พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 149

บทที่ 149

บทที่ 149 ขอโทษ

ณ คลับรอยัล

วันนี้ชีพนนท์ได้ปิดที่นี่ เพื่อเชิญเหล่าคุณชายและคุณหนู ในเมืองริเวอร์มาร่วมงานปาร์ตี้ในค่ำคืนนี้

ชีพนนท์ยืนอยู่ที่หน้าประตูลานจอดรถแล้วบ่นพึมพำออก มาอย่างเสียดาย “ถ้าวันนี้คุณรพีพงษ์ได้มาร่วมงานปาร์ตี้ก็ ดีสิ ฉันจะได้ต้อนรับเขาอย่างดีเพื่อชดใช้ความผิด”

ขณะนั้นเองธีริทธิ์ขับรถแลนด์โรเวอร์เข้ามาในลานจอด รถ หลังจากที่เขาลงมาจากรถก็รีบเดินเข้าไปกอดชีพนนท์ ทันที

“พี่ชีพนนท์ วันนี้ได้เจอพี่ตัวเป็นๆ สักที พี่หล่อกว่าในรูป เยอะเลย” ธีริทธิ์พูดแล้วหัวเราะออกมา

“ไอ้เด็กนี่ปากหวานนักนะ คิดไม่ถึงว่านายจะขับรถแลนด์ โรเวอร์ ดูไปแล้วญาตินายที่อยู่ที่นี่คงจะไม่ใช่คนธรรมดา สินะ” ชีพนนท์เอ่ยขึ้น

“เทียบกับพี่ชีพนนท์ไม่ได้หรอกครับ”

“นายจะพาเพื่อนมาด้วยไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาคนเดียว ล่ะ” ชีพนนท์ถามขึ้น

ธีริทธิ์หัวเราะแล้วพูดว่า “เดี๋ยวอีกสักพักเขาคงจะมา ผม บอกในกลุ่มแล้วว่าให้พวกเขาทักทายกันก็พอ เราไปขับรถ กินลมกันดีกว่า รถแลนด์โรเวอร์คงจะไม่สบายเท่ารถ สปอร์ตหรอก”
ชีพนนท์หัวเราะแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาพาธีริทธิ์ไป ตรงที่จอดรถไว้ ทั้งสองขับรถออกไปกินลมชมวิวข้างนอก

ธีริทธิ์หยิบมือถือออกมาแล้วส่งข้อความไปในกลุ่มคน ที่มาร่วมงานปาร์ตี้ในครั้งนี้ “พี่น้องทั้งหลาย อีกเดี่ยวพี่เขย ของผมจะมาร่วมงานปาร์ตี้ เขาคือรพีพงษ์สวะแห่งเมืองริ เวอร์ การที่ผมให้เข้ามาก็เพื่อที่จะสั่งสอนเขา อีกเดี่ยวพวก พี่ช่วยผมจัดการมันหน่อยแล้วกัน ให้มันรับรู้ว่าความ อับอายเป็นอย่างไร”

คนในกลุ่มจำนวนมากรีบส่งข้อความตอบกลับมา

“รพีพงษ์ โอ้โห ฉันได้ยินมาว่าไอ้สวะนี่มันเป็นคนไม่เอา ไหน มันจะมาร่วมงานปาร์ตี้เหรอ”

“ฮ่า ฮ่า งั้นอีกเดี่ยวก็มีอะไรสนุกๆ แล้วสิ ฉันล่ะชอบแกล้ง คนไม่เอาไหนแบบนั้นที่สุดเลยล่ะ เดี๋ยวฉันจะช่วยนายสั่ง สอนมันเอง”

“ธีริทธิ์นี่หาอะไรเล่นเก่งจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะเอาพี่เขย ของตัวเองมาให้พวกเราเล่น นายไม่กลัวมันจะจัดการนาย เหรอ”

ธีริทธิ์รีบส่งข้อความตอบกลับไป “มันก็แค่ไอ้สวะ จะกล้า มาจัดการอะไรผมล่ะ อยู่ในบ้านขนาดตดมันก็ยังไม่กล้า ตดเลย พวกพี่จัดการมันตามสบายเลย”

คนพวกนั้นต่างพากันบอกว่าจะช่วยธีริทธิ์จัดการให้ ส่วนชีพนนท์เอาแต่ขับรถจึงไม่ได้ดูมือถือ แต่ได้ยินเสียง

สำเร็จแจ้งเตือนดังตลอด เขาจึงถามขึ้นว่า “พวกนายคุยอะไรกัน เหรอ สนุกขนาดนั้นเชียว?”

ธีริทธิ์หัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่หา อะไรสนุกๆ ให้ทุกคนเล่นน่ะครับ”

“พี่ชีพนนท์ อีกเดี่ยวให้ผมขับหน่อยสิ”

รพีพงษ์ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาถึงคลับรอยัล หลังจากเข้า จอดมอเตอร์ไซค์ที่ริมถนนเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าไปข้าง

ใน

เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูก็มีรปภ.มากันเข้าเอาไว้

“นายทำอะไร รีบไสหัวไปซะ วันนี้มีคนปิดที่นี่ไว้แล้ว จะ เที่ยวก็ไปที่อื่น” รปภ.พูดอย่างไม่สบอารมณ์

รพีพงษ์ปรายตามองแล้วพูดว่า “ฉันมางานปาร์ตี้ที่นี่”

รปภ.คนนั้นมองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพูดประชด ออกมา “อย่ามาตลกไอ้น้อง ไม่ดูเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่บ้าง แก นึกว่าฉันไม่เห็นเหรอว่าเมื่อกี้แกขี่มอเตอร์ไซค์มา? คนที่มา ร่วมงานปาร์ตี้ในวันนี้คือเหล่าคุณชายและคุณหนูที่มีชื่อ เสียงแห่งเมืองริเวอร์ทั้งนั้น แกคิดว่าตัวเองมีดีพอที่จะ เข้าไปร่วมงานเหรอ”

“น้องชายฉันอยู่ข้างใน ถ้าไม่เชื่อนายก็ไปเรียกเขาออก มา” รพีพงษ์พูดอธิบาย

รปภ.มีสีหน้าไม่เชื่อ จากนั้นจึงพูดว่า “อย่ามาทำเป็นตีสนิทกับคนที่อยู่ข้างในเลย คนที่อยู่ข้างในน่ะถ้าไม่ใช่ คนรวยก็เป็นคนมีชื่อเสียง พวกเขาจะมีญาติเป็นคนจนๆ อย่างแกได้ยังไง รีบไสหัวไปซะ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่ เกรงใจนะ”

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่ารูปภ.ที่คลับรอยัล จะดูถูก คนขนาดนี้ ที่มากันเขาไม่ให้เข้าไปก็เพราะการแต่งตัวของ

เขา

เขากำลังจะหยิบมือถือโทรบอกธีริทธิ์

ขณะนั้นเองก็มีคนเดินออกมาจากข้างในสองคน ทั้งสอง คนคือคนที่เล่นกับธีริทธิ์ คนหนึ่งชื่อ จารุวิทย์ ส่วนอีกคน ชื่อ สหรัฐ

“นายคือรพีพงษ์สินะ?” จารุวิทย์พูดกับรพีพงษ์เสียงดัง

รพีพงษ์พยักหน้าแล้วพูดว่า “ผมมางานนี้กับธีริทธิ์” “ฉันรู้แล้ว ธีริทธิ์บอกฉันแล้ว” จารุวิทย์พูดแล้วหัวเราะ

ออกมา

เมื่อรปภ.ได้ยินคำพูดของจารุวิทย์ สีหน้าของเขาก็ เปลี่ยนไปในทันที คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะมาร่วมงานนี้จริงๆ เมื่อครู่ท่าทีของเขาก้าวร้าวเป็นอย่างมาก ถ้ารพีพงษ์เอา เรื่องเขาต้องซวยแน่ๆ

เขารีบโค้งให้รพีพงษ์แล้วพูดด้วยท่าทีนอบน้อม “ขอโทษ ด้วยครับคุณชาย เมื่อครู่ผมก้าวร้าวใส่คุณ”

ขณะนั้นเองสหรัฐรั้งรูปภ.เอาไว้แล้วแสยะยิ้มออกมา “ขอโทษเขาเรื่องอะไร”
“ผมเห็นเขาแต่งตัวธรรมดาเลยกันเขาไว้ข้างนอก ผม ไม่รู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของพวกคุณ” รปภ.พูดอธิบาย

“ถูกต้องแล้วที่นายกันเขาไว้” จารุวิทย์เอ่ยขึ้น

รปภ.มีสีหน้างุนงง ไม่รู้ว่าจารุวิทย์กับสหรัฐต้องการจะสื่อ อะไร

“นี่คือไอ้สวะแห่งเมืองริเวอร์ มันชื่อรพีพงษ์ เขาไม่มีสิทธิ์ จะเข้าไปร่วมงาน การที่นายกันมันไว้เป็นสิ่งที่สมควรทำอยู่ แล้ว เพราะฉะนั้นนายไม่ต้องไปขอโทษมัน” สหรัฐเอ่ยขึ้น

“รพีพงษ์ ให้ตายเถอะ ผมเคยได้ยินชื่อนี้ คนที่เกาะผู้ หญิงกิน ไม่เอาการเอางานใช่ไหมครับ?” รปภ.รีบเอ่ยถาม

จารุวิทย์หัวเราะออกมา คิดไม่ถึงว่าขนาดรูปภ.ยังรู้จักชื่อ ของรพีพงษ์ นี่เขาไม่เอาไหนแค่ไหนกันนะ?

“ใช่แล้ว มันนั่นแหละ” จารุวิทย์เอ่ยขึ้น

รปภ.รีบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถ้าคนนี้คือรพี พงษ์ งั้นเขาก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว

“การที่รพีพงษ์ได้มาร่วมงานปาร์ตี้ก็เพราะเห็นแก่หน้า เพื่อนของเรา ไม่งั้นใครจะไปสนใจไอ้สวะแบบมันกันล่ะ” สหรัฐพูดอย่างไม่สบอารมณ์

รปภ.รีบพูดเสริมขึ้นมาว่า “คุณพูดถูกครับ คนแบบมัน เทียบชั้นกับคุณไม่ได้เลยครับ”

รพีพงษ์มองทั้งสามคนแล้วขมวดคิ้วขึ้นจากนั้นจึงพูดด้วย น้ำเสียงเย็นชา “พวกนายพูดพอแล้วหรือยัง?”
จารุวิทย์กับสหรัฐปรายตามองรพีพงษ์แล้วแสยะยิ้มออก

มา

“โอ้ โอ้ ยังจะมาทำกร่างอีก ทำไม อย่าบอกนะว่าพวกเรา พูดอะไรผิดไป?” จารุวิทย์แสยะยิ้มแล้วก้าวขึ้นไป กะว่าจะ ทำให้รพีพงษ์รู้ฤทธิ์ของเขาสักหน่อย

สหรัฐกลอกตาไปมาแล้วพูดขึ้นมาว่า “พอแล้ว อย่าไป พูดอะไรไร้สาระกับมัน ทุกคนรออยู่ข้างใน เราเข้าไปกัน เถอะ”

จารุวิทย์จึงไม่ไปวุ่นวายกับรพีพงษ์ต่ออีก เขาเดินกลับ

เข้าไปข้างในพร้อมกับสหรัฐ

“ทางที่ดีนายควรรู้ว่าตัวเองอยู่ในระดับไหน ไม่งั้นนายจะ เป็นเพื่อนกับใครไม่ได้สักคน ฉันเห็นมาเยอะแล้วคนที่ดื้อ ด้านอยากเข้ามาอยู่ในสังคมอย่างพวกเรา แต่น่าเสียดาย ที่สุดท้ายพวกเขาโดนโจมตีจนพ่ายแพ้ไป” จารุวิทย์พูด ลอยๆ

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินตามพวกเขาเข้าไป

รปภ.คนนั้นปรายตามองรพีพงษ์แล้วถุยน้ำลายลงพื้น จากนั้นจึงด่าออกมาว่า “ถุย ที่แท้ก็แค่ไอ้สวะ แกเข้าไปแล้ว จะเป็นยังไงเหรอ อย่าบอกนะว่าแกนึกว่าพวกคุณชายจะ สนใจแกงั้นเหรอ”

ทั้งสามคนเดินเข้าไปในคลับ ในห้องโถงแสงไฟสลัว หนุ่มสาวจำนวนมากกำลังดื่มและคุยเล่นกันอย่าง สนุกสนาน
รพีพงษ์มองไปรอบๆ แต่กลับไม่เจอแม้แต่เงาของธีริทธิ์ จึงถามขึ้นว่า “ธีริทธิ์ล่ะ?”

“เขาออกไปขับรถเล่น เดี๋ยวคงกลับมา” จารุวิทย์พูดแล้ว หัวเราะออกมา “ทำไม อย่าบอกนะว่านายกลัวพวกเราจะ กินนายเข้าไป?”

รพีพงษ์แสยะปากและไม่ได้สนใจเขา

สหรัฐมองจารุวิทย์แล้วพูดว่า “การที่เขามาที่นี่เพราะ อยากจะมารู้จักกับพวกเรา เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้เอง”

จารุวิทย์รู้ทันที เขาแสยะยิ้มออกมาแล้วไปหยิบไมค์ จาก นั้นจึงพูดเสียงดังว่า “ทุกคนสนใจทางนี้หน่อย ฉันมีความ ยินดีที่จะแนะนำคนคนหนึ่งให้พวกนายรู้จัก”

ทุกคนหันไปทางพวกเขา จารุวิทย์ชี้ไปยังรพีพงษ์แล้วพูด ว่า “ท่านนี้คือรพีพงษ์คนไม่เอาไหนที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองริ เวอร์!”

“วีรกรรมของเขาทุกคนน่าจะเคยได้ยินกันมาแล้ว เช่น เกาะผู้หญิงกิน ในเมืองริเวอร์เขาคือรองอันดับ เพราะว่า ไม่มีกล้าเป็นก่อน!”

คนพวกนั้นต่างพากันหัวเราะออกมาแล้วส่งสายตาเยาะ เย้ยไปทางรพีพงษ์ “วันนี้ไอ้สวะคนนี้มาร่วมงานปาร์ตี้ของพวกเรา เพราะ อยากจะทำความรู้จักกับพวกเราทุกคนอย่าใจดำนะ คุย

กับเขาหน่อย อีกอย่างการที่จะเจอไอ้สวะแบบนี้มันก็ไม่ใช่

เรื่องง่ายๆ เลยนะ ร้อยปีถึงจะเจอครั้งหนึ่ง!”
จารุวิทย์พูดจบก็หัวเราะร่วนออกมา เขารับไม่ได้กับคำ พูดของตัวเอง

“แกมานี่สิ มาเลียรองเท้าฉันหน่อย แล้วฉันจะให้วีแช ทกับแก เป็นไง?” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดเยาะเย้ยเขา

“โอ้ พูดขนาดนั้นเลยเหรอ สำหรับฉันแล้ว ให้มันเรียก

พวกเราทั้งหมดว่าพ่อ ฉันยังต้องคิดเลยว่าจะทำความรู้จัก

กับมันดีไหม”

“น่าขำชะมัด พวกนายนี่มันใจง่ายกันจัง สำหรับฉัน ต้อง ให้มันพาเมียของมันมาสนุกกับพวกเรา อย่างนี้สิถึงจะมี สิทธิ์รู้จักพวกเรา” สหรัฐพูดแล้วหัวเราะออกมา

ทันใดนั้นรพีพงษ์ก็หรี่ตาลงแล้วมองไปยังสหรัฐแววตา ของเขาเหมือนจะฆ่าคนได้

เขาเดินเข้าไปหาสหรัฐแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

ว่า “ขอโทษเดี่ยวนี้”

สหรัฐปรายตามองเขาแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ไอ้โง่ แกคิดว่าการที่ฉันให้แกเข้ามา แล้วแกจะมีสิทธิ์พูดอะไรกับ เราก็ได้งั้นเหรอ แถมยังมาบอกให้ฉันขอโทษ แกบ้าไปแล้ว หรือไง?”

รพีพงษ์ไม่อยากพูดไร้สาระกับเขาอีก ชายหนุ่มยกมือขึ้น แล้วตบลงไปบนหน้าของเขา

“ขอโทษเดี๋ยวนี้”

สหรัฐงงไปหมด เขาคิดไม่ถึงว่าไอ้สวะนี่จะกล้าทำร้าย เขา นี่มันทำให้เขาโมโหขึ้นมาทันที
“ให้ตายเหอะ แกกล้าทำร้ายฉันเหรอ ถ้าวันนี้แกไม่ คุกเข่าขอโทษฉัน แกก็ไม่ต้องออกไปจากที่นี่!”

สหรัฐกำลังยกเท้าเพื่อที่จะถีบรพีพงษ์ ระหว่างที่เท้าของ สหรัฐกำลังจะพุ่งเข้ามา รพีพงษ์เห็นดังนั้นจึงรีบยกขาขึ้น มาแล้วเตะไปที่เข่าของสหรัฐ

เสียงกร้อบดังออกมา

สหรัฐล้มลงไปกองอยู่บนพื้น เขากุมขาของตัวเองแล้ว ร้องโอดครวญออกมาอย่างน่าเวทนา

“ขาฉัน…. ขาฉัน..”

ภาพนั้นทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก ใครก็คิดไม่ ถึงว่าไอ้สวะคนนี้จะถีบ สหรัฐ ลงไปนอนกองกับพื้น เพียง แค่การถีบครั้งเดียวเท่านั้น

จารุวิทย์ที่อยู่อีกด้านกำหมัดแน่นขึ้นมาทันที เขาด่าออก มาว่า “ให้ตายเหอะ แกกล้าลงไม้ลงมือที่นี่งั้นเหรอ คิดว่าตัว เองเก่งนักหรือไง ฉันจะให้แกรู้ว่ารสชาติแห่งความเสียใจ มันเป็นอย่างไร!”

เมื่อทุกคนเห็นว่าจารุวิทย์จะเข้ามาสู้ จึงรับส่งเสียงเชียร์ ขึ้นมา

“จารุวิทย์ เอามันให้ตาย มันกล้าทำร้ายสหรัฐ คิดไม่ถึงว่า มันจะท้าทายขนาดนี้”

“ให้ตายเหอะ ไอ้สวะนี่มันกล้ามาโอหังต่อหน้าพวกเรา ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ให้มันลิ้มรสหมัดสักหน่อยเถอะ!”
“ช่วงนี้นายเรียนศิลปะการป้องกันตัวอยู่ไม่ใช่เหรอ ให้มัน เจอของจริงแล้วคุกเข่าร้องขอชีวิตสักหน่อย!”

จารุวิทย์สะบัดคอไปมา ท่าทางพร้อมต่อยเต็มที่

รพีพงษ์มองเขาด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดว่า “ฉันจะพูด เป็นครั้งสุดท้าย ขอโทษฉัน ไม่งั้นต่อจากนี้พวกนายจะได้ ใช้ชีวิตอยู่บนเตียง”

“ให้ตายเถอะ กล้ามาอวดเก่งที่นี่ แกก็แค่ไอ้สวะ ยังมีหน้า มาพูดแบบนี้เหรอ?”

จารุวิทย์ส่งเสียงหีในลำคอ เขาพุ่งเข้าไปหารพีพงษ์

รพีพงษ์หลบได้อย่างสบายๆ เขาเดินเข้าไปแทงเข่าใส่ ตรงท้องของ จารุวิทย์

จารุวิทย์กระเด็นไปข้างหลังแล้วล้มลง รพีพงษ์ยกขาแล้ว เหยียบลงไปบนขาของจารุวิทย์อย่างรุนแรง

กรอบ

จารุวิทย์ร้องโอดครวญเหมือนหมูโดนฆ่าจนทำให้คนใน คลับตกตะลึงและอึ้งไปในทันที

ชีพนนท์ลงมาจากรถที่จอดอยู่ริมถนน แล้วให้ธีริทธิ์ไป นั่งตรงเบาะคนขับ

“เป็นไปตามคาดเลยแฮะ รถสปอร์ตสบายกว่าเยอะเลย ให้ผมขับหน่อย ผมอดใจไม่ไหวแล้ว” ธีริทธิ์พูดแล้วหัวเราะ

ออกมา
ชีพนนท์จุดบุหรี่ จากนั้นจึงหยิบมือถือออกมา เขากดดู อย่างไม่ใส่ใจ หลังจากที่เห็นข้อความในกลุ่มแชท เขาก็ ต้องอึ้งไปในทันที

“ธีริทธิ์ พี่เขยของนายชื่อรพีพงษ์เหรอ” ชีพนนท์พูดด้วย น้ำเสียงสั่นๆ

“ใช่ ไอ้สวะที่คนในเมืองริเวอร์รู้จักกันดีไง ผมให้จารุวิทย์ กับสหรัฐจัดการมันไปก่อน อีกเดี่ยวเราสองคนค่อยกลับไป จัดการมันอีกที” ธีริทธิ์ก้มตัวเข้าไปนั่งในรถ

บุหรี่ที่ชีพนนท์เพิ่งจุดเมื่อครู่หล่นลงบนพื้น เขาใช้มือขย้ำ

คอเสื้อของ ธีริทธิ์ จากนั้นก็ลากตัวเด็กหนุ่มออกมาจากรถ

“ให้ตายเหอะ แกโง่หรือเปล่า คิดไม่ถึงว่าแกจะให้พวกมัน กลั่นแกล้งคุณรพีพงษ์ รีบกลับไปกับฉันเดี่ยวนี้!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท