พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่178

บทที่178

บทที่178 รหัสลับ

เห็นลักษณะของรพีพงษ์ ธายุกรก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา แล้วกล่าว “รพีพงษ์ แกคงไม่พูดว่าออกมาจากบ้านลืมพก กระเป๋าตังค์มานะ?

ผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างๆธายุกรก็มองไปที่รพีพงษ์อย่าง ดูถูก แล้วกล่าว “คนนี้คือคนที่คุณบอกว่าเป็นไอ้สวะสินะ ไม่คาดคิดเพียงแต่ไร้ประโยชน์ แล้วยังชอบเสแสร้ง ซื้อไม่ ไหวก็คือซื้อไม่ไหว แล้วยังจะเสแสร้งอีกทำไม”

พนักงานเพิ่งมองไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “คุณผู้ชาย มิ ทราบว่าคุณอยากซื้อชุดของทางร้านเราจริงๆไหมคะ?”

ดูลักษณะแล้วเธอก็เริ่มไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่ ดูออก ชัดเจนว่ารพีพงษ์ไม่มีเงินจ่าย เสื้อผ้าข้าวของที่นี่ก็แพงเป็น ธรรมดาอยู่แล้ว ใส่กล่องแล้วต้องเอาออกมาอีก จะทำให้ ชุดดูไม่ใหม่อย่างชัดเจน ไม่แน่อาจจะทำให้ชุดมีรอยยับ อีกต่างหาก ถ้ารพีพงษ์ไม่ซื้อล่ะก็ เธอแทบจะบ้าเลยล่ะ

“ขอโทษครับ ตอนผมออกมาจากบ้านลืมหยิบบัตรมา” รพีพงษ์กล่าว

“ทำไมคุณเป็นแบบนี้ ไม่มีเงินซื้อก็คือไม่มีเงินซื้อ ทำไม ยังให้ฉันเก็บใส่กล่อง มันน่าโมโหจริงๆ” พนักงานในร้านไม่ พอใจแล้วกล่าว

ธายุกรมองรพีพงษ์อย่างยิ้มเยาะเย้ย แล้วกล่าว “รพีพงษ์ แกอยู่ต่อหน้าฉันยังจะโอ้อวดอะไรอีก ฉันรู้ว่าแกก็อยากมีเกียรติศักดิ์ศรี เสียดายไอ้สวะอย่างแกนี่ ไม่ว่าจะเสแสร้ง ยังไง ก็ดูเป็นไฮโซไม่ได้หรอก”

“ตอนนี้แกคุกเข่าขอร้องฉัน ไม่แน่ถ้าฉันอารมณ์ดี ก็อาจ จะช่วยแกซื้อชุดได้นะ”

“พี่ คุณจะช่วยเขาซื้อชุดนี้จริงๆหรอ?” พนักงานในร้าน มองไปที่ธายุกร เธอไม่อยากเอาชุดที่ใส่กล่องเรียบร้อย แล้วเอากลับไปวางอีก

ธายุกรกล่าว “เพียงแค่เขาคุกเข่าขอร้องฉัน ฉันก็จะช่วย เขาซื้อ ก็แค่สามหมื่นกว่าเท่านั้น สำหรับฉัน ก็แค่เงินค่า ขนมในหนึ่งวันเท่านั้น”

เขาได้เก็บเกี่ยวกำไรสิบล้านจากบริษัทซันบับเบิ้ลกรุ๊ปไป แล้ว ตอนนี้ไม่มีทางที่จะมองสามหมื่นอยู่ในสายตาอีกต่อ

ไป

พนักงานร้านชักตาไปที่รพีพงษ์ทันที แล้วกล่าว “ตกลง คุณจะเอาชุดนี้ไหม ไม่ได้ยินพี่คนนี้พูดหรือยัง เพียงแค่ คุณคุกเข่าขอร้องเขา เขาก็จะซื้อแทนคุณแล้ว คุกเข่าแป็ป เดียวสามหมื่นหยวน คุ้มค่ามาก ถ้าคุณไม่เอา ก็รีบไสหัวไป ซะ เสียเวลาทำมาหากิน”

รพีพงษ์ได้ยินพนักงานร้านพูดดังนั้น แล้วเดินออกไปข้าง นอก อยากจะดูสักหน่อยว่าร้านนี้มีชื่อว่าอะไร

ธายุกรและพนักงานร้านคิดว่ารพีพงษ์จะไอ้สวะไปแล้ว จริงๆ หัวเราะขึ้นมาทันที

“ไอ้สวะนี่เชื่อฟังจริงๆ ให้ไสหัวไปก็ไสหัวไป”ธายุกรหัวเราะพลางพูด

ใบหน้าพนักงานร้านก็ดูเหยียดหยาม หันไปมองธายุกร แล้วหัวเราะ “ก็ยังเป็นพี่ที่ใจกว้าง พูดว่าจะซื้อก็ซื้อ ไม่ เหมือนไอ้ธรรมดานั่น ดูครึ่งวันก็ไม่ซื้อ”

รพีพงษ์มาถึงข้างนอก แล้วมองดูชื่อของร้านนี้ แล้วโทร หาเธียรวิชญ์

“ฉันจำได้ว่าในชื่อแกมีร้านเครื่องแต่งกายที่เป็นเฟรนด์ ชายด์ชื่อ ร้านมีเฟรว ร้านหนึ่งใช่ไหม?”รพีพงษ์กล่าว

“ใช่ ทำไมหรอพี่รพี”เธียรวิชญ์ถาม

“ตอนนี้ฉันอยู่ที่ ร้านมีเฟรวที่ถนนอิสรภาพ อยากจะซื้อ ชุดให้ภรรยาสักชุด แต่ออกจากบ้านลืมเอาบัตรมา” รพี พงษ์กล่าว

เธียรวิชญ์หัวเราะขึ้นมาทันที แล้วกล่าว “พี่รพี คุณไป ท่องบทกลอนกลอนนึงให้พนักงานร้านฟังนะ ม้าเร็วควบฝุ่น ฟัง จับฟ้า แดงเฮย พระสนมยิ้มร่า ยิ่งไซร้ เมื่อพวกเธอ ได้ยินแล้วจะเอาชุดให้มอบให้คุณฟรีทันที”

ใบหน้าของรพีพงศ์ประหลาดใจ แล้วกล่าว “ทำไมต้อง ท่องกลอนบทนี้?”

“โธโธ่ คือง ไม่ใช่ว่าผม…มีแฟนหลายคนหรอ ร้านมีเฟ รวนี้ก็เปิดแทนพวกเธอ เพราะร้านนี้มีเฟรนด์ชายด์เยอะ หลายคนไม่รู้ว่าผมคือเจ้าของ ทุกครั้งที่พาแฟนไปเลือกซื้อ ชุด ต้องเอาเงินจากผมทุกครั้ง ผมจึงคิดวิธีนี้ขึ้นมา”

“ผมได้ประกาศกับคนของทุกร้านแล้ว บอกพวกเธอว่าเพียงแค่มีคนไปท่องบทกลอนที่ร้าน ถูกต้องตามรหัสลับ หมายถึงเจ้าของร้านมาแล้ว สิ่งของทุกอย่างในร้านห้ามคิด เงิน บทกลอนเหล่านี้ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น บังเอิญถึง ตอนม้าเร็วควบฝุ่นฟุ้ง จับฟ้า แดงเฮย พระสนมยิ้มร่า ยิ่ง ไซร้นี้พอดี เธียรวิชญ์อธิบายอย่างเขินอาย

รพีพงษ์หัวเราะไม่ออก ไม่คาดคิดว่าเธียรวิชญ์จะชอบ เล่นเกมอะไรแบบนี้ ทำอย่างกับหนังผู้ร้ายจับโจรอย่างไร อย่างนั้น ซื้อเสื้อผ้ายังต้องมีรหัสลับอีก

แต่รพีพงษ์ ไม่อยากให้ธายุกรดีใจจนเกินไป อีกทั้งชุดนี้ เขาชอบมันจริงๆดังนั้นถึงแม้วิธีนี้จะบ้าไปหน่อย เขาก็ จำเป็นต้องเอาชุดนั้นมาให้ได้

หลังจากวางสายแล้ว รพีพงษ์ก็กลับไปในร้านอีกครั้ง

ธายุกรและพนักงานร้านเห็นรพีพงษ์กลับมาอีกแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

“รพีพงษ์ จะเอาไง แกทบทวนดีแล้วใช่ไหม อยากคุกเข่า ขอร้องฉันแล้ว?” ธายุกรหัวเราะพลางกล่าว

หนักงานร้านก็ขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีกมองไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “ตกลงคุณจะเอาไงกันแน่? ร้านของพวกเราเป็น ร้านเครื่องแต่งกายชั้นสูง ไม่ใช่ที่ๆไอ้พวกกระจอกจะเอา ออกได้ตามสบายนะ”

รพีพงษ์เดินไปที่หน้าของพนักงานนั้น แล้วกล่าว “ม้าเร็ว ควบฝุ่นฟุง จับฟ้า แดงเฮย พระสนมยิ้มร่า ยิ่งไซร้”

ธายุกรและผู้หญิงที่เขาพามาด้วยนั้นชะงักงันชั่วครู่ แล้วมองไปที่รพีพงษ์ราวกับมองไอ้บ้าอย่างไรอย่างนั้น ธายุกร กล่าว “สมองถึงแม่งไปหมดล่ะ มาท่องบทกลอนให้เค้าฟัง ฉันไม่เคยเห็นคนที่ทำให้คนรู้สึกหมดคำพูดแบบนี้มาก่อน เลยหวะ”

ธายุกรและผู้หญิงคนนั้นรู้สึกการที่รพีพงษ์ท่องบทกลอน นั้นมันชั่งบ้าเหลือเกิน แต่พนักงานร้านคนนั้นเมื่อได้ยิน กลอนนี้แล้ว สีหน้าถอดสีทันที

ผู้จัดการร้านเคยบอกกับพวกเธอเอาไว้ เพียงแค่มีคนมา ร้านแล้วท่องบนกลอนบทนี้ ถึงแม้คนนั้นคิดจะทุบร้านนี้ทิ้ง พวกเธอก็ต้องช่วย

พนักงานรีบโค้งคำนับต่อรพีพงษ์ แล้วกล่าว “คุณผู้ชาย ขอโทษจริงๆ ฉันขอโทษกับการกระทำของฉันที่ทำต่อคุณ เมื่อสักครู่นี้ ขอคุณได้โปรดอย่าโกรธเคืองกันเลย ฉันรู้สึก ผิดแล้ว ขอโทษค่ะ”

ธายุกรและผู้หญิงคนนั้นอึ้งไปเลย มองไปที่พนักงาน อย่างอึ้ง ไม่คิดว่ารพีพงษ์ท่องบนกลอนนี้ ยังมีประโยชน์ แบบนี้ด้วย

หรือเป็นบทสาปแช่ง?

รพีพงษ์ยิ้มให้กับพนักงานร้าน แล้วกล่าว “ตอนนี้สามารถ เอาชุดนั้นให้ผมได้แล้วใช่ไหม?”

พนักงานรีบยื่นชุดนั้นให้กับรพีพงษ์ทันที แล้วกล่าว “คุณ ผู้ชาย คุณดูสิว่ายังอยากได้เสื้อผ้าตัวไหนอีกบ้าง ฉันจะ เก็บใส่กล่องให้คุณ”
“ไม่ต้องหรอก ชุดเดียวก็โอเคแล้ว”

รพีพงษ์รับชุดนั้นไป หันหน้ามองธายุกรด้วยสายตา หยอกล้อ แล้วหันหลังเดินออกจากร้านไป

ธายุกรรีบกล่าว “เขายังไม่ให้เงินเลย ทำไมคุณถึงเอาชุด ให้เขาแล้วล่ะ?”

พนักงานร้านมองไปที่ธายุกร แล้วกล่าว “เขาเป็นแขก พิเศษของทางร้าน ซื้อเสื้อผ้าไม่คิดเงิน”

ใบหน้าของธายุกรสะท้อนความมึนงงออกมา แล้วกล่าว “งั้นผมก็ท่องซักบท ก็จะไม่ต้องจ่ายเงินแล้วใช่ไหม? ม้าเร็ว ควบฝุ่นฟุ้ง จับฟ้า แดงเฮย พระสนมยิ้มร่า ยิ่งไซร้ คนทั่ว นคร ล้วนรับ รู้แฮ ลิ้นจี่จากใต้ได้ ส่งแล้วสู่วัง”

“ขอโทษค่ะ มีเพียงกลอนที่ได้ตั้งไว้เท่านั้น บทนี้ใช้ไม่ได้ ไปแล้ว” พนักงานพูดจบ ก็หันไปทำอย่างอื่นต่อ

ทิ้งไว้แค่ธายุกรและผู้หญิงคนนั้น ได้แต่มองดูกันไปมา

ขณะถือเสื้อผ้ากลับบ้าน รพีพงษ์นำชุดให้กับอารียา ให้ เธอลองใส่ อารียาดีใจอย่างมาก สวมใส่แล้วเหมือนเป็น เทพธิดาอย่างไรอย่างนั้น

ขณะนี้เธอได้รับสายของศศินัดดา ศศินัดดาพูดว่าเธอ กำลังจะโดนตีตายแล้ว ให้อารียารีบไปหาเธอที่ธนาคาร

ต่อมาอย่างเร่งรีบ รพีพงษ์ก็ได้รับโทรศัพท์หนึ่งสาย พูด ว่าพวกเขาได้จับคนที่ขโมยบัตรธนาคารของรพีพงษ์ไว้แล้ว ให้รพีพงษ์ไปรับบัตร

รพีพงษ์มองไปที่อารียาอย่างแปลกใจ แล้วถาม”แม่คุณ ขโมยบัตรผมไป?”

ใบหน้าอารียาเต็มไปด้วยความสงสัย แล้วกล่าว “ฉัน

ไม่รู้”

จากนั้นเธอก็รีบเข้าไปดูในห้อง พบว่าบัตรธนาคารบนตู้ หัวเตียงนั้นไม่มีแล้ว

“แย่แล้ว ต้องเป็นแม่ฉันเอาบัตรเธอไปแน่ๆเลย มิน่าล่ะ ตอนนั้นถึงถามฉันว่ารหัสบัตรคือเลขอะไร”อารียากล่าว

รพีพงษ์รู้ว่าถ้าพนักงานธนาคารเห็นบัตรใบนี้ของเขาแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น ผู้จัดการธนาคารต้องคิดว่าศศินัดดาเป็น โจรขโมยบัตรแน่นอน แล้วต้องเค้นเธออย่างเอาเป็น เอาตายแน่นอน…

สองคนรีบเดินออกจากวิลล่า รีบเดินไปทางธนาคาร หลังจากถึงธนาคารแล้ว รพีพงษ์เห็นผู้จัดการยืนอยู่ที่ หน้าประตู จึงรีบเดินเข้าไป

ผู้จัดการเห็นรพีพงษ์มาถึงแล้ว แล้วกล่าวทันทีว่า “คุณ รพี พวกเราจับคนที่ขโมยบัตรคุรได้แล้ว ตอนนี้กำลังเค้น ถามเธออยู่ แต่ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ไม่ยอมรับ นี่บัตรของ คุณ”

รพีพงษ์รับบัตรนั้นมา แล้วรีบถาม “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” ผู้จัดการพารพีพงษ์และอารียาเดินไปยังห้องรับรองแขกพิเศษ รู้สึกบรรยากาศแปลกๆ

ในตอนแรกเขาคิดว่าเขาได้ช่วยรพีพงษ์จับโจรขโมย บัตรยังไงรพีพงษ์ก็ต้องขอบคุณเขาบ้างล่ะ แต่ดูจาก ท่าทางของรพีพงษ์แล้ว เหมือนจะไม่มีการขอบคุณอย่างไร อย่างนั้น

สามคนมาถึงห้องรับรองพร้อมกัน เปิดประตูออกมา ข้าง ในยังได้ยินเสียงร้องอันโหยหวนของศศินัดดาอยู่เลย

ลองจากที่เดินเข้าไปแล้ว รพีพงษ์ก็เห็นผู้รักษาความ ปลอดภัยคนนึงกำลังตบศศินัดดาอยู่ แล้วใบหน้าของศศิ นัดดาก็ปูดบวมขึ้นมาแล้ว ดูอำนาจเหลือเกิน

“หยุดก่อน!” รพีพงษ์ตะโกนออกมา

ผู้รักษาความปลอดภัยคนนั้นหัวหน้ามาดู เห็นว่าเป็นผู้ จัดการ ก็หยุด

อารียารีบวิ่งไปที่ศศินัดดา แล้วรีบพยุงเธอขึ้นจากพื้น แล้วกล่าว “แม่ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

หลังจากที่ศศินัดดาเห็นอารียามา แล้วรีบปืนขึ้นไปที่อ้อม กอดของอารียาร้องไห้ออกมาทันที ใบหน้าเต็มไปด้วย ความเน้อยเนื้อต่ำใจ “ลูกสาว ธนาคารนี้ไม่ใช่ที่ๆคนจะอยู่ เลยนะ พวกเขาพูดว่าฉันขโมยบัตรธนาคารของคนอื่นมา แล้วยังลงมือทุบตีฉัน แกต้องช่วยฉันนะ”

“คุณขโมยบัตรธนาคารของรพีพงษ์ไปใช่ไหม?” อารียา

ถาม

“อะไรบัตรธนาคารของรพีพงษ์ นั่นมันเป็นของฉัน นั่นเรียกว่าฉันขโมยหรอ ธนาคารนี้เลวร้ายมาก ต้องเป็น ธนาคารมืดแน่ๆ พวกเราไปรายงานความผิดของพวกเขา กัน” ศศินัดดาร้องไห้พลางกล่าว

อารียาเสียอารมณ์ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับแม่คนนี้แล้ว

แต่เธอก็ไม่ได้โทษธนาคาร คิดๆดูแล้ว บัตรใบนี้ก็คือศศิ นัดดาขโมยมาจริงๆ ครั้งนี้ศศินัดดาได้รับการสั่งสอนแล้ว บ้าง ต่อไปเธอจะต้องไม่กล้าทำแบบนี้แล้วแน่นอน

ผู้จัดการเห็นเหตุการณ์นี้ ชะงักทันที อารียากับรพีพงษ์ มาด้วยกัน มองออกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่คือสามี ภรรยา

แล้วหญิงที่ถูกพวกเขาจับมาเค้นหาคำตอบนั้น ก็คือแม่ ของเด็กสาวคนนี้ นั่นก็หมายความว่า ผู้หญิงคนนี้….

สีหน้าของผู้จัดการเปลี่ยนเป็นซีดทั้งที รีบยื่นมาตบหน้า ตนเองกี่ฉาด แล้วกล่าว “คุณรพี ผมไม่รู้จริงๆว่าผู้หญิงคนนี้ คือแม่ยายของคุณ ผมยอมรับผิด ได้โปรดยกโทษให้ผม ด้วย ถ้ารู้ตั้งแต่แรก ผมจะไม่ให้พวกเขาจับแม่ยายของคุณ เอาไว้”

รพีพงษ์ปวดหัวทันที แล้วกล่าวอย่างละอายใจ “คุณอย่า โทษตัวเองเลย แม่ยายคนนี้ ชอบทำเรื่องแบบนี้ ครั้งนี้ให้ เธอได้เสียเปรียบบ้าง สำหรับเธอแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ดี”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน