พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 104

บทที่ 104

บทที่ 104 ให้ฉันได้ทำตามใจในสิ่งที่คุณปรารถนา

กันตายืนงงทันที เธอเอามือขึ้นมาลูบหน้าตนเอง พร้อม ทั้งจ้องมองวรดรอย่างไม่อยากจะเชื่อ

คนที่ยืนมุงดูนั้นต่างตกใจที่เห็นภาพนั้นไปตามๆ กัน พวก เขาคิดว่าการที่วรดรมานั้น ก็เพื่อจะมาสั่งสอนรพีพงษ์แทน กันตา แต่กลับไม่คิดว่าเขาจะมาตบกันตาสักฉาด

“คุณ….คุณตบฉันทำไม ทั้งๆ ที่ฉันถูกมันรังแก นี่คุณบ้า ไปแล้วหรือไง?” กันตาร้องไห้คร่ำครวญ พร้อมทั้งจ้องมอง วรดรด้วยสีหน้าน้อยอกน้อยใจ “เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นที่นี่ใจคุณก็รู้ดีอยู่แก่ใจ เขาจะมา

มัวมาเสียเวลากับคุณแค่เศษเงินสามหมื่นกว่าเนี่ยนะ?” วรด รพูดด้วยท่าทางท้อใจ ในใจก็ได้แค่คิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในวันนี้ไปทำผิดกับผู้ทรงอิทธิพลคนนั้นจนได้ เขาไม่มีทาง ปล่อยกันตาไปแน่

“มันก็แค่ไอ้คนกระจอกที่ใครทั้งเมืองริเวอร์ต่างรู้ดีทั้ง นั้น แล้วทำไมมันจะต้องไม่สนใจกับเงินตั้งสามหมื่นกว่า ด้วยล่ะ นี่มันหมายความว่ามันอยากจะหนีหนี้นะสิ แถม ตอนนี้คุณยังช่วยพูดแทนมันอีกวรดรคุณมองคนผิดไป แล้วจริงๆ!” ใบหน้ากันตามีแต่ความน้อยใจ เพราะว่าคิดว่า ตนเองเป็นผู้เสียหายไปเสียแล้ว

วรดร เริ่มบ้าขึ้นเรื่อยๆ ไม่คิดเลยว่ากันตาจะมาไม้นี้
เขาถลึงตาใส่กันตา แล้วพูดว่า “เรื่องนี้กลับไปแล้วฉันจะ อธิบายให้คุณฟัง คุณรีบไปขอโทษเขาเร็วๆ!”

“มีสิทธิ์อะไร! ที่ให้คนอย่างฉันไปขอโทษไอ้กระจอกนี่ ฝันไปเถอะ!” กันตาตะคอกเสียงดัง

“พอแล้ว” รพีพงษ์พูดออกมาในตอนนั้น พร้อมทั้งหันไป

ทางวรดร “คุณไปดูกล้องวงจรปิดเมื่อครู่ เพื่อให้ทุกคนดู กันว่าตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เรื่องนี้เดี่ยวก็รู้ว่าใคร เป็นคนผิด” วรดรสีหน้าเก้อเขินตอนที่มองไปทางรพีพงษ์ พร้อมทั้ง

โค้งอย่างเคารพแล้วเอ่ยขึ้นมา “คุณรพี ต้องขอโทษด้วย จริงๆ ครับ ผู้หญิงประสาทเสียคนนี้กินยาผิดมาครับ ถึงได้ ออกอาการแบบนี้ ส่วนกล้องวงจรปิดไม่ต้องไปดูหรอกครับ ต้องเป็นผู้หญิงบ้าคนนี้ผิดเต็มประตู”

รพีพงษ์ส่ายหน้าไปมา แถมพูดอย่างหมดความอดทน “รีบไปเปิดดู ฉันไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว”

วรดรเห็นว่ารพีพงษ์เริ่มไม่สบอารมณ์ ตกใจจนรีบพยัก หน้ารับ แล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหาครับ ผมจะให้พวกเขาไปดู กล้องวงจรปิดเดี่ยวนี้”

จากนั้นเขาก็เดินหันหลังกลับไปที่ห้องดูกล้องวงจรปิด กันตาเห็นแบบนั้นก็อยากจะเข้าไปขวางเอาไว้ แต่กลับ ถูกวรดรผลักแทน อีกนิดเดียวเธอก็จะล้มหน้าคะมำแล้ว

กันตาจ้องมองพี่พงษ์กับอารียาด้วยความเคียดแค้น ใน ใจคิดว่าเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็เป็นเพราะว่าพวกเขาเป็นคนก่อเรื่องขึ้นมา

ผู้คนที่มุงดูอยู่นั้นพลางชี้ไปที่รพีพงษ์ ต่างรู้สึกว่า่ารพีพงษ์ นั้นทำเกินกว่าเหตุ

“คนคนนี้มันช่างทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นถูกตบ แล้ว เขายังไม่ยอมปล่อยไป เจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ”

“พวกคุณว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนทำผิดกันแน่? ถ้าผู้ชายคน นั้นมาชนผู้หญิงคนนี้จริงๆ แล้วทำไมผู้ชายคนนี้ยังยืนกราน ให้ดูกล้องวงจรปิดด้วยล่ะ?”

“ใครจะไปรู้ล่ะ พวกคุณดูผู้หญิงคนนั้นช่างน่าสงสาร เหมือนว่าไม่ได้โกหกเลยนะ”

ส่วนอารียาเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดวรดรถึงได้ออกหน้าให้รพี พงษ์ ตามหลักแล้วเขาต้องช่วยกันตาถึงจะถูก

อีกอย่างหลังจากที่วรดรเห็นรพีพงษ์แล้ว ดูเหมือนนิสัย ท่าทางของเขาจะเปลี่ยนไปมาก เห็นได้ชัดว่าคนอย่ารพี พงษ์ไม่ใช่คนที่ใครๆ จะไปแกว่งเท้าหาเสี้ยนได้

ตกลงว่าตัวตนของรพีพงษ์อยู่ในสถานะไหนกันแน่ ถึงทำ ให้ไฮโซคนหนึ่งถึงให้ความเคารพยำเกรงถึงขนาดนี้ เพราะ ว่าเขากลัวว่าจะไปทำผิดกับเขา จนถึงขนาดยอมลงมือกับ แฟนตัวเองเลยเนี่ยนะ? LSMI

อารียารู้สึกว่าตัวเองยิ่งนานวันยิ่งมองรพีพงษ์ไม่ออก ชั้นหนึ่งของห้างสรรพสินค้า มีหน้าจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่กำลังถ่ายทอดอยู่ ปกติเอาไว้เปิดโฆษณาต่างๆ

ไม่นานนัก ภาพบนหน้าจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ ก็เปลี่ยน เป็นภาพกล้องวงจรปิดของห้างแทน

“พวกคุณมองหน้าจอที่อยู่ด้านบนนั้นสิ!” เวลานั้นมีคนส่ง เสียงร้องอย่างตกใจ

ทุกคนต่างเงยหน้า แล้วมองไปที่บนหน้าจอโทรทัศน์นั่น

ภาพที่กำลังถ่ายทอดอยู่ในตอนนี้ เป็นภาพที่กันตากำลัง ดูกำไลหยกอยู่

ส่วนกันตาที่กำลังมองภาพอยู่ด้านบนนั้น ถึงกลับกรีด ร้องออกมาทันที และอยากจะเอาอะไรมาปิดภาพบนนั้น เอาไว้อย่างหัวเสีย

ช่างน่าเสียดาย ภาพที่อยู่หน้าจอนั่นมันฉายอยู่บนกลาง อากาศ เธอไม่มีปัญญาด้วยซ้ำ อีกอย่างหน้าจอโทรทัศน์ที่ มากมายขนาดนี้ เธออยากจะปิดก็ปิดไม่หมด

เธอไม่คิดเลยว่าวรดรจะสิ้นไร้เยื่อใยกับเธอได้ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นเอาภาพจากกล้องวงจรปิดมาเปิดให้คนอื่นเขาดูกัน ทั่ว ทั้งหมดนี่มันทำให้เธอขายหน้าจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ ไหนดี

ภาพที่กำลังปรากฏนั่น มือข้างหนึ่งของกันตากำลังจับ กำไลหยกนั่นอยู่นานพอควร จากนั้นก็อยากจะวางมันลง แต่ไม่ทันระวัง

เวลานั้นเองมือของเธอก็ลื่นพอดี กำไลหยกเลยลื่นหลุด มือเธอ จนหล่นลงพื้น
ในเวลานั้นรพีพงษ์กับอารียาห่างจากกันตาไปอยู่ ประมาณเมตรกว่า หลังจากที่กำไลหยกหล่นลงพื้นแล้ว ถึง ได้เดินมาหากันตา ส่วนรพีพงษ์ก็ไม่ได้ชนเธอเลยด้วยซ้ำ

ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอเห็นชัดเต็มสองตาแล้ว ใบหน้า ของกันตาซีดเผือด ทำเหมือนกับเด็กน้อยที่ทำผิดแล้วโดน ผู้ใหญ่จับได้แบบนั้น ทั้งหมดหวังและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

หลังจากที่ทุกคนเห็นภาพที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอแล้ว เลยรู้ทันทีว่ากันตากำลังโกหกอยู่ คนที่เวลานั้นเชื่อเธอต่าง ทำหน้ารังเกียจทันที

“น่ารังเกียจจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ที่แท้ก็แสดงละครตบตาเก่ง

แบบนี้ เมื่อครู่เห็นว่าเธอทำท่าน่าสงสารมาก ฉันก็คิดว่าเธอ คือผู้เสียหาย” “แม่งเอ๊ย ที่ไหนได้ก็อีนังแพศยา แถมตอนนั้นฉันเองยัง

คิดจะหาความยุติธรรมคืนให้เธอเลย ไม่คิดเลยว่าจะเส

แสร้งแกล้งทำ”

“เราเข้าใจเด็กหนุ่มคนนั้นผิดไป เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้อง อะไรกับเขาเลยด้วยซ้ำ”

กันตา เมื่อได้ยินเสียงผู้คนที่กำลังมุงดูคุยกันอยู่ ใบหน้ามี แต่ความเก้อเขิน อยากจะเอาหน้าไปมุดแทรกลงบนพรมให้ หายไปเลย

เวลานั้นเองที่วรดรวิ่งกลับมา เมื่อมาถึงด้านหน้าของรพี พงษ์ เอ่ยปากพูดด้วยอาการขอโทษจริงๆ “คุณรพี ผมไปดูกล้องวงจรปิดมาแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณจริงๆ ทั้งหมดว่าจากผู้หญิงที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำที่คอยมาหา เรื่องคุณ ผมขอโทษคุณแทนเธอด้วย”

พูดจบวรดรก็หันไปทางกันตา พร้อมพูดเสียงแข็ง “รีบ เข้ามาขอโทษคุณรพีเร็วๆ!”

กันตามองรพีพงษ์อยู่แวบหนึ่ง พลันนึกได้ว่าก็แค่คนไร้ ค่าที่สุดในเมืองริเวอร์อย่างรพีพงษ์ ในใจเธอเกิดความรู้สึก ไม่พอใจขึ้นมา

เธอต้องมาขอโทษกับคนไร้ค่าอย่างงั้นเหรอ มีสิทธิ์

อะไร?

“เขาก็แค่คนกระจอกคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไร…” กันตาอ้า ปากพูดออกมาอย่างน้อยใจ

วรดรเห็นว่ากันตายังไม่ยอมแก้ไขตัวเอง เลยชูมือขึ้น จากนั้นก็ตบเธออีกที

เสียงกระทบ ดังชัดถนัดหู

ผู้คนโดยรอบต่างไม่มีใครพูดแก้ตัวให้เธอเลย ต่างก็คิด สมน้ำหน้ากันตาทั้งนั้น

“เรื่องมาถึงตอนนี้แล้วแกยังไม่ขอโทษใช่ไหม งั้นบ้านที่ ฉันซื้อให้แกที่ดงเย็นฉันขอเอาคืน จากนี้แกก็ไปนอนข้าง ถนนเอาแล้วกัน” วรดรโมโหเดือด

เมื่อกันตาได้ยินดังนั้น เลยได้สติทันที เธอเลยรีบคว้าแข นของวรดรเอาไว้ แล้วพูดทันควัน “ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ แล้ว อย่าเอาบ้านฉันคืนกลับไปเลยนะ ฉันจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง”

พูดจบ กันตาก็หันมาทางรพีพงษ์ ถึงแม้ว่าใบหน้าจะ บอกบุญไม่รับก็ตามแต่ก็ยังพูด “ขอ… ขอโทษ ฉันใส่ร้าย ป้ายสีคุณเอง อภัยให้ฉันด้วย ต่อไปฉันจะไม่กล้าทำแบบ นั้นอีก”

ส่วน วรดรเองก็รีบเดินไปข้างหน้า แล้วยิ้มขอโทษให้ “คุณรพี ผู้หญิงคนนี้ไม่มีหัวคิด ถึงได้กล้าไปแตะต้องคุณ เดี๋ยวกลับไปแล้วผมจะสั่งสอนเธอให้ดีเอง คุณอย่ามา ใส่ใจกับเธอเลย”

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นก็หันไปหาอารียา แล้ว เอ่ยขึ้น “เราไปกันเถอะ”

พอสองคนนั้นเดินจากไป กันตาที่กำลังทำหน้าน้อยใจอยู่ หันมามองวรดร แล้วเอ่ยปากถาม “คุณสามี ทั้งๆ ที่คนคน นั้นเป็นคนกระจอก ทำไมคุณถึงได้ให้ฉันไปขอโทษมัน ด้วยล่ะ ทำแบบนี้ก็ไม่ไว้หน้าฉันเลย”

วรดรอารมณ์ไม่ดีจ้องมองเธอตาเขมถึง พร้อมทั้งอ้าปาก พูด “แกเสียหน้าเหรอ? อีเวรนี่มึงเกือบฆ่ากูให้ตายแล้ว ยัง จะมาห่วงว่าเสียหน้าอีก?”

“ถึงจำใส่สมองอันน้อยนิดเอาไว้นะ ต่อไปอย่าริอาจไปหา เรื่องเธออีก สิ่งของทุกอย่างของมึงต้องคืนกูมา ต่อไปมึงก็ กินหินดินทรายเอาแล้วกัน!”

ยามเย็นของวันต่อมา
รพีพงษ์บอกกับอารียาว่าตนเองนัดเพื่อนเอาไว้ มีธุระต้อง ไปจัดการ

อารียาเองก็ชินกับพฤติกรรมของรพีพงษ์แล้ว เลยไม่ได้ ถามรพีพงษ์ว่าไปทำอะไร แค่บอกให้เขารีบกลับมาเท่านั้น เอง

“คุณขับรถไปสิ จะได้สะดวกดี” อารียาเอากุญแจรถให้ รพีพงษ์

รพีพงษ์ก็ได้แต่ยิ้มให้ และไม่ได้ปฏิเสธ พร้อมยื่นมือออก ไปรับกุญแจมาทันที

ศศินัดดาเห็นภาพนั้น เลยรีบบ่นทันที “นี่ลูก แกนี่มันช่าง ทำให้ไอ้คนกระจอกน้อยเสียนิสัย รถดีขนาดนี้ ให้มันขับ น่าเสียดายจริงๆ”

อารียารีบมองศศินัดดาอยู่แวบหนึ่ง แล้วเอ่ยปากพูด “ฉัน ขอพูดอีกครั้งนะว่า รถและวิลล่าหลังนี้ รพีพงษ์เป็นคนซื้อ ทั้งหมด ต่อไปอย่าพูดมั่วๆ แบบนี้อีก”

“ “เชอะ อย่ามาทำให้ฉันสับสน สายตาฉันไม่ได้พร่ามัวสัก หน่อย” ศศินัดดาไม่เชื่อสักนิด แต่ก็ไม่ได้ขอร้องให้รพีพงษ์ วางกุญแจคืนมา

รพีพงษ์ขับรถออกนอกประตูแล้ว ไม่นานนักก็มาถึง สถานบันเทิงสตาร์กาย เขาจอดรถไว้ที่ด้านหน้าของสถาน บันเทิงสตาร์กาย พร้อมทั้งเดินเข้าไปด้านในเพื่อไปหาธฤต ญาณ

หลังจากที่รพีพงษ์ออกจากบ้านไปไม่นาน บุษบากรก็โทรศัพท์มาหาอารียา

“แคลร์แกกับรพีพงษ์ออกไปเที่ยวด้วยกันสิ” บุษบากรพูด เชื้อเชิญ

“คืนนี้รพีพงษ์ต้องไปทำธุระข้างนอก วันอื่นได้ไหม” อารี ยาตอบ

“งั้นได้ เราค่อยนัดกันวันหลังแล้ว” บุษบากรไม่ได้พูด อะไรมาก พร้อมทั้งตัดสายโทรศัพท์ทันที

อารียารู้สึกแปลกใจ เพราะว่าบุษบาการไม่เคยพูดออก มาเลยว่าจะไปเที่ยวกับรพีพงษ์ พอได้ยินว่ารพีพงษ์ไม่อยู่ บ้านเท่านั้นแหละ รีบเปลี่ยนวันทันทีเลย

“ดูเหมือนเรื่องครั้งที่แล้ว ที่บุษทำตัวลับๆ ล่อๆ สงสัย ต้องหาเวลามาคุยกับเธอให้ชัดเจนกันแล้วมั้ง” อารียาบ่น พิมพ์

ไม่นานนักที่รพีพงษ์เดินเข้าไปในสถานบันเทิงสตาร์กาย แล้วก็ออกไปพร้อมกับธฤตญาณเลย ถิ่นของพิชญุตม์ก็ไม่ ได้อยู่ไกลจากที่นี่มากนัก ทั้งสองคนเลยไม่ได้ขับรถไป แค่ เดินไปทางด้านนั้น การทำแบบนี้จะได้ไม่เป็นที่จับตาของ คนมากนัก

ธฤตญาณได้เตรียมการกับลูกน้องของตนเองไว้แล้ว เขา กับรพีพงษ์จะลองไปดูสถานการณ์ ส่วนพวกลูกน้องนั้นไม่ นานนักก็จะตามไปทีหลัง

พวกเขาไปได้ไม่นานนัก บุษบากรที่แต่งตัวเซ็กซี่กลับมา ยืนอยู่ที่ด้านหน้าสถานบันเทิงสตาร์กาย
บุษบากรเห็นรถแลนด์โรเวอร์ที่จอดอยู่ตรงประตูของ สถานบันเทิงสตาร์กาย สีหน้าก็ฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา ทันที

“รพีพงษ์ ที่แท้ ฉันก็เดาไม่ผิด ดูท่าแล้วคุณก็มาหาเรื่อง สนุกที่นี่บ่อยอยู่”

“แคลร์ช่างโง่จริงๆ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าคุณเป็นผู้ชาย แต่กลับไม่ให้คุณทำเรื่องอย่างว่า จนคุณต้องหนีมาหาเรื่อง สนุกที่นี่”

“ผู้หญิงพวกนี้ก็จอมปลอมทั้งนั้น มีอะไรน่าสนุกกันเชียว

แคลร์ไม่ยอมให้คุณเรื่องนี้ งั้นฉันก็ให้คุณได้สมดังใจ

ปรารถนาเอง”

พูดกับตัวเองอยู่สองสามประโยค บุษบากรก็หยิบกระจก บานเล็กขึ้นมา จากนั้นก็ดูหน้าตาที่แต่งมาแล้วของตนเอง เพื่อเช็กให้มั่นใจได้ว่าคืนนี้เธอจะเรียกความสนใจรพีพงษ์ ได้ จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านในสถานบันเทิงสตาร์กายอย่าง มั่นใจ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท