พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 112

บทที่ 112

บทที่ 112 คุกเข่าให้ฉัน

“รพีพงษ์ แกมาได้พอดีเลยปู่จะคิดบัญชีกับแก แก กล้าใช้สมบัติของตระกูลเราหรอ ตอนนี้จะไปแจ้ง ความให้ตำรวจมาจับก็ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย!” ธายุกร ยิ้มอย่างเย็นชาได้ มองไปทางรพีพงษ์

ทุกคนในตระกูลก็ใช้สายตาที่เต็มไปสั่งสอนมอง ไปทางรพีพงษ์ ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้เป็นสังคม ศตวรรษใหม่เพราะเขาคงจะไปกลืนกินรพีพงษ์

พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าสมบัติในตระกูลก็มีส่วนแบ่ง ของพวกเขาและตอนนี้ทุกคนมั่นใจว่ารพีพงษ์ใช้เงินใน ตระกูลไปซื้อบ้านและรถ นั่นเป็นการกระทำที่กำลังดูด เลือดพวกเขา

อย่างน้อยอารียา ก็เป็นหลานสาวของนภา ที่ ป์ พวก เขาไม่สามารถที่จะพูดเกินกว่านี้ได้ แต่รพีพงษ์เป็น เพียงลูกเขยที่มาอยู่ในบ้าน ไม่มีฐานะอะไรในตระกูล พวกเขาไม่จำเป็นต้องสนใจความรู้สึกของเขา

“ไอ้แมวกินบนเรือนขี้บนหลังคา รีบเอากุญแจ วิลล่าและรถมาเดี๋ยวนี้นะ นั่นคือสมบัติของตระกูลที่ ซื้อมา เงินที่แกใช้คือของพวกเราทุกคน!”

“ไม่คิดว่าไอ้โง่อย่างแกจะเก็บได้ลึกขนาดนี้ มาอยู่ มากินที่ตระกูล แถมอยากจะเอาสมบัติพวกเราไปอีกฉันว่าคุณจะตีแขนขาของแกให้หักและโยน ที่ข้างถนน!” าน

“คุณท่าน จะต้องให้เขาเอาวิลล่าและรถคืนมา เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ทั้งสองอย่างเขียนชื่อของเขาอยู่ สำหรับ ตระกูลพวกเราแล้วนั้นคือการเสียหายอย่างหนัก เลย!”

รพีพงษ์ พาไออ้วนเดินไปทางห้องรับแขกและไป ยืนข้างๆของอารียา

เขาไม่สนใจคำพูดของญาติพวกนั้น แต่ยื่นมือไป จับที่ไหล่ของอารียา ยิ้มและพูดว่า “เธอไม่เป็นไรใช่

ไหม?”

อารียาส่ายหัว ไม่รู้ทำไม หลังจากที่รพีพงษ์ปรากฏ ก็ทำให้อารียารู้สึกว่าไม่มีอะไรคือปัญหาที่แท้จริง

แต่ตอนนี้ทุกคนเชื่อว่ารพีพงษ์ เอาสมบัติใน ตระกูลไปซื้อรถและวิลล่า ไม่ว่าเธอจะอธิบายยังไงก็ ไม่มีใครเชื่อ

และคำพูดของรพีพงษ์ก็ยิ่งไม่มีคนเชื่อ ปรากฏการณ์ของเขามันเป็นการกระโดดเข้าหลุมไฟ

“คุณมาที่นี่ทำไม พวกเขาสงสัยว่าคุณใช้เงินของ บริษัท ไม่ว่าจะอธิบายยังไงพวกเขาก็ไม่ฟัง คุณมาที่นี่ พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยคุณไปแน่ๆ” อารียา พูดด้วย

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
ถึงแม้รพีพงษ์ จะทำให้เธอรู้สึกสบายใจ แต่เธอก็ ยังกลัวคนในบ้านจะทำอะไรกับรพีพงษ์

รพีพงษ์ยิ้มและพูดกับเธอว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง พวก เราไม่ได้ทำผิด พวกเขาจะทำอะไรพวกเราไม่ได้”

พูดจบ เขาก็มองไปทางนภทีป์

นกที่ป์มองไปทางรพีพงษ์ ด้วยสายตาที่เย็นชา “รพีพงษ์แกยังมีหน้ามาอีก เอาเงินในตระกูลพวกเราไป ซื้อรถและวิลล่า แกกล้าจริงๆ เลยนะ!”

“คุณท่านอย่าพูดไปมั่วสิครับ ผมไม่ได้ใช้เงินใน

ตระกูลสักบาท” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติ “อย่ามาพูดคำโกหกที่นี่เลย พวกเราเห็นกับตาว่า แกเอาเงินไปซื้อวิลล่าและรถ หรือนั่นเป็นของปลอม?”

ชรินทร์ทิพย์ พูดดำน้ำเสียงที่ดุร้าย

“นั่นเป็นเงินของฉันเอง” รพีพงษ์พูด

“ไม่ต้องมาพูดมั่ว รพีพงษ์แกไม่มีแม้กระทั่ง 10 บาทจะมีเงินพันล้านมาซื้อวิลล่าและรถได้ยังไง? ก่อน จะพูดก็ไม่ลองคิดดู” ชรินทร์ทิพย์พูด

“ใช่ ช่วงนี้บัญชีของบริษัทมีปัญหาเยอะมากต้อง เป็นเพราะแกกับอารียาคุยกันแล้วแน่แน่ ไม่ต้องมาพูด มั่วเลยนะ” ธายุกรก็พูดตาม

“ฮ่าๆ พูดถึงเรื่องนี้ พวกแกไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ? บัญชีบริษัทมีปัญหาคนอื่นไม่รู้ไม่เป็นไรแต่พวกแกสอง คนไม่รู้หรอ?” รพีพงษ์ ยิ้มอย่างเย็นชาและพูด
สีหน้าของธายุกรและชรินทร์ทิพย์เปลี่ยนไปทันที แต่ไม่นานก็เป็นปกติ

“รพีพงษ์ แกพูดอะไรเนี่ย แกเป็นคนเอาเงินบริษัท ไปยังจะมาใส่ร้ายพวกเราหรอ?” ชรินทร์ทิพย์เอ่ยปาก

พูด

“ใส่ร้าย? ฉันพูดความจริง” รพีพงษ์พูด

“คุณปู่ รพีพงษ์จะเกินไปแล้ว เป็นคนเอาเงินไป แต่ ตอนนี้กลับมาใส่ร้ายพวกเรา ปู่รีบตัดสินใจเถอะ ลงโทษรพีพงษ์เถอะ” ธายุกรพูดกับนภทีป์

นภทีป์ทำน้ำเสียงชิชะไม่พอใจ จ้องมองไปทางรพี พงษ์และพูดว่า “รพีพงษ์ ยังมีอะไรจะพูดอีก ปัญหาที่ เกิดขึ้นกับโปรเจคของบริษัทถ้าแกไม่ใช่คนทำแล้วจะ เป็นใคร?”

“หวังว่าคุณท่านจะทำการตัดสินใจที่ดี บัญชีของ บริษัทมีปัญหาไม่เกี่ยวกับผม รับผมแน่ใจได้ว่าปัญหาที่ เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับธายุกรและชรินทร์ทิพย์” รพีพงษ์พูด

TH “คุณมั่วอะไรของแก นี่แกไม่มีข้ออ้างจะพูดก็เลย มาใส่ร้ายพวกเราใช่ไหม?” ชรินทร์ทิพย์รีบตอบโต้ กลับ

“คุณปู่ อย่าไปเชื่อเขาพูดมั่ว ในตอนเร่งรีบแบบนี้ ต้องรีบเอาวิลล่าและรถมาก่อน จากนั้นก็ไล่เขาออก จากบ้าน” ธายุกรก็รีบพูดตาม
รพีพงษ์ เห็นทั้งสองเริ่มกังวลยิ้มและพูดว่า “ฉันไม่ ได้พูดมั่ว แต่มีหลักฐานที่แกสองคนใช้เงินส่วนกลาง”

คำพูดของเขาทำให้ทุกคนตกใจไม่คิดว่าเขาจะมี หลักฐาน

“ไม่ต้องมาแกล้งที่นี่เลย แกจะมีหลักฐานอะไร ฉัน ว่าแกถ่วงเวลามากกว่า” ธายุกรพูด

คนในตระกูลเริ่มคุยกัน รู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่มีหลัก ฐานอะไร

นภทีป์ไม่เชื่อคำพูดของรพีพงษ์ “รพีพงษ์ แกมัน คนไร้ปัญญา ที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะให้แกผู้เอารถและกุญแจ วิลล่ามาเดี่ยวนี้ จากนั้นก็ออกจากบ้านของฉัน ไม่อย่าง นั้นฉันจะแจ้งความตอนนี้”

รพีพงษ์ ไม่ได้กลัวหรือโวยวาย “คุณท่าน ไหนๆ ผมก็มาที่นี่แล้ว ไม่กลัวที่ท่านจะแจ้งความและจับผมไป ผมอยู่ที่นี่ไม่ว่ายังไงก็หนีไม่พ้น ท่านลองดูหลักฐานที่ ผมเอามาค่อยคิดว่าจะแจ้งความจับผมดีไหม?”

นภทีป์ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็รู้สึกว่าไม่เป็นไร ดูหลักฐานที่เขาพูดก็ไม่เสียเวลานัก

ธายุกรและชรินทร์ทิพย์สบตากัน เห็นได้ชัดว่าทั้ง สองเริ่มกังวล

“พี่ธายุ ไอ้นี่จะมีหลักฐานจริงๆ หรอ?” ชรินทร์ ทิพย์ถามเบาๆ

ธายุกรหรี่ตารีบเปิดปากพูด “คงไม่ใช่ บัญชีในบริษัทไม่ได้ตรวจง่ายขนาดนั้น เขาไม่ได้ฉลาดขนาด นั้น คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบัญชีเขียนยังไง ไม่ต้องเชื่อที่เขา พูด”

ชรินทร์ทิพย์ พยักหน้ารู้สึกว่าที่ธายุกรพูดมี เหตุผล เธอก็เลยไม่กังวลต่อจากนั้นกำลังไปทางรพี พงษ์ด้วยสีหน้าที่เย็นชา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความ ประชดประชัน

พวกญาติก็เหมือนเธอไม่เชื่อว่าจะมีหลักฐานอะไร ต่างก็รู้สึกว่าเขากำลังถ่วงเวลาอยู่

“บัญชีของบริษัทซับซ้อนขนาดนั้นไม่ใช่บอกว่าแค่ หาปัญหาก็จะเจอเขานี่ตลกจริงๆ เลย”

“บริษัทที่ใหญ่ขนาดนี้ ถึงแม้จะมีปัญหาด้านบัญชี

ก็เป็นเรื่องปกติ นี่เขากำลังเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างหรอ

ไม่รู้เรื่องจริงๆ”

“เช็คบัญชีเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าไม่มีหน่วยงานที่ถนัด มาตรวจสอบ จะเช็คเองคงจะเป็นเรื่องยาก อย่าว่าแต่ รพีพงษ์ที่มาพูดมั่วตรงนี้เลย”

ศศินัดดาจ้องมองไปทางรพีพงษ์ หล่อนอยากให้ เขามารับชอบเรื่องนี้ ในตอนนั้นที่เขามองมาทางตัวเอง หล่อนถอนหายใจเบาๆ

ตะลอนคิดไม่ถึงว่าเขาจะมีหลักฐานทำให้ศศิ นัดดาใจร้อนมาก
ถ้าหลักฐานของรพีพงษ์ไม่มีประโยชน์ ก็ต้องถูก ไล่ออกจากบ้าน เผลอๆคุณท่านอาจจะโกรธกว่าเดิม และลามมาถึงตัวหล่อน

ขณะที่พวกเขาอยู่ในตระกูลก็จะอันตราย หลัง จากที่รพีพงษ์ถูกไล่ออก ต่อไปก็คงจะเป็นพวกเขาแล้ว

แต่หล่อนกลัวว่าถ้าพูดออกมาแบบนี้จะทำให้นภ ทีปไม่พอใจ ก็เลยแอบด่ารพีพงษ์ในใจ

“เป็นไปซวยจริงๆ เลย ถ้าไม่ใช่เพราะเขา บ้านเรา จะมีเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ตอนนี้ก็อยู่ไม่ได้แท้กระทั่ง วิลล่า รถก็ไม่มีขับ ซวยจริงๆ เลย”

รพีพงษ์มองไปทางไออ้วน ไออ้วนรีบยื่นเอกสาร ให้รพีพงษ์

รพีพงษ์หยิบเอกสารเดินไปทางนภทีป์และพูด ว่า “นี่คือบัญชีหลังจากที่บริษัทร่วมมือกับบริษัทซัน บับเบิล กรุ๊ป จุดที่มีปัญหาผมให้คนหาออกมาแล้ว หลัง จากที่ท่านดูเสร็จก็จะรู้ว่าพวกเราไม่ได้ใช้เงินส่วน กลางหรือของบริษัทแล้ว”

“โก่ ใครจะรู้ว่าแกได้ปลอมขึ้นมาไหม ปู่ รพีพงษ์ ไม่มีตำแหน่งใดๆ ในบริษัทเลยนะ เขาจะรู้เรื่องบัญชี ได้ยังไง” ชรินทร์ทิพย์ถามอย่างสงสัย

“ฉันตรวจผ่านบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป อย่าลืมสิว่า ฉันเป็นคนสัญญานี้มา ฉันก็ต้องมีวิธีตรวจสิ” รพีพงษ์

พูด
ชรินทร์ทิพย์รู้สึกไม่พอใจทันที นึกถึงเรื่องเซ็น สัญญาครั้งที่แล้ว เธอก็รู้สึกโกรธ

“บัญชีพวกนี้จะเป็นของจริงหรือไม่คุณท่านแค่ดู ก็รู้แล้ว” รพีพงษ์

“สร้างเรื่องเอะแก ฉันจะรอดูว่าแกจะสร้างเรื่อง อะไรได้” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูถูก

นภทีปรับเอกสารและดูอย่าไม่ตั้งใจ

ในเวลนี้อารียาเดินมา ถามรพีพงษ์ด้วยความเป็น ห่วง “รพีพงษ์ เอกสารพวกนั้นมประโยชน์จริงไหม? ปู่ จะไม่สงสัยคุณจริงๆ หรอ?”

รพีพงษ์ยังไม่ทันพูด ไออ้วนที่อยู่ข้างๆ ก็รีบตอบ ไปว่า “พี่สะใภ้สบายใจได้ เรื่องที่ผมทำไว้ใจได้เลย เรื่องตรวจบัญชีไม่มีใครถนัดมากกว่าผมแล้ว”

รพีพงษ์ รีบจิกตาไปทางเขา ให้เขาอยู่อย่างเงียบๆ

วันนั้นรพีพงษ์ไม่ให้ไออ้วนไปจัดการพิชญุตม์ด้วย แต่มีงานอื่นให้เขาไปทำ นั่นก็คือเรื่องตรวจบัญชี

ตอนที่ซื้อวิลล่าเขาก็รู้แล้ว ธายุกรอยากจะใช้เรื่อง นี้มาจัดการเขา เขาก็เลยเตรียมไว้กก่อน

ไออ้วนถนัดการคำนวณ ก่อนที่จะเปิดบ่อนเขาก็ เป็นคนที่เก่งด้านการเงินแล้ว เรื่องตรวจบัญชีเป็นเรื่อง ง่ายๆ สำหรับเขา

ทีแรกสีหน้าของนภทีป์แค่โกรธและเครียด แต่หลังจากที่ดูเอกสารเสร็จหน้าของเขาก็มีดครึ้มไปเลย

ธายุกรและชรินทร์ทิพย์เห็นสีหน้าของนภทีป์ก็เริ่ม กังวล ในใจเริ่มกลัวแล้ว

ผ่านไปนานมาก นภทีป์ดูจบ มีเริ่มสั่น

เขาเอาเอกสารโยนลงบนพื้น จากนั้นมองไปทาง ธายุกรและชรินทร์ทิพย์ตะคอกเสียงดัง “พวกแกสอง คน คุกเข่าเดี๋ยวนี้!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท