตนเองไม่ไปสนใจคำพูด ของคนพวกนั้น แต่ว่าในใจของฉันมันไม่สามารถบังคับ ได้”อารียาเงยหน้ามองรพีพงษ์

รพีพงษ์ยื่นมือมาลูบศีรษะของอารียา แล้วพูดว่า”ออกไป ข้างนอกกับผมหน่อยผมจะพาคุณไปที่ๆหนึ่ง”

อารียาตกตะลึง ไม่รู้ว่ารพีพงษ์จะพาเธอไปไหนในเวลา นี้ แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธ กลับพยักหน้า

ทั้งสองออกจากบ้านมาด้วยกัน รพีพงษ์ขับรถพาอารียา มุ่งหน้าสู่ใจกลางเมือง

พักใหญ่ รพีพงษ์ก็ขับรถมาจอดที่ข้างๆดงเย็น และอารี ยาก็ลงมาจากรถ ยืนอยู่หน้าประตูดงเย็น

ดงเย็นยามค่ำคืนดูแล้วเจิดจรัสแวววาว โคมไฟแต่ละดวง ส่องสว่าง ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดเด่นกลางใจเมือง

คนที่เดินผ่านมาที่นี่ต่างก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่าย รูป และอิจจฉาคนที่อยู่ที่สวยงามแบบนี้ในเวลาเดียวกัน ทั้ง ยังโอดครวญถึงราคาที่แสนแพงของที่นี่

อารียาเต็มไปด้วยความสงสัย เอ่ยถามว่า”คุณ…พาฉันมา ที่นี่ทำไมคะ”แล้ว เขาคิดง่ายเกินไป

เดิมเขาคิดจะทำให้เธอแปลกประหลาดใจ ดังนั้นจึงไม่ได้ บอกว่าเขาซื้อบ้านไว้ที่ไหน ตอนนี้ดูแล้ว เพื่อให้อารียา สบายใจ เขาคงต้องบอกเธอแล้ว

“รพี หรือว่าเราจะเชื่อที่แม่บอก เอาบ้านไปขาย แล้วซื้อ บ้านที่พอจะดูดีขึ้น แม้ว่าฉันจะให้ตนเองไม่ไปสนใจคำพูด ของคนพวกนั้น แต่ว่าในใจของฉันมันไม่สามารถบังคับ ได้”อารียาเงยหน้ามองรพีพงษ์

รพีพงษ์ยื่นมือมาลูบศีรษะของอารียา แล้วพูดว่า”ออกไป ข้างนอกกับผมหน่อยผมจะพาคุณไปที่ๆหนึ่ง”

อารียาตกตะลึง ไม่รู้ว่ารพีพงษ์จะพาเธอไปไหนในเวลา นี้ แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธ กลับพยักหน้า

ทั้งสองออกจากบ้านมาด้วยกัน รพีพงษ์ขับรถพาอารียา มุ่งหน้าสู่ใจกลางเมือง

พักใหญ่ รพีพงษ์ก็ขับรถมาจอดที่ข้างๆดงเย็น และอารี ยาก็ลงมาจากรถ ยืนอยู่หน้าประตูดงเย็น

ดงเย็นยามค่ำคืนดูแล้วเจิดจรัสแวววาว โคมไฟแต่ละดวง ส่องสว่าง ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดเด่นกลางใจเมือง

คนที่เดินผ่านมาที่นี่ต่างก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่าย รูป และอิจจฉาคนที่อยู่ที่สวยงามแบบนี้ในเวลาเดียวกัน ทั้ง ยังโอดครวญถึงราคาที่แสนแพงของที่นี่

อารียาเต็มไปด้วยความสงสัย เอ่ยถามว่า”คุณ….พาฉันมา ที่นี่ทำไมคะ”
รพีพงษ์ยิ้มออกมา ชี้ไปที่ประตูของดงเย็นแล้วพูด ว่า”บ้านที่ผมซื้อ อยู่ที่นี่”

อารีนาเบิกตาโพลงทันที มองรพีพงษ์อย่างไม่อยากจะ เชื่อสายตา

“ส่วนจะเป็นหลังไหนนั้น ขอปิดเป็นความลับไว้ก่อน ที่ผม พาคุณมาที่นี่ ก็เพื่อให้คุณสบายใจ บ้านที่ผมซื้อ จะปิดปาก ทุกคนได้อย่างแน่นอน ดังนั้นต่อไปไม่ต้องกังวลใจกับเรื่อง นี้แล้ว”รพีพงษ์เอ่ย

อารียายังคงเหมือนล่องลอยอยู่ในความฝัน ถ้ารพีพงษ์ ซื้อบ้านที่นี่จริง ต่อให้มีแค่ห้องเดียว ก็ย่อมต้องดีกว่าบ้าน ของชรินทร์ทิพย์

ในเมื่อดงเย็นได้กลายเป็นจุดเด่นของเมืองริเวอร์ไปแล้ว ทุกคนต่างก็มีความมุ่งมั่นที่จะซื้อบ้านที่นี่

แม้ว่าบ้านของชรินทร์ทิพย์จะอยู่ใกล้กับใจกลางเมือง แต่ เมื่อเทียบกับดงเย็นแล้ว ก็ยังห่างไกลกันมาก

“นี่..นี่มันคือเรื่องจริงใช่มั้ย”อารียาเอ่ยถามด้วยเสียง แหบแห้งเล็กน้อย

“ผมเคยโกหกคุณเหรอ และสัญญานี้ก็ไม่อาจปลอมขึ้น มาได้ ผมไม่เอาเรื่องใหญ่ขนาดนี้มาแกล้งเอาใจคุณ หรอก”รพีพงษ์เอ่ยยิ้มๆ

อารียากลืนน้ำลายดังเอือก เธอรู้ รพีพงษ์พูดแบบนั้น ก็ ต้องเป็นเรื่องจริง

มิน่าล่ะเขาถึงพูดมาตลอดว่าบ้านที่เขาซื้อนั้นต้องทำให้ทุกคนพอใจ หากบ้านที่ดงเย็นยังไม่อาจทำให้ทุกคน พอใจได้ อย่างนั้นบ้านทั้งเมืองริเวอร์นี้ก็คงไม่มีหลังไหนที่ ทำให้พวกเขาพอใจได้แล้ว

“ที่นี่มีร้านกาแฟที่มีชื่อร้านหนึ่ง ชื่อร้าน Blue Love ได้ยิน ว่ากาแฟที่ร้านนี้อร่อยมาก ผมพาคุณไปลองดื่ม ส่วนบ้าน ของเรานั้น ขากลับค่อยพาคุณไปดู

เดิมอารียานั้นก็มึนๆงงๆอยู่แล้ว แต่ก็ยังพยักหน้าให้รพี พงษ์

รพีพงษ์ได้ยินว่าร้าน Blue Love เป็นจุดเด่นอีกจุดหนึ่ง ของดงเย็น ร้านกาแฟร้านนี้ให้บริการเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ ในดงเย็น และราคาก็สูงมาก ถือว่าเป็นสถานที่หรูหรา ฟุ่มเฟือย

วันนั้นที่ทำเรื่องตามขั้นตอนต่างๆ ผู้จัดการฝ่ายขายก็ได้

มอบบัตรสมาชิกระดับพรีเมี่ยมให้กับเขา ด้วยบัตรใบนี้ เขา สามารถมาใช้บริการที่ร้านBlue Loveได้อย่างสะดวก สบาย และยังได้รับส่วนลดสามสิบเปอร์เซ็นต์ ตอนที่ออกจากบ้านรพีพงษ์พกบัตรใบนี้มาด้วยพอดี

ดังนั้นจึงอยากจะพาอารียามาลองชิมที่ร้านนี้

ตอนที่ทั้งสองกำลังจะเข้าไปนั้นเอง ก็พบกับสองคนที่ เดินมาพอดี หนึ่งในนั้นก็คือบุษบากร อีกคนเป็นผู้ชายที่ หน้าตาหล่อเหลา”แคลร์ ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้”บุษบากร เห็นอารียาและรพีพงษ์ ก็รีบวิ่งมาหาทันที

“บังเอิญจังเลย ที่มาเจอเธอที่นี่”อารียาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่รู้ว่ารพีพงษ์ซื้อบ้านที่ดงเย็น เธอก็ไม่ใส่ใจสิ่ง ที่คนอื่นดูถูกอีกต่อไป อารมณ์ก็ดีขึ้นมาก

“ฉันกำลังจะเข้าไปที่ร้านBlue Love”บุษบากรเอ่ยปาก หล่อนส่งสายตาให้รพีพงษ์ จากนั้นก็เขยิบเข้าใกล้ผู้ชาย ข้างๆ เหมือนจงใจให้รพีพงษ์เห็น

“แคลร์ นี่คือแฟนใหม่ฉันเองลิปปินส์ บ้านรวยมาก และ ร้องเพลงเพราะ ทำอาหารก็อร่อย ที่สำคัญที่สุดคือรักฉัน มาก”

ลิปปินส์ได้ฟังแล้ว ก็ยืดอกทันที ใบหน้าแสดงถึงความ ภูมิใจ เขาไม่รู้ว่าจู่ๆบุษบาการถึงชมเขาแบบนี้ และเขาเองก็ ร้องเพลงไม่เป็น ทำอาหารไม่เป็น แต่เขาก็ไม่อยากคิด อะไรมาก คิดว่าบุษบากรคงอยากจะให้เขาดูดีเท่านั้น

“สวัสดีครับ ผมชื่อลิปปินส์”ลิปปินส์ทักทายอารียา ไม่ ได้สนใจรพีพงษ์

เขาเคยได้ยินบุษบากรพูดถึงรพีพงษ์ ยังชื่นชมเขาหลาย อย่าง แม้จะไม่รู้ว่าทำไมบุษบากรถึงต้องชื่นชมรพีพงษ์ แต่เขาก็รู้ดีว่ารพีพงษ์นั้นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่มีชื่อเสียง คนนั้น ดังนั้นจึงดูถูกเขามาตลอด

รพีพงษ์ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาก็ขี้เกียจจะสานสัมพันธ์กับ คนพวกนี้

“พวกเราจะไปที่ร้านBlue Loveในดงเย็น พวกคุณจะ ไปด้วยกันมั้ย ร้านBlue Loveปกติแล้วจะมีแค่คนที่พักใน ดงเย็นเท่านั้นที่เข้าไปได้ และถ้าหากไม่มีบัตรผ่านประตูแม้แต่ประตูหมู่บ้านก็ยังเข้าไม่ได้ อยากดื่มกาแฟที่นี่ เรียกได้ว่ายากมาก

“แต่โชคดีที่ผมมีเพื่อนอยู่ในนี้ ผมรู้ว่ามีทางลัด เข้าไปใน หมู่บ้านได้ เพื่อนผมคนนั้นจะพาเราไปที่ร้านกาแฟ หา โอกาสแบบนี้ได้ยาก ไปกับพวกเราเถอะ”

ลิปปินส์ใบหน้าเต็มไปด้วยความสะใจ ราวกับว่าการได้ ดื่มกาแฟที่ร้าน Blue Love เป็นเรื่องที่ทำให้คนคิดว่าเป็น เรื่องหรูหราก็ไม่ปาน

“พวกเราก็จะเข้าไปพอดี อย่างนั้นไปพร้อมกันเลย”รพี พงษ์เอ่ยปาก

ลิปปินส์เบะปากทันที ใจยังคิดว่าตนเองเก่งอีก ไม่ใช่เพราะตนเองบอกว่าพาพวกเขาเข้าไปได้ เขาจะ เข้าไปดื่มกาแฟข้างในได้ยังไง พูดเหมือนเขาไม่มีตนเอง พาเข้าไปแล้วจะเข้าไปได้อย่างนั้น

หาก

รพีพงษ์พาอารียาเดินไปทางประตูใหญ่

ลิปปินส์เห็นท่าแบบนั้น ก็ขมวดคิ้วทันทีแล้วพูดว่า”คุณไม่ ได้ยินที่ผมพูดเมื่อครู่เหรอ อย่าเดินไปทางนั้น พวกคุณไป ทางลัดกับผม”

ช่างบ้านนอกจริง แม้แต่บัตรผ่านประตูยังไม่รู้จักเลยเห รอ ผู้หญิงสวยๆอย่างอารียา ทำไมถึงได้แต่งงานกับเขาได้ ลิปปินส์บ่นพึมพำในใจ

รพีพงษ์ชำเลืองมองลิปปินส์ เอ่ยเบาๆว่า “เข้าจากประตู ใหญ่ได้ ทำไมต้องไปทางลัด”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท