พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 188

บทที่ 188

บทที่ 188 คนที่หมาป่าดำไม่กล้าแตะต้อง

ชายทั้งสี่คนคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะเก่งขนาดนี้ แล้ว ทนกับความเจ็บในร่างกายอีกครั้งแล้วลุกขึ้นยืนจาก พื้น

“เย็แมร่ง แกยังกล้าต่อยพวกฉัน แกรู้มั้ยว่าพวก ฉันเป็นคนของใคร!” ชายหัวโจกคนนั้นตะโกนใส่รพี พงษ์

รพีพงษ์มองไปที่ชายคนนั้นอย่างเย็นชา และพูด ว่า: “ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นคนของใคร ถ้ากล้าคิดที่จะ มายุ่งกับเมียของฉัน ก็สมควรโดนสั่งสอน”

ชายหัวโจกคนนั้นกัดฟันของเขา และพูดกับทั้ง สามคนที่อยู่ข้างหลังเขาว่า: “เมื่อกี้พวกเราไม่ทันระวัง เอง ปล่อยให้ไอ้หมอนี่ได้เปรียบ ตอนนี้ระวังกันหน่อย จับตัวมันก่อน จัดการมันเสร็จค่อยไปสนุกกับผู้หญิง ต่อ”

LEGO ทั้งสามคนพยักหน้า ใบหน้าของเขาทั้งสี่จ้องไปที่ หน้ารพีพงษ์วางแผนจะลงมือกับรพีพงษ์อีกครั้ง

“สามีค่ะ คุณว่าพวกเขาทั้งสี่คน จะสู้รพีพงษ์ได้ ไหม?”ปรางทิพย์ถาม

“น่าจะสู้ได้ พวกเขาทั้งสี่คนเป็นถึงคนของหมาป่า ดำที่แข็งแกร่งที่สุด จัดการกับไอ้เศษสวะนี้น่าจะง่ายๆ เมื่อกี้คือพวกเขาไม่ทันได้ระวัง เดี่ยวไอ้เศษสวะนั้นก็ซวยแล้ว”โมไนยกล่าว

ปรางทิพย์พยักหน้า แล้วพูดว่า: “ดูแล้วพวกเขาทั้ง สี่คนก็ระวังขึ้นมากเลย รอบนี้ก็น่าจะ ….”คำพูดของ ปรางทิพย์ยังพูดไม่จบ รพีพงษ์กำลังจะลงมืออีกครั้ง รอบนี้ความไวของรพีพงษ์เพิ่มขึ้น ได้ยินแต่เสียงกรีด ร้องของทั้งสี่คน โมไนยและปรางทิพย์ก็เบิกตากว้าง อีกครั้ง

..น่าจะจัดการกับรพีพงษ์ได้”คำพูดของปราง ทิพย์ออกมาแล้ว ทั้งสี่คนก็ล้มลงกับพร้อมกับเสียงของ เธอ ล้มลงพื้นอีกแล้ว

“ทำไมรอบนี้เป็นแบบนี้ ไหนคุณบอกว่ารพีพงษ์ ตั้งแต่หัวจรดเท้าก็เป็นแค่เศษสวะไม่ใช่เหรอ?

ทำไมคนของหมาป่าดำพออยู่ภายใต้เงื้อมมือของ ถึงได้เปราะบางขนาดนี้?”โมไนยมองไปที่ปรางทิพย์ยัง ไม่เข้าใจ

สีหน้าของปรางทิพย์ก็ดูตกใจเช่นกัน แล้วพูด

ว่า: “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงเป็นแบบนี้ รพีพงษ์ก็ เป็นแค่แมงดาจริงๆนะ ไม่อย่างนั้นที่เมืองริเวอร์จะข่าว แพร่กระจายมากมายขนาดนั้นได้ยังไง”

ทั้งสองคนก็พูดไม่ออก ตอนแรกเขานึกว่าให้คน ของหมาป่าดำมาจัดการกับรพีพงษ์ ยังไงรพีพงษ์ก็ ทุกข์ทรมานแน่ แต่ดูตอนนี้ ก็เป็นพวกเขานั่นแหละที่ คิดมากไปเอง
หลังจากทั้งสี่คนล้มลงกับพื้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วย

ความกลัวก็มองมาที่รพีพงษ์ ในตอนนั้น พวกเขาถึงรู้ว่า ตัวเองยังห่างไกลจากรพีพงษ์มาก ไม่ใช่จัดการได้ ง่ายๆเหมือนกับที่พวกเขาคิด

รพีพงษ์เดินเข้าไปหาคนทั้งสี่ จ้องมองทั้งสี่คน อย่างเย็นชา และพูดอย่างเย็นชา: “พูดสิใครเป็นคนส่ง พวกแกมา”

ชายหัวโจกคนนั้นมองไปที่รพีพงษ์อย่างเกลียดๆ และพูดว่า: “พวกเราเป็นคนของหมาป่าดำ ถ้าแกยัง กล้าลงมือละก็ ถ้าเกิดหมาป่าดำรู้เรื่อง ไม่ปล่อยแกไป แน่”

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว เมื่อวานนี้เขาและจิรายุศก็ทาน ข้าวด้วยกัน หลังจากที่หมาป่าดำได้ยินว่ารพีพงษ์เป็นพี่ ใหญ่ของจิรายุศ ก็ให้ความเคารพต่อรพีพงษ์อย่าง จิตใจที่ซื่อสัตย์ภักดีเหมือนลูกน้อง แล้วจะปล่อยให้คน มาหาเรื่องเขาได้อย่างไร

“ทั้งอำเภอหยก กล้าชื่อหมาป่าดำมีเพียงคนเดียว เมื่อแก่รู้จักชื่อเสียงของหมาป่าดำอย่างนั้นก็รีบคุกเข่า ลงขอโทษพวกฉันซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะโทรหาพี่ใหญ่ ฉันตอนนี้ ถึงตอนนั้นแกตายแน่”ชายหัวโจคนนั้นกกล่า

“หมาป่าดำไม่กล้าส่งคนมาหาเรื่องฉันแน่ บอกมา

LEGO “ที่แกพูดคือหมาป่าดำที่มีชื่อเสียงที่สุดในอำเภอ หยกใช่มั้ย?”รพีพงษ์ถามตกลงใครส่งพวกแกมา?”รพีพงษ์ถาม

ทั้งสี่คนหัวเราะเสียงดัง เสียงนั้นเต็มไปด้วยความ เย้ยหยัน “ไอ้น้อง แมร่งแกคิดว่าแกเป็นใคร ถึงคิดว่าพี่ ใหญ่ของเราไม่กล้าหาเรื่องแก ทั้งอำเภอหยก นอกจาก ท่านยุด ก็ไม่มีใครที่พี่ใหญ่เราไม่กล้ามีเรื่องด้วย!”ชาย หัวโจกคนนั้นกล่าว

โมไนยและปรางทิพย์เห็นว่ารพีพงษ์เริ่มถามทั้งสี่ คนใครเป็นคนส่งมา ก็ตื่นตระหนก และรีบลงจากรถ

“แคลร์ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม เมื่อกี้อันตรายมาก เลย เราก็ว่าจะลงรถมาช่วยอยู่ แต่คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์ก็ เก่งเรื่องต่อสู้มาก แถมยังจัดการพวกเขาได้ด้วย “ปราง ทิพย์เดินไปอยู่ที่ข้างๆอารียา แล้วแสร้งถามคำสองคำ ด้วยความห่วยใย

อารียาเบะปาก และรู้สึกว่าปรางทิพย์เป็นคนเจ้า เล่ห์จริงๆ เมื่อตอนที่ทั้งสี่คนเข้ามา โมไนยและปราง ทิพย์รีบขึ้นรถไปก่อนเลย ดูแล้วไม่เหมือนจะมาช่วย พวกเขาเลย LEGO

โมไนยเหลือบไปมองรพีพงษ์ แล้วพูด: “รพี พงษ์ ในเมื่อนายก็จัดการพวกเขาจนล้มลงแล้ว พวก เรารีบออกจากที่นี่กันเถอะ”

“ฉันต้องการที่จะรู้ว่าใครเป็นส่งพวกมันมา ถ้าพวก มันไม่บอก วันนี้ก็อย่าคิดที่จะไปจากนี่” รพีพงษ์กล่าว โมไนยก็บ่นด่าว่าในใจ แล้วพูดว่า: “เมื่อกี้นายไม่ได้ยินเหรอว่าพวกเขาบอกพวกเขาเป็นคนของหมาป่า ดำนะ หมาป่าดำคือพี่ใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดในอำเภอ หยก นี่นายยังจะต่อกรกับหมาป่าดำเหรอ? รีบไปกัน เถอะ มันไม่ดีสำหรับนายเลยนะ”

“หมาป่าดำแล้วยังไง? ถ้าหากพวกมันไม่พูด ตอนนี้ ก็เรียกหมาป่าดำมา ฉันจะถามดูเอง พวกมันใช่หมาป่า ดำส่งมาหรือเปล่า”สีหน้าของรพีพงษ์ ไม่แยแส

“รพีพงษ์ นายสมองน้ำเข้าหรือไง! ก็บอกกับนาย แล้วว่าหมาป่าดำเป็นคนใหญ่โตในของอำเภอหยก นายไม่ควรมีเรื่องด้วย ทำไมนายถึงมุ่งมั่นขนาด นั้น”ปรางทิพย์ก็กังวลขึ้นมา

รพีพงษ์หันไปมองโมไนยและปรางทิพย์ แล้ว ถาม: “นี่มันเป็นเรื่องระหว่างฉันกับพวกมัน พวกเธอจะ กังวลอะไร?” ปรางทิพย์และโมไนยก็แสดงสีหน้า ท่าทางออกมาอึดอัดเล็กน้อย แน่นอนว่าพวกเขากลัว หากรพีพงษ์ว่าพวกเขาเป็นคนทำ พวกเขาก็จะมีปัญหา

“ทำไมนายพูดแบบนี้ เรากังวลแล้วจะทำไม ถ้า นายไปมีเรื่องกับหมาป่าดำเราก็จะซวยตามพวกนายไป ด้วย นี่เรายังคิดแทนตัวเองไม่ได้เหรอ?”ปรางทิพย์ กลอกตาไปมา แล้วรีบพูด “ถ้าพวกเธอกลัวจะซวยไปด้วย ก็รีบออกไปตอนนี้

เลย ฉันไม่ได้บังคับให้พวกเธออยู่รอด้วย”รพีพงษ์

กล่าว

ปรางทิพย์ก็พูดไม่ออกทันที เธอคิดไม่ถึงรพีพงษ์จะจริงจังขนาดนี้

โมไนยจ้องมองไปที่ชายหัวโจกคนนั้นอย่าง อ้อนวอน หวังว่าเขาจะออกจากที่นี่ไปเอง คนที่เป็นชายหัวโจกคนนั้นก็ยังคงมีจรรยบรร และ

ไม่ได้ตั้งใจที่จะชื่อโมไนยและปรางทิพย์ออกไปอยู่

แล้ว

แน่นอน ว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกไป เพราะคิดว่ายังไงรพีพงษ์ก็สู้หมาป่าดำไม่ได้แน่นอน ถ้า รพีพงษ์ยังจะบังคับให้เขาพูด พวกเจาก็จะเรียกหมาป่า ดำมา ยังไงหมาป่าดำก็จะช่วยพวกเขาสั่งสอนรพีพงษ์

แน่

“พวกแกจะบอกไม่บอก ถ้าไม่บอก ฉันก็จะไม่ เกรงใจแล้วนะ”รพีพงษ์ก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว

ชายหัวโจกคนนั้นมองไปที่รพีพงษ์แล้วหัวเราะ เยาะ และพูดว่า: “อย่ามาหลอกพวกเราเลยดีกว่า ถ้า แกยังกล้าแตะต้องพวกฉันอีกครั้ง ฉันก็จะเรียกพี่ใหญ่ ของพวกเรามา ถึงตอนนั้นแกก็ต้องรับผิดกับเรื่อง ทั้งหมด “รพีพงษ์ยกขาขึ้น แล้วเตะลงขากับคนที่อยู่ ใกล้ที่สุด

แกรักดังขึ้น ขาของชายคนนั้นหักทันที

“โอ๊ยยยยย!! เจ็บจะตายแล้ว”ชายคนนั้นอดไม่ ได้ที่จะร้องโหยหวน ไม่กี่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตก ตะลึง คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะกล้าลงมือหักแบบนี้เลยพูดว่าทำก็ทำ ไม่มีแม้แต่ความลังเล

“เรียกหมาป่าดำมาเดี๋ยวนี้ ฉันจะถามเขาเองเลย นี่ มันเรื่องอะไรกัน”รพีพงษ์กล่าว โมไนยพูดขึ้นทันที: “รพีพงษ์ นายบ้าไปแล้วเหรอ

ถ้ารอให้หมาป่าดำมาจริงๆ นายตายแน่ นายหักขาคน

ของเขา นายนึกว่าเขาจะปล่อยนายไปเหรอ?”

ปรางทิพย์พูดต่อ: “นายรู้ไหมว่าไหนทำแบบนี้ จะ ส่งผลกระทบต่อพวกเรามากขนาดไหน ที่สำคัญคือ ทำให้ทั้งตระกูลเขมพงศ์เกี่ยวข้องไปด้วย ถ้าตอนนั้น หมาป่าดำหาเรื่องพวกเรา นายสามารถรับผิดชอบนี้ได้ หรือไม่?”

“ฉันบอกแล้วนะ ถ้าหากพวกเธอกลัวจะเกี่ยวข้อง ไปด้วย ไปตอนนี้เลยก็ได้แล้ว ฉันไม่ได้ขอให้พวกเธอ อยู่” รพีพงษ์พูดย้ำอีกครั้ง

“เย็แมร่ง แกหักขาน้องชายฉัน ตอนนี้ต่อให้แกไป ก็ไม่ได้ แกรอนี่เลยนะ ฉันจะโทรเรียกพี่ใหญ่ฉัน มา!”ชายหัวโจกคนนั้นก็กังวล ก็เลยโทรหาหมาป่าดำ บอกตำแหน่งที่อยู่ให้หมาป่าดำ ให้เขารีบพาคนมาด้วย

โมไนยเห็นว่าชายหัวโจกคนนั้นโทรหาหมาป่า ดำ สีหน้าก็เปลี่ยน หันไปมองปรางทิพย์ แล้วพูด: “มัน อยากตาย แต่เราไม่ได้อยากตาย เรารีบไปกันเถอะ”

ปรางทิพย์เหลือบมองไปที่อารียา แล้วพูด: “เห็น แก่ความเป็นญาติของเรา ฉันขอเตือนเธออีกครั้ง เธอแน่ใจว่าจะไม่ไปกับเรา? เดี๋ยวถ้าหมาป่าดำพาคนมา เธออยากจะไปก็ไปไม่ได้”

อารียาหายใจลึกๆ แล้วพูด: “รพีพงษ์อยู่ที่ไหนฉัน ก็อยู่ที่นั่น” ปรางทิพย์เห็นอารียาพูดเช่นนี้ จึงไม่ลังเล ต่อไป รีบขึ้นรถของโมไนย ทั้งคู่ก็ขับรถออกจากที่ จอดรถ

ถึงข้างนอก สีหน้าปรางทิพย์เต็มไปด้วยความ กังวล แล้วถาม: “คุณสามี นายว่าถ้าเกิดคนพูดนั้นพูด ชื่อว่าเราสองคนออกไปจะทำยังไงดี?”

โมไนยยิ้ม แล้วพูด: “เรื่องนี้เธอก็คิดมากไป เธอก็ ไม่ดูว่าหมาป่าดำเป็นคนแบบไหน เธอคิดว่ารอให้ หมาป่าดำมา รพีพงษ์ยังจะอวดเก่งได้ขนาดนี้เหรอ?”

“เมื่อหมาป่าดำเห็นว่าคนของตัวเองถูกหักขา ยังไง ก็ไม่ปล่อยรพีพงษ์ไปแน่นอน ถึงตอนนั้นแล้วรพีพงษ์ จะมีโอกาสที่ไหนถามว่าใครคือคนบงการพวกเขา ไม่ แน่วันนี้ เธอก็มีญาติน้อยลงสองคน “เมื่อปรางทิพย์ ได้ยินโมไนยพูดเช่นนี้ ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ก็รู้สึกโล่งใจ ขึ้นมาทันที

“ที่คุณพูดก็ถูก มีปัญหากับคนของหมาป่าดำ จะมี จุดจบที่ดีได้อย่างไร นี่ฉันคงจะคิดมากไปเอง”

“ดูแล้วอารียาและรพีพงษ์ยังไงก็ตายจริงๆ เมื่อ คิดถึงชะตากรรมของทั้งสองคน ฉันก็ตื่นเต้น จริงๆ”ปรางทิพย์พูดแล้วยิ้ม
“มันก็แค่คนเศษสวะที่มาจากต่างถิ่น ต่อให้มีเงิน แล้วจะทำไม เป็นไปได้เหรอว่าเขาจะสามารถทำให้คน ใหญ่คนโตของอำเภอหยกก้มหัวให้เขา? นี่คงเป็นเรื่อง ไร้สาระ ฉันว่าผ่านวันนี้ไป เธอก็ไม่ต้องอารมณ์เสีย เพราะสองคนนี้อีกต่อไป “โมไนยกล่าวแล้วยิ้ม

ลานจอด

หลังจากที่ชายหัวโจกคนนั้นโทรหาหมาป่าดำ แล้วก็ยิ้มแสยะมองไปที่รพีพงษ์ จากที่เขาดูแล้ว เพียง แค่หมาป่าดำมา รพีพงษ์ก็ถือว่าเป็นคนตายแล้ว

“ไอ้น้อง แกมันก็แค่คนต่างถิ่น กล้ามาอวดดีที่ อำเภอหยกของเรา ไม่กลัวตายจริงๆ หมาป่าดำเป็นคน ที่โหดเหี้ยมที่มีชื่อเสียงในอำเภอหยกของเรา เมื่อเขา มาถึง แกจะอยู่ไม่ไกลจากความตายเลย” ชายหัวโจก คนนั้นกล่าว

รพีพงษ์เหลือบไปมองเขา แล้วถาม: “แกรู้ได้ยังว่า ฉันเป็นคนต่างถิ่น?”หัวโจกคนนั้นก็พูดไม่ออก นี่ก็เป็น เพราะโมไนยเป็นคนบอกเขาเอง แต่เขารับเงินของ โมไนยมาแล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถบอกชื่อของ โมไนยไปได้

“รพีพงษ์ จะไม่เป็นอะไรแน่ใช่มั้ย?”ในตอนนั้นรพี พงษ์มองไปที่อารียาก็กังวลขึ้นมา

รพีพงษ์ยิ้มให้กับเธอ แล้วพูดว่า : “ไม่เป็นอะไร ถ้า หากว่าเป็นหมาป่าดำคนนั้นละก็ เรื่องนี้ก็จัดการได้ ง่ายๆ”
ชายหัวโจกคนนั้นก็หัวเราะเยาะ คิดในใจแกก็ยัง กล้าพูดจาโอ้อวดอีก พูดอย่างกับว่าหมาป่าดำเป็นลูก น้องของแกเลย

หลังจากไม่นาน กลุ่มคนที่น่ากลัวก็มาถึงที่ลาน จอดรถ คนที่นำมาก็คือหมาป่าดำ หมาป่าดำตัวไม่สูง มี ผิวสีเข้ม เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ และดวงตาที่แข็งกร้าว มาก ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกอันตรายมาก

ชายหัวโจกคนนั้นเห็นว่าหมาป่าดำพาคนมา ดวงตาก็เปล่งประกาย เขาและอีกสองคนรีบช่วยพยุง ชายที่ขาหักขึ้นมา และวิ่งเข้าหาหมาป่าดำ

“พี่ใหญ่ ในที่สุดพี่มาสักที น้องสี่ถูกหักขาไปข้าง หนึ่ง ไอ้หมอนั่นยังท้าทายพี่ ว่าพี่มาแล้วก็ไม่กล้าแตะ ต้องมัน รอบนี้ยังไงพี่ก็ต้องช่วยเรานะ!”ชายหัวโจกคน นั้นสีหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ

หมาป่าดำเหลือบมองไปที่เขา แล้วถาม: “ในอำเภอ หยกนอกจากท่านยุดแล้ว ก็ยังมีใครที่ฉันไม่กล้าแตะ อีกเหรอ?”

“ใช่แล้วพี่ใหญ่ พวกเราก็พูดแบบนี้ แต่คนอวดดี คนนั้นไม่เอาเราไว้ในสายตาเลย พี่ต้องทำให้เขารู้ว่าพี่ ยิ่งใหญ่ขนาดไหน”หัวโจกคนนั้นพูด

จากนั้นเขาก็เดินไปหารพี่พงษ์ แล้วชี้ไปที่หน้ารพี พงษ์แล้วพูด: “พี่ใหญ่ ก็คือมัน”หมาป่าดำเหลือบมองไป ที่รพีพงษ์ จากนั้นก็มีเสียงในใจก็หน่ำอย่างรุนแรง
เป็”เข้ นี่ไม่ใช่คนที่ขนาดท่านยุดเคารพนับถือเห รอ ทำไมถึงเป็นเขา? ที่ผ่านมา ในอำเภอหยกคนที่ หมาป่าดำ ไม่กล้าแตะต้อง ก็มีแต่ท่านยุด แต่ตอนนี้ไม่ เหมือนเดิมแล้ว นอกจากท่านยุด ก็เพิ่มมาอีกท่าน ก็คือ ท่านที่อยู่ตรงหน้าเขา!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท