พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 152

บทที่ 152

บทที่ 152 คนที่สองประเภทที่ฉันเกลียดที่สุดในชีวิต

ฉัน

ทุกคนตกตะลึง จ้องมองไปที่รพีพงษ์

คนที่อยู่ข้างๆพงศ์เทพก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากนั้น ก็หัวเราะ คิดว่ารพีพงษ์เหมือนตัวตลก

ฝั่งทีมชีพนนท์ใบหน้าก็ลำบากใจเล็กน้อย พวกเขาคิดว่า รพีพงษ์เล่นเกมนี้ไม่เป็น เขาจะมาเล่นก็จะขึ้นเลย ตำแหน่งJungleทันที ซึ่งแบบนี้ก็เท่ากับทำให้พวกเขาแพ้

แต่ทุกคนก็คิดว่าการเดิมพันนี้เป็นของรพีพงษ์ ถ้าแพ้เขา ก็สูญเสียของเขาเอง ถ้ารพีพงษ์อยากเล่นตำแหน่งJungle ก็ให้เขาเล่น

“ก็ได้ ถ้าอย่างงั้นทุกคนในทีมให้ความร่วมมือกับคุณรพี พงษ์ด้วย พวกเรายังมีโอกาสพลิกล็อก!”ชีพนนท์ตะโกน

ขึ้น

“โจ๊กเกอร์ รอบนี้ให้พวกแกยอมแพ้ภายในหกนาที เลย!”พงศ์เทพยิ้มอย่างเย็นชา

เกมระหว่างสองทีมเริ่มขึ้น รพีพงษ์จ้องไปที่จอโทรศัพท์ มือถือ หลังจากวันนั้นที่เขาเล่นไปแล้วหนึ่งรอบ เขาก็รู้ว่า เกมนี้จะเล่นชนะได้อย่างไร

สำหรับรพีพงษ์ที่สามารถมองเห็นแก่นแท้ของเกมเหล่านี้ ได้อย่างรวดเร็ว มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาทางชนะ

แค่ตอนแรกเริ่มรพีพงษ์ไม่ค่อยคุ้นเคยกับทักษะขั้นเทพของฝั่งตรงข้าม แค่ขึ้นเล่นก็แจกเลย ทำให้ทีมคนของชีพ นนท์นั้นกังวล

“น่าขำสิ้นดี ฝีมือแค่นี้ ยังกล้าเล่น Jungle พวกเราใช้ เวลาไม่ถึงหกนาทีหรอก สามารถผลักดันที่สูงของพวกเขา ได้”คนข้างๆพงศ์เทพกล่าวขึ้น

สีใบหน้าของชีพนนท์และธีริทธิ์เคร่งเครียด เมื่อกี้ที่รพี พงษ์แจกเขาไปทำให้พงเทพเขาแน่ใจว่า รพีพงษ์เล่นเกมนี้ ไม่เป็นจริงๆ

“พี่เขย ผมก็บอกแล้วว่าพี่เล่นไม่เป็น พี่ก็ยังดึงดัน”ธีริทธิ์ พึมพำ

“รีบร้อนอะไร เพียงคุ้นเคยเดียวแป๊บเดียวเอง เดี๋ยวก็ พลิกล็อกได้แล้ว”รพีพงษ์พูด

ธีริทธิ์แบะปาก เห็นได้ชัดว่ารพีพงษ์ไม่เชื่อคำพูดของเขา และยังคงก้มศีรษะลงเล่นเกมอย่างจริงจัง

อีกประมาณห้านาทีให้หลัง รพีพงษ์ได้รับ การSupportจากชีพนนท์ ตรงเข้าดับเบิ้ลคิวป้อมของฝ่าย ตรงข้าม ถึงได้ทำให้ทางด้านชีพนนท์กับพวกเขาฮึกเหิม มากขึ้นมาหลายเท่า

“สุดยอดเลยพี่เขย ดับเบิ้ลคิวป้อมเลยเหรอ!”ธีริทธิ์พูด ขึ้นอย่างตื่นเต้น

ชีพนนท์ยังมองไปที่รพีพงษ์ อย่างไม่น่าเชื่อเมื่อกี้ฝีมือ ของรพีพงษ์นั้นสามารถพูดได้ว่าค่อนข้างดี แม้แต่เขาเอง ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะมีความเร็วที่รวดเร็วแบบนี้
“คุณรพี ดูเหมือนว่าคุณจะมีพรสวรรค์ในการเล่นเกมนี้ เพียงเคยเล่นครั้งเดียว ก็เชี่ยวชาญทักษะนี้แล้ว”ชีพนนท์ กล่าวด้วยรอยยิ้ม

รพีพงศ์ก้มหน้าก้มตาเล่นเกม และไม่พูดจา

สีหน้าของพงศ์เทพเคร่งเครียด และเขาก็บ่นพึมพำ: “ก็ แค่โชคช่วย อย่าคิดว่าแคร์…

พวกแกก็จะชนะได้ นัดนี้ของพวกแก ยังไงก็แพ้แน่นอน!

เวลาผ่านไปแล้วนาทีแล้วนาทีเล่า เดิมทีแรกเริ่มเพราะรพี พงษ์ใช้พลังแฝง ก็เลยโดนไล่ตามเข้ามาทีละนิด ที่สำคัญ คือชีพนนท์และธีริทธิ์ร่วมมือกับรพีพงษ์ และยังตีป้อมของ ฝั่งตรงข้าม ทำให้ฝั่งตรงข้ามไม่สามารถฟื้นฟูได้

รพีพงษ์ยิ่งอยู่ยิ่งเก็บจำนวนคนได้เยอะ ไม่นานก็เข้าสู่ อันดับหนึ่ง

จนถึงเวลานี้ ทีมพงศ์เทพทั้งห้าคนก็ตระหนักว่ารพีพงษ์ ไม่จัดการง่ายอย่างที่พวกเขาคิดไว้เลย

ตอนที่แรกเริ่มพวกเขาคิดว่าฝั่งตรงข้ามก็มีรพีพงษ์ ต่อให้ เล่นแบบโง่ๆก็ชนะได้ ก็เลยไม่ได้ตั้งใจเล่น แต่ตอนที่พวก เขาเริ่มตั้งใจที่จะเล่นก็เพิ่งรู้ตัว ว่าพวกเขาไม่มีโอกาสแล้ว

ท้ายที่สุด รพีพงษ์ก็นำพาคนทั้งสี่ของทีม เข้าไปตีป้อม จนแตก และชนะในนัดนี้

ผู้คนที่อยู่ข้างหลังชีพนนท์ ต่างจ้องมองไปที่รพีพงษ์ อย่างชื่นชม เพียงแค่ในเวลาสั้นๆ ก็สามารถเล่นเกมได้ดีขนาดนี้ ไม่สามารถเปรียบเทียบกับอัจฉริยะได้แล้ว

นี่มันคือตัวประหลาด!

“พี่เขย คิดไม่ถึงว่าพี่จะเล่นได้เก่งขนาดนี้ ผมก็นึกว่าคืน นั้นที่พี่เก็บได้penta kill เพราะโชคช่วย”

ทางด้านชีพนนท์ก็เบิกตากว้างทันที แล้วถาม: “penta

kill? ก็คือคืนนั้นที่ฉันเล่นกับนายเหรอ?”

“ใช่แล้ว คืนนั้นพี่เขยฉันแย่งมือถือฉันไปเล่น แต่ฉันคิด ไม่ถึงว่าจะ penta kill” ธีริทธิ์อธิบาย

ชีพนนท์มองไปที่รพีพงษ์อย่าชื่นชม เขาคิดมาเสมอว่าที่ penta killคือธีริทธิ์เป็นคนทำได้ แล้วยังคิดว่าทำไมทักษะ ของธีริทธ์วันนี้ทำไมแย่ คิดไม่ถึงคือรพีพงษ์เป็นคนเล่น

ได้ยินคำพูดของธีริทธิ์ ชีพนนท์รู้สึกโล่งอกขึ้นมาก รู้สึก ว่าวันนี้พวกเขาสามารถชนะได้

ใบหน้าของพงศ์เทพเคร่งเครียดแล้วเหงื่อแตก เขา เหลือบไปมองรพีพงษ์อย่างโหดเหี้ยม กัดฟันพูด: “แมร่ง อย่าเพิ่งดีใจไปเลย พวกแกก็แค่โชคช่วย แค่เมื่อกี้พวกเรา ไม่ได้ตั้งใจเล่นเอง รอบต่อไปพวกแกอย่าคิดแม่แต่จะ ชนะ!”

เมื่อพูดจบ เขาก็ยังหันหน้าไปมองชายที่อยู่ข้างๆชีพนนท์ ชายคนนั้นมองกลับมาที่ และดวงตาของเขาก็สั่น การแข่งขันรอบที่สามกำลังเริ่มขึ้น ทีมพงศ์เทพทั้งห้า คนจริงจังมาก ต้องการเอาชนะทั้งห้าคนของทีมชีพนนท์มาก

แต่พวกเขากลับพบว่า หลังจากที่รพีพงษ์ปรับตัวเข้ากับ เกมนี้ได้ ทักษะที่แสดงออกมาพูดได้ว่าสูงมาก บางทักษะก็ เทียนเท่ากับมืออาชีพ

ตอนนี้ต่อให้พวกเขาจริงจังขึ้นมา ก็ไม่สามารถเอาชนะ

พวกชีพนนท์ได้ สิ่งนี้ทำให้พงษ์เทพกังวลมาก เขาเอาแต่ด่าว่าเพื่อนร่วม ทีมที่ไม่ให้ความร่วมมือ และเขาก็ขึ้นไปแจกจำนวนคนออก

ไป

หลังจากสิบห้านาทีผ่านไป เกมที่สามก็จบลง ทีมชีพนนท์ ก็ชนะในการแข่งขัน ในช่วงแรกบรรยากาศของทั้งสอง ฝ่ายกลับกันอย่างสิ้นเชิง

ในขณะนี้ทุกคนฝั่งพงศ์เทพรู้สึกหดหูใจ แต่คนที่อยู่ฝั่ง ชีพนนท์ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น หายไปจากช่วงเวลา แห่งความหดหูใจนั้น

“พงศ์เทพ แกคงต้องตั้งใจมากกว่านี้นะ ไม่อย่างงั้นละก็

สมบัติที่มีค่าที่สุดในบ้านของพวกแก่ ก็จะสูญเสียไปเพราะ

แก”ชีพนนท์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

พงศ์เทพกำหมัดแน่น แล้วพูดอย่างเย็นชา: “เชี่ยเอ้ย ต่อ ไปยังไงพวกแกก็ไม่มีทางชนะหรอก!”

การแข่งขันรอบที่สี่เริ่มต้นขึ้น เพราะมีรีพงษ์นำทาง รวม ทั้งธีริทธิ์ทักษะขั้นเทพแรงค์ Conqueror 30 ดาว ฝั่งชีพ นนท์ริเริ่ม ก็มีตำแหน่งที่เหนือกว่า
พงษ์เทพเหงื่อแตก ดูว่าเหมือนจะความกังวล

แข่งไปครึ่งชั่วโมง พงศ์เทพก็เงยหน้าขึ้น มองชายที่นั่ง อยู่ด้านข้าง และส่งสายตาให้เขา

ชายคนนั้นก็ลังเล จากนั้นหายใจเข้าลึก ๆ ลุกขึ้นจาก เก้าอี้โดยตรง แล้วพูดว่า: “ฉันปวดท้องกะทันหัน ขอไป ห้องน้ำก่อนนะ”

เมื่อพูดจบ เขาก็วางมือถือไว้บนเก้าอี้ ก็วิ่งไปที่ห้องน้ำ ทันใดนั้นชีพนนท์ก็ตะโกนด่า: ” เย็*แม่ง แกไปห้องน้ำ แล้วเกมจะเล่นต่อยังไง?”

ชายคนนั้นก็ไม่ตอบ ก็เดินเข้าห้องน้ำโดยไม่หันกลับมา

พงศ์เทพยิ้มอย่างเย็นชา แล้วกล่าว: ” เกมก็เริ่มแล้ว ไม่ว่า จะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องเล่นต่อ พวกเราดูแค่ผล เพื่อนร่วมทีม ไม่ให้ความร่วมมือกับแก เรื่องนี้โทษพวกเราไม่ได้”

“แต่พวกฉันก็เหลือแค่สี่คน ก็เท่ากับว่าพวกแกชนะแล้ว และไม่สามารถชนะได้! “ชีพนนท์กัดฟันพูด

“แต่พวกฉันไม่สนใจเรื่องนี้ รีบเล่นเกมเลย ไม่อย่างงั้น เดี๋ยวพวกแกแพ้มันจะแย่กว่านี้”พงศ์เทพยิ้ม แล้วเล่นเกม

ต่อ

รพีพงษ์เหลือบมองไปที่ชีพนนท์ และกล่าวว่า: “นั่งลงและ เล่นเกมก่อน ยังมีโอกาสที่จะชนะ”

ชีพนนท์นั่งลงและเล่นเกมต่อ

เพราะขาดไปหนึ่งคน ชีพนนท์ก็รู้สึกกดดัน แต่ทีมพงศ์เทพก็เริ่มมีโอกาสพลิกเกม จากนั้นไม่นาน ก็สามารถไล่ทัน

“ฉันก็ไม่เชื่อว่าพวกแกสี่ต่อห้าจะสามารถชนะพวกเราได้ แบล็คการ์ดของธนาคารโลก เป็นของฉันแน่นอน” พงษ์เทพ กล่าวด้วยยิ้ม

“พวกเราขาดไปหนึ่งคน พยายามอย่าแยกจากกัน เดี๋ยว ดูตำแหน่งของฉันนะ”รพีพงษ์กล่าว ชีพนนท์ธีริทธิ์ทั้งสามคนพยักหน้า รับรู้ๆได้ว่าภายใต้

สถานการณ์เช่นนี้พวกเขาไม่สามารถแยกออกจากกันได้

ง่ายๆ

แต่ฝั่งทีมพงศ์เทพก็พยายามที่จะทำให้พวกเขาแยกออก จากกัน

“โจมตีพร้อมกัน พวกเขาทั้งหมดอยู่ในป้อมแน่นอน แยก พวกเขาออกจาก พวกเราก็ชนะแล้ว!”

พงศ์เทพตะโกน ทั้งห้าก็รีบวิ่งเข้าไปที่ป้อม

ชีพนนท์กับอีกคนก็ตรงเข้าไปตีกับพงศ์เทพ ทั้งสองคนก็ มีเนื้อชนเนื้อ แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาสองคนก็ถูกกำจัด ทันที

“ฮ่าฮ่า ชีพนนท์ พวกแกแพ้แน่ รอบนี้พวกแกไม่สามารถ พลิกเกมได้แน่!”พงศ์เทพหัวเราะเสียงดัง

ในเวลานั้น รพีพงษ์ก็พุ่งออกมาจากพุ่มไม้ข้างๆ ธีริทธิ์ ก็Supportรพีพงษ์ ทั้งสองคนสูญเสียสกินกรอบสองชิ้นที่ อยู่ฝั่งตรงข้ามทันที จากนั้นเผชิญหน้าตีป้อม เพราะพวก เขาเพิ่งทำให้ชีพนนท์สูญเสียคนไปสองคนต่างสลัดทักษะทั้งหมดออกมา

ในเวลานี้รพีพงค์ก็ออกมาฆ่า และพวกเขาไม่มีทางที่จะ จัดการรับมือได้

ในพริบตาทีมชีพพนนท์ทั้งสี่คนก็เสียชีวิต

ชีพนนท์หันมาควบคุมฮีโร่ของตัวเองเพื่อโจมตีรพีพงษ์ แต่ว่าความเสียหายทั้งหมดก็มีธีริทธิ์มาสกัดกั้นไว้

ธีริวธิ์ใช้ตัวเองซื้อเวลาให้รพีพงษ์เพื่อเกราะเกิดใหม่ หลัง จากที่ถูกพงศ์เทพฆ่าตาย ได้ปลดปล่อยทักษะของเขาอีก ครั้ง และคอมโบชุด ก็ได้ผลที่ดี

หลังจากจัดการพงศ์เทพได้ รพีพงษ์ก็เหลือเพียงเลือดแค่

ขีดเดียว

“penta kill!

หลังจากได้ยินเสียงนี้ ทีมพงษ์เทพทั้งห้าคนก็ตกตะลึง รพีพงษ์ผลักทหารขึ้นไปบนที่สูงด้วยเลือดขีดเดียว และ ระเบิดป้อมคริสตัลตรงข้ามและเกมก็จบลง

คนทีมชีพนนท์ก็เดือดดาล เพราะเมื่อกี้รพีพงษ์แสดงออก มาได้ยอดเยี่ยมมาก พวกเขาอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเชียร์

ชีพนนท์และธีริทธิ์ก็กระโดดด้วยความดีใจ และจ้องมอง รพีพงษ์อย่างชื่นชม

“พี่พงษ์ พี่นิสุดยอดมากเลย พาพวกเราชนะด้วยสี่ต่อ ห้า!”ชีพนนท์เปลี่ยนสรรพนามที่เรียกรพีพงษ์

“พี่เขย ต่อไปผมจะไม่เรียกพี่ว่าแมงดาแล้ว พี่คือไอดอลของผมเลยครับ!”ธีริทธิ์พูดอย่างตื่นเต้น

รพีพงษ์ยิ้ม มองไปกลุ่มคนฝั่งตรงข้ามใบหน้าซีดเซียว พงศ์เทพมือไม้สั่นไปหมด เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ทีมฝั่งรพี พงษ์นั่นขาดไปหนึ่งคน ก็ยังแพ้การแข่งขันนี้ได้ เขาก็โยนมือถือตัวเองลงพื้น และด่าว่าเพื่อนร่วมทีมตัว

เองว่าขยะ “พวกมึงแดกเหี้*อะไรเข้าไป! พวกมันขาดคนไปหนึ่งคนก็ ยังแพ้ได้ พวกมึงเป็นหมูกันเหรอ?”พงศ์เทพด่าอย่างไม่

บันยะบันยัง

“วันนี้ฉันจะไม่เอาความพวกแก ฉันกลับก่อน พวกแกคิด ให้ดีๆว่าวันนี้พวกแกทำอะไรลงไป!”

เขาพูดอีกครั้ง แล้วหันหน้าเดินจากออกคลับไป

คนของชีพนนท์ก็รีบรั้งเขาไว้ แต่ละคนก็จ้องมองเขาด้วย สีหน้าไม่ดี

“พวกแกจะทำอะไร?ฉันจะออกไป พวกแกขว้างฉันไว้ ทำไม?” พงศ์เทพจ้องมองแล้วพูด

“คุณชายพง คุณช่างเป็นคนที่มีเกียรติที่ลืมอะไรได้ง่ายๆ จริงเหรอ คุณอย่าบอกผมนะ คุณลืมเดิมพันเมื่อกี้แล้วเห รอ”ชีพนนท์แสยะยิ้ม

“เย็แม่ง นี่มันก็แค่เกมการพนัน เดิมพันถือเป็นจริงไม่ได้ พวกแกหลีกทางให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะกลับไป!” “เหอะ เหอะ พงศ์เทพ แกนี่มันไร้ยางอายจริงๆ กล้าที่จะโกงกันหน้าด้านๆ เพื่อนร่วมทีมของฉัน ก็คงถูกแกซื้อตัว แล้วใช่มั้ย?”ชีพนนท์พูด เวลานั้นคนของชีพนนท์ก็ไปลากตัวคนที่วิ่งไปเข้าห้อง

เมื่อกี้ออกมา แล้วโยนลงบนพื้น ก็ถูกเตะต่อย

คนนั้นมองไปที่พงศ์เทพ แล้วของความช่วยเหลือ: “พี่ พงศ์เทพ ช่วยผมด้วยครับ พี่ให้ผมแบบนี้เอง ช่วยด้วยช่วย ผมด้วยครับ”

พงศ์เทพก็บ่นด่าในใจ คิดว่าขนาดกูก็ยังแข่งแพ้ จะช่วย จึงได้ยังไง

“ใช่ฉันเป็นคนสั่งให้มันทำแบบนี้เองแล้วจะทำไม? ชีพ นนท์ นี่มันก็แค่เกมเดิมพันเอง แล้วถ้าฉันไม่ยอมรับ แล้วแก จะทำอะไรฉันได้?”พงศ์เทพท่าเหมือนหมูตายที่ไม่กลัวน้ำ ร้อนลวก

ชีพนนท์สีหน้าเคร่งขรึม ถ้าเกิดพงศ์เทพไม่ยอมรับการ วางเดิมพัน เขาก็ไม่สามารถจะทำอะไรพงศ์เทพได้

ในเวลานั้นเองรพีพงษ์ก็ทนขึ้น เขาจ้องมองไปดวงตาของ คนที่นอนลงบนพื้น แล้วพูด: “ในช่วงชีวิตของฉันเกลียดคน อยู่สองประเภท ประเภทหนึ่งคือทรยศพี่น้อง ”

“แกเป็นน้องชายของชีพนนท์ แต่กลับมาทรยศเขาใน ช่วงที่วิกฤตที่สุด เป็นคนไม่ควรหน้าด้าน ควรได้รับบท ลงโทษ”

พูดอยู่ รพีพงษ์ก็เตะขาของชายคนนั้น และหักขาของ เขาไปข้างหนึ่ง
คนฝั่งของพงศ์เทพก็สั่นสะเทือนด้วยความตกใจ ใครจะ คิดถึงว่ารพีพงษ์จะหักคนคนนั้นโดยไม่พูดจาสักค่า นี่ก็ โหดเกินไป

“แล้วที่ฉันเกลียดคนแบบที่สองที่สุด คือคนที่ผิดสัญญา และไม่รักษาสัญญา “รพีพงษ์มองไปที่พงศ์เทพ แล้วกล่าว

“คุณชายพง ผมเชื่อว่าคุณไม่ใช่คนแบบนี้ใช่มั้ยครับ?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท