พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 157

บทที่ 157

บทที่ 157 รพีพงษ์ได้รับการอภัย

โยษิตาปิดใบหน้าของเธอไว้ มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความ ไม่น่าเชื่อ เธอไม่เคยคิดเลยว่ารพีพงษ์จะกล้าตบเธอ

“รพีพงษ์ คุณบ้าไปแล้วเหรอ! คุณกล้าตบฉัน!” หลังจาก ดึงสติกลับมา โยษิตาก็ตะโกนใส่รพีพงษ์โดยตรง

“นี่เป็นบทเรียนที่ผมให้กับคุณ ผมหวังว่าคุณจะจำไว้ ต่อไปอย่าได้คิดทำร้ายอารียาอีกมิฉะนั้น แม้ว่าคุณจะหนี กลับไปที่เกียวโต ผมก็จะทำให้คุณรู้ว่าอะไรคือเสียใจ ที่หลัง” รพีพงษ์กล่าวอย่างหนักแน่น

โยษิตาตกตะลึง คนที่ถูกเธอเตะออกอย่างง่ายดายใน ตอนนั้น กลับกล้าที่จะตบหน้าเธอในตอนนี้

อีกอย่าง อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอไม่มีทางสู้รพีพงษ์ ได้เลย

บอดี้การ์ดทั้งสองของเธอก็ตกอยู่ในมือของรพีพงษ์ เธอ เป็นแค่ผู้หญิงตัวน้อย จะเอาอะไรไปสู้กับรพีพงษ์ละ

“คุณได้ยินสิ่งที่ผมพูดหรือเปล่า?” รพีพงษ์พูดอย่าง เคร่งขรึม

มีกลิ่นอายแห่งความอาฆาคในน้ำเสียงของเขา ราวกับ ว่าหากโยษิตาตอบคำว่าไม่ เขาก็จะกำจัดเธอทันที ความกลัวในใจของโยษิตาถูกปลดปล่อยออกมา เธอไม่สามารถรักษาความสงบต่อหน้า รพีพงษ์ได้อีกต่อไป พยัก หน้าโดยไม่รู้ตัวแล้วพูดว่า “เข้า… เข้าใจแล้ว” เมื่อเห็นโยษิตาตอบกลับ รพีพงษ์จึงค่อยเก็บสายตาและ

หันไปมองบุษบากร

บุษบากรยังคงจมอยู่ในความตกตะลึงและยังไม่สามารถ ดึงสติกลับมาได้ เมื่อกี้เห็นรพีพงษ์สั่งสอนบอดี้การ์ดและ ได้ตีบหน้าโยษิตา ทำให้เธอรู้สึกตกตะลึงมากยิ่งขึ้น

โยษิตาเพิ่งบอกว่าเธอคือคนของตระกูลลัดดาวัลย์ใน เกียวโต แค่ชื่อนี้ก็สามารถกดทับบุษบากรจนแทบหายใจ ไม่ออก แต่แล้วรพีพงษ์กลับตบหน้าโยษิตา นี่แสดงให้เห็น ว่าตระกูลลัดดาวัลย์ไม่ได้อยู่ในสายตาของรพีพงษ์เลย

นี่คือรพีพงษ์ที่ทุกคนหัวเราะเยาะเย้ยหยันว่าเป็นไอ้ขี้ ขลาดใช่ไหม?

ความรู้สึกของบุษบากรซับซ้อน ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่า ทำไมรพีพงษ์ถึงมีแรงดึงดูดใจเธอได้มากขนาดนี้

ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่เก่งอยู่แล้ว ไม่ว่าเขาจะถ่อมตนแค่ ไหน เขาก็จะเป็นที่ดึงดูดใจของคนอื่นอย่างมาก

” ผมจะบอกคุณชัดๆนะ แม้ว่าคุณจะใช้วิธีนี้เพื่อบังคับให้ อารียาหย่ากับผม ผมก็ไม่มีวันชอบคุณหรอก การกระทำ ของคุณทำให้ผมรู้สึกรังเกียจและคุณจะสูญเสียอารียา เพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ คุณคิดว่ามันคุ้มค่าหรือที่ทำแบบนี้? “รพีพงษ์ถาม

บุษบากรเริ่มโทษตัวเองทันที เธอถูกโยษิตาหลอก จึงไปทำเรื่องแบบนี้ ตอนนี้ลองคิดดูดีๆ ทำแบบนี้ กับเธอและ อารียามีแต่ข้อเสีย

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ รพีพงษ์เกลียดคนเจ้าเล่ห์แบบนี้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงกลายเป็นคนที่ รพีพงษ์เกลียด

“ร เงษ์ ฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรทำแบบนี้ คุณ ยกโทษให้ฉันได้ไหม? ฉันสัญญาว่าต่อไปฉันจะไม่ทำเรื่อง โง่ๆแบบนี้อีก คุณอย่าเกลียดฉันเพราะเรื่องนี้ได้ไหม?” บุษบากรร้องขอ

“คนที่คุณควรขอโทษไม่ใช่ผม แต่คืออารียา คุณไปพบ อารียากับผมในตอนนี้และอธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่าง” รพี ผู้ๆ พงษ์กล่าว

บุษบากรพยักหน้าทันทีและกล่าวว่า “ฉันจะไปกับคุณ ฉันจะไปขอโทษอารี ฉันจะไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้อีกแล้ว”

ทั้งสองคนออกจากชุมชนด้วยกันและนั่งแท็กซี่ไปที่

บริษัทของอารียา

โยษตายืนอยู่ที่เดิม ปิดหน้าของเธอไว้ ไม่สามารถตอบ สนองได้เป็นเวลานาน

ผ่านไปนานพอสมควร เธอก็มองลงไปที่บอดี้การ์ดสอง คนที่พื้นแล้วเตะพวกมัน

“ขยะ ไร้ประโยชน์! พวกคุณทำให้ฉันถูกรพีพงษ์ตบ หน้า ต่อไปไม่ต้องตามฉันอีกแล้ว!”

โยษิตาโมโหแทบบ้า แต่เธอก็ไม่รู้จะทำยังไง
“รพีพงษ์ ปีกของคุณแข็งแล้วใช้ไหม แต่อย่าได้ใจมาก นักเลย ตอนนี้ภารกิจหลักของฉันคือพาคุณกลับเกียวโต เมื่อฉันพาคุณกลับไปที่เกียวโตแล้ว คุณลำบากแน่!”

ห้องทำงานของอารียา

เนื่องจากเพิ่งร้องไห้ไป ดวงตาของอารียาจึงเป็นสีแดง ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็ซีดเซียวมาก

เธอกำลังเหม่อและคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ในช่วงไม่กี่วันที่ ผ่านมา เธอถูกคนอื่นรังแก ก่อนหน้านี้เธอยังสามารถบ่น กับรพีพงษ์ได้รพีพงษ์จะช่วยแก้แค้นให้เธอได้แน่นอน ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่าสิ่งที่รพีพงษ์ทำเพื่อเธอ ล้วน เป็นการแสดงดังนั้นเธอจึงไม่อยากบอกถึงสิ่งที่เธอเจอให้ กับรพีพงษ์

วันนี้ถูกโสรธัสรังแก เธอรู้สึกว่ามันยากเกินไปสำหรับ เธอที่จะอยู่คนเดียว ความคิดที่จะหย่ากับรพีพงษ์ก็ผุดขึ้น มาในใจของเธอแล้ว

อย่างน้อยหลังจากหย่าเสร็จ เธอไม่จำเป็นต้องคิดถึง เรื่องที่ตนเองมีสามีแต่พึ่งไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เธอก็ไม่ต้อง แบกรับความเจ็บปวด

แต่เมื่อเธอคิดถึงการหย่าร้างอารียาก็รู้สึกเศร้า เธอรู้สึก ว่ารพีพงษ์จงใจที่จะทำเช่นนี้ด้วยซ้ำ มาทำเช่นนี้ในเวลาที่ เธอไปจากเขาไม่ได้

ถ้าเป็นเมื่อก่อน อารียาจะหย่ากับรพีพงษ์โดยไม่ลังเลและจะไม่มีความเจ็บปวดใดๆ แต่จะรู้สึกโล่งใจ

ตอนนี้เธอไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ แม้ว่าเธอจะไม่พูดอะไร เลย แต่ อารียาก็รู้สึกว่าเธอรักรพีพงษ์มากถึงขนาดที่เธอ ไม่สามารถจากเขาไปได้

ในเวลานี้ให้เธอแยกจากรพีพงษ์ ก็เหมือนตัดเนื้อของ

เธอ

ในขณะที่อารียากำลังคิดเรื่องนี้ จู่ๆก็มีคนมาเคาะประตู ห้องทำงาน

อารียาหายใจเข้าลึกๆ ปรับสภาพของเธอและพูดว่า “เชิญเข้ามา” ประตูห้องทำงานถูกเปิดออกรพีพงษ์และบุษบากรก็เดิน

เข้ามา

อารียาตะลึงไปชั่วขณะ เธอคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์และ บุษบากรจะปรากฏตัวต่อหน้าเธอด้วยกัน

หรือว่าสองคนนี้มาเพื่อเผยความจริง?

ความเสียใจในใจของอารียาพุ่งขึ้นอีกครั้งและเธอไม่เคย คิดมาก่อนว่ารพีพงษ์และบุษบากรจะมาหาเธอด้วยตนเอง

เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับความเสียใจ หายใจ เข้าลึกๆ เธอคิดว่าเธอจะต้องไม่แสดงความเจ็บปวดต่อ หน้าพวกเขา เธอจะไม่ยอมให้พวกเขาเปิดเผย แต่เธอจะ เอ่ยปากขอหย่าก่อน

อารี เรามีบางอย่างจะพูดกับคุณ” บุษบากรสำนึกผิด
เมื่อเห็นบุษบากรพูดแบบนี้ อารียาก็ยิ่งแน่ใจว่าทั้งสอง คนมาที่นี่เพื่อเผยความสัมพันธ์ของเขาทั้งสอง น้ำตาเธอ แทบร่วง

“พวกคุณมาได้ทันเวลาพอดีเลย พอดีฉันก็มีธุระจะคุย กับรพีพงษ์” อารียากล่าว

รพีพงษ์มองไปที่อารียาและพูดว่า “อารี เรามา …”

อารียาขัดจังหวะเขาโดยตรง โดยไม่ให้โอกาสเขาพูด “รพีพงษ์ หย่ากันกันเถอะ ฉันขอให้คุณกับบุษบากรมีความ %3D สุข”

รพีพงษ์ตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าอารียาต้องการหย่ากับ เขาจริงๆ ยังขอให้เขาและบุษบากรมีความสุข

โชคดีที่วันนี้ตนเองรู้ความจริง ไม่เช่นนั้น อารียาคงหย่า กับตนเองแน่ๆ” อารี ฟังผมก่อน ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด” รพี พงษ์เริ่มกังวล

“ไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดและมันเป็นยังไง? พวกคุณสองคน ทำแบบนั้นกันแล้ว ยังจะพูดอะไรอีก รพีพงษ์ ฉันจะ ถือว่าฉันตาบอดละกัน คุณและบุษบากรไปจากที่นี่เถอะ อย่าให้ฉันเห็นอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะ….

อารียาเริ่มร้องไห้ขณะที่เธอพูด เธอไม่สามารถควบคุม อารมณ์ตนเองได้เลย

“ผมไม่ไปกับเธอหรอก ผมมากับเธอเพื่ออธิบายเรื่องนี้ กับคุณ เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิด!” รพีพงษ์แทบจะบ้า เฉพาะเมื่อเขาเผชิญหน้ากับอารียา รพีพงษ์จึงจะกลายเป็นแบบนี้

มีอะไรเข้าใจผิด คุณสองคน . ขึ้นเตียงกันแล้ว ยัง เรียกว่าเข้าใจผิดอีกเหรอ?” อารียาร้องไห้หนักกว่าเดิม

บุษบากรก้าวไปข้างหน้าและอธิบายว่า อารี เหตุการณ์นี้ เป็นความเข้าใจผิดจริงๆ ฉันถ่ายภาพนั้นโดยเจตนา รพี พงษ์ไม่ได้ทำอะไรกับฉันจริงๆ”

อารียาตะลึงเมื่อเธอได้ยินคำพูดของบุษบากร แต่แล้ว

เธอก็คิดได้ว่าถ้ารพีพงษ์ไม่ไปที่โรงแรมกับเธอ เธอจะมี

โอกาสถ่ายภาพแบบนี้ได้ยังไง?

บุษอย่าโกหกฉัน ถ้าเขาไม่ไปที่โรงแรมกับคุณ คุณ จะถ่ายภาพนี้ออกมาได้อย่างไรพวกคุณร่วมมือกันมา หลอกฉันใช่ไหม?” อารียาจ้องไปที่ทั้งสองคนและพูด

รพีพงษ์เอื้อมมือไปคว้าผมของตนเอง คิดไม่ถึงว่าอารียา ไม่เชื่อพวกเขา เสียดายที่ไม่สามารถไปตรวจร่างกายที่ โรงพยาบาล เพื่อพี่สูจน์ว่าเขากับบุษบากรไม่ได้มีอะไรกัน จริงๆ

“อารี ผมไม่มีอะไรกับเธอจริงๆ ในวันนั้นเธอเมาและผม

ก็ไม่รู้ว่าเธอพักอยู่ที่ไหน ผมจึงส่งเธอไปที่โรงแรม รูป ถ่ายรูปนั้นผมพึ่งรู้ภายหลัง” รพีพงษ์อธิบาย เมื่อเห็นอารียาทำหน้าไม่เชื่อ เธอก็หายใจเข้าลึกๆและ พูดว่า “อารี คุณอย่างพึ่งรีบร้อนใจ ฉันจะอธิบายเรื่องนี้ให้

คุณฟังตั้งแต่ต้นจนจบ หลังจากฟังแล้วคุณจะรู้ว่าฉันไม่

ได้โกหกคุณ”
แม้ว่าอารียายังคงทำหน้าไม่อยากฟัง แต่เธอก็ไม่ได้

ปฏิเสธ

บุษบากรเล่าเรื่องนี้ใหม่หนึ่งรอบอย่างละเอียด ตั้งแต่ ตอนที่เธอคิดว่าเธอชอบรพีพงษ์จนถึงวันที่เธอไปดื่มเหล้า ที่สถานบันเทิงสตาร์กาย จนถึงเธอแอบถ่ายรูป จากนั้นโย ษิตาก็มาหาเธอ ให้เธอใช้รูปนี้ทำให้อารียากับรพีพงษ์หย่า ร้างกัน

ในตอนท้าย จนรพีพงษ์รู้แผนการทั้งหมดของพวกเธอ

เนื่องจากก่อนหน้านี้รพีพงษ์เคยบอกกับบุษบากร ให้เธอ อย่าพูดตัวตนที่แท้จริงของรพีพงษ์และโยษิตา ดังนั้น บุษบากรจึงไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้

อารียายังคงสงสัยเล็กน้อยหลังจากฟังจบ แต่ตอนนั้น เธอไม่ว่วามเหมือนตอนแรกแล้ว “สิ่งที่พวกคุณพูดเป็น ความจริง?” อารียาถาม

” ถ้ามีการโกหกแม้แต่น้อย ผมยอมให้ฟ้าผ่า” รพีพงษ์

สาบาน

” แล้วทำไมคุณถึงไปสถานบันเทิงสตาร์กาย คุณไปก็ เพื่อ…” อารียาสะอื้นอีกครั้ง

ผมไปที่สถานบันเทิงสตาร์กายก็เพื่อช่วยเพื่อนทำธุระ ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมจะเรียกพวกเขามาถามต่อหน้าคุณ” รพี พงษ์กล่าว

“อารี รพีพงษ์ไม่ได้โกหกคุณจริงๆเขายอมตบหน้าของ เน้าของเขาเพื่อคุณและปฏิเสธความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่ง เพียงเพื่อได้อยู่กับคุณในเมืองริเวอร์” บุษบากร

กล่าว

อารียาหายใจเข้าลึกๆแล้วเชื่อคำพูดของทั้งสองคน เธอ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะตบหน้าน้าตนเองเพื่อตัวเธอ

ที่รพีพงษ์เป็นคนรวยอารียารู้ บุษบากรบอกว่ารพีพงษ์ ปฏิเสธความมั่งคั่ง อารียาไม่สงสัย ผมจะโทรหาเพื่อนของผมให้เขามาอธิบายให้คุณฟัง”

รพีพงษ์หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา

“ไม่จำเป็น” อารียากล่าว

” ถ้าอย่างนั้น คุณตั้งใจจะหย่ากับผมจริงๆใช่ไหม?” รพี พงษ์มองไปที่อารียาด้วยความกังวล

“ยังไม่หย่า คุณออกไปก่อน ฉันมีอะไรจะคุยกับบุษ ก่อนอารียากล่าว

รพีพงษ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พยักหน้าอย่าง รวดเร็วและออกจากห้องทำงาน

เขายืนอยู่ที่หน้าประตูอยู่นาน ก่อนที่บุษบากรจะออกมา จากข้างใน

” เป็นอย่างไรบ้าง?” รพีพงษ์ถามอย่างกังวล บุษบากรเหลือบมองเขาและถอนหายใจ รพีพงษ์รู้สึกกังวลในทันทีและพูดว่า “เธอยังไม่เชื่อเห รอ?”

บุษบากรยิ้มอย่างขมขึ้นและพูดว่า “แน่นอนว่าเธอเชื่อแล้ว เธอตัดสินใจที่จะให้อภัยคุณแล้ว”

“ แล้วทำไมคุณถึงยังคงถอนหายใจ?” รพีพงษ์ถาม

“อารียกโทษให้คุณ มันหมายความว่า ชีวิตนี้ฉันจะไม่มี โอกาสอีกแล้ว”บุษบากรกล่าว

รพีพงษ์พึ่งเข้าใจ ว่าบุษบากรคิดเช่นนี้นี่เอง

“อารีให้คุณกลับไปก่อน ถ้าคุณมีอะไร เดี๋ยวตอนกลาง คืนค่อยว่ากัน” บุษบากรพูดเสริม สีหน้าของเธอมีร่องรอย ผิดหวังเล็กน้อย

รพีพงษ์พยักหน้าทันทีและออกจากบริษัทพร้อมกับ บุษบากร

ตอนที่พวกเขาแยกทางกันรพีพงษ์บอกกับบุษบากร ว่า เธอเป็นผู้หญิงที่ดี เธอจะได้พบคนที่เหมาะสมกับเธออย่าง

แน่นอน

บุษบากรพยักหน้า แต่เธอฟังเข้าไปไหมก็ไม่รู้

ในตอนค่ำ รพีพงษ์ทำอาหารภายใต้การดุของศศินัดดา รอให้อารียากลับมากิน

เขายังคงกังวลเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าอารียาได้ยกโทษให้ เขาจริงๆไหม

ไม่นาน อารียาก็กลับบ้าน สีหน้าของเธอดีขึ้นย่างเห็น ได้ชัด

เธอไม่ได้พูด เธอแค่นั่งที่โต๊ะและเริ่มกินข้าว ระหว่าง ทานอาหารศศินัดดาให้เธอหย่ากับรพีพงษ์ แต่เธอปฏิเสธ
“ลูกสาว ถ้าคุณหย่ากับไอ้ขยะนี้ เขาต้องให้เรา 10 ล้าน ทำไมคุณไม่หย่าละ เขานอกใจลูกนะ และยังไป สถานบันเทิงแบบนั้นอีก” ศศินัดดากล่าวอย่างกังวล

“พอละ แม่ ต่อไปไม่ต้องพูดถึงเรื่องการหย่าอีก ฉัน เหนื่อยนิดหน่อย ฉันขอตัวกลับห้องนอนก่อนนะ

หลังจากพูดจบอารียาก็ลุกขึ้น แทนที่จะเดินขึ้นไปชั้นบน เธอกลับไปที่ห้องที่เธอและรพีพงษ์อยู่ด้วยกัน

รพีพงษ์รู้สึกดีใจมาก เมื่อรู้ว่าอารียายกโทษให้เขาจริงๆ อารียาหันกลับมามองรพีพงษ์และถามว่า “คุณไม่มาเห รอ?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท