พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่184

บทที่184

บทที่184 รพีพงษ์เป็นคนเคลียร์ปัญหา

ในห้องส่วนตัวทุกคนล้วนนิ่งสงบ

ดรณ์ที่ก่อนหน้านี้โมโหอย่างเกรี้ยวกราด จู่ๆก็ คุกเข่าแล้วก้มหัว นี่กลับทำให้ทุกคนงงเป็นอย่างมาก

“นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ตุลยวัตมองไปที่ดรณ์ที่ กำลังคุกเข่าอยู่ด้วยสายตาที่ตื่นตระหนก แล้วกล่าว “ไม่รู้สิ ทำไมออกไปครั้งเดียว แล้วเปลี่ยนไปเป็น

คนล่ะคนได้ขนาดนี้” ใบหน้าบจีถามด้วยความสงสัย

อารียาเห็นดรณีพุ่งมาที่ตนเองแล้วก้มหัว ก็ตกใจ ขึ้นมา เธอไม่รู้ว่านี่เกิดอะไรขึ้น นึกถึงลักษณะเมื่อกี้ที่ สงบของธีริทธิ์ แล้วยังพูดอีกว่าไม่มีอะไรแน่นอน รู้สึก ว่าเขาต้องรู้แน่ๆว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วมองไปที่ธีริทธิ์

“นี่เกิดอะไรขึ้น?”

ธีริทธิ์เอามือถือยื่นให้กับอารียาด้วยความภูมิใจ ให้อารียาได้เห็นบันทึกสนทนาของเขาและรพีพงษ์

หลังจากดูเสร็จแล้ว อารียาก็เข้าใจว่านี่มันเกิด อะไรขึ้น เมื่อสักครู่ที่ดรณ์ออกไปนั้น ต้องไปเจอรพี พงษ์แล้วเป็นแน่ ดังนั้นเมื่อกลับมาถึงได้เปลี่ยนเป็นคน ล่ะคนแบบนี้

“ไม่พูดก็ไม่ได้ พี่เขยผมนี่เจ๋งจริงๆ มาถึงอำเภอ หยกของพวกเราแล้ว ยังมีความสามารถมากขนาดนี้ ให้ดรณ์กัมหัวขอโทษ” ธีริทธิ์หัวเราะพลางกล่าว
โมไนยคิดว่าดรณ์จะคลุ้มคลัง แต่เมื่อได้ไหนฉากน แล้ว ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความสงสัย

เขามองไปที่ดรณ์ แล้วถาม “เมื่อกี้แกยโสโอหังอยู่ ไม่ใช่หรอ ทำไมตอนนี้กลับมาคุกเข่าขอโทษแล้วล่ะ?”

ดรณ์รีบหันหน้าไปทางโมไนย แล้วกล่าวขอโทษ

“ลูกน้อง ฉันมีตาแต่หามีแววไม่ เมื่อกี้ที่ต่อยแกไป ฉัน จะชดเชยความผิดให้แกเดี๋ยวนี้แหละ”

พูดแล้ว ดรณ์ก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเอง ไป

หลายฉาด

เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่รพีพงษ์หวงแหนนั้น มีแค่อารียา เพราะอารียานั่งกินข้าวอยู่กับคนพวกนี้ เขาคิดว่าคน พวกนี้เป็นเพื่อนของท่านยุดทั้งหมด ดังนั้นก็ไม่กล้าทำ ผิดแม้แต่คนเดียว

โมไนยเห็นดรณ์ชดเชยความผิดจริงๆ แล้วกล่าว “เมื่อกี้ที่แกออกไป ได้เจอกับท่านยุดแล้ว?” ดรณ์รีบพยักหน้า แล้วกล่าว “เจอกันแล้ว ท่านยุด

และเพื่อนของเขา ผมไม่รู้จริงๆว่าพวกคุณกับเพื่อน

ของท่านยุดมีความสัมพันธ์กันแบบนี้ โดยเฉพาะผู้หญิง

ท่านนี้ ผมผิดไปแล้ว คุณยกโทษให้ผมด้วย

ดรณ์กำลังมองอารียาด้วยความจริงใจ

โมไนยไม่รับรู้ความหมายของประโยคนี้ที่ดรณ์ กล่าวมาเลย เพียงแค่ได้ยินว่าท่านยุดมาแล้ว ในใจก็ มั่นใจอย่างมากว่าท่านยุดสั่งสอนดรณ์เพราะเขา
อารียาเพ่งไปที่ดรณ์ ดีทีวันนี้ ไม่มีอะไรเกิดขึน อาร ยาก็ไม่คิดจะทำอะไรดรณ์ แล้วพูดกับดรณ์ว่า “พอล่ะ แกไปเถอะ ต่อไปอย่าทำเรื่องแบบนี้อีก”

ดรณ์พยักหน้าทันที แล้วก้มหัวให้อารียาอีกครั้ง ก่อนออกไป รีบพาพรรคพวกจากไปจากห้องส่วนตัวนี้

สีหน้าของโมไนยดูไม่ดีขึ้นมาทันที เขาคิดว่า เพราะเขาดรณ์ถึงได้เกรงใจมากขนาดนี้ ตอนนี้อารียา ท่าที่สูงส่งอวดเก่ง ให้ดรณ์ออกไป แย่งซีนของเขาเสีย อย่างนั้น

“เหอะเหอะ ปราง ญาติๆของครอบครัวเธอก็ไม่ได้ เป็นคนนอกนะ นี่ความจริงเพราะดรณ์เขาให้เกียรติผม เลยขอโทษเธอ ผมยังไม่พูดอะไรเลย แต่เธอกลับให้ ดรณ์ออกไป นี่ให้ความสำคัญตัวเองมากเกินไปแล้ว เปล่า” โมไนยดูแคลน

เมื่อปรางทิพย์ได้ยินคำพูดของโมไนยแล้ว ก็รีบ ตาโตขึ้นมาทันที แล้วกล่าว “ความหมายของคุณคือ เป็นเพราะคุณท่านยุด ถึงได้จัดการดรณ์?”

“ถ้าไม่งั้นหล่ะ หรือทุกท่านที่นั่งอยู่ที่นี่ ยังมีใคร รู้จักกับท่านอีกหรอ?” โมไนยกล่าว

“แต่ ตอนนั้นไม่ใช่ว่าคุณโทรหาท่านยุดไม่ติด หรอ? ปรางทิพย์ถามอย่างสงสัย

โมไนยรู้สึกอับอายเล็กน้อย เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมท่านยุดถึงรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ แต่ที่เขารู้คือ เป็นเพราะเขาท่านยุดถึง ได้มาจัดการดรณ์ นอกจากเขฯ ใน เหตุการณ์ก็ไม่มีใครรู้จักท่านยุดแล้ว

“ต้องเป็นตอนนั้นที่คนของท่านยุดเห็นผมเดินเข้า มา ตอนนี้ดรณ์มาหาเรื่อง ท่านยุดรู้เข้า ท่านยุดถึงได้ เข้ามาจัดการปัญหา” โมไนยหาเหตุผลให้ตัวเองดูดี

เมื่อปรางทิพย์ได้ยินก็รู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง แล้ว หันไปมองอารียา กล่าว “มีบางคนก็รู้สึกเข้าข้างตัวเอง จริงๆ พึ่งบารมีคนอื่น แล้วยังทำเหมือนว่าตัวเองเป็นคน เคลียร์ปัญหาเองอย่างไรอย่างนั้น ตลกจริงๆ”

บจีและตุลยวัตทั้งสองก็คิดว่าการที่ท่านยุดมา เคลียร์ปัญหานี้ ก็เพราะให้เกียรติโมไนย แล้วมองอารี ยาอย่างเหยียดหยาม

“อารี แกก็จริงๆเลยนะ ครั้งที่แล้วแกกับรพีพงษ์ก็ พึ่งบารมีของโมไนย ถึงได้ไม่โดนท่านยุดเอาเรื่อง ครั้ง นี้ก็ก็พึ่งบารมีเขาอีก แต่แกกลับออกหน้าแทนโมไนย ครั้งนี้แกต้องขอบคุณโมไนยสักหน่อยปะ?” บจีก็กล่าว

ออกมา

อารียาขมวดคิ้วทันที ไม่พูดถึงเรื่องใครพึ่งบารมี ใครล่ะกัน เรื่องนี้ความจริงไม่เกี่ยวกับเธอเลย พูดไป แล้วเธอยังเป็นผู้ที่ถูกกระทำด้วยซ้ำ บจียังอยากให้เธอ ขอโทษโมไนยอีก มันชักจะเกินไปแล้วจริงๆ

“ใครบอกว่าครั้งนี้พึ่งบารมีของเขา เมื่อกี้พวกแก ไม่ได้ยินคนนั้นพูดเพื่อนของท่านยุดรหอ หรือเพื่อน ของท่านยุดก็ตามมาช่วยเคลียร์ปัญหาหรอ?” ธีริทธิ์กล่าวอย่าง ไม่พอใจ

“เพื่อนของท่านยุดแล้วไง หรือผมจะรู้จักเพื่อน ของท่านยุดไม่ได้? งั้นแกพูดมา เพื่อนของท่านยุดคนนี้ ทำไมต้องมาช่วยพวกเรา?” โมไนยดูธีริทธิ์อย่างเยาะ เย้ย

ธีริทธิ์บนปาก แล้วกล่าว “เมื่อกี้คุณไม่เห็นคนนั้น ก้มหัวให้พี่อารีหรอ แล้วเขายังพูดเน้นพี่อารีด้วยนะ ดัง นั้นคนที่เคลียร์เรื่องนี้ ต้องเป็นพี่เขยผมแน่ๆ”

คนที่นั่งอยู่ได้ยินคำพูดของธีริทธิ์แล้ว ก็ชะงักงัน แล้วก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมา

ปรางทิพย์มองไปที่ธีริทธิ์เฉกเช่นมองคนบ้า อย่างไรอย่างนั้น แล้วกล่าว “ธีริทธิ์ แกคงไม่ถูกไอ้สวะ รพีพงษ์นั่นล้างสมองแล้วหรอกนะ ทำไมตอนนี้ก็ชอบ ออกหน้าแทนเขาจัง แล้วแกคิดดูนะ ไอ้สวะนั่นมีสิทธิ์ อะไรเป็นเพื่อนกับท่านยุด แกหยุดแถได้ล่ะ”

ตุลยวัตและบจีมองไปที่ธีริทธิ์อย่างไม่พอใจ เมื่อ ก่อนทั้งสองครอบครัวช่วยกันดูถูกครอบครัวของศศิ นัดดา ตอนนี้หลังจากที่ธีริทธิ์ไปเมืองริเวอร์มาแล้ว กลับเริ่มพูดเข้าข้างรพีพงษ์เสียอย่างนั้น พวกเขาคิดว่า ธีริทธิ์กำลังเข้าข้างคนนอกอยู่

“ธีริทธิ์ นี่แกเป็นอะไรไปแล้ว

ทุกคนก็รู้ๆอยู่ว่ารพี่พงษ์มันสวะขนาดไหน ถึงแม้ แกจะออกหน้าแทนเขา แต่ก็ไม่ต้องเอาเรื่องแบบนี้ไปที่เขา ป่ะ เขาให้ท่านยุดมาเคลียร์ปัญหา? แก้ ไม่รู้สกตลก หรอ?” บจีพูดอย่างไม่สบอารมณ์

ตุลยวัตก็กล่าวต่อ “ใช่ เรื่องนี้ที่เคลียร์ได้ก็เพราะ ว่าให้เกียรติโมไนยต่างหาก พวกแกยอมรับความ เก่งกาจของโมไนย มันยากขนาดนั้นเลยหรอ?”

ธีริทธิ์ชักตาทันที ในใจคิดว่าพวกเขายังคิดไปถึง

ความเก่งกาจของโมไนย ไม่มีใครเทียบได้แล้วหรอ พ่อแม่ของธีริทธิ์ได้ยินธีริทธิ์พูดแบบนั้น ก็รีบชัก จาไปที่เขา ให้เขาอย่าออกหน้าแทนรพีพงษ์

ธีริทธิ์ไม่ใส่ใจ เขารู้ดีถึงความเก่งกาจของรพีพงษ์ คนพวกนี้มองไม่เห็น ก็เพียงแค่พวกเขาโง่ดักดาน เท่านั้นเอง

“ชั่งเถอะชั่งเถอะ ไม่อยากพูดขอบคุณก็ชั่ง ปราง ผมว่าต่อไปครอบครัวคุณพบปะญาติแบบนี้ให้น้อยๆลง หน่อยก็ดีนะ เป็นพวกอกตัญญทั้งนั้น ถึงแม้คุณจะช่วย พวกเขา พวกเขาก็ไม่มีทางซาบซึ้งใจหรอก” โมไนย กล่าวอย่างดูแคลน

ศศินัดดาทนดูต่อไปไม่ไหว แล้วก็เสียงดังไปที่ โมไนย “แกว่าใครอกตัญญู เค้ามาขอโทษลูกสาวฉัน ถ้าเห็นแกศักดิ์ศรีของแก ทำไมไม่ก้มหัวให้แก คนที่จะ เคลียร์ปัญหาให้ลูกสาวฉันได้ ทำไมจะเป็นรพีพงษ์ไม่ ได้ ฉันบอกพวกแกเอาไว้นะ ตอนนี้รพีพงษ์เก่งกาจ มาก”
อารียาชะงัก เธอคิด ไม่ถึงว่าศศนดิดาจะแกต่างให รพีพงษ์ ใบหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ

ศศินัดดารู้สึกว่าครอบครัวบจีและโมไนยนี่พูดจา ไม่ค่อยเข้าหูเท่าไหร่ล่ะ ดังนั้นจึงได้พูดแบบนี้ออกมา ปกติเธอจะไม่แก้ต่างให้รพีพงษ์

“เหอะ หน้าไม่อาย ยังจะออกหน้าแทนไอ้สวะอีก ไม่เข้าใจจริงๆว่าพวกแกคิดอะไรอยู่” บจีบ่นพึมพำ ตุลยวัตขมวดคิ้ว แล้วตะโกน “พอแล้ว หยุดพูด เรื่องนี้สักทีได้ไหม พวกเรายังจะกินข้าวอีกไหม?

ทุกคนล้วนเงียบสงัด โมไนยเรียกพนักงานมา แล้ว สั่งอาหารทั้งสามครอบครัวทานข้าวมื้อนี้ด้วย บรรยากาศที่เงียบสงัดและเสียหน้า

ตอนกลางคืนกลับถึงบ้าน ครอบครัวของศศินัดดา

ก็ไม่ได้พูดคุยกับครอบครัวของบจี เมื่อล้างหน้าเสร็จก็ แยกย้ายกันเข้าห้องนอนขอบตนเอง บจีและตุลยวัตทั้งคู่ด่าครอบครัวของศศินัดดาว่า

หน้าไม่อาย อยู่บ้านของเขา แล้วยังกล้าใส่อารมณ์อีก

หลังจากปรางทิพย์และโมไนยทั้งคู่ทานข้าวเสร็จ แล้วก็ได้เดินเล่นอยู่ชั้นล่างด้วยกัน ดูท่าที่เหมือนกับไม่ ค่อยสบายใจ

ญาติของครอบครัวคุณนี่จริงๆเลยนะ ไม่พูด ขอบคุณก็ชั่ง แต่ยังพูดตลอดว่าไอ้สวะนั่นเป็นคน เคลียร์ปัญหาให้ได้ น่าเบื่อจริงๆ” โมไนยพูดอย่างไม่พอใจ

“ไอ้หยา สามี คุณก็อย่าไปคิดอะไรมาก ครอบครัว พวกเขาก็แบบนี้แหละ อยู่ที่เมืองริเวอร์นั้นถูกรังแกจน ชาแล้ว ถึงได้มาใส่อารมณ์กับพวกเรา” ปรางทิพย์ กล่าว

“คุณกำลังจะบอกว่า พวกเขาอยู่ที่เมืองริเวอร์โดน รังแกงั้นหรอ? พวกเขาไม่ใช่ว่าอยู่ที่วิลล่าแล้วหรอ? โมไนยถาม

“ซี วิลล่าอะไร ใครจะรู้ว่าธีริทธิ์ไปเอารูปมาจาก ที่ไหน รูปจริงหรือเท็จก็ไม่มีใครรู้ พวกเขาทั้งครอบครัว อยู่ที่เมืองริเวอร์นั้น ไม่ได้มีหน้ามีตาทางสังคมเลย อารี ยายังแต่งกับไอ้สวะรพีพงษ์นี่ ได้ยินมาว่าท่านนภทีป์ นั้น ดูถูกครอบครัวของพวกเขามาก ถ้าพวกเขาอยู่ วิลล่าได้ก็แปลกแล้ว” ปรางทิพย์กล่าว

โมไนยดูแคลน แล้วกล่าว “แบบนี้ยังกล้าจะเป็นคู่ แข่งกับผมอีก ดูๆแล้วมีปัญหาจริงๆ คิดว่ากโมไนย รังแกง่ายๆหรอ?”

“ใช่ป่ะ ฉันรู้สึกว่าพวกเขาเริ่มเกินไปล่ะ มีวิถีชีวิตที่ ไม่ดีแท้ๆ แต่กลับเสแสร้งว่าอยู่ดีกินดีเสียอย่างนั้น รถ คันนั้นไม่แน่ก็อาจเช่ามานะ” ปรางทิพย์พูดต่อ

ขณะนี้ปรางทิพย์ได้มองไปรอบๆ แล้วกล่าว “สามี

ฉันมีวิธีที่จะทดสอบว่าครอบครัวเขาชีวิตมีความสุขดี

ไหม”
“วิธีไหน?” ไม่ในยกล่าว

“อยากรู้ว่าครอบครัวกินดีอยู่ดีไหม ก็ไปห้างสรรพ สินค้ากับพวกเขาก็รู้แล้ว พรุ่งนี้ฉันจะเรียกอารียาและ รพีพงษ์ไปด้วยกัน พวกเราไปเดินที่ห้าง ถึงเวลานั้นคุณ ซื้อกระเป๋าหรืออะไรก็ได้ให้ฉัน ดูว่ารพีพงษ์จะซื้อให้ อารียาไหม ถ้าไม่ซื้อ แสดงว่าพวกเขาเสแสร้งออกมา” ปรางทิพย์กล่าว

โมไนยยิ้มแล้วพยักหน้า แล้วกล่าว “วิธีที่ใช้ได้ งั้ งั้น พรุ่งนี้พวกเราไปห้างกัน”

“แต่แบบนี้ก็ต้องให้สามีเสียเงินสักหน่อยแหละ” ปรางทิพย์พูดอย่างออดอ้อน

โมไนยยิ้มขึ้นมาทันที แล้วกล่าว “นี่ไม่เห็นจะเป็น อะไร เพียงแค่ให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาเทียบกับผมไม่ ได้ ถึงแม้ต้องจ่ายกี่แสน ผมก็ไม่แคร์”

ปรางทิพย์รีบจับไปที่แก้มของโมไนยหนึ่งครั้ง

“แล้ววันนี้อารียานั่นก็กล้าแย่งซีนผมไป แล้วยังไม่ ขอบคุณผมอีก มันน่าโมโหจริงๆ เรื่องนี้ ผมยอมไม่ได้” โมไนยกล่าว

“สามี หรือคุณอยากสั่งสอนอารียา?” ปรางทิพย์

ถาม

“ไม่เลว คุณรู้จักหมาป่าดำไหม?” โมไนยหลับตา

แล้วพูด

ปรางทิพย์ตาลุกวาว แล้วกล่าว “หมาป่าดำคือลูกพี่ที่มีชื่อเสียงของอำเภอหยกของเราน คุณอยากได้ หมาป่าดำมาสั่งสอนอารียา? นี่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้ง ถึง แม้พวกเขาจะน่ารังเกียจ แต่ไม่จำเป็นต้องทำพวกเขา จน….”

โมไนยหัวเราะแล้วหัวเราะอีก แล้วกล่าว “คุณไม่ ต้องกังวลมากไป ผมรู้ว่าพวกเขาเป็นญาติของ ครอบครัวคุณ ทำรุนแรงเกินก็ไม่ได้ แล้วผมเองก็เชิญ หมาป่าดำด้วยตัวเองไม่ได้ ผมรู้จักลูกน้องของเขา หลายคน ตอนนั้นผมได้ติดต่อไปหาพวกเขาแล้วบ้าง พรุ่งนี้พวกเขาจะไปหาเรื่องรพีพงษ์และอารียา มากสุด ก็แค่ลวนลามอารียา ต่อยรพีพงษ์สักยกก็แค่นั้น”

ปรางทิพย์ถอนหายใจออกมา ยิ้มพลางกล่าวว่า “นี่ โอเคอยู่ ก็น่าจะให้พวกเขาเสียเปรียบบ้าง จะได้ตื่นสัก ที่

โมไนยหัวเราะแล้วโอบเอวของปรางทิพย์ไว้ อีกมือ นึงก็แกว่งไปมาไม่หยุด

“คืนนี้คุณไม่ต้องกลับแล้ว ไปโรงแรมกับผมเถอะ”

ปรางทิพย์หน้าแดงขึ้นมาทันที แล้วกล่าว “ไอ้หยา น่าเกลียด” แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ ทั้งคู่เดินไปที่โรงแรมแถวนั้น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท