พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่171

บทที่171

บทที่171 ของข้างทางทั้งนั้น

ดงเย็น ในวิลล่าของบ้านรพีพงษ์

ศศินัดดาและแม่ของเจน พรภากำลังนั่งอยู่ด้วยกัน

บนคอของพรภากำลังใส่สร้อยทองเส้นหนึ่ง บนข้อมือ และนิ้วมือใส่เครื่องประดับที่เป็นทองประกายทั้งนั้น แลดูมี ชีวิตชีวา

ศศินัดดานั่งบนโซฟา ด้วยความอับอายเต็มบนในหน้า บนร่างกายของเธอแม้แต่เครื่องประดับสักอย่างยังไม่มี เทียบกับพรภาแล้ว แสดงออกอย่างชัดเจนว่าติดดินมากๆ

“นัดดา ฉันจะบอกอะไรให้เธอรู้ ตอนนี้เจนกตัญญูต่อฉัน จริงๆ ไม่เพียงซื้อเครื่องประดับมากมายขนาดนี้ให้ฉัน ยัง วางแผนก็ซื้อวิลล่าสักหลังข้างๆพวกเธอ พวกเราวางแผน ว่ารอให้ครั้งนี้ตระกูลลัดดาวัลย์มาสู่ขอก่อน แล้วจึงซื้อ วิลล่า ยังไงในอนาคตเจนของฉันก็ต้องเป็นคนที่แต่งเข้า ครอบครัวเศรษฐีอยู่แล้ว ที่อยู่อาศัยจะแย่ไม่ได้ คุณว่า ไหม” พรภากล่าวอย่างภูมิใจ

ศศินัดดารีบพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ใช่ใช่ ควรจะซื้อสัก หลังจริงๆ”

พรภากำลังมองท่าทีอับอายขายหน้าของศศินัดดา ในใจ ก็เกือบจะหัวเราะออกมา ก่อนหน้านี้ตอนที่ศศินัดดาจะซื้อ วิลล่านั้น ตอนนี้เธอยังจำท่าทีที่อวดเก่งของศศินัดดาได้

ตอนนี้เห็นสภาพของศศินัดดาแล้ว ในใจพรภาก็รู้สึกได้ผ่อนคลายความโกรธลงบ้าง

“เออใช่ ให้คุณดูหยกนี่ของฉัน อันนี้ซื้อจากร้านเครื่อง ประดับที่แพงที่สุดของเมืองริเวอร์ของเราเลยนะ ฉันจำได้ ว่าร้านนั้นน่าจะชื่อร้านเครื่องประดับแสงดาว เครื่องประดับ ที่นั่นล้วนแต่เป็นพวกระดับท็อปทั้งนั้นเลยนะ หยกอันนี้ของ ฉันราคาหลายแสนเลยนะถึงจะซื้อมาได้

พรภาเห็นศศินัดดาไม่พูดกับเธอเรื่องวิลล่า ก็เลยกลับไป คุยเรื่องเครื่องประดับของตัวเองต่อ

ร้านเครื่องประดับแสงดาวที่เธอกล่าวถึงนั้น ก็คือร้านที่ วันนี้รพีพงษ์พวกเขาไปมาพอดี

หลังจากที่ศศินัดดาได้ฟังคำพูดของพรภาแล้วก็ตาโตขึ้น มาทันที คาดคิดไม่ถึงว่าหยกนี้จะราคาหลายแสน

“เธอนี่ชีวิตดีจัง มีลูกสาวที่ดีอย่างเจน อีกไม่นานก็จะ แต่งเข้าตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว ซึ่งน่าอิจฉาจริงๆ ฉันไม่ได้ แล้ว มีลูกเขยสวะอย่างรพีพงษ์ แม้แต่เครื่องประดับแบบนี้ ยังไม่มีเลย” ศศินัดดากล่าวอย่างไม่มีทางเลือก

ได้เห็นท่าทีนี้ของศศินัดดา ในใจพรภายิ่งสะใจ สิ่งที่เธอ อยากได้ยินที่สุด ก็คือศศินัดดาเห็นพ้องกับคำพูดของเธอ

“ก็โอเคนะ เจนก็ถือว่าโชคดี หากไม่ใช่เพราะอารีของเธอ แต่งกับรพีพงษ์ บางทีตระกูลลัดดาวัลย์เค้าอาจจะชอบเธอ ก็ได้” พรภาตั้งใจพูดออกมา

ศศินัดดาถอนหายใจอย่างเสียอารมณ์ ถึงแม้รู้ว่าครั้งนี้ พรภาตั้งใจบีบเธอ แต่ในใจเธอก็รู้สึกว่าถ้าอารียาไม่แต่งงานกับรพีพงษ์จริงๆล่ะก็ คนที่ตระกูลลัดดาวัลย์หมาย ปองนั้น ต้องเป็นลูกสาวของเธอแน่ๆ

“ใช่ล่ะ อารีล่ะ ทำไมไม่เห็นเธอ” พรกาถาม

“ตอนนั้นรพีพงษ์บอกว่าจะพาอารีไปซื้อเครื่องประดับให้ ได้ ยังไม่กลับมาเลย คุณว่าสวะอย่างเขา จะซื้อของดีๆ อะไรกลับมาได้ ฉันล่ะเบื่อที่จะว่าเขาล่ะ” ศศินัดดากล่าว พรภาแสดงออกถึงจิตใจที่รังเกียจทันที แล้วกล่าว “ก็

จริงอยู่ ไม่มีอะไรดีจริงๆ เขาคงไม่พาอารีไปซื้อของริมถนน

หรอกนะ นี่ลดคุณค่าของตระกูลเราลงเลยนะ”

“ถูก รอให้พวกเขากลับมา ฉันจะว่าเขาไม่หยุด” ศศิ นัดดากล่าว

ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตนเองไม่มีความมั่นใจเอามากๆ ทำได้ เพียงคล้อยตามคำพูดพรภา

“ใช่ จู่ๆฉันก็นึกออก ช่วงนี้เจนของฉันวางแผนจะซื้อรถ อยู่นะ ได้ยินมาว่ารถคันนั้นของครอบครัวเธอราคาหนึ่ง ล้านกว่า? เจนของฉันคิดว่าจะซื้อเบนท์ลี่ย์สักคน ถูกที่สุดก็ สองล้านกว่านะ” พรภากล่าวต่อ

ศศินัดดาเกลียดจนอยากจะขุดหลุมเจาะดินหนีแล้ว ที่ พรภามานี้ก็ตั้งใจที่จะมายั่วโมโหเธอ นั่งอยู่ตรงนี้สักพัก เธอรู้สึกว่าตอนเองไม่ว่าจะเรื่องไหนก็เทียบกับพรภาไม่ได้

“แม่ พวกเรากลับมาแล้ว คุณช่วยออกมาถือของให้พวก เราหน่อย “ตอนนี้มีเสียงของอารียาดังออกมาจากนอก

วิลล่า
ศศินัดดารีบยืนขึ้น ราวกับได้พบดวงดาวแห่งการช่วย เหลืออย่างไรอย่างนั้น แล้วรีบเดินออกไปข้างนอก

ความจริงพรภายังอยากจะพูดกับอีกสักหน่อยว่าพวกเธอ

กำลังจะซื้อรถ ศศินัดดาออกไปแล้ว ก็ทำได้แค่หุบปาก

เท่านั้น

ความจริงเรื่องการซื้อรถก็แค่ชรินทร์ทิพย์วันนั้นเอ่ยปาก ขึ้นมาเฉยๆเท่านั้นเอง วันนั้นพวกเขาผ่านโชว์รูมรถยนต์ พอดี ก็เข้าไปดูข้างในสักหน่อย ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะซื้อ จริงๆ

พรภาพูดแบบนี้ ก็แค่อยากให้ศศินัดดาอิจฉาเท่านั้น

“ไปดูว่าไอ้สวะรพีพงษ์ซื้ออะไรมาบ้าง แล้วก็ฉวยโอกาส หัวเราะเยาะเย้ยพวกเขาไปด้วยเลย”

พรภาพมพำ จากนั้นก็ยืนขึ้น แล้วเดินออกไปนอกวิลล่า

หลังจากที่ศศินัดดาถึงด้านนอกแล้ว เห็นรถที่จอดอยู่ ด้านนอกไม่ใช่ของครอบครัวเธอ ก็นิ่งไปสักพัก

ตอนนี้พรภาก็เดินตามออกมา หลังจากที่เธอเห็นรถ ปอร์เช่คันนั้นที่จอดอยู่ที่ประตูแล้ว ก็ตกใจตาลุกวาวขึ้นมา ทันที

รถคันนี้ เหมือนกับรถวันนั้นที่เธอเห็นที่โชว์รูมรถนั้นเลย พนักงานของโชว์รูมบอกกับเธอว่ารถคันนี้คือปอร์เช่911 แล้วยังเป็นรถรุ่นท็อป ราคาสี่ล้านกว่า

รถคันนั้นของครอบครัวศศินัดดาไม่ใช่เลนจ์โลเวอร์ราคา ล้านกว่าบาทหรอ? ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นปอร์เช่สี่ล้านกว่าแล้วล่ะ?

พรภารู้สึกว่าสมองตัวเองเริ่มไม่ทำงาน

ใบหน้าของศศินัดดาก็เต็มไปด้วยความมึนงง ไม่รู้ว่านี่มัน เกิดอะไรขึ้น?

แล้วเธอก็ไม่รู้ราคาของเราคันนี้ด้วย ในใจคิดว่ารพีพงษ์ ได้พังรถคันนั้นทิ้งแล้วแน่ๆ แล้วเปลี่ยนรถที่ถูกกว่ากลับมา

“รพีพงษ์ รถนี้ทำไมเปลี่ยนแล้ว แกทำรถคันนั้นเสียแล้ว ใช่ไหม แล้วเปลี่ยนเอาของถูกกลับมา?” ศศินัดดารีบชักตา แล้วกล่าว

รพีพงษ์มองไปที่อารียา แล้วกล่าว “รถคันนั้นมีปัญหานิด หน่อย ดังนั้นผมจึงเปลี่ยนเป็นรถคันนี้เลย”

“แกนี่มันไม่เอาถ่านจริงๆ รถคันนั้นเป็นรถหรูราคาล้าน กว่าเลยนะ รถห่วยแตกนี่จะราคาเท่าไหร่เชียว แกเอารถ คันนั้นคืนกลับมาให้ฉันนะ!” ศศินัดดาโมโหเกรี้ยวกราด

พรภามองไปที่ศศินัดดา แล้วกล่าว “นัดดา เธอเป็นบ้า อะไร นี่มันปอร์เช่911เลยนะ ตั้งสี่ล้านกว่า รถของ ครอบครัวเธอค้นก่อนนั้นแค่ล้านกว่าเอง”

ศศินัดดาตะลึงไปสักครู่ แล้วหายใจอย่างตื่นตระหนก ออกมา พูดอย่างตกใจว่า “อะไรนะ? รถคันนี้สี่ล้านกว่า?!!” พรภาพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก แต่สีหน้าเริ่มเปลี่ยนไป ครอบครัวเธอก็แค่พูดว่าวางแผนจะซื้อรถสักคัน แต่

เพราะไม่อยากใช้เงิน เลยไม่ซื้อ ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะขับกลับมา นี่ทำให้เธอรู้สึกจิตใจไม่สงบเป็นอย่างมาก

“อารี รถคันนี้มันมีที่มาที่ไปยังไง? รถคันนี้เป็นของ ครอบครัวเรา?” ศศินัดดามองไปที่อารียา

อารียามองไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “ฉันไม่รู้จะอธิบายคุณ ยังไงดี แต่ต่อไปรถของเราเปลี่ยนเป็นคันนี้แล้วจริงๆ”

ศศินัดดาเปลี่ยนเป็นยิ้มมีความสุขทันที แล้วหันไปพูดกับ พรภา “เธอดูลูกคนนี้สิ ไม่คิดที่จะประหยัดเลย ออกไปหนึ่ง ครั้งก็เปลี่ยรรถกลับมาซะงั้น ฟุ่มเฟือยจริงๆเลย”

พรภาหัวเราะอย่างเยือกเย็นเต็มใบหน้า ดูออกชัดเจนว่า ไม่มีความสุขเป็นอย่างมาก

“ลูกสาว เมื่อกี้เธอบอกให้ฉันมาช่วยเธอถือของ ถืออะไร หรอ” ศศินัดดาหัวเราะแล้วเดินไปที่รถตรงนั้น

อารียาเอาเครื่องประดับที่อยู่ในกล่องเหล่านั้นหยิบออก มาทันที แล้วส่งให้ศศินัดดา

ศศินัดดาดูไปที่กระเป๋าใบใหญ่ใบน้อยนั้น ในใจคิดของ พวกนี้ต้องเป็นของข้างถนนแน่ๆ ไม่งั้นไม่มีทางซื้อมามาก ขนาดนี้ได้หรอก

“รพีพงษ์ ครั้งหน้าแกอย่างซื้อของข้างถนนกลับมาบ้าน ได้ไหม ถึงแม้มันไม่มีราคาแต่แกก็อย่าเก็บๆไว้แล้วเอามา วางที่บ้านสิ” ศศนัดดากล่าวอย่างไม่พอใจ

“แม่ คุณพูดอะไรของเหล่านี้ราคาแพงนะ คุณต้องถือให้ ดี อย่าให้ร่วงหล่นล่ะ” อารียาเตือน
ศศินัดดาบึนปากแล้วบึนปากอีก แล้วกล่าว “ของที่เขาซื้อ มันจะแพงได้ไง ฉันเห็นมันก็แค่ของริมถนนที่ราคาสิบยี่สิบ หยวนทั้งนั้น แล้วยังเอากลับมาเยอะขนาดนี้”

ขณะพูด ศศินัดดาก็ถือของเดินเข้าไปในวิลล่า

นึกขึ้นได้ว่าพรภายังดูอยู่ตรงนี้ ศศินัดดารู้สึกเสียศักดิ์ศรี เป็นอย่างมาก พรภาได้ยินศศินัดดาว่ารพีพงษ์เรื่องซื้อของข้างทางกลับ

มาบ้าน ในใจก็รู้สึกดีขึ้นมานิดนึง

“ฉันช่วยคุณถือล่ะกัน ซื้อมาเยอะขนาดนี้เลยหรอ ครั้งนี้ รพีพงษ์คงจ่ายหนักมากเลยนะ” พรภาหัวเราะพลางกล่าว “ไม่ต้องไม่ต้อง เป็นของที่ไม่มีราคาทั้งนั้น นับถือไอ้สวะนี่

จริงๆ ของแบบนี้เอามาไว้ที่บ้านทำไมตั้งมากมาย เขาคงคิด

ว่าฉันจะไม่มีใส่จริงๆสินะ” ศศินัดดาพึมพำ พรภาเพ่งมองไปที่ถุงเหล่านั้น หลังจากที่มองเห็นโลโก้ที่ ติดอยู่บนนั้นเหมือนกับโลโก้ที่ชรินทร์ทิพย์ซื้อหยกให้เธอ แล้ว ทันใดนั้นแววตาก็ลุกวาวขึ้นมา

“น่ารำคาญจริงๆ ฉันว่าของพวกนี้โยนลงถังขยะไปเลย จะดีกว่า ดีกว่าเอาเข้าไปในบ้านทำลายสายตาของฉัน” ศศิ นัดดารู้สึกอับอายขายหน้าคน เอาหยิบเอาถุงพวกนั้นโยน ทิ้งขยะไปทันที

พรภารีบเอ่ยปาก “เดี๋ยวก่อน!”

ศศินัดดามองไปที่พรภา แล้วกล่าว “พรภา คุณอย่า หัวเราะพวกเราอีกเลย รพีพงษ์เป็นคนยังไงคุณก็รู้ๆอยู่ของพวกนี้ฉันไม่ให้เขาซื้อเขาก็จะซื้อมาให้ได้”

พรภากำลังเพ่งไปที่โลโก้บนถุงอย่างตั้งใจดู กล่าวอย่าง ตกใจว่า “นี่มันเครื่องประดับของร้านเครื่องประดับแสงดาว ทั้งนั้นนี่ ดูแล้วไม่เหมือนของปลอมนะ ข้างบนนี้ยังมีป้าย ห้อยด้วยนะ เครื่องประดับนี้ราคาสองแสนกว่าเลยนะ”

ศศินัดดาตะลึงขึ้นมา แล้วรีบก้มหน้ามองลงไปดูป้ายห้อย บนถุงเหล่านั้น พบว่าสิ่งของเหล่านั้นมีราคาสองสามแสน ทั้งนั้น ไม่มีอันไหนราคาต่ำกว่าหนึ่งแสนเลย

“นี่เป็นของจริงทั้งหมดเลยหรอ? ถ้าเป็นของจริงทั้งหมด งั้นรวมๆก็เป็นราคาล้านกว่าๆเลยอ่ะสิ?” พรภากล่าวด้วย ใบหน้าที่ตะลึง

หน้าของศศินัดดาก็ดูมึนงงไปตามๆกัน เธอรีบขว้าถุง

เหล่านั้นอย่างแน่นๆ ในใจยังแอบๆหวั่น หากเมื่อกีธเธอเอา

ถุงเหล่านี้โยนลงไปในถังขยะจริง ก็เหมือนกับโยนสิ่งของ ในราคาหลักล้านทิ้งเลยนะ

ศศินัดดาหันไปมองอารียาและรพีพงษ์ แล้วกล่าว “ของ เหล่านี้ ราคาสูงขนาดนั้นจริงหรอ?”

อารียาถือถุงที่เหลืออยู่เข้ามา แล้วกล่าว “ไม่งั้นล่ะ ถ้า คุณอยากจะโยนพวกมันทิ้ง ก็โยนไปเถอะ ยังไงข้างในก็มี ของไม่น้อยที่ซื้อให้คุณ”

ศศินัดดาหายใจลึกๆ ยังไงเธอก็คิดไม่ถึง รพีพงษ์กับอารี ยาจะซื้อของที่แพงมากมายขนาดนี้กลับมา เธอรู้สึกเหมือน ตัวเองกำลังฝันไป
“พรภา คุณช่วยฉันดูหน่อยสิ นี่เป็นร้านเครื่องประดับที่ เธอบอกว่าชื่อแสงดาวอะไรนั่นไหม? คงไม่ใช่ของปลอม หรอกนะ ไม่แน่รพีพงษ์อาจจะซื้อมาหลอกๆฉันก็ได้นะ” ศศินัดดากล่าว

ในใจพรภาก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย แล้วรับถุงหนึ่งใบ มาทันที แล้วมองของที่อยู่ในถุง หลังจากที่เห็นสัญลักษณ์ ห้ามลอกเลียนแบบข้างบนเหมือนกับหยกอันนั้นของเธอ แล้ว ร่างกายก็ชะงักสักครู่

“จริง…..ของจริง ของเหล่านี้เป็นของจริงทั้งนั้น ปลอมไม่ ได้” พรภากล่าว

ศศินัดดาตื่นเต้นขึ้นมาทันที ไม่คาดคิดว่าของเหล่านี้จะ ราคาแพงได้ขนาดนี้ รีบกอดถุงเหล่านั้นเอาไว้แน่นๆแล้ว เดินเข้าไปในวิลล่า

รพีพงษ์และอารียาก็เดินตามเข้าไปในวิลล่า แล้วยังเรียก พรภาที่ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นให้เดินเข้าไปพร้อมกันด้วย

ศศินัดดานำถุงเหล่านั้นทั้งหมดเปิดออกมาดู แล้วเอา เครื่องประดับในนั้นออกมาดูทั้งหมด หลังจากได้ดูเครื่อง ประดับที่สวยงามอย่างหาที่เปรียบเหล่านั้นไม่ได้แล้ว ดวงตาสองข้างของศศินัดดาไร้ซึ่งปฏิกิริยาใดๆ

“ของเหล่านี้รพีพงษ์เป็นคนซื้อทั้งหมด?” ศศินัดดาถาม อารียามองไปที่รพีพงษ์ แล้วพยักหน้า

ตอนขากลับรพีพงษ์ได้เน้นย้ำอารียาว่าห้ามพูดเรื่องของ โยษิตาออกมา ดังนั้นอารียาจุงพูดว่าของเหล่านี้รพีพงษ์เป็นผู้ซื้อ โยษิตาให้หรือรพีพงษ์ซื้อ ในสายตาของอารียา ก็ มองว่าไม่ต่างกัน

ใบหน้าของศศินัดดาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ แล้วกล่าว

“อารี แกกำลังหลอกฉันอีกแล้ว เขาจะซื้อของแพงแบบนี้ได้

ยังไง?”

“คุณจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ คุณก็ไม่เชื่อว่ารพีพงษ์ซื้อรถ ซื้อวิลล่าได้ ก็ไม่ใช่ว่าซื้อมาแล้วหรอ” อารียากล่าว

ศศินัดดาคิดดูก็จริงอยู่ รพีพงษ์จะต้องมีเงินซ่อนไว้อีก มากมายเป็นแน่ ดังนั้นเธอก็ไม่สงสัยอะไรอีก

เมื่อมีของเหล่านี้แล้ว ศศินัดดาก็สะใจอย่างหาที่เปรียบ ไม่ได้ เธอมองไปที่พรภา แล้วกล่าว “พรภา รีบมาดูหยกนี่ ของฉันเร็ว สองแสนกว่า เทียบกับอันนั้นของเธอ น่าจะไม่ดี เท่าของเธอนะ”

ใบหน้าพรภาเต็มไปด้วยความอับอาย หยกนั้นของเธอก็ แค่แสนกว่าๆ แย่กว่าของศศินัดดามาก

ขณะนี้ ตำแหน่งระหว่างเธอทั้งคู่เริ่มมีการสับเปลี่ยนอีก ครั้ง ครั้งนี้ศศินัดดาเป็นฝ่ายได้เปรียบแล้ว

ในใจพรภาได้แต่กัดฟันไว้ ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะซื้อ ของแพงเหล่านี้ได้ ในใจคิดว่าเงินเหล่านี้ต้องมาจากการที่ อารียาทำงานเก็บสะสมไว้แน่ๆ

แล้วเธอยังสงสัยอีกว่าศศินัดดาตั้งใจแกล้งโง่ เสแสร้งทำ เป็นไม่รู้ว่ารพีพงษ์จะซื้อของเหล่านี้กลับมา เพียงเพราะจะ หัวเราะเยาะเย้ยเธอ
ผ่านไปไม่นาน พรภาก็อยู่ไม่ได้แล้ว รีบหาเหตุผลออก ศศินัดดาเต็มไปด้วยความสะใจ แม้แต่ตนเองก็คิดไม่ถึง

จากวิลล่า

วันนี้จะเกิดสถานการณ์กลับกันเช่นกัน เหมือนตบหน้าพร

ภาอย่างรุนแรง

“ลูกสาว ต่างหูคู่นี้ไม่เลว ฉันขอนะ” ศศินัดดาหยิบต่างหู หนึ่งคู่ไป

รพีพงษ์เห็นดังนั้น รีบแย่งกลับมาทันที แล้วกล่าว “อารียา ชอบต่างหูคู่นี้ อย่างอื่นคุณเลือกได้ตามสบาย ต่างหูคู่นี้ไม่ ได้”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท