พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่161

บทที่161

บทที่161 จดหมายที่พ่อทิ้งไว้

ได้ยินคำพูดของโยษิตา รพีพงษ์อึ้งไปสักพัก เขาเข้าใจผู้ หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้มาก ด้วยความหยิ่งทะนงของเธอ แม้จะทำความผิด ก็ไม่เคยจะขอโทษใคร

ดังนั้นเมื่อโยษิตาบอกว่าต้องการจะขอโทษตนเอง ทำให้ รพีพงษ์รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย

“มีจุดหมายอะไรก็พูดมาตรงๆ ไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง ขนาดนี้ คุณเป็นคนแบบไหน ผมรู้ดีทุกอย่าง” รพีพงษ์กล่าว

ใบหน้าโยษิตาแสดงออกถึงความเสียใจ แล้วกล่าวว่า “รพีพงษ์ ฉันรู้ว่าในใจของแกเต็มไปด้วยความเกลียดชังฉัน แต่หลังจากครั้งนั้นแล้ว ฉันคิดทบทวนอย่างมาก และได้รู้ ถึงความผิดของตนเอง ฉันเลยอยากที่จะขอโทษแกจริงๆ จากใจ”

“แต่สังเกตจากช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานี้ ฉันพบว่าการที่ จะพาแกกลับไปเกียวโตนั้น พึ่งการให้ผลประโยชน์กับแกก็ ดีหรือใช้วิธีอย่างอื่นกับแกก็ดี ใช้ไม่ได้ผลอย่างสิ้นเชิง แบบนี้มีแต่จะเพิ่มความไม่พอใจของแกขึ้นเท่านั้น

“เรื่องราวเหล่านี้เป็นสิ่งที่ฉันทำไม่ถูกต้อง ดังนั้นฉัน ขอโทษแกตรงนี้ หวังว่าแกจะให้อภัยฉัน”

ท่าทีของโยษิตาดูจริงใจพอสมควร ดูจากลักษณะแล้ว เหมือนว่าจะกลับตัวกลับใจแล้วอย่างใดอย่างนั้น

“เหอะเหอะ ผมไม่ได้อยากจะรับคำขอโทษจากคุณ แล้วก็ไม่เชื่อด้วยว่าครั้งที่แล้วหลังจากที่ผมตบคุณไปหนึ่งครั้ง นั้น คุณจะไม่เก็บไปใส่ใจ โยษิตา ความเลวทรามของคุณ ผมก็เจอมาแล้ว คุณไม่ต้องมาแสดงละครกับผมตรงนี้” รพี พงษ์กล่าว

แต่ไหนแต่ไรรพีพงษ์ก็ไม่เคยคิดที่จะเชื่อในคำพูดของโย ษิตาแต่อย่างใด แผนการชั่วร้ายของผู้หญิงคนนี้คน ธรรมดายากที่จะเข้าถึง หากเชื่อแบบปิดหูปิดตาล่ะก็ มีแต่ จะหาเรื่องให้ตัวเองเท่านั้น

โยษิตาไม่โกรธ แต่ความรู้สึกที่ทรมานบนใบหน้ายิ่งมี มากขึ้น เธอขมวดคิ้วอย่างหนัก หากเป็นคนอื่น เกรงว่าจะ ได้รับการให้อภัยไปนานแล้ว

“รพีพงษ์ ไม่ว่าแกจะยกโทษให้ฉันหรือไม่ ฉันก็หวังว่าแก

จะกลับไปเกียวโตกับฉัน อาการไม่สบายชั่วขณะนี้ของแม่

แกเริ่มหนักขึ้น กลัวว่าจะอยู่ต่อได้อีกไม่นาน หรือแกไม่มี

ความรู้สึกต่อเธอแม้สักครึ่งเลยหรอ?” โยษิตากล่าวอีก

รพีพงษ์บึนปากแล้วบึนปากอีก แล้วกล่าว “เริ่มจากในปี นั้นตอนที่เธอและคุณร่วมมือกันไล่ผมออกจากตระกูลลัด ดาวัลย์ ผมและเธอก็ไม่มีสายสัมพันธ์ใดๆต่อกันอีก”

โยษิตากัดปากแล้วกัดปากอีก แล้วกล่าวต่อว่า “งั้นถ้าฉัน บอกแกว่า กลับไปครั้งนี้ แม่แกจะบอกคุณเกี่ยวกับเรื่อง บางอย่างของพ่อแกล่ะ?”

แต่เดิมนั้นรพีพงษ์มีลักษณะที่เฉยๆ แต่เมื่อได้ยินโยษิตา กล่าวถึงพ่อของเขา เขาก็นั่งตัวตรงขึ้นทันทีก็ไม่เชื่อด้วยว่าครั้งที่แล้วหลังจากที่ผมตบคุณไปหนึ่งครั้ง นั้น คุณจะไม่เก็บไปใส่ใจ โยษิตา ความเลวทรามของคุณ ผมก็เจอมาแล้ว คุณไม่ต้องมาแสดงละครกับผมตรงนี้” รพี พงษ์กล่าว

แต่ไหนแต่ไรรพีพงษ์ก็ไม่เคยคิดที่จะเชื่อในคำพูดของโย ษิตาแต่อย่างใด แผนการชั่วร้ายของผู้หญิงคนนี้คน ธรรมดายากที่จะเข้าถึง หากเชื่อแบบปิดหูปิดตาล่ะก็ มีแต่ จะหาเรื่องให้ตัวเองเท่านั้น

โยษิตาไม่โกรธ แต่ความรู้สึกที่ทรมานบนใบหน้ายิ่งมี มากขึ้น เธอขมวดคิ้วอย่างหนัก หากเป็นคนอื่น เกรงว่าจะ ได้รับการให้อภัยไปนานแล้ว

“รพีพงษ์ ไม่ว่าแกจะยกโทษให้ฉันหรือไม่ ฉันก็หวังว่าแก

จะกลับไปเกียวโตกับฉัน อาการไม่สบายชั่วขณะนี้ของแม่

แกเริ่มหนักขึ้น กลัวว่าจะอยู่ต่อได้อีกไม่นาน หรือแกไม่มี

ความรู้สึกต่อเธอแม้สักครึ่งเลยหรอ?” โยษิตากล่าวอีก

รพีพงษ์ปืนปากแล้วบึนปากอีก แล้วกล่าว “เริ่มจากในปี นั้นตอนที่เธอและคุณร่วมมือกันไล่ผมออกจากตระกูลลัด ดาวัลย์ ผมและเธอก็ไม่มีสายสัมพันธ์ใดๆต่อกันอีก”

โยษิตากัดปากแล้วกัดปากอีก แล้วกล่าวต่อว่า “งั้นถ้าฉัน บอกแกว่า กลับไปครั้งนี้ แม่แกจะบอกคุณเกี่ยวกับเรื่อง บางอย่างของพ่อแกล่ะ?”

แต่เดิมนั้นรพีพงษ์มีลักษณะที่เฉยๆ แต่เมื่อได้ยินโยษิตา กล่าวถึงพ่อของเขา เขาก็นั่งตัวตรงขึ้นทันที
A IN

“คุณพูดอะไร? มีข่าวคราวของพ่อผมแล้วหรอ?” ดวงตา ทั้งสองของรพีพงษ์กำลังเพ่งไปที่โยษิตา น้ำเสียงเร่งรีบ

ตอนนี้เขาอาจจะไม่สนเรื่องแม่ที่ป่วยคนนั้นที่เกียวโต แต่ ถ้าเกี่ยวกับพ่อของตน เขาสนใจเป็นอย่างมาก

ในปีนั้นพ่อเขาหายไปอย่างลึกลับพอดี โยษิตาและแม่ ของรพีพงษ์จึงมีโอกาสยึดอำนาจของตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่งั้นรพีพงษ์ก็คงไม่โดนไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์

ตอนแรกที่พ่อของรพีพงษ์ยังอยู่นั้น ปกป้องรพีพงษ์อย่าง ดี ไม่ว่าอะไร ก็จะให้เขาดีที่สุดเสมอ

แล้วก็ด้วยเหตุผลที่พ่อปกป้องเขาดีเกินไป ปีนั้นที่โยษิตา วางแผนจะไล่เขาออกไปนั้น เขาไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ ใดๆไว้เลย เขาถูกเล่นงานอย่างไม่มีชิ้นดี

หลายปีที่อยู่เมืองริเวอร์อย่างอดทนอดกลั้นนี้ ทำให้นิสัย ของรพีพงษ์เปลี่ยนไปเป็นเยือกเย็นอย่างปัจจุบันนี้

ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้รพีพงษ์ตรวจหาเบาะแสในการ หายตัวไปของพ่อเขาตลอดมา เขาไม่เชื่อว่าหัวหน้า ครอบครัวตระกูลลัดดาวัลย์ จะหายตัวไปอย่างลึกลับ อีก ทั้งดูจากความสามารถของพ่อเขาด้วยแล้ว ยิ่งไม่น่าจะเสีย ชีวิตง่ายดายขนาดนี้

หากพ่อของรพีพงษ์เสียชีวิตแล้วจริงๆ ผู้ที่สามารถทำ เรื่องแบบนี้ได้ ก็คงมีก็แต่แม่ของรพีพงษ์เท่านั้น

ถึงแม้มีความสามารถมาก ก็ไม่สามารถต้านทานความ เลวร้ายของคนรอบข้างได้ แม่ของรพีพงษ์เพียงแค่วางยาลงไปในอาการเท่านั้น ก็สามารถปริชีพของพ่อรพีพงษ์ได้ อย่างง่ายดาย รพีพงษ์ไม่ใช่ไม่เคยนึกถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ หลัง จากพ่อเขาหายไปไม่นาน แม่ของเขากับโยษิตาก็วางแผน

สมมุติว่าเขาจะฆ่าแม่เพื่อยึดอำนาจ

ดังนั้นรพีพงษ์คิดว่าการหายไปของพ่อเขา ต้องมีความ เกี่ยวข้องกับแม่ของเขาและโยษิตาเป็นแน่

แต่ระหว่างการสืบสวนในช่วงหลายปีมานี้ กลับไม่มีหลัก ฐานอันใดที่จะมาสนับสนุนได้เลยว่าแม่เขาเป็นคนฆ่า นี่เป็น จุดที่ทำให้รพีพงษ์สงสัยมากที่สุด

หากไม่ใช่เพราะไม่มีหลักฐาน เกรงว่าเมื่อสองปีก่อนนั้น รพีพงษ์ ก็โดนไล่ฆ่าไปแล้ว

“ก่อนที่พ่อของแกจะหายตัวไป ความจริงแล้วได้ทิ้ง จดหมายไว้หนึ่งฉบับ เนื้อหาในจดหมายนี้มีเพียงแม่ของแก ที่ได้อ่านแล้ว เมื่อวานฉันเล่าเรื่องของแกให้เธอฟัง ไม่ว่ายัง ไงแกก็ไม่กลับไปกับฉัน เธอจึงได้พูดเรื่องจดหมายนี้ออก มา”

“อาการไข้ของแม่แกอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว จดหมายฉบับ นี้มีแค่เธอเท่านั้นที่รู้ว่าอยู่ไหน หากแกอยากอ่านจดหมาย ฉบับนี้ ก็ต้องกลับเกียวโตกับฉัน”

โยษิตากำลังเพ่งมองรพีพงษ์แล้วกล่าว รพีพงษ์ขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก ไม่คาดคิดว่าปีนั้นก่อน

ที่พ่อเขาจะหายตัวไป ยังทิ้งจดหมายเอาไว้อีกหนึ่งฉบับจริงๆ

“ผมจะรู้ได้ไงว่าคุณกำลังหลอกผมอยู่หรือเปล่า? เกรงว่า นี่จะเป็นแค่เพียงตัวล่ออย่างหนึ่งให้ผมกลับไปเท่านั้น ผม ถึงขั้นสงสัย ว่าการหายตัวไปของพ่อผมนั้น จะเกี่ยวข้อง กับพวกคุณด้วย” รพีพงษ์พูดอย่างเสียงต่ำ

โยษิตาหัวเราะหนึ่งครั้ง แล้วกล่าวว่า “ในปีนั้นตอนที่พ่อ แกอยู่ในตระกูลลัดดาวัลย์มีภาพพจน์เป็นอย่างไรแกน่าจะ รู้ดีที่สุด แล้วจากความสามารถของเขา บวกกับการ์ดรอบๆ ตัวเขาเหล่านั้นอีก ถึงแม้ฉันกับพี่สาวจะมีวิชาค้ำฟ้า ก็ไม่ สามารถที่จะทำอะไรเขาได้เลยนะ”

“งั้นถ้าพวกคุณวางยาพิษล่ะ? แบบนี้ถึงแม้เป็นผู้ที่มีความ สามารถมากมายขนาดไหน เกรงว่าก็ต้องโดนอยู่ดีไหม?” รพีพงษ์ถาม

“ในปีนั้นเมื่อตอนแกสิบห้าปี พ่อแกก็ได้แยกห้องนอนกับ พี่สาวแล้ว แล้วอาหารของพ่อแกก็มีคนที่ทำให้โดยเฉพาะ พวกเราไม่มีแม้กระทั่งโอกาสในการที่จะลงมือกับเขาเลย นะ” โยษิตากล่าว

รพีพงษ์คิดแล้วคิดอีก นึกออกว่าแท้ที่จริงแล้วพ่อของเขา กับแม่ได้แยกกันนอนมาตั้งนานแล้ว ถึงแม้ไม่รู้ว่าด้วย เหตุผลอะไร แต่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นอยู่จริง

“ตอนนี้แม่ของแกกำลังไม่สบายหนัก ตระกูลลัดดาวัลย์ ต้องการผู้นำ บางที่แกอาจจะคิดว่าฉันโลภอยากได้ ตำแหน่งนี้ แต่เฝ้ามองพี่สาวในช่วงหลายปีมานี้เพราะเรื่อง ของตระกูลลัดดาวัลย์ทำให้ร่างกายทรุดลงไป ฉันจึงไม่มีความรู้สึกใดๆกับตำแหน่งนี้อีกต่อไป”

“ตอนนี้ฉันไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องโกหกแกทั้งนั้น ถ้าพวกเราอยากทำอะไรแกจริงๆ เพียงแค่จัดนักฆ่าฝีมือดี ของตระกูลลัดดาวัลย์สักกี่คนก็ได้แล้ว ทำไมต้องทำอะไร เหนื่อยยากขนาดนี้”

โยษิตาอธิบายอย่างอดทน

รพีพงษ์รู้สึกว่าคำพูดของเธอไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล แต่ แค่รู้สึกตลอดเวลาว่ามันมีบางอย่างที่แปลกๆ แต่ก็คิดไม่ ออกว่าตรงไหนที่มันไม่ชอบมาพากล

“ถ้าผมกลับไปกับคุณ ก็จะสามารถดูจดหมายนั้นได้?” รพีพงษ์กล่าว

“ไม่เลว หากหลังจากกลับไปแล้วแกคิดว่าจดหมายนั้น ปลอม ก็กลับมาได้เลย ตามความสามารถแกตอนนี้ น่าจะ ไม่กลัวพวกการ์ดของตระกูลลัดดาวัลย์แล้วล่ะมั้ง?” โยษิ ตากล่าว รพีพงษ์เริ่มลังเล ในเรื่องจดหมายที่พูดมาทั้งหมดของโย

ษิตา เขาก็สนใจมันอยู่

ช่วงหลายปีมานี้เขาค้นหาการหายตัวไปของพ่อมาโดย ตลอด แม้จะมีเพียงหลักฐานเล็กน้อย ก็ไม่อยากที่จะพลาด มันไป

“ฉันกลับไปช้าสุดได้เมื่อไหร่?” รพีพงษ์ถาม

ได้ยินคำถามนี้ของรพีพงษ์ ดวงตาของโยษิตาลุกวาว นี่

เขาตอบรับในการกลับเกียวโตแล้วนี่
“ร่างกายของพี่สาวอดทนได้มากสุดหนึ่งเดือน ขีดเส้น ตายสุดท้ายไว้ที่ หลังจากหนึ่งเดือน” โยษิตากล่าว

รพีพงษ์พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก แล้วกล่าว “งั้นผมจะ

กลับไปกับคุณสักครั้ง หากพวกคุณหลอกผมล่ะก็ ถึงแม้

เป็นตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต ผมก็จะให้พวกคุณได้

ลิ้มลองรสชาติของความเสียใจ”

โยษิตากล่าวอย่างหนักแน่น “ฉันคงไม่โง่ขนาดเอาเรื่อง แบบนี้มาล้อเล่นหรอก”

หลังจากพูดจบ รพีพงษ์ยืนขึ้น ตอนนี้เขาคิดอะไรบาง อย่างออก แล้วกล่าว “ถ้าคุณมีเวลาให้ไปเอาของที่ตาสี ทองมอบให้กับตระกูลฉัตรมงคลในตอนแรกนั้นกลับมา ด้วย ของโบราณพวกนั้นอยู่ในมือของตระกูลฉัตรมงคล ก็ มีแต่เสียดายของ

โยษิตาพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก แล้วกล่าว “ไม่มี ปัญหา”

จากนั้นรพีพงษ์ก็ออกไปจากโรงแรมซินหล่อเฮาส์

หลังจากรพีพงษ์ออกไปไม่นาน โยษิตาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะดื่ม กาแฟไปหนึ่งอีก ใบหน้าสะท้อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาก

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดโทรออก “พี่สาว ตารพีพงษ์นั่นติดกับดักแล้ว หลังจากหนึ่งเดือน ก็

จะกลับไปกับฉัน” เสียงตื่นเต้นจากอีกฝั่งของโทรศัพท์กล่าวขึ้นมาว่า “ดี มากเลย แบบนี้จักรพันธ์ของฉันก็มีหวังแล้ว!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท