พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่110

บทที่110

บทที่110 คงไม่ได้เป็นไตพร่องหรอกนะ

รพีพงษ์เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของบุษบากร ยืนยันว่าเธอไม่ได้แกล้งทำ คงจะดื่มมากเกินไปแล้ว สายลมหนาวที่พัดมาในตอนนี้ คงทำให้ไม่สบาย

เขามองไปที่บุษบากรซึ่งหลับไปแล้ว อยู่ๆ ก็เริ่ม รู้สึกปวดหัว

บุษบากรไม่ได้บอกเขาว่าบ้านของเธออยู่ที่ไหน เขาจึงไม่สามารถส่งบุษบากรกลับบ้านได้

ถ้าหากพาบุษบากรกลับไปวิลล่าของเขาแล้ว อารี ยาจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน เมื่อบุษบากรตื่นขึ้นมาจะ ต้องไปพูดซีชั้วกับอารียาแน่ รพีพงษ์จึงไม่อยากจะพา บุษบากลับไป

คิดไปคิดมา รพึงษ์จึงได้แต่พาบุษบากรไปที่ โรงแรม ให้เธอนอนหลับ พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาก็จะได้กลับ

บ้านเอง

เมื่อคิดอย่างนั้นแล้ว รพีพงษ์ก็มองไปรอบ ๆ ตัวเอง และพบโรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลมาก จึงพยุง บุษบากรเดินไป

บุษบากรเป็นลมหมดสติไปโดยไม่รู้สึกตัว รพีพงษ์

ทำได้เพียงปล่อยให้เธอพิงร่างของเขา พวกเขาเดิน

ใกล้กันมาก

ดูไปแล้วเหมือนกับคู่รัก
เมื่อเข้ามาในโรงแรมแล้ว รพีพงษ์มาถึงแผนก ต้อนรับและถามหาห้องพักหนึ่งห้อง

ขณะที่พนักงานต้อนรับช่วยดำเนินการเช็คอิน ตามขั้นตอนอยู่ ก็เงยหน้าขึ้นไปมองบุษบากรไม่หยุด

ในเวลานี้ดูไปแล้วเหมือนว่าบุษบากรจะถูกมอม เหล้าอย่างไรอย่างนั้น สายตาหลายคู่ของผู้คนที่แผนก ต้อนรับมองไปที่รพีพงษ์อย่างคลางแคลงใจ ราวกับว่า เขาเป็นตัวอะไร

รพีพงษ์ถูกจ้องมองขนาดนั้น ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก แม้ว่าเขาจะไม่มีความคิดอื่นใดกับบุษบากร แต่เขาไม่ สามารถควบคุมสิ่งที่คนอื่นคิดได้

พนักงานต้อนรับใบหน้าเต็มด้วยการเหยียดหยาม ทำให้เขาอึดอัดเล็กน้อย เหมือนกับว่าเขากำลังจะทำ อะไรบุษบากร

“รพีพงษ์ นายต้องการใช้ประโยชน์จากฉันจริงๆ สินะ แต่แสร้งทำเป็นไม่สนใจอย่างนั้นเหรอ?” จู่ๆ บุษบากรก็พูดขึ้นมา

รพีพงษ์คิดว่าเธอคงจะตื่นแล้วจึงก้มมองลงไป ทันที พบว่าบุษบากรยังคงนอนหลับตาอยู่ เมื่อกี้ คงจะเป็นการละเมอ

พนักงานต้อนรับมองรพีพงษ์ด้วยสายตาที่เคลือบ แคลงเพิ่มขึ้น แล้วถามว่า “เธอยินยอมมากับคุณโดย สมัครใจใช่ไหม?”
รพีพงษ์รู้สึกทำตัวไม่ถูก เพราะว่าเขาไม่ต้องการ อธิบายอะไรมากเกินไป จึงพยักหน้าเล็กน้อย

พนักงานต้อนรับเข้าใจท่าทีของเขา หลังจากดำ เนินการเช็กอินตามขั้นตอนให้กับรพีพงษ์เสร็จ เรียบร้อยแล้วก็ได้ให้คีย์การ์ดเขาไป

รพีพงษ์พยุงบุษบากรไปยังลิฟต์ตรงนั้น หลังจาก พาเธอไปที่ห้องแล้วก็วางเธอลงบนเตียง กำลังจะหัน หลังกลับและจากไป

ฉัน….ฉันหนาวจังเลย”

บุษบากรขดตัวสั่นเทา

เมื่อเห็นดังนั้น รพีพงษ์จึงได้แต่ห่มผ้าห่มให้กับเธอ เมื่อรพีพงษ์เอื้อมมือไปหยิบผ้าห่ม ทันใดนั้นบุษบา กรก็ดึงรพีพงษ์เข้ามากอด ทำให้เขาล้มลงไปทับบนตัว

ของเธอ

รพีพงษ์รู้สึกถึงอุณหภูมิร่างกายของบุษบากร ทันใดนั้นก็ตื่นตกใจขึ้นมา ปกติเขาเป็นคนใจเย็นมาก เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์นี้ กลับรู้สึกว่าทำตัวไม่ ถูกนิดหน่อย

“อย่าทิ้งฉันไปได้ไหม” บุษบากรพึมพำ

รพีพงษ์หายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็ผลักบุษบากรอ อกจากวงแขน หลังจากห่มผ้าห่มให้เธอแล้ว เขาก็รีบ ออกจากห้องไป
เขาเป็นผู้ชายธรรมดา สิ่งที่ผู้ชายควรรู้สึก เขามี ครบทุกอย่าง ถ้าบุษบากรยังคงยั่วต่อไปอีกก็ไม่มั่นใจ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

หลังจากรพีพงษ์ออกจากห้องไป บุษบากรที่นอน เหยียดตรงอยู่บนเตียง ก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บน ใบหน้าของเธอ

หลังจากรพีพงษ์ออกจากห้องก็ถอนหายใจอย่าง โล่งอก จากนั้นเขาก็เดินลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว

เมื่อเขาเดินออกไปพนักงานต้อนรับต่างนิ่งอึ้ง เขา ก็ขี้เกียจจะอธิบายจึงเดินตรงออกไปข้างนอกจนถึง ประตูของสตาร์กายแล้วขับรถออกไป

พนักงานต้อนรับมองตามรพีพงษ์ที่กำลังจากไป และทันใดนั้นก็พูดว่า “เร็วขนาดนั้น คงไม่ได้เป็นไต พร่องหรอกนะ?”

กลับมาถึงบ้าน ศศินัดดาและศักดาทั้งสองคนได้ กลับห้องนอนไปแล้ว รพีพงศ์เดินเข้าห้องของตัวเอง อย่างเงียบเชียบ แล้วเปิดไฟอย่างระมัดระวัง ไม่นึกว่า จะเห็นอารียายังไม่หลับ

เธอนั่งอยู่บนเตียง สองมือกอดเข่าอย่างเหม่อลอย

จังหวะที่รพีพงษ์เปิดไป อารียาล้มตัวลงนอนบน เตียงทันที “กลับมาแล้วเหรอ ฉันเพิ่งไปเข้าห้องน้ำมา ไม่ได้รอนายอยู่หรอกนะ ฉันนอนล่ะ”
รพีพงษ์ได้ยินอารียาที่พยายามพูดปิดบังแต่ก็ยิ่ง ปิดไม่มิดนั่นแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ความอบอุ่นก่อ ตัวขึ้นในใจ

ไม่นึกว่าอารียาจะเอาแต่รอตัวเองกลับมาแล้วค่อย นอน ความรู้สึกที่มีคนรออยู่ที่บ้านแบบนี้ ทำให้รพีพงษ์ รู้สึกตื้นต้นไปทั้งใจ

เขานอนลงข้างๆ อารียา เอื้อมมือไปปิดไฟหัวเตียง แล้วเอ่ยเบาๆ “ขอบคุณนะ”

อารียาพลิกตัว แต่ไม่ได้ตอบสนองรพีพงษ์

รพีพงษ์เองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ไม่นานนัก ก็เข้าสู่ ห้วงความฝันอย่างสงบใจ

เดิมที่รพีพงษ์นึกว่าหลังจากบุษบากรตื่นขึ้นมาแล้ว คงจะมาบอกกับอารียา เขาก็เตรียมตัวที่จะอธิบายกับ อารียามาอย่างดี ถึงยังไงที่เขาไปสตาร์กาย ก็ไม่ได้ไป เพื่อหาความบันเทิงแต่อย่างใด

แต่ที่ทำให้รพีพงษ์คิดไม่ถึงก็คือ บุษบากรไม่ได้มา หาอารียา หลังจากนั้นสองวัน ก็ยังไม่มีความเคลื่อน ไหวใดๆ จากทางบุษบากร

รพีพงษ์คิดว่าบุษบากรเองก็คงจะรู้ตัวว่าตัวเอง ค่อนข้างไร้เหตุผล ดังนั้นจึงเลิกคิดถึงเรื่องนี้

ทั้งอารียาก็ไม่เคยถามว่าแท้จริงแล้วคืนนั้นรพีพงษ์ ไปทำอะไรกันแน่ ในความคิดของอารียา เมื่อรพีพงษ์ บอกว่าจะไปจัดการธุระ งั้นก็คงจะไปจัดการธุระจริงๆ
บ่ายวันนั้น ที่คฤหาสน์ตระกูลฉัตรมงคล

ธายุกรกับชรินทร์ทิพย์ทั้งสองคนนั่งอยู่ตรงข้าม กับนภทีป์ มีเอกสารบางอย่างวางอยู่บนโต้ะ นั้น คือ”หลักฐาน” ที่ทั้งสองคนหามา

“คุณปู่ คุณปู่ต้องจัดการอารียานะคะ ที่เธออยู่ใน บริษัทตอนนี้มันไม่มีเหตุผลเลย รับช่วงต่อบริษัทซัน บับเบิล กรุ๊ป ได้ไม่เท่าไหร่ หล่อนก็ทำบริษัทแทบจะ กลวงโบ๊แล้ว”ชรินทร์ทิพย์พูด

นภทีป์เหลือบตามองเธอเล็กน้อยก่อนพูด “อารียา เป็นเด็กที่รอบคอบมาโดยตลอด ทั้งยังเอาการเอางาน มีความรับผิดชอบและละเอียดรอบคอบในการทำงาน รู้ว่าอะไรควรไม่ควร จะไปทำให้บริษัทย่ำแย่ได้ยังไง”

ชรินทร์ทิพย์เห็นนภทีป์ไม่เชื่อคำพูดของเธอ ก็ หงุดหงิดขึ้นมา คิดในใจว่าหน้ากากที่อารียาใส่อยู่ ตลอดนั้นช่างแนบเนียนจริงๆ เอาเงินจากบริษัทไปซื้อ บ้านซื้อรถซะขนาดนั้นแท้ๆ คุณปู่ก็ยังไม่สงสัยอีก

“คุณปู่ ชรินทร์ทิพย์พูดจริงนะครับ สิ่งที่อารียา แสดงออกมาต่อหน้าคุณปู่น่ะ ก็แค่การเสแสร้งเท่านั้น แหละครับ เธอคนนี้เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เพื่อที่จะไม่ ให้คุณปู่รู้เข้า ถึงได้แสดงท่าทางเป็นนั้นต่อหน้าคุณปู่ ไงครับ”ธายุกรพูดเสริม

“ใช่แล้วค่ะ ช่วงที่อารียารับช่วงต่อบริษัทซัน บับเบิล กรุ๊ป ไม่เพียงแค่ซื้อยังซื้อบ้านอีกด้วย น่ารัง เกียจจริงๆ พวกเราหาหลักฐานมาได้แล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ดูสิคะ” ชรินทร์ทิพย์ส่งหลักฐานที่เธอหามาให้กับนภทีป์

นภทีป์เลิกคิ้ว แล้วพูดว่า “ผลกำไรของบริษัทซัน บับเบิล กรุ๊ป มีอารียาเป็นคนดูแล ถ้าจะเอารางวัลไป บ้างก็สมควรอยู่ ซื้อรถซื้อบ้านก็อยู่ในขอบเขตที่ ยอมรับได้ ครั้งก่อนที่ไปบ้านเธอ ฉันก็รู้สึกว่าบ้านของ เธอควรเปลี่ยนแล้วจริงๆ”

ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยความโมโหทันที “คุณปู่คะ คุณปู่ไม่ได้ดูหลักฐานที่พวกเราหามาเลยสักนิด ก็พูด เข้าข้างอารียาแล้ว ที่เธอซื้อคือรถหรูกับวิลล่านะคะ วิลล่านั่นยังเป็นบูติควิลล่าของดงเย็น ราคาถึงสิบห้า ล้านเชียวนะคะ”

หลังจากนภที่ป์ได้ยินดังนั้น หัวใจก็พลันเต้นแรง เขาเบิกตาแล้วพูดว่า “ว่าไงนะ! อารีซื้อบูติควิลล่างั้นเห

รอ?!”

ธายุกรและชรินทร์ทิพย์พยักหน้า

“หลักฐานอยู่นี่แล้ว ไม่เชื่อก็ดูสิคะ”ชรินทร์ทิพย์ เปิดหลักฐานออก ให้นะ ที ปัดู

นภที่ป์รีบดูบันทึกการทำธุรกรรมที่ชรินทร์ทิพย์หา มาทันที หลังจากยืนยันแล้วว่าซื้อบูติควิลล่าที่งดงเย็น จริง ความโกรธเคืองก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา

“ไม่นึกว่าอารีจะกล้าขนาดนี้ ถึงได้เอาเงินของ บริษัทไปซื้อวิลล่าราคาแพงขนาดนั้น?!”น้ำเสียงของ นภที่ป์เปลี่ยนไปเป็นฉุนเฉียว
“ใช่ค่ะ นอกจากนี้เธอไม่ได้แค่ซื้อนะคะ ยังจงใจ

เชิญพวกเราไปชมด้วย คุณปู่ไม่ได้เห็นสีหน้าระริกระรี้ นั่นของเธอ เธอใช้เงินของคุณปู่นะคะ”ชรินทร์นทิพย์ ราดน้ำเข้ากองไป

“แต่ทำไมบนนี้ถึงมีแต่ชื่อรพีพงษ์ล่ะ?”นภทีป์ถาม ด้วยความสงสัย

ธายุกรรีบอธิบายทันที “คุณปู่ อารียาใช้เงินของ บริษัทซื้อของ ก็ต้องไม่ใช้ชื่อตัวเองอยู่แล้ว เธอให้รพี พงษ์ไปซื้อ ก็คงเพื่อจะหาข้ออ้างให้ตัวเองเมื่อถึงเวลา แน่”

“นั่นไง วันนั้นเธอยืนยันว่ารพีพงษ์เป็นคนซื้อวิลล่า กับรถ เธอไม่คิดด้วยว่าเจ้ากระจอกอย่างรพีพงษ์นั่น จะไปมีปัญญาซื้อรถกับวิลล่าแพงๆ แบบนั้นได้ยัง ไง”ชรินทร์ทิพย์พูดอย่างดูถูก

นภทีปขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าความจริงมัน เกิดอะไรขึ้น

เขาคิดมาตลอดว่ารพีพงษ์มาเกาะครอบครัวเขา กิน จะต้องไม่มีทางซื้อวิลล่าราคาแพงขนาดนั้นได้แน่

“แต่ว่า ปกติแล้วอารีทำงานอย่างจริงจังขนาดนั้น นอกจากนี้ยังเป็นเด็กดีมาตั้งแต่เล็ก เธอจะไปทำเรื่อง แบบนั้นได้ยังไง?”นภทีป์รู้สึกไม่อยากยอมรับเล็กน้อย

“คุณปู่ครับ เมื่อกี้เจนก็พูดไปแล้ว ท่าทีที่หล่อน แสดงต่อหน้าคุณปู่ ล้วนเสแสร้งทั้งนั้น ตัวตนภายในของหล่อนเป็นยังไงคุณไม่รู้หนอก”ธายุกรพูด “ผมเห็น ใบหน้าที่น่าเกลียดนั้นตาตาตัวเอง เธอจะต้องเป็น ปัญหาต่อความมั่งคั่งของตระกูลเราแน่ครับ”

ชรินทิพย์กลอกตา แล้วพูดเสริม”ถูกต้อง คุณปู่คะ ที่ตอนแรกอารียายอมให้รพีพงษ์เข้ามา ก็เพื่อจะได้อยู่ ในตระกูลฉัตรมงคล และจะได้ฮุบสมบัติของตระกูล ไม่อย่างนั้นหล่อนจะแต่งงานกับเจ้าขยะรพีพงษ์ได้ยัง ไง”

“อีกอย่างรพีพงษ์ก็ไร้ความสามารถ เหมาะที่จะมา เป็นเครื่องให้กับอารียา ตอนนี้พวกเขาสองคนเล่นบท พ่อพระแม่พระ ของพวกนี้ที่ซื้อมาก็บอกว่ารพีพงษ์เป็น คนซื้อ แต่อารียากลับใช้มันอย่างสบายใจ ได้ยินมาว่า รถที่พวกเขาซื้อมาคันนั้น รพีพงษ์ไม่ได้แตะต้องเลย ด้วยซ้ำ แล้วนั่นจะเป็นของที่รพีพงษ์ซื้อมาได้ยังไง”

ธายุกรเหลือบมองชรินทร์ทิพย์ ทั้งสองคนล้วนยิ้ม ให้กันราวกับกำลังชมอีกฝ่ายว่าคำพูดได้ยอดเยี่ยม

“คุณปู่ครับ โครงการของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป ไม่อาจให้อารีญาจัดการได้อีกแล้ว เป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ ช้าก็เร็วเธอจะทำให้ตระกูลของเราไม่เหลืออะไร เธอ เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ควรจะแต่งงานออกไป ทรัพย์ สมบัติของตระกูล จะให้เธอไปง่ายๆ ไม่ได้นะครับ” ธา ยุกรพูดอย่างเศร้า ๆ

นภที่ป์เชื่อคำพูดของทั้งสองคน ตัวสั่นด้วยความ โกรธ จนเลือดขึ้นหน้า
เขาก็โยนหลักฐานพวกนั้นลงบนโต๊ะ ทั้งยังพูดเขา โยนหลักฐานพวกนั้นทิ้งลงบนโต้ะ พูดอย่างเย็นชา”ไป เรียกอารียามาพบฉันเดี๋ยวนี้ ฉันอยากจะถามเธอซึ่งๆ หน้า ถ้าเธอซื้อวิลล่าและรถคันนี้จริงๆ จากเงินของ บริษัท ฉันจะไล่เธอออกจากตระกูล!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท