พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่172

บทที่172

บทที่172 การคาดการณ์ของศักดา

ศศินัดดาชักตาทันใด กำลังเพ่งมองไปที่รพีพงษ์แล้ว กล่าว “นี่มันธุระอะไรของแก นี่มันเป็นของๆลูกสาวฉันทั้ง นั้น ฉันจะเอาก็ต้องเอา แกยุ่งได้ด้วยหรอ?”

รพีพงษ์ไม่ได้เกรงใจศศินัดดาแต่อย่างใด แล้วกล่าว “ถ้า คุณยังไม่มีเหตุผลต่อไป แม้แต่ของเหล่านี้คุณก็จะไม่ได้ มันไปเช่นกัน”

ศศินัดดาเห็นรพีพงษ์เด็ดเดี่ยว ก็กลัวขึ้นมาทันที แล้ว พิมพำ “เชอะ เสแสร้งให้มันน้อยๆหน่อย เงินที่แกเอามาสัก วันหนึ่งก็จะถูกใช้หมด ถึงเวลานั้นอย่ามาขอร้องฉันแล้ว กัน”

เธอพูดพลาง หยิบเครื่องประดับอย่างอื่นขึ้นมาด

รพีพงษ์เอาต่างหูคู่นั้นยื่นให้กับอารียา หัวเราะพลาง กล่าว “ลองใส่ดูสิ”

อารียายื่นมือออกไปรับต่างหูคู่นั้น แล้วกล่าว “คุณไม่ ต้องสนใจแม่ของฉัน เธอเป็นแบบนี้แหละ”

รพีพงษ์หัวเราะแล้วหัวเราะอีก แล้วแสดงท่าทีไม่ซีเรียส ศศินัดดาได้ยินประโยคนี้ของอารียา แล้วรีบพึมพำขึ้นมา “เข้าข้างคนนอกจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาซื้อของเหล่านี้มา เรื่องที่เขาทำให้เธอถูกออกจากงาน ฉันก็จะให้แกหย่ากับ เขา”

อารียาไม่อยากสนใจศศินัดดาแล้ว แล้วลากรพีพงษ์กลับห้องไปลองต่างหู

ศศินัดดาเลือกเครื่องประดับเหล่านั้นอย่างสุขใจเต็ม เปี่ยม คิดในใจครั้งนี้ที่กลับบ้านพ่อแม่ สุดท้ายก็ไม่ต้อง ระทมแล้ว ใส่เครื่องประดับราคาแพงแบบนี้ คนพวกนั้นที่ บ้านพ่อแม่ทั้งหมดจะต้องให้เกียรติเธอมากขึ้นไปอีก

ผ่านไปไม่นาน ศักดากลับมาจากข้างนอก มองเห็นศศิ นัดดากำลังเลือกเครื่องประดับอยู่ ถามด้วยความสงสัยว่า “รถที่อยู่ข้างนอกนั้นของใคร?”

“ของครอบครัวเรา ต่อจากนี้ไปครอบครัวเราจะใช้รถคัน นี้แล้ว” ศศินัดดาก้มหน้ากล่าว

ศักดาตาโตขึ้นมาทันที แล้วกล่าว “นั่นมันปอร์เช่911นะ ฉันได้ยินมาว่าสี่ล้านกว่าเลยนะ รถคันนี้มาจากไหน?”

“รพีพงษ์กับอารีเปลี่ยนตอนขากลับมาของวันนี้ จะไปสน ทำไมว่ามาจากไหน มีรถดีๆขับไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งที่ดีหรอ ครั้ง นี้ที่เรากลับก็ขับคันนี้ไป ให้ผู้คนที่บ้านพ่อแม่ฉันพวกนั้นได้ เปิดหูเปิดตา ดูสิใครจะกล้าดูถูกพวกเราอีก” ศศินัดดา กล่าว

ศักดาเพ่งมองไปที่เครื่องประดับเหล่านั้นที่วางอยู่บน โซฟา ตาโตขึ้นมาทันที แล้วกล่าว “นี่คือเครื่องประดับของ ร้านเครื่องประดับแสงดาว?”

ศศินัดดาเงยหน้าขึ้นไปมองศักดา แล้วกล่าว “ไม่คาดคิด ว่าคุณจะรู้เรื่องนี้ด้วย ฉันจะบอกคุณให้รู้นะ สิ่งของเหล่านี้ ถูกสุดก็ยังต้องหลักแสนนะ คุณไม่เห็นอารมณ์ของพรภาตอนนั้น เธอยังหยิบไอ้หยกห่วยแตกนั้นมาโอ้อวดฉัน ไม่ คิดมาก่อนว่ารพีพงษ์จะซื้อเครื่องประดับมากมายขนาดนี้ กลับมาให้ฉัน”

“พวกนี้รพีพงษ์เป็นคนซื้อทั้งหมด?” ศักดาถาม

“ก็ใช่นะสิ ไอ้สวะรพีพงษ์นี้ไม่รู้แอบเงินไว้ลับหลังเราท เท่าไหร่ ไม่ช้าก็เร็วฉันจะให้เขาพูดความจริงออกมา” ศศิ นัดดากล่าว

ศักดาเงียบนิ่งครุ่นคิดสักพัก นั่งลงข้างๆของศศินัดดา แล้วกล่าว “หรือคุณไม่คลางแคลงใจบ้างหรอ ว่าทำไมรพี พงษ์ถึงได้มีเงินมากขนาดนี้?

ศศินัดดาบึนปาก แล้วกล่าว “ก็ต้องเป็นตอนนั้นที่แม่คุณ ให้นั่นแหละ”

ศักดาส่ายหัว แล้วกล่าว “นี่เป็นไปไม่ได้ คุณเคยเห็นเขย คนไหนแต่งเข้าบ้านภรรยา แล้วได้เงินมากมายขนาดนี้ แล้วสถานการณ์ของครอบครัวผม ผมรู้ดี แม่ผมไม่ได้มีเงิน มากมายขนาดนั้นให้รพีพงษ์หรอก”

ศศินัดดาชะงัก แล้วกล่าว “ความหมายของคุณคือ เงิน พวกนี้เป็นของรพีพงษ์เอง?”

“นอกจากความเป็นไปได้จุดนี้ ผมก็คิดความเป็นไปได้ อย่างอื่นไม่ออกแล้ว ความจริงตั้งแต่ตอนที่ซื้อวิลล่านั้น ผม ก็เริ่มสงสัย รพีพงษ์อาจจะไม่ได้ธรรมดาอย่างที่พวกเราคิด ไว้” ศักดากล่าว

“เขามีอะไรที่ไม่ธรรมดา ก็ไม่ใช่แค่ไอ้สวะตัวนึงที่ใครๆก็รู้จักปะ นอกจากจะมีเงินก้อนหนึ่งที่ไม่รู้ที่มาที่ไป จุดอื่นๆก็ ไม่มีอะไรดีสักอย่าง” ศศินัดดายังคงเหยียดหยามเช่นเคย

“สายตาของแม่ผมตอนนั้นถือได้ว่าตาดีมากๆ คนที่เธอ

ชอบ ปกติจะไม่ค่อยแย่ แล้วตอนนั้นเธอก็ชอบอารีขนาด

นั้น คุณคิดว่าเธอสามารถที่จะไม่คิดถึงจิดใจของอารี แล้ว

ให้แต่งกับสวะได้หรอ? ศักดากล่าว

“ไม่งั้นล่ะ?” ศศินัดดาคิดว่าตอนนั้นคุณย่าไม่ชอบ ครอบครัวของเธอ ถึงได้บังคับให้อารียาแต่งกับรพีพงษ์

“นี่แสดงว่า สถานะของรพีพงษ์ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เรา คิดเอาไว้ ความจริงช่วงนี้ผมก็กำลังคิดอยู่นะ คุณว่ารพี พงษ์ ก็ใช้แซ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นไปได้ไหมว่าจะ เป็น คนตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต…ศักดาคาดเดา

ศศินัดดาพูดขึ้นมาทันที “ความหมายคุณคือรพีพงษ์คือ คนของตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต?”

ศักดาพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก แล้วหันไปดูข้างหลัง เหมือนกับกลัวรพีพงษ์ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น

“คุณอย่ามาล้อฉันเล่น คุณคิดว่าคุณแซ่นี้แล้วจะต้องเป็น คนของตระกูลลัดดาวัลย์หรอ ยิ่งไปกว่านั้นรพีพงษ์ยังเป็น สวะที่ขึ้นชื่อของเมืองริเวอร์ของเรานะ ตระกูลลัดดาวัลย์ เกียวโตจะมีสวะได้อย่างไรกัน คุณอย่ามาคิดมั่วๆแถวนี้ ถ้า รพีพงษ์เป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์เกียวโต เกรงว่าจะไม่ อยู่ที่เมืองเล็กๆแบบเมืองริเวอร์ไปนานแล้ว” ศศินัดดากล่าว

ศักดาได้ยินก็รู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง ถึงแม้เขาจะสงสัยว่ารพีพงษ์คือคนของตระกูลลัดดาวัลย์เกียวโต แต่เขาก็ไม่ เข้าใจ คนตระกูลลัดดาวัลย์ของเกียวโต ไม่มีอะไรทำไมถึง ได้เป็นสวะขึ้นชื่อของเมืองริเวอร์ไปได้

“ก็ถูก อีกไม่กี่วันคนของตระกูลลัดดาวัลย์ก็จะมาแล้ว ถึง เวลานั้นก็จะรู้แล้วว่ารพีพงษ์เป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์ หรือไม่” ศักดากล่าว

“คุณอย่ามาล้อเล่นตรงนี้ ครั้งนี้ที่คนของตระกูลลัดดา วัลย์มานั้น สิทธิ์ในการเข้าร่วมยังไม่มีเลย ถ้าเขาเป็นคน ของตระกูลลัดดาวัลย์จริงๆล่ะกัน คุณคิดว่าเขาจะไม่ใช้ โอกาสนี้เปิดเผยตัวตนหรอ?” ศศินัดดากล่าว

ศักดาคิดๆแล้วก็ใช่ ถ้ารพีพงษ์เป็นคนของตระกูลลัดดา วัลย์ของเกียวโตจริงๆล่ะก็ ก็คงไม่ต้องใช้ชีวิตที่แย่แบบนี้

“ฉันว่านี่คุณกำลังหาข้ออ้างให้กับการเป็นสวะของตัวเอง อยู่นะ รพีพงษ์กับคุณก็เป็นสวะเหมือนกัน จะบอกให้รู้ไว้นะ สวะมันก็คือสวะ ชาตินี้ก็เปลี่ยนไม่ได้!”

ศศินัดดาชักตาไปที่ศักหา แล้วเก็บเครื่องประดับเหล่า นั้นไว้ เดินขึ้นชั้นบน

ศักดาถอนหายใจอย่างเสียอารมณ์ แล้วก็เดินตามขึ้นไป

พร้อมกัน ในช่วงกี่วันต่อจากนี้ไป คนของตระกูลฉัตรมงคลทั้งหมด ได้เตรียมพร้อมเพื่อการมาของคนตระกูลลัดดาวัลย์แห่ง

เกียวโต

ธายุกรตกแต่งวิลล่าของตระกูลฉัตรมงคลอย่างอลังการเพื่อคนของตระกูลลัดดาวัลย์จะได้มีภาพความทรงจำที่ดี

ช่วงหลายวันนี้ชรินทร์ทิพย์ก็อยู่ที่วิลล่าตระกูลฉัตรมงคล ตลอด กำหนดให้คนเหล่านั้นมาตกแต่งวิลล่าตระกูล ฉัตรมงคลอย่างที่ตนเองชอบ

ช่วงหลายวันนี้ชรินทร์ทิพย์อยู่ในจระกูลฉัตรมงคลนี้ยิ่ง อยู่ยิ่งยโสโอหัง ทุกคนก็คิดว่าการที่ตระกูลลัดดาวัลย์มา ในครั้งนี้เพื่อการสู่ขอทั้งนั้น ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ายั่วโมโห เธอ ทุกคนล้วนบริการเธอราวกับเป็นเจ้าหญิงไปแล้ว

ถ้าชรินทร์ทิพย์แต่งเข้าตระกูลลัดดาวัลย์จริงๆนั้น ก็ เท่ากับยกระดับสูงขึ้นไปอีกขั้นแล้ว ตอนนี้พวกเขาต้อง สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชรินทร์ทิพย์เอาไว้ อนาคตยัง สามารถพึ่งพาบารมีได้บ้าง

เรื่องที่ครอบครัวอารียาเปลี่ยนรถเป็นปอร์เช่ แล้วก็ได้ซื้อ เครื่องประดับมากมายจากร้านเครื่องประดับแสงดาวนั้น พรภาก็ได้บอกกับชรินทร์ทิพย์แล้ว หลังจากที่ชรินทร์ทิพย์ได้ฟังแล้วนั้น ได้ให้บัตรหนึ่งใบ

กับพรภาทันที และให้เธอไปร้านเครื่องประดับแสงดาว

เลือกซื้อได้ตามใจ

ในบัตรนั้นเป็นเงินที่เหลือจากการที่ชรินทร์ทิพย์ขายวัตถุ โบราณไป ความจริงพวกเราเหลือไว้เพื่อซื้อวิลล่า แต่เมื่อคิดถึงตระกูลลัดดาวัลย์จะมาสู่ขอ ต้องมีการให้ ของอีกเป็นแน่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สึกเสียใจกับการใช้

จ่ายเงินส่วนนี้แล้ว
หนึ่งวันก่อนหน้าที่ตระกูลลัดดาวลัย์จะมาถึง ชรินทร์ ทิพย์ได้ใช้เงินที่ขายวัตถุโบราณไปสองอย่างเกือบหมด แล้ว

กำหนดวันที่คนตระกูลลัดดาวัลย์จะมานั้นก็มาถึง ใน วิลล่าตระกูลฉัตรมงคลเริ่มวุ่นวายกันตั้งแต่เช้าตรู่

อารียาก็ตื่นแต่เช้า นภทีป์ตั้งกฎให้ ทุกคนในตระกูล ฉัตรมงคลต้องมาพร้อมเพรียงกันในงาน แน่นอน ว่านอก จากรพีพงษ์

“รพีพงษ์ ไม่งั้นคุณก็ไปด้วยกันเถอะ ถึงแม้คุณปู่พูดว่า คุณไปแล้วจะดูไม่ดี แต่ฉันรู้สึกว่าไม่มีอะไร” อารียากล่าว

รพีพงษ์หัวเราะแล้วหัวเราะอีก แล้วกล่าว “เดี๋ยวผมขับรถ ไปส่งพวกคุณ ผมรออยู่ข้างนอก ไม่เข้าไปล่ะกัน”

“ความจริงก็ไม่มีอะไรจริงๆนะ คุณก็อย่าใส่ใจมาก” อารี ยาปลอบ

“ไม่เป็นไร วันนี้ที่นั่นจะเกิดอะไรขึ้น ผมรู้หมดแล้ว ดังนั้น ไปหรือไม่ไปก็ไม่ต่าง” รพีพงษ์กล่าว

อารียาซะงัก ไม่เข้าใจความหมายของรพีพงษ์ รพีพงษ์ก็ไม่ได้อธิบาย ถือกุญแจรถแล้วเดินลงไป ศศินัดดาได้ยินว่ารพีพงษ์จะขับรถไปส่งพวกเขา ก็ ปฏิเสธขึ้นมาทันที ให้ศักดาขับรถไปก็โอเคแล้ว

รพีพงษ์บอกว่ารถปอร์เช่คันนี้ไม่ค่อยเหมือนรถคันอื่น ศักดาขับไม่ได้
ศศินัดดารู้สึกว่ารพีพงษ์จะฉวยโอกาสนี้เข้าไปมั่วใน วิลล่าตระกูลฉัตรมงคล จะเป็นจะตายยังไงก็ไม่ให้ไป

สุดท้ายศักดาลองแล้วลองอีก ก็พบว่าตนเองขับรถ

ปอร์เช่คันนี้ไม่ได้จริงๆ ศศินัดดาเสียอารมณ์ ทำได้เพียงให้

รพีพงษ์ขับรถไปส่งพวกเขาเท่านั้น

รพีพงษ์นำรถไปจอดไว้ที่ข้างถนนนั้นแถวๆวิลล่าตระกูล ฉัตรมงคล หลังจากที่ศศินัดดาลงจากรถแล้ว ก็ชักตาอย่าง ร้ายกาจไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “แกรอฉันนิ่งๆอยู่ตรงนี้ ถ้า แกกล้าแอบเข้าไปข้างใน ฉันจะถลกหนังแกออกซะ!”

รพีพงษ์หัวเราะแล้วหัวเราะอีก แล้วกล่าว “วางใจได้ ผม ไม่มีความสนใจในเหตุการณ์ของวันนี้”

ทั้งสามคนเดินไปที่วิลล่าพร้อมกัน มองเห็นข้างทางวาง เต็มไปด้วยดอกไม้ ดูๆแล้วเพื่อต้อนรับตระกูลลัดดาวัลย์

โดยเฉพาะ ใช้ความคิดไปไม่น้อยเลยจริงๆ

รพีพงษ์กำลังดูวิลล่าที่ตกแต่งไปด้วยดอกไม้สดหอม ใน ใจคิดเดี๋ยวถ้าโยษิตามาถึงแล้ว แล้วพูดถึงวัตถุประสงค์ ของตนเอง ไม่รู้ว่าคนตระกูลฉัตรมงคลพวกนี้จะมีท่าที อย่างไร

ในตอนที่รพีพงษ์รออยู่ข้างถนนนั้น โยษิตาส่งข้อความ หาเขาหนึ่งฉบับ

“แค่ให้ฉันเอาของที่มอบให้กับตระกูลฉัตรมงคลกลับมา ใช่ไหม? ไม่มีเลือกอื่นต้องทำแล้วใช่ไหม?”

“ไม่มีแล้ว” รพีพงษ์ตอบกลับหนึ่งฉบับ
“งั้นฉันก็ดูเหตุการณ์แล้วจัดการล่ะกัน” โยษิตาตอบกลับ รพีพงษ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดูแล้วถ้าโยษิตาไม่หา เรื่องล่ะก็ เกรงว่าไม่น่าจะจบง่ายๆแน่ๆ

เขาไม่ตอบกลับข้อความของโยษิตาอีก แล้วปรับที่นั่งให้ เรียบ พักผ่อนสักพัก

ในวิลล่าของตระกูลฉัตรมงคล ทุกคนล้วนสวมใส่เสื้อผ้า ที่สวยสะอาด ราวกับวันตรุษจีนอย่างไรอย่างนั้น

ยิ่งกว่านั้นชรินทร์ทิพย์ได้ซื้อชุดราตรีที่แพงให้กับตนเอง เธอคิดว่าวันนี้เป็นครั้งแรกที่จะได้เจอกับครอบครัวฝ่าย ชาย ต้องยิ่งใหญ่ไว้ก่อน

อารียาทั้งสามคนเดินเข้าวิลล่ามา ทุกคนก็หันหน้าไปมอง แล้วหัวเราะขึ้นมา

ทุกคนรู้ว่าชรินทร์ทิพย์กับอารียาขัดแย้งกัน วันนี้ทุกคน ต้องเอาใจชรินทร์ทิพย์ แน่นอนว่าต้องแสดงพฤติกรรมไม่ดี ต่ออารียา

ชรินทร์ทิพย์เห็นอารียามาถึง ก็เดินเข้าไป กล่าวด้วย

อารมณ์แปรปรวนว่า “อารียา วันนี้เป็นวันสำคัญที่ตระกูล ลัดดาวัลย์ส่งคนมา แกใส่ชุดแบบนี้มา? ถ้าแกไม่มีเงินซื้อ เสื้อผ้าก็บอกฉัน ตอนนี้ฉันมีเงิน” อารียาบึนปากแล้วบึนปากอีก แล้วกล่าว “กลัวว่าเค้าจะ

ไม่ได้มาสู่ขออะดิ ถึงตอนนั้นถ้ามาเพื่อทวงคืนวัตถุโบราณ

จากแก แกให้เขาไม่ได้ ดูว่าแกจะยังสะใจแบบนี้อยู่ไหม”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท