พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 101

บทที่ 101

บทที่ 101 ถ้าผมพูดว่าไม่ล่ะ

ทุกคนต่างยืนนิ่ง หัวหน้ายามรักษาความปลอดภัยไม่ได้ จับตัวรพีพงษ์ไปด้วย แต่กลับจะมาจับตัวพวกเขาไปซะงั้น?

“ไม่ต้องรพีพงษ์ส่ายหน้าไปมา “เมื่อครู่ผมแค่ลืมกุญแจ ตอนที่ออกมาจากบ้าน ก็เลยกระโดดข้ามกำแพงไปเอา กุญแจมา พวกเขาแค่เข้าใจผิดเท่านั้นเอง”

หัวหน้ายามรักษาความปลอดภัยถึงกับตกใจ พร้อมทั้ง หันไปมองประตูขนาดใหญ่ที่สูงถึง 4-5 เมตรเห็นจะได้ การ ที่คิดจะปีนกำแพงข้ามไปนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยด้วย รพีพงษ์ทำได้ยังไงกัน?

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง งั้นพวกเราไม่รบกวนคุณรพีพงษ์ แล้ว” หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม อีก เพราะเขาเข้าใจกฎของที่นี่เป็นอย่างดี เลยพากลุ่ม ยามฯ เดินห่างออกไป

ชรินทร์ทิพย์เห็นภาพนั้น ก็รีบเอ่ยปากพูดทันควัน “เขา แอบลักลอบเข้าบ้านคนอื่น พวกแกทำไมไม่ไปจับตัวเขา ไว้?”

ทางหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยหันไปมองชรินทร์ ทิพย์ อยู่แวบหนึ่ง พร้อมทั้งเอ่ยปากพูดออกมา “เขาเป็น เจ้าของบ้านของที่นี่ไง ไม่สามารถพูดได้ว่าแอบลักลอบเข้า บ้านคนอื่น”
พูดจบ เขาก็พาคนของเขาออกไป แถมไม่สนใจคนที่ กำลังเรียกร้องความสนใจที่ต้องการจะให้จับตัวรพีพงษ์ไป เลยด้วยซ้ำ

สีหน้าทุกคนของตระกูลฉัตรมงคลต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน ไม่คิดเลยว่าพวกยามจะเคารพรพีพงษ์ซะขนาดนี้ แค่ พูดสองสามคำ ก็เดินหนีไปซะแล้ว

“ตอนนี้พวกคุณคงเชื่อกันแล้วใช่ไหม อยากจะเข้าไปดู ก็ เดินเข้ามากัน” รพีพงษ์เอ่ยปากพูด

สีหน้าของศศินัดดากับศักดาเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิม

แต่ว่าก่อนหน้านี้มีเรื่องอื่นเกิดขึ้นมา พวกเขาสองคนเลยไม่

เกล้าเดินเข้าไป เพราะกลัวว่าเดี๋ยวเกิดเรื่องบ้าบออะไรเข้า

แล้วจะโดนคนอื่นพูดหัวเราะเอาอีก

“ใครจะไปรู้บางทีแกอาจจะเอาเงินไปฟาดหัวพวกเขา ก็ได้ เพื่อให้พวกเขาช่วยแกแสดงละคร แกต้องทำอะไรสัก อย่างเพื่อที่จะได้ยืนยันว่าแกเป็นเจ้าของวิลล่านี้ ไม่งั้น พวกเราไม่เข้าไป” ชรินทร์ทิพย์เอ่ยปากพูด

“ที่พูดมาก็ถูกต้อง พวกยามก็ไม่ได้สามารถบอกอะไรได้ แค่ให้เศษเงินก็สามารถจัดการเรื่องนี้ได้เรียบร้อยแล้ว บางทีทั้งหมดนี้อาจจะเป็นฉากละครที่พวกเขากำลังแสดง กับแกอยู่ก็ได้” ธายุกรพูดเสริมทันที

ทุกคนต่างเห็นด้วยพร้อมทั้งพยักหน้าให้กันเป็นแถว

รพีพงษ์หมดคำพูด ในใจได้แต่ยอมรับเลยกับเรื่องที่จะ บอกว่าเขาเป็นคนซื้อวิลล่าหลังนี้มาทำให้กับคนกลุ่มนี้เชื่อนั้น มันเป็นเรื่องที่ยากมากกว่าการเหินขึ้นฟ้าเสียอีก

ตอนที่เขากำลังปวดหัวกับคนกลุ่มนี้อยู่นั้น ไม่ไกลนักก็มี ชายวัยกลางคนสวมสูทเดินมาทางนี้พอดี เขาคือผู้จัดการ ฝ่ายขายในวันนั้นพอดี

ยามเมื่อผู้จัดการเห็นรพีพงษ์ ที่อยู่ทางนี้พอดี เลยรีบยิ้ม

ให้พร้อมทั้งวิ่งมาหาทันที

“คุณรพี ไม่คิดเลยว่าคุณจะอยู่ที่นี่ นี่กำลังพาญาติๆ ไป ชมวิลล่าใช่ไหม?” ผู้จัดการเอ่ยปากถาม

รพีพงษ์พยักหน้าให้เขา แล้วเอ่ยถามเขากลับ “คุณมาอยู่

ที่นี่ได้ยังไง?”

ทางผู้จัดการหยิบโฉนดเจ้าของบ้านออกมาจากกระเป๋า เอกสารของตนเองออกมาหนึ่งฉบับ จากนั้นก็ยื่นให้รพีพงษ์ พร้อมทั้งพูดขึ้นมา “โฉนดของวิลล่าหลังนี้จัดการเรียบร้อย แล้วครับ ผมเอาโฉนดมาให้คุณครับ”

รพีพงษ์ยื่นมือออกไปรับโฉนดมา พร้อมทั้งเปิดดู เพื่อดูว่า นี่เป็นโฉนดบ้านเขาจริงๆ ด้านบนยังมีชื่อของเขาเขียนเอา ไว้

“ขอบใจนะ” รพีพงษ์/เอ่ยปากพูด

“ไม่เป็นไรครับ ถ้าคราวหน้ามีเรื่องอะไร ก็สามารถแจ้ง ผมได้ทันที ตอนนี้ผมไม่รบกวนเวลาแล้วครับ เชิญคุณตาม สบายครับ”

ทางผู้จัดการตอบกลับเขามาอยู่ประโยคเดียว พร้อมทั้ง มองผู้คนทางฝั่งนี้ว่ามีคนอยู่ไม่น้อย กลัวว่าจะรบกวนรพีพงษ์อยู่ เลยต้องรีบขอตัวไปก่อน

ในใจของรพีพงษ์คิดว่าผู้จัดการมาทันเวลาพอดี ที่อยู่ใน

มือของโฉนดบ้าน คนพวกนี้คงไม่มีทางที่จะไม่เชื่อเขาได้ แล้ว “โฉนดบ้านอยู่นี่ ถ้าพวกคุณไม่เชื่อ ก็เอาไปดูสิ” รพีพงษ์

ชูโฉนดที่อยู่ในมือ

ศศินัดดา/นัดดารีบแย่งโฉนดบ้านมาดูก่อนใครเพื่อน พอ เห็นว่าโฉนดมีชื่อของรพีพงษ์จริงๆ ทันใดนั้นดวงตาก็คลี่ ยิ้มทันที

บรรดาญาติตระกูลฉัตรมงคลต่างเข้ามารุมล้อมเพื่อแย่ง กันดู พร้อมทั้งเห็นว่าวิลล่าหลังนั้นเป็นชื่อของรพีพงษ์จริงๆ

ชรินทร์ทิพย์กับธายุกรทั้งสองคนก็มองโฉนดบ้านอยู่แวบ หนึ่ง จากนั้นสีหน้าก็เหยเกทันที ท่าทางเหมือนกับรับไม่ ได้ที่วิลล่าหลังนี้เจ้าของคือรพีพงษ์จริงๆ

“อารียา ก็ช่างโหดจริงๆ ถึงขนาดไปยักยอกเอาเงินจาก โครงการมาได้เยอะขนาดนี้ เดี๋ยวกลับไปต้องไปฟ้องปู่ เรื่องเธอที่เธอทำแล้วสิ” ชรินทร์ทิพย์เปิดปากพูด

ธายุกรรีบใช้สายตาส่งสัญญาณให้เธอเอาไว้ พร้อมทั้ง พูดกระซิบกระซาบกับเธอ “เบาเสียงหน่อย ให้พวกเขา ได้ใจไปก่อนเถอะ ถ้าปู่รู้เรื่องนี้เข้า ต้องเอาวิลล่ากับรถของ เธอทวงคืนกลับมาแน่นอน ถึงเวลานั้นพวกเขาจะไม่ได้ อะไรสักอย่าง!”

ชรินทร์ทิพย์พยักหน้าให้ทั้งสองคนต่างยิ้มให้กันอย่างเจ้าเล่ห์

“พวกแกยังยืนอึ้งกันอยู่ทำไม รีบเข้าไปดูในตัวบ้านของ ฉัน” ศศินัดดาตะโกนเรียก

เมื่อครู่เธอเองยังสงสัยในตัวของรพีพงษ์อยู่เลย แถมยัง พูดว่ารพีพงษ์กำลังหลอกคนให้สับสนอยู่ แต่พอเวลา เปลี่ยนไปแวบเดียวก็พูดออกมาเต็มปากว่าบ้านของเธอ รพี พงษ์เองก็ไม่เคยเห็นใครที่หน้าด้านกว่าเธอเลย

หลังจากที่กลุ่มคนเหล่านั้นมั่นใจแล้วว่าวิลล่าหลังนี้เป็น ของรพีพงษ์ ต่างก็ดีใจกันยกใหญ่พร้อมทั้งเดินตามศศิ นัดดาเข้าไปดูในตัวบ้าน เพราะว่าเป็นวิลล่าที่หรูหราของ ดงเย็น โอกาสน้อยมากที่พวกเขาจะได้เห็นของแบบนี้

รพีพงษ์เดินตามอารียาที่เดินอยู่ด้านหน้า พร้อมทั้งยิ้มให้ เธอ จากนั้นก็เดินเข้าไปตัววิลล่าพร้อมกันกับเธอ

ภายในวิลล่าตกแต่งได้อย่างหรูหรา ภายในเฟอร์นิเจอร์ ทุกชิ้นในตัวบ้านตกแต่งด้วยของแบรนด์เนมมีราคาสูงลิ่ว บรรยากาศในตัวห้องก็ตกแต่งได้จนรู้สึกว่าสุขสบาย ท่ามกลางความหรูหรา บรรดาญาติพี่น้องในตระกูล ฉัตรมงคลต่างอิจฉาไปตามๆ กัน

“นัดดา พวกแกนี่ช่างโชคดีจริงๆ ที่เข้ามาพักอยู่ในบ้านที่ ดีมากขนาดนี้ได้ ชาตินี้พวกเราคงไม่มีหวังที่จะคิดว่าจะมี บ้านแบบนี้ได้”

“ถูกต้อง วิลล่าหลังนี้เกรงว่าน่าจะเป็นวิลล่าที่ดีที่สุดใน เมืองริเวอร์นี้เลย แกนี้มันช่างทำให้คนเขาอิจฉาจริงๆ เลย”
สีหน้าของศศินัดดาพออกพอใจมาก เพราะว่าตอนนี้เธอ เองไม่ต้องคอยมัวแต่กังวลกับการที่ถูกคนอื่นคอยมาดูถูก ว่าบ้านของเธอเล็กเท่ารูหนูอีกแล้ว

แต่สีหน้าของคิมหัตต์กลับหม่นหมองมากกว่าเดิม เขาได้ แต่ยืนอยู่ทางด้านนั้นไม่ปริปากพูดสักคำ บ้านหลังใหม่ของ เขาเมื่อเอามาเปรียบเทียบกับวิลล่าหลังนี้แล้ว มันเหมือน กับเอาฟ้ากับดินมาเปรียบเทียบกัน

ศศินัดดาเห็นอาการที่เขาแสดงออกมาแบบนั้น เลยจงใจ เดินเข้าไปหา พร้อมทั้งเอ่ยถาม “พี่สอง บ้านหลังใหม่ของ ฉันเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ดี…ดีมาก” คิมหัตต์พูดไปก็ฝืนยิ้มไป

“เหรอ ฉันรู้สึกว่ามันดีมากเลยทีเดียว เมื่อเอามาเทียบกับ บ้านของฉันแล้ว มันแย่ลงไปหน่อย แต่ฉันก็ชอบสถานที่ที่ มันเงียบสงบ ที่นี่กว้างใหญ่มาก แถมยังสงบเงียบมากเลย” ศศินัดดาพูดด้วยอารมณ์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจับต้นชน ปลายไม่ถูก

“ที่แกพูดออกมาหมายความว่ายังไง บ้านของฉันจะเอา มาเปรียบเทียบกับวิลล่าที่นี่ได้ยังไง” สีหน้าของคิมหัตต์ ทำท่าเหมือนอยากจะอาเจียนออกมา แถมสบถด่าศศิ นัดดาออกมาอยู่หลายประโยค

ศศินัดดารู้สึกสะใจ เธออยากจะเห็นคิมหัตต์ที่มีเรื่อง ขัดใจแบบนี้ แต่ก็พูดออกมาไม่ได้

เวลานี้เองชรินทร์ทิพย์ก็เดินเข้ามา พร้อมทั้งพูดกับศศินัดดาอยู่ประโยคหนึ่ง “ใครจะไปรู้ล่ะว่าพวกแกไปเอาเงิน มากมายขนาดนี้มาจากไหนที่เอามาซื้อวิลล่าได้ ถ้าเป็นเงิน ที่ผิดกฎหมาย ต้องติดคุกหัวโต นี่พ่อ ดูก็ดูแล้ว เรากลับกัน เถอะ”

พูดจบ เธอก็พาคิมหัตต์แล้วยังมารดาของเธออีกคนออก ไปจากวิลล่า แล้วก็ยังมีธายุกรอีกคน

ศศินัดดาเบะปากให้ ในใจคิดว่า “เงินที่ซื้อบ้านหลังนี้มา เป็นเงินของลูกสาวฉันเองที่หามาได้ จะผิดกฎหมายได้ยัง ไง พวกแกไม่มีปัญญาก็อย่าพูดใส่ร้ายคนอื่นสิ”

ทางด้านบรรดาญาติพี่น้องของตระกูลฉัตรมงคลต่างเดิน ดูวิลล่ากันอยู่นาน กลางวันรพีพงษ์เลยให้พวกเขาอยู่กิน ข้าวเที่ยวด้วยกัน ศศินัดดาดีใจมาก เลยรีบเข้าครัวทำ อาหารด้วยตัวเอง เพื่อจะทำอาหารเที่ยงให้สมบูรณ์แบบ ญาติพี่น้องเหล่านี้

หลังจากที่รับประทานอาหารกลางวันกันเสร็จเรียบร้อย แล้ว ทุกคนต่างเข้ามาขอโทษขอโพยกับศศินัดดากันเป็น แถว แล้วก็ไปจากดงเย็น ตอนที่ออกไปทุกคนต่างมีสีหน้าที่ อิจฉาตาร้อนอยู่เช่นเดิม

“ต่อไปถ้าพวกแกว่างๆ ก็มาเที่ยวเล่นที่บ้านฉันได้นะ การ เดินทางละแวกนี้ดีมาก พวกแกมาได้สบายเลย” ศศินัดดา พูดออกมา

เธอคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านไปซะแล้ว แทบจำไม่ได้ เลยว่าในตอนแรกเธอเป็นคนเอ่ยปากพูดออกมาเองว่าให้ รพีพงษ์กับอารียาย้ายออกไปจากบ้าน แล้วเธอก็จะไม่ย้ายตามไปด้วย

หลังจากทุกคนกลับไปแล้ว รพีพงษ์กับอารียาก็นั่งลงบน โซฟา จนรพีพงษ์ถึงกับพูดไปยิ้มไปว่า “การดูแลปรนนิบัติ คนพวกนี้เหนื่อยมากจริงๆ”

อารียามองรพีพงษ์อยู่แวบหนึ่ง เลยอ้าปากพูดกลับมา

“พวกเขาก็เป็นแบบนี้ คุณอย่าไปสนใจพวกเขาเลย”

“ชอบบ้านที่ผมซื้อให้คุณไหม?” รพีพงษ์ถามไถ่

อารียาพยักหน้าให้ แล้วพูดขึ้นมา “ชอบสิ”

วิลล่านี้ถือว่าเป็นบ้านที่ดีที่สุดของเมืองริเวอร์แล้ว ถ้าเธอ ยังไม่ชอบ เกรงว่าก็ต้องไปพักบนสวรรค์แล้วแหละ

“แต่ว่า บ้านหลังนี้มันแพงขนาดนี้ คุณเอาเงินจากไหนมา เยอะแยะมากมายขนาดนี้?” อารียาเอ่ยปากถาม

“เงินเก็บส่วนตัวนะ” รพีพงษ์พูดออกมาพร้อมกับยิ้มให้

อารียาถึงกับกลอกตามองบน ในใจคิดว่ารพีพงษ์เริ่มเอา เหตุผลนี้ขึ้นมาหลอกทำให้เธอสับสนอีกแล้ว ถ้าครั้งหน้า เขาพูดอย่างนี้อีก เธอจะเอาความเป็นภรรยาที่ถูกต้องตาม กฎหมายนี้แหละ จัดการยึดเงินเก็บส่วนตัวของเขาเอาไว้ ทั้งหมด

ตอนที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยหยอกล้อกันอยู่นั้น ศศินัดดากับ ศักดาก็เดินเข้ามา

ศศินัดดาเอาโฉนดบ้านโยนลงบนโต๊ะ พร้อมหันไปทาง รพีพงษ์ด้วยอารมณ์โมโห พร้อมทั้งเอ่ยปากพูดออกมา “พูดมาสิว่า บนโฉนดนี้ทำไมเป็นชื่อแกล่ะ? นี่แกคิดจะยักยอก เงินทางบ้านเราใช่ไหม?”

รพีพงษ์มองศศินัดดาอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็อ้าปากพูด “ผมซื้อบ้าน บ้านก็ต้องเขียนเป็นชื่อผมสิ”

“แกปากหมา! บ้านหลังนี้แกเอาเงินลูกสาวของฉันไปซื้อ

มา แกคิดว่าฉันไม่รู้หรือไง? รพีพงษ์ ความทะเยอทะยาน

ของแกมันเห็นชัดตำตาแล้ว ฉันคิดว่าแกคงไม่ได้คิดดี

ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” ศศินัดดาพูดข่มขู่แกมบังคับ

“แม่คะ บ้านหลังนี้รพีพงษ์ซื้อเองจริงๆ ฉันจะเอาเงิน ที่ไหนมามากมายขนาดนั้นมาซื้อบ้านที่แพงหูฉีหลังนี้ได้ ล่ะ” อารียารีบอธิบายในทันที

“ก็ช่วงนี้นี้แกรับผิดชอบโครงการของสำนักงานสาขา บริษัทซันบับเบิลกรุ๊ปอยู่นี่ยังไงก็มีเงินค่าหัวคิวที่ยัง สามารถหามาได้อีก อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ไอ้คนกระจอก อย่างรพีพงษ์ จะมีปัญญาไปหาเงินที่ไหนมาได้มากมาย ขนาดนี้ ก็ต้องเป็นเงินที่เอามาจากแกนี่แหละ” ศศินัดดาพูด สรุปความอย่างมั่นใจ

“โครงการที่ฉันรับผิดชอบก็มีค่าหัวคิวเยอะจริง แต่ฉันก็ ไม่เคยเอามันมากสักแดงเดียว อีกอย่าวิลล่าหลังนี้ราคาสิบ ห้าล้าน ถ้าฉันเอาเงินมาจากโครงการนั้นจริงแล้ว โครงการ นี้มันคงล้มไม่เป็นท่าไปตั้งนานแล้ว!” อารียาพูดขึ้นมาด้วย ความเคร่งเครียด

ศศินัดดาห่อเที่ยวใจลงทันที เมื่อเอาคิดอย่างละเอียด รอบคอบแล้ว อารียาไม่มีทางเงินมากมายมาจากโครงการนี้ได้จริงๆ

“ถึงแม้ว่าแกจะเอาเงินมาจากโครงการนี้หรือเปล่า แต่เงิน พวกนี้ต้องไม่ใช่เงินมันแน่ ยังไงวิลล่าหลังนี้ก็ไม่สามารถใส่ ชื่อมันได้” ศศินัดดาพูดพลิกลิ้นอย่างเจ้าเล่ห์ทันที

“อีกอย่าง รพีพงษ์ เดี๋ยวแกกลับไปแล้วจัดการเก็บของให้

พวกเราด้วย แล้วจัดการขนย้ายมาที่นี่ จากนี้ต่อไปพวกเรา

จะไปไม่กลับไปอยู่ที่นั่นแล้ว” ศศินัดดาพูดเสริมทันที

อารียาตะลึงทันที แล้วก็เอ่ยปากพูด “แม่ แม่ไม่ใช่บอกว่า จะไม่ย้ายออกมาอยู่กับเราไม่ใช่เหรอ? แล้วตอนนี้มัน หมายความว่ายังไง?”

ศศินัดดาจ้องตาเขม็งทันที พร้อมทั้งเอ่ยปากพูดว่า “ตอน ไหนเหรอที่ฉันพูดออกมา อีกอย่างวิลล่าของฉัน แล้วทำไม ฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ได้?”

“แต่นี่มันเป็นวิลล่าของรพีพงษ์เขา” อารียารีบพูดเถียง กลับอีกครั้ง

“ฝันไปเถอะ! ก็แค่โฉนดเขียนแค่ชื่อเขาเท่านั้นเองแล้ว มันจะยังไงต่อ นั่นก็หมายความว่าเป็นสมบัติของตระกูล ฉัตรมงคลเช่นกัน ฉันจะอยู่ที่นี่ เขามีสิทธิ์ไม่ยอมด้วยเห รอ?” ศศินัดดาหันไปมองรพีพงษ์แถมพูดจาด้วยความโกรธ พุ่งปรี๊ด

“ใช่สิลูก บ้านหลังนี้แค่เขียนชื่อเขาเท่านั้นเอง อีกอย่างที่ นี่ออกจะใหญ่โตขนาดนี้ เราย้ายมาอยู่ที่นี่ก็สมควรแล้ว” ศักดาพูดสมทบความคิดนี้ด้วย
รพีพงษ์มองคนหน้าด้านหน้าตายอยู่สองคนอยู่แวบหนึ่ง แล้วพูดด้วยความเย็นชาว่า “ถ้าผมพูดว่าไม่ได้ล่ะ?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท