พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่154

บทที่154

บทที่154 หย่ากันแน่

สถานบันเทิงสตาร์กาย

หลังจากที่รพีพงษ์ถึง เขาก็เดินเข้าไปด้านในอย่าง รวดเร็ว เขาก็โทรหาธฤตญาณถามว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน

หลังจากนั้นไม่นาน รพีพงษ์ก็ถึงหน้าประตูห้องหรู ธฤต ญาณและไตรทศทั้งสองยืนอยู่ที่หน้าประตู เห็นรพีพงษ์ เดินมา ก็ทักเขาทันที

“มีอะไรเรื่องเหรอ? “รพีพงษ์มองไปที่ทั้งสองแล้วถาม

ไตรทศยิ้มขึ้นทันที แล้วพูด: “พี่พงษ์ พี่เสน่ห์แรงไม่เบา เลยนะ มีผู้หญิงมาหาที่ถึงที่ ทำไมเรื่องดีๆแบบนี้ไม่เกิดกับ ฉันบ้าง”

รพีพงษ์เบิกตากว้างทันที แล้วพูดอย่างเย็นชา: “นายคัน อีกแล้วเหรอ? ”

ไตรทศแลบลิ้นออกมา และรีบถอยไปยืนอยู่ด้านหลังธ ฤตญาณ

รพีพงษ์มองไปทางธฤตญาณ ธฤตญาณอธิบาย: “เรื่อง มันเป็นแบบนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งมาดื่มเหล้าที่พวกเรา แล้วอยู่ ในห้องคนเดียว ตอนแรกมันก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่หลังจาก ที่ดื่มเมา เธอก็บอกกับพนักงานว่าจะหารพีพงษ์ ถ้าเกิดรพี พงษ์ไม่มาเธอก็จะทำลายข้าวของ”

“ฉันเข้าไปแล้วถึงได้รู้ว่าเป็นหญิงสาวที่อยู่กับนายคราว

ก่อน ถึงได้รู้ว่ารพีพงษ์ที่เธอถามหาก็คือนาย อธิบายให้ฟังเธอแล้วว่านายไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เธอไม่ฟัง บอกว่าถ้าไม่เจอ นายวันนี้ เธอก็จะทำลายข้าวของที่”

“ถ้ายังโวยวายอยู่ข้างใน ถ้าวันนี้ได้เจอนาย เธอก็จะไม่

กลับ แล้วยังบอกว่าคนที่นี่ทำร้ายเธอ ฉันไม่รู้จะทำยังไง ก็

เลยโทรหานายนี่แหละ”

ธฤตญาณก็ทำอะไรไม่ถูก ถ้าเกิดเป็นคนอื่นมาสร้าง ปัญหา เขาคงขับไล่คนก่อเรื่องไป แต่คราวนี่เกี่ยวข้องกับ รพีพงษ์ ธฤตญาณไม่กล้าจะจัดการ ก็เลยต้องให้รพีพงษ์ มาจัดการเอง

รพีพงษ์เดินที่หน้าห้องหรู แล้วเหลอบมองเข้าไปข้างใน ก็ เห็นบุษบากรอยู่คนเดีวยแล้วถือขวดเหล้า แล้วร้องเพลง เศร้า

“พวกนายรออยู่ที่นี่ เดี่ยวฉันเข้าไปเอง”รพีพงษ์กล่าว แล้วผลักเปิดประตูห้องหรู แล้วเดินเข้าไป

ไตรทศขยิบตาให้ธฤตญาณ ยิ้มแล้วพูด: “พี่พงษ์มี ครอบครัวแล้วไม่ใช่เหรอ นายคิดว่าเขากับผู้หญิงที่อยู่ด้าน ในนั้นชอบกันหรือเปล่า?”

ธฤตญาณกลอกตาขาวใส่ไตรทศ แล้วพูด: “คำพูดนี้ของ นายถ้าเกิดเขารู้ ฉันรับรองได้ว่านายได้นอนโรงพยาบาล สองเดือนแน่”

ไตรทศก็หัวเราะแฮะๆ แล้วพูด: “ฉันก็แค่ล้อเล่นเองน่ะ นายอย่าไปบอกเขานะ”

บุษบากรกำลังถือไมโครโฟนร้องไห้เพลง เหล้าที่อยู่ในมือเธอนั่นก็ถูกดื่มหมด

ในเวลานี้ประตูของห้องก็ถูกเปิด บุษบากรตะโกน ทันที :”ฉันจะหารพีพงษ์ พวกเธอไปเรียกรพีพงษ์มาหาฉัน ไม่งั้น….”

เธอหันหน้าไปมองที่ประตู เมื่อเธอเห็นคนที่เข้ามาคือรพี พงษ์ เธอก็ตะลึงทันที

เธอคิดว่าตัวเองเห็นภาพหลอนไปเอง

ในเวลานี้เธอก็ไม่รู้ว่าอะไรคือภาพหลอนหรือไม่หลอน ตอนนี้เธอคิดถึงรพีพงษ์มาก ต่อให้เป็นภาพหลอน แม้ว่ามัน จะเป็นเพียงภาพลวงตา ตราบใดที่มันสามารถทำให้เธอ พอใจเธอ เธอก็จะไม่รังเกียจ

“รพีพงษ์ ฉันคิดถึงนายมากเลยนะ ให้ฉันกอดหน่อยได้

มั้ย”

บุษบากรโยนไมโครโฟนและขวดเหล้าในมือลงบนโต๊ะ และพุ่งตรงไปที่รพีพงษ์

รพีพงษ์รีบยื่นมือออกไปเพื่อหยุดเธอและพูดว่า: “เธอเมา แล้ว บอกมาบ้านเธออยู่ไหน ฉันให้คนไปส่งเธอ”

บุษบากรผงะ ยื่นมือออกไปสะกิดร่างของรพีพงษ์ ถึงได้รู้ ว่านี่คือเขาจริง “รพีพงษ์ นี่นายมาจริงๆเหรอ? นายไม่ใช่ภาพลวงตาของ

ฉันเหรอ? มาให้ฉันกอดที ยืนยันให้ฉันหน่อย” พูดอยู่ ด้วยเหตุนี้บุษบากรจึงพุ่งไปกอดรพีพงษ์อีกครั้ง
สีหน้าของรพีพงษ์ทำอะไรไม่ถูกเขาไม่มีประสบการณ์ใน การรับมือกับผู้หญิงที่เมาเหล้าและเวลานี้ก็ไม่รู้จะทำยังไง ให้บุษบากรกลับบ้านไปดีๆ

“บอกมาบ้านเธออยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเอง ” รพีพงษ์ เอื้อมไปดันไหล่ของบุษบากร ไม่ให้เธอพิงตัวเอง

“มาให้ฉันกอดหน่อย ที่นายมาหาฉันที่นี่ นายก็เป็นห่วง ฉันใช่มั้ย ฉันรู้ว่านายเองก็คิดอะไรกับฉัน เพียงแต่แค่เขิน ไม่เป็นไร ฉันไม่รังเกียจนายพูดมาเลย”บุษบากรเหมือน อย่างคนบ้าผู้ชาย

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว และพูดอย่างเย็นชา: “ฉันไม่ได้คิดอะไร กับเธอ ฉันมาที่นี่ เพราะเห็นแก่อารี ถ้าเธอยังทำแบบนี้ ฉัน จะไปเดี๋ยวนี้”

บุษบากรก็เสียใจทันที แล้วนั่งลงบนโซฟาเม้มริมฝีปาก แล้วก็ร้องไห้

“ทำไม ฉันอยากได้คนที่ฉันรัก มันยากขนาดนี้? “บุษบา กรมองไปที่รพีพงษ์

“เธอก็แค่ทำอะไรโดยไม่ทันคิด ฉันไม่มีอะไรคู่ควรให้เธอ มารักเลย”รพีพงษ์

“นายพูดจาเหลวไหล ถ้าเกิดฉันแค่ทำอะไรโดยไม่คิด ทำไมฉันถึงได้เจ็บใจขนาดนี้ ฉันยอมเป็นเมียน้อย ไม่แย่ง นายกับอารี ได้มั้ย? “บุษบากรร้องขอ

“ขอโทษด้วยนะ เรื่องแบบนี้ นอกจากอารียา ฉันก็ไม่ สามารถให้โอกาสใครได้”รพีพงษ์พูดอย่างเด็ดขาด
สีหน้าของบุษบากรผิดหวัง จากนั้นก็ร้องไห้ แล้วเธอก็ลุก ขึ้นจากโซฟา แล้วจ้องมองรพีพงษ์ด้วยความไม่พอใจ แล้ว พูด: “ถ้าฉันไม่ได้ ฉันก็ไม่ปล่อยให้คนอื่นจะได้เช่นกัน รพี พงษ์ นายอย่าเสียใจทีหลังแล้วกัน!”

เมื่อพูดจบ บุษบากรก็เดินออกจากห้องไป แล้วผลักประตู

อย่างแรง

รพีพงษ์เดินออกมา แล้วพูดกับไตรทศว่า: “นายตามเธอ ไป ส่งเธอกลับบ้านแล้วค่อยกลับมา”

ไตรทศพยักหน้าทันที แล้วเดินตามบุษบากรไป

ธฤตญาณยิ้มแล้วชำเลืองตามองไปรพีพงษ์ แล้วพูด “ความจริงคนที่มีความสามารถอย่างนาย มีเมียเพิ่มสักสอง สามคนก็ไม่ใช่ปัญหา ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ดูแย่ไปกว่าเมีย นายนะ ไม่คิดดูก่อนเหรอ?”

รพีพงศ์เบิกตากว้างแล้วมองไปที่ธฤตญาณ แล้วพูด “ทำไม นายเองก็อยากไปนอนอยู่บนเตียงเหมือนกับ ไตรทศเหรอ?”

“ล้อเล่นนะ ล้อเล่น มือไม้มื้อเท้าฉันก็แก่แล้ว ไม่กล้ามี ปัญหากับนาย”ธฤตญาณพูดแล้วยิ้ม

รพีพงษ์เองก็ทำอะไรไม่ถูกแล้วยิ้ม และกล่าวถาม: “ฟัง จากคำพูดของนาย เมื่อก่อนนายก็มีเมียเยอะเหรอ? ”

ธฤตญาณตอบกลับด้วยอารมณ์: “แน่นอนว่าไม่มี ฉัน เป็นผู้ชายรักเดียว”

“แล้วทำไมนายไม่รับคนที่นายรักมาด้วยละ?”รพีพงศ์กล่าวถาม

ดวงตาธฤตญาณหรี่ลงทันที ดวงตาของเขาเปลี่ยนไปดู ลึกซึ้งมากขึ้น พึมพำขึ้น: “ถ้าสามารถรับเธอมาด้วยได้ก็ดี น่าเสียดายตอนนี้เธอคงคิดแต่อยากตัดฉันออก”

รพีพงษ์นิ่ง คิดไม่ถึงว่าธฤตญาณจะพูดแบบนี้ แต่เขาก็ ไม่ได้ถามอะไรมาก

ทุกคนก็มีความลับของตัวเองทั้งนั้น ไม่มีความจำเป็น อะไรที่เขาจะไปถามเรื่องพวกนี้กับธฤตญาณ

“ใช่แล้ว ฉันเพิ่งได้โรงงานมาหนึ่งที่ ข้างในมีเวลาก็พาคน ไปรับช่วงต่อ”รพีพงษ์ให้สัญญาการโอนกับธฤตญาณ ธฤตญาณจ้องไปที่สัญญา แล้วกล่าวด้วยความแปลกใจ

“โรงงานวัสดุก่อสร้างโฮมาท์ นี่คือโรงงานผลิตวัสดุก่อสร้าง

ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองริเวอร์ เป็นของนายได้ยังไง? ”

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูด: “เล่นเกมชนะมาได้”

กลับมาถึงคฤหาสน์ ก็เป็นกลางคืนเวลาห้าทุ่ม

รพีพงษ์คิดว่าทุกคนในบ้านหลับหมดแล้ว แต่หลังจากที่ เดินเข้าประตูมา ก็พบว่าศศินัดดานั่งอยู่ที่โซฟา สีหน้า เคร่งเครียด

“คุณแม่ ยังไม่นอนเหรอครับ? “รพีพงษ์ถาม

ศศินัดดาเห็นว่ารพีพงษ์กลับมา ก็ด่าทอ: “รพีพงษ์ แกนี่ มันไอ้เลว แกยังมีหน้ากลับมาอยู่อีกเหรอ ทำไมแกไม่ตายอยู่ข้างนอกซะ?”

สีหน้ารพีพงษ์ดูมึนงง ไม่รู้ว่าทำไมศศินัดดาทำไมถึง โมโหขนาดนั้น ทั้งๆที่เขาก็ไปงานเลี้ยงกับธีริทธิ์ตามที่คำ สั่งของเธอ หรือว่าธีริทธิ์ไอ้หมอนี่จะพูดเรื่องไม่ดีของเขา?

“ทำไมครับคุณแม่? เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ? “รพีพงษ์ถาม

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?นี่แกไม่รู้เลยเหรอ? ยังมีหน้ามาถาม ฉันอีก? ฉันบอกแกนะ พรุ่งนี้แกต้องไปหย่ากับลูกสาวฉัน เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว!”ศศินัดดาพูดอย่างโกรธๆ

สีหน้ารพีพงษ์เคร่งเครียด แล้วพูด: “ทำไมละครับ? ”

ศศินัดดายืนขึ้น เอามือท้าวใส่เอวแล้วมืออีกข้างก็ชี้ไปที่ หน้ารพีพงษ์แล้วด่า: “เพราะว่าไอ้สารเลวที่สมควรตายแก มันไม่คู่กับลูกสาวฉัน!”

รพีพงศ์ก้าวเดินไป ตรงหน้าศศินัดดา พูดขึ้นอย่างเย็น ชา: “พูดมันให้เคลียร์”

ศศินัดดาตกตะลึง รัศมีบนตัวของรพีพงษ์ทำให้เธอรู้สึก ถึงแรงกดดันบางอย่าง

“แกนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ ยังกล้ามาขึ้นเสียงใส่ฉัน เรื่อง ที่แกไปที่สถานบันเทิงสตาร์กาย แกยังมีเหตุผลเหรอ?”

“รพีพงษ์ ฉันจะบอกแกไว้นะ ตั้งแต่แรกฉันก็รู้แล้วว่าแก มันไม่ได้เรื่อง แกอยู่บ้านฉันกินฟรีอยู่ฟรี ทำลายอนาคต ลูกสาวฉัน ตอนนี้แกยังไปสถานบันเทิงสตาร์กายที่แบบนั้น เสาะหาผู้หญิงอื่นอีก แกนี่มันสมควรโดนฟ้าผ่า!”
ศศินัดดาด่าว่าด้วยความรุนแรง

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าศศินัดดาจะรู้เรื่องที่เขาไปที่ สถานบันเทิงสตาร์กาย ธีริทธิ์ต้องเป็นคนพูดแน่ๆ ตอนที่ เขาไปลืมสั่งธีริทธิ์ห้ามบอก

“คุณแม่ครับผมไปหาเพื่อนที่สถานบันเทิงสตาร์กาย ไม่ ได้ไปเสาะหาผู้หญิงครับ” รพีพงษ์อธิบาย

“แกอย่ามาหลอกฉันนะ สถานที่แบบสตาร์กายแบบนั้นมี ไว้เพื่ออะไรคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ?ฉันจะบอกแกนะ ลูกสาวฉัน ร้องไห้ทั้งคืน พรุ่งนี้ยังไงแกก็ต้องหย่า หนูที่สำคัญแกยัง ต้องให้จ่ายค่าชดเชยสิบล้าน ไม่งั้นพวกฉันก็จะฟ้องแกขึ้น ศาลแน่!”

เมื่อได้ยินอารียาร้องไห้ตลอดทั้งคืน ใจรพีพงษ์ก็กังวล คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะทำร้ายอารียามากขนาดนี้

เขาไม่ได้สนใจศศินัดดา รีบเดินขึ้นบน ถึงหน้าประตูห้อง อารียา เคาะแล้วก็เคาะ

“อารี ที่ฉันไปสตาร์กายแค่เพื่อไปหาเพื่อนจัดการธุระ ฉัน ไม่ได้ไปทำอย่างอื่นจริงๆ เธออย่าเสียใจเลย” รพีพงษ์พูด

แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ

รพีพงษ์กังวลทันที เขามองว่า ก็แค่เรื่องเข้าใจผิด อธิบาย ให้ชัดเจนก็คงไม่มีเรื่องอะไรแล้ว

แต่เขาไม่รู้เลยว่า ที่อารียาทุกข์ใจ ไม่ใช่เพราะรพีพงษ์ ไปที่สถานบันเทิงสตาร์กาย แต่เธอเห็นภาพถ่ายของเขา กับบุษบากรต่างหาก
“อารี ฉันรู้ว่าตอนนี้เธออารมณ์ไม่ดี แต่ยังไงเรื่องนี้ฉันก็ จะอธิบายให้ชัดเจนแน่นอน สงบสติอารมณ์ก่อนนะ พัก ผ่อนเร็วๆ พรุ่งนี้ฉันค่อยคุยกับเธอ”รพีพงษ์พูดผ่านประตู

จากนั้นเขาก็ลงไปข้างล่าง

ศศินัดดาจ้องมองเขา แล้วพูด: “บอกแกไว้เลยนะ รอบนี้ ลูกสาวฉันเข้าข้างฉันแน่ การแต่งงานครั้งนี้หย่าแน่นอน ที่ สำคัญแกต้องเตรียมค่าชดเชยสิบล้าน บ้านและรถไม่มี ส่วนของแก แกจ่ายค่าชดเชยแล้ว ก็หมดเนื้อหมดตัว”

พูดจบ ศศินัดดาก็กลับไปที่ห้องอย่างโมโห

รพีพงษ์ทำอะไรถูก คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเข้าใจผิดเช่น นี้ รู้แบบนี้น่าจะอธิบายให้อารียาชัดเจนตั้งแรก

ขณะที่รพีพงษ์กำลังอารมณ์ อยู่ที่ร้านกาแฟแห่งในเมือง

ริเวอร์

ธายุกรและชรินทร์ทิพย์กำลังนั่ง ดื่มกาแฟ และทาน อาหารไปด้วย

“ช่วงนี้รพีพงษ์และอารียาดูหยิ่งยโส โดยเฉพาะอารียา ที่กล้าท้าทายปู่อย่างเปิดเผย คงคิดว่าถ้าตระกูลฉัตรมงคล ไม่มีเธอ คงจะไปไม่รอด”ชรินทร์ทิพย์พึมพำ

“พูดก็พูดเถอะ พวกเขาสองคนปรากฏตัวเมื่อไม่นานมานี้ และไม่รู้ว่าทำไมไอ้คนไร้ประโยชน์อย่างรพีพงษ์ถึงโชค ดีฉิ*หาย หัวหน้าตระกูลถึงได้ชื่นชอบ”ธายุกรพูดด้วย สีหน้าที่ไม่พอใจ

“ฉันว่าคุณปู่ไม่น่าให้อารียามาเป็นผู้จัดการเลย ตอนนี้ยังดี เส้นทางของบริษัทอยู่ในมืออารียาท คุณปู่อยากไล่เธอ ออกจะตาย”ชรินทร์ทิพย์เต็มไปด้วยความโกรธ

ธายุกรกลอกตาไปมา ยิ้มแล้วพูด: “อันที่จริงมันไม่สำคัญ

ว่าอารียาจะเป็นผู้จัดการ ตราบใดที่เธอยังดำเนินโครงการ

ไม่สำเร็จ คุณปู่ก็ไม่เอาเธอไว้”

“โครงการของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปดีขนาดนั้นจะไม่ สามารถดำเนินไปได้อย่างไร”ชรินทร์ทิพย์กล่าว

“เรื่องนี้แกไม่รู้อะไร โครงการนี้ของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป ต้องใช้วัสดุก่อสร้างจำนวนมาก เมื่อมีการจัดหาวัสดุ ก่อสร้างเท่านั้น โครงการนี้ถึงจะดำเนินต่อไปได้ ซึ่ง ปัจจุบันวัสดุก่อสร้างในโครงการนี้จัดหาโดยโรงงานวัสดุ ก่อสร้างโฮมาท์ ซึ่งเป็นโรงงานวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดใน เมืองริเวอร์ และมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถจัดหาวัสดุ ก่อสร้างที่จำเป็นสำหรับโครงการนี้ได้”

“ถ้าเกิดโรงงานวัสดุก่อสร้างโฮมาท์หยุดให้บริการวัสดุ ก่อสร้างกับอารียาท ตำแหน่งผู้จัดการนี้อารียาก็ไม่ สามารถดำรงต่อไปได้”

ธายุกรอธิบายยิ้มชั่วๆ

ชรินทร์ทิพย์เกิดความสงสัย แล้วถาม: “โรงงานวัสดุ ก่อสร้างโฮมาท์ไม่น่าจะหยุดให้บริการวัสดุก่อสร้างนะ?”

ธายุกรยิ้มอย่างมีชัย แล้วพูด: “ฉันกับเจ้าของโรงงาน วัสดุก่อสร้างโฮมาท์ และผู้จัดการโรงงานโสรธัสคุยกันแล้ว เขาตอบตกลงที่จะร่วมมือกับเรา หยุดให้วัสดุก่อสร้างกับอารียา ถึงตอนนั้นโครงการก็ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ฉันก็จะเข้าไปหาคุณปู่พร้อมกับวัสดุก่อสร้าง โครงการนี้ เป็นก็ตกเป็นของฉันแน่ แล้วฉันแค่ต้องให้กำไล 10 เปอร์เซ็นต์กับผู้จัดการโรงงานโสรธัส”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท