พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 115

บทที่ 115

บทที่ 115 ฉันว่าคงไม่ใช่อย่างนั้น

วันที่สองอารียาไปที่บริษัท เพิ่งนั่งลงก็มีคนมาแจ้ง เธอว่านภทีป์ รู้สึกว่าเธอทำงานหนักในช่วงนี้ก็เลยให้ วันหยุดกับเธอ

อารียา เข้าใจทันทีเลยว่าหมายความว่าอะไร ดู ท่าทีแล้วของจะไล่เธอออกจากโปรเจคจริงๆ

อารียา ไม่รู้เขาจะทำยังไงและไม่มีวิธีด้วย ก็เลย ต้องออกจากบริษัทแล้วกลับไปที่บ้าน

ช่วงนี้เธอเองก็เหนื่อยจริงๆ พักสักแป๊บก็คงไม่

เป็นไร

แต่หลังจากที่เธอกลับบ้านก็พบว่ารพีพงษ์ออกไป แล้วไม่รู้ว่าไปทำอะไรที่ไรอยากจะพูดคุยกับรพีพงษ์ แต่ที่นี่ไม่มีคนที่จะรับฟังแล้ว

แต่พอศศินัดดาเห็นอารียากลับมา ก็ถามยังสงสัย ว่า “ลูก กลับมาทำไมวันนี้ไม่ต้องไปทำงานที่บริษัท หรอ?”

อารียา ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ปู่บอกว่าช่วงนี้ฉัน เหนื่อยเกินไปก็เลยให้ฉันมาพักผ่อน โปรเจคครั้งนี้ คงจะเปลี่ยนคนรับผิดชอบ”

สีหน้าของศศินัดดาเปลี่ยนไปทันที “เพราะเรื่อง

เมื่อวานหรอ? ไอ้ชั่วรพีพงษ์ทำให้ลูกสาวฉันตกงานเลย”

“แม่ เมื่อวานแม่ไม่ได้พูดแบบนี้นะ ถ้าเมื่อวานเอา รถและบ้านให้ไป ก็จะโทษเรื่องนี้อีก” อารียาขมวดคิ้ว

พูด

ศศินัดดา ไม่รู้สึกว่าตัวเองผิดเลยแม้แต่น้อย “ลูก ถ้าครั้งนี้ปู่จะไล่ลูกออกจริงๆ งั้นก็ต้องให้รพีพงษ์รีบ โอนชื่อให้ลูกนะ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงจะต้องดูสีหน้า ของรพีพงษ์”

อารียา ไม่อยากคุยกับศศินัดดา เลยแม้แต่น้อย เพราะได้ยินหล่อนพูดแบบนี้ก็เดินเข้าไปในห้อง

หน้าประตูบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป

ธายุกรและนภทีป์ เดินมาทางนี้ ทั้งสองเห็นหน้าตา ของสาขาย่อยก็รู้สึกดีใจมาก LEGO

“นี่เป็นเพียงสาขาย่อยแต่ดูอลังการกับบริษัทพวก เราอีก บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปทำให้พวกเราเริ่มไม่ถึง จริงๆ” นกที่พูด

“ปูอย่าพูดยังงั้น แค่ครอบครัวเราไม่ถึงโอกาส เท่านั้นแหละ รอครั้งนี้เปลี่ยนคนรับผิดชอบเป็นผม ผม จะนำพาบริษัทและตระกูลเราก้าวสู่อนาคตที่ดี! “ธายุ %3D กรรีบพูดอย่างมั่นใจ

นภทีป์ พยักหน้า จากนั้นก็พยุงกันเดินเข้าไป
ธายุกร เดินไปที่เคาน์เตอร์บอกว่ามาหาผู้จัดการ ของที่นี่

ครั้งที่แล้วเจตนิพัทธ์ถูกลดตำแหน่ง ผู้จัดการของ ที่นี่ก็เปลี่ยนคน เธียรวิชญ์รู้สึกว่ารพีพงษ์อยู่ที่นี่บ่อย โอกาสที่จะใช้บริษัทนี้เยอะก็เลยมาทำงานที่นี่

ตอนนี้คนที่ดูแลบริษัทก็คือเธียรวิชญ์เอง

“ผู้จัดการของพวกเราไม่อยู่ แต่ผู้อำนวยการของ เราอยู่ที่ห้องทำงาน ถ้าคุณมีธุระอะไรหรือฉันจะไปแจ้ง ให้” พนักงานเคาน์เตอร์พูด

ธายุกร ตาาสว่างทันที ไม่คิดว่าผู้จัดการของ บริษัทจะอยู่ที่นี่ ถ้าได้พบกับผู้จัดการไม่มีเรื่องไหนดี กว่านี้แล้ว

งั้นคงจะรบกวนหน่อยแล้ว” ธายุกร ยิ้มบนพูด พนักงานเคาน์เตอร์ถามชื่อของธายุกร ถาม เหตุผลที่มา จากนั้นก็เดินไปทางห้องทำงาน

ธายุกร พูดกับนภที่ป้อย่างมีความสุข “ปู่ พูด เหมือนกับของบริษัทอยู่ที่นี่ เผลอๆ วันนี้เราจะได้เจอผู้ จัดการนะ”

นภทีป์ พยักหน้า จากนั้นไปจับที่หนวดของตัวเอง เขาคิดว่าตัวเองก็ถือเป็นคนมีฐานะในเมืองริเวอร์ ถึงมัน จะเป็น ผู้อำนวยการของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปก็ควรจะ มาพบเขาก่อน

ในห้องทำงานรพีพงษ์กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ เธียรวิชญ์ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา

“พี่รพี สบายใจได้ ถ้าตระกูลฉัตรมงคล มาหาผม เปลี่ยนเรื่องคนรับผิดชอบผมจะให้พวกเขาได้ลองดี แน่ๆ” เธียรวิชญ์ ยิ้มปนพูด

รพีพงษ์ พยักหน้า จากนั้นก็ดื่มชาที่วางอยู่บนโต๊ะ และพูดว่า “แกก็สบายนะ ชานี้ราคาคงไม่เบา”

“พี่รพี พูดอะไรเนี่ย ถ้าชอบผมจะให้คนส่งไป 10 กิโลทันทีเลย” เธียรวิชญ์พูด

รพีพงษ์ส่ายมือ “ฉันไม่ชอบความสบายเก็บไว้ดื่ม เองเถอะ”

แล้วในตอนนี้ก็มีคนมาเคาะประตู เสียงของเธียร วิชญ์ฟังน่าเกรงขามขึ้นมาทันที “มีอะไร?”

“ผู้อำนวยการด้านต้องมีคนสองคนจะพบท่านบอก ว่าเป็นคนของตระกูลฉัตรมงคลมีโปรเจคร่วมกับบริษัท เรา” พลังงานพูด

เธียรวิชญ์ มองไปทางรพีพงษ์ รพีพงษ์ พยักหน้า เธียรวิชญ์ รีบตอบกลับไปว่า “ให้พวกเขารอก่อนฉันยุ่ง เสร็จจะให้พวกเขาเข้ามา”

“ได้ค่ะผู้อำนวยการ” พนักงานเคาน์เตอร์ได้รับคำ สั่งก็รีบไปแจ้ง

“พี่รพีจะให้ผมว่าร้ายเพราะเขาบอกหน้าพี่ไหม จะ ให้เพราะเขารู้ว่าพี่ก็ไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องได้ไงง่าย” เธียรวิชญ์ถาม
รพีพงษ์มีหุ้นนอนลุกขึ้นจะเข้าอีก ” ไม่ต้องแล้ว เรื่องที่เหลือจัดการเองเลยฉันจะกลับก่อน ”

พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องทำงานและลงลิฟต์

ชั้นหนึ่ง ธายุกรและนภทีป์ รู้สึกดีใจมาก เพราะ เมื่อกี้พนักงานหน้าเคาน์เตอร์มาบอกเขาว่า ผู้อำนวย การกำลังยุ่งอยู่เดี่ยวก็จะมาพบกับเขา

ผู้อำนวยการของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปจะมาพบ พวกเขามันก็หมายความว่าบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปเห็น ความสำคัญของพวกเขามาก

“ปู่ ครั้งนี้พวกเราจะต้องพูดดีดีเผลอๆอาจจะได้ อย่างอื่นที่ดีกว่านี้” ธายุกรยิ้มแล้วพูด

“แกนี่ฉลาดจริงๆ เลย ถ้ามีสัมพันธ์ไมตรีที่ดีกับผู้ อำนวยการบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป ตระกูลพวกเราจะได้ เจริญพัฒนาสักที” นภทีป์ ก็พูดด้วยความมั่นใจ

ฉันในตอนนี้รพีพงษ์ลงจากบันไดกำลังเดินไปดัน นอก ได้เจอกับนกที่ป์และธายุกรพอดี

เขาไม่ได้หลบหนีแต่เดินตรงไป “บังเอิญจังเลยที่ปู่ ก็มาที่นี่”

หลังจากที่นภทีป์และธายุกรเห็นรพีพงษ์ก็ ประหลาดใจ ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะออกมาจากด้านใน

“รพีพงษ์แกมาที่แบบนี้ได้เลยหรอ? มาทำไม?” ธา ยุกร ถามยังไม่เกรงใจ
“มาพบเพื่อน” รพีพงษ์ตอบ

ธายุกร นึกได้ว่ารพีพงษ์เป็นคนเอาโปรเจคนี้ให้ที่ เขามีเพื่อนอยู่ที่นี่ก็ไม่แปลก

“ฮ่าๆ อย่าบอกนะว่าเธอมาขอร้องแทนอารียา จะ บอกให้แกนะ ว่า ปู่ตัดสินใจจะเปลี่ยนคนรับผิดชอบ โปรเจคนี้แล้ว ถึงแม้แกจะหาเพื่อนก็ไม่มีประโยชน์ เดี๋ยวเพื่อนเขาจะได้พบหน้ากับผู้อำนวยการของบริษัท ซันบับเบิล กรุ๊ปเลยนะ”

เขารู้สึกว่าถึงแม้จะมีเพื่อนอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่คนที่เก่ง นัก เทียบกับ ผู้อำนวยการไม่ได้เลย

พอแล้ว ไม่ต้องไปพูดกับเขา ให้เขารีบไปจากที่นี่ อย่ามากระทบการพบหน้าของพวกเรากับท่วมหน่วย การ” นภที่ ป์ พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

ธายุกร รีบจิกตาให้รพีพงษ์ “ยังไม่ใส่หัวไปอีก เดี๋ยวทำให้ผู้อำนวยการโกรธ แกจะรับผิดชอบไหว หรอ?”

รพีพงษ์ ยิ้มแล้วพูดว่า “งั้นขอให้โชคดี”

พูดจบเข้าก็หันหลังเดินไป

ธายุกรเบ้ปาก ในใจคิดอยู่ว่าที่เขานิ่งขนาดนี้ต้อง เป็นเพราะว่าสั่งภาพแน่นอน ที่พวกเขาจะเจอกับผู้ อำนวยการในใจของรพีพงษ์คงจะใจร้อนเป็นบ้า

ทั้งสองกำลังรอคอยอย่างมีความสุข แต่รอไป 1 ชั่วโมงก็ยังไม่มีใครมาเรียก
ธายุกร ก็เริ่มจะรอไม่ไหวแล้ว นภทีป์ เองก็อายุ มากยืนนานทำให้ปวดเอวตอนนี้ก็เริ่มทนไม่ไหวเหมือน กัน

ธายุกร เห็นที่ไม่ไกลมีเก้าอี้วางอยู่อยากจะให้นภ ที่ป์ไปนั่ง แต่ในเวลาเดียวกันก็มีพลังงานเอาน้ำยา ทำความสะอาดไปฉีด แถมยังไม่เช็ดให้เสร็จแล้วไป ทำงานอย่างอื่น

นภทีป์ จะพูดอะไรก็พูดไม่ได้ ปกติเขาไม่เคยโดน แบบนี้ แต่พอดีจะได้เจอกับพวกบริการเขาก็จำเป็น ต้องทน

ผ่านไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมงกระดูกของนภทีปัจะ หักแล้ว พนักงานเช็ดเก้าอี้สะอาดสักที

เขารีบเดินไปกำลังจะนั่งพัก

และในตอนนี้พนักงานเคาน์เตอร์ก็เดินมาหา

“ผู้อำนวยการทำธุระเสร็จแล้ว ทั้งสองท่านขึ้นไป ได้”

นภทีป กัดกรามแน่นแล้วเดินไปทางลิฟต์พร้อมธา ยุกร ในใจคิดอยู่ เพื่อที่จะเปลี่ยนคนรับผิดชอบอดทน สักนิดไม่เป็นไร

ทั้งสองเดินไปถึงประตูทางเข้าห้องทำงานของ

เธียรวิชญ์ ธายุกร หายใจเข้าลึกๆและยื่นมือเคราะห์

ประตู

“เชิญ” มีเสียงของเธียรวิชญ์ดังขึ้น
ธายุกร รีบเปิดประตูและพานภที่ป์เข้าไป

“สวัสดีค่ะผู้อำนวยการผมคือธายุกรจากตระกูล ฉัตรมงคลนี้คือปู่ของผมนภทีป์” ธายุกร รีบแนะนำตัว

เธียรวิชญ์ นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ก้มหน้าดูเอกสาร

“เชิญนั่ง”

นภทีป์ รีบไปนั่งที่โซฟาและรับรู้ถึงความนุ่มของ โซฟาได้อย่างชัดเจน เขาถึงจะโล่งอก

“พวกคุณมาหาผมมีธุระอะไร? ” เธียรวิชญ์เงย หน้ามองไปทางทั้งสอง

เธียรวิชญ์ ในตอนนี้บนใบหน้าเต็มไปด้วยความน่า เกรงขาม สายตาเฉียบคม ไม่เหมือนตอนที่อยู่กับรพี

พงษ์เลย

ทีแรกธายุกรอยากจะพูดแต่ถูกนภที่ป์ห้ามไว้ก่อน

นภทีปมองไปทางเธียรวิชญ์ “ผู้อำนวยการก็คงจะ รู้ว่าระหว่างพวกเรามีโปรเจคที่ร่วมงานอยู่ ครั้งนี้ที่พวก เรามาเพื่อจะมาคุยกับ ผู้อำนวยการว่าพวกเราจะ เปลี่ยนคนรับผิดชอบ หวังว่ากลัวเหมือนกันจะตกลง”

“อ๋อ? สาเหตุเพราะ? ” เธียรวิชญ์ ถาม

“คือแบบนี้ ตอนนี้คนที่รับผิดชอบของพวกเราชื่อ อารี เป็นผู้หญิง ไม่ว่ายังไงก็คือผู้หญิง มีความผิดพลาด เยอะ แถมนี่ยังเป็นโปรเจคใหญ่ ผมก็เลยอยากจะให้ หลานชายของผมมาแทนที่ การทำงานของธายุดีมาก หลังจากที่รับมือโปรเจคนี้จะสร้างรายได้ให้เราทั้งสองฝ่ายได้มากกว่านี้” นภที่ป์พูด

“ใช่ ความสามารถของผมมากกว่าอารียา 100 เท่า ตอนที่ทำโปรเจคเธอ แค่ทำหน้าทำตาทำอะไรไม่เป็น ถ้าเปลี่ยนเป็นผมโปรเจคนี้จะเสร็จอย่างสมบูรณ์” ธายุ กร เองก็พูดอย่างมั่นใจ

เธียรวิชญ์ มองไปทางทั้งสองแล้วหัวเราะ “คุณเก่ง กว่าอารียา? ผมว่าคงไม่ใช่อย่างนั้นมั้ง?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท