บทที่ 188 คนที่หมาป่าดำไม่กล้าแตะต้อง
ชายทั้งสี่คนคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะเก่งขนาดนี้ แล้ว ทนกับความเจ็บในร่างกายอีกครั้งแล้วลุกขึ้นยืนจาก พื้น
“เย็แมร่ง แกยังกล้าต่อยพวกฉัน แกรู้มั้ยว่าพวก ฉันเป็นคนของใคร!” ชายหัวโจกคนนั้นตะโกนใส่รพี พงษ์
รพีพงษ์มองไปที่ชายคนนั้นอย่างเย็นชา และพูด ว่า: “ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นคนของใคร ถ้ากล้าคิดที่จะ มายุ่งกับเมียของฉัน ก็สมควรโดนสั่งสอน”
ชายหัวโจกคนนั้นกัดฟันของเขา และพูดกับทั้ง สามคนที่อยู่ข้างหลังเขาว่า: “เมื่อกี้พวกเราไม่ทันระวัง เอง ปล่อยให้ไอ้หมอนี่ได้เปรียบ ตอนนี้ระวังกันหน่อย จับตัวมันก่อน จัดการมันเสร็จค่อยไปสนุกกับผู้หญิง ต่อ”
LEGO ทั้งสามคนพยักหน้า ใบหน้าของเขาทั้งสี่จ้องไปที่ หน้ารพีพงษ์วางแผนจะลงมือกับรพีพงษ์อีกครั้ง
“สามีค่ะ คุณว่าพวกเขาทั้งสี่คน จะสู้รพีพงษ์ได้ ไหม?”ปรางทิพย์ถาม
“น่าจะสู้ได้ พวกเขาทั้งสี่คนเป็นถึงคนของหมาป่า ดำที่แข็งแกร่งที่สุด จัดการกับไอ้เศษสวะนี้น่าจะง่ายๆ เมื่อกี้คือพวกเขาไม่ทันได้ระวัง เดี่ยวไอ้เศษสวะนั้นก็ซวยแล้ว”โมไนยกล่าว
ปรางทิพย์พยักหน้า แล้วพูดว่า: “ดูแล้วพวกเขาทั้ง สี่คนก็ระวังขึ้นมากเลย รอบนี้ก็น่าจะ ….”คำพูดของ ปรางทิพย์ยังพูดไม่จบ รพีพงษ์กำลังจะลงมืออีกครั้ง รอบนี้ความไวของรพีพงษ์เพิ่มขึ้น ได้ยินแต่เสียงกรีด ร้องของทั้งสี่คน โมไนยและปรางทิพย์ก็เบิกตากว้าง อีกครั้ง
..น่าจะจัดการกับรพีพงษ์ได้”คำพูดของปราง ทิพย์ออกมาแล้ว ทั้งสี่คนก็ล้มลงกับพร้อมกับเสียงของ เธอ ล้มลงพื้นอีกแล้ว
“ทำไมรอบนี้เป็นแบบนี้ ไหนคุณบอกว่ารพีพงษ์ ตั้งแต่หัวจรดเท้าก็เป็นแค่เศษสวะไม่ใช่เหรอ?
ทำไมคนของหมาป่าดำพออยู่ภายใต้เงื้อมมือของ ถึงได้เปราะบางขนาดนี้?”โมไนยมองไปที่ปรางทิพย์ยัง ไม่เข้าใจ
สีหน้าของปรางทิพย์ก็ดูตกใจเช่นกัน แล้วพูด
ว่า: “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงเป็นแบบนี้ รพีพงษ์ก็ เป็นแค่แมงดาจริงๆนะ ไม่อย่างนั้นที่เมืองริเวอร์จะข่าว แพร่กระจายมากมายขนาดนั้นได้ยังไง”
ทั้งสองคนก็พูดไม่ออก ตอนแรกเขานึกว่าให้คน ของหมาป่าดำมาจัดการกับรพีพงษ์ ยังไงรพีพงษ์ก็ ทุกข์ทรมานแน่ แต่ดูตอนนี้ ก็เป็นพวกเขานั่นแหละที่ คิดมากไปเอง
หลังจากทั้งสี่คนล้มลงกับพื้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วย
ความกลัวก็มองมาที่รพีพงษ์ ในตอนนั้น พวกเขาถึงรู้ว่า ตัวเองยังห่างไกลจากรพีพงษ์มาก ไม่ใช่จัดการได้ ง่ายๆเหมือนกับที่พวกเขาคิด
รพีพงษ์เดินเข้าไปหาคนทั้งสี่ จ้องมองทั้งสี่คน อย่างเย็นชา และพูดอย่างเย็นชา: “พูดสิใครเป็นคนส่ง พวกแกมา”
ชายหัวโจกคนนั้นมองไปที่รพีพงษ์อย่างเกลียดๆ และพูดว่า: “พวกเราเป็นคนของหมาป่าดำ ถ้าแกยัง กล้าลงมือละก็ ถ้าเกิดหมาป่าดำรู้เรื่อง ไม่ปล่อยแกไป แน่”
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว เมื่อวานนี้เขาและจิรายุศก็ทาน ข้าวด้วยกัน หลังจากที่หมาป่าดำได้ยินว่ารพีพงษ์เป็นพี่ ใหญ่ของจิรายุศ ก็ให้ความเคารพต่อรพีพงษ์อย่าง จิตใจที่ซื่อสัตย์ภักดีเหมือนลูกน้อง แล้วจะปล่อยให้คน มาหาเรื่องเขาได้อย่างไร
“ทั้งอำเภอหยก กล้าชื่อหมาป่าดำมีเพียงคนเดียว เมื่อแก่รู้จักชื่อเสียงของหมาป่าดำอย่างนั้นก็รีบคุกเข่า ลงขอโทษพวกฉันซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะโทรหาพี่ใหญ่ ฉันตอนนี้ ถึงตอนนั้นแกตายแน่”ชายหัวโจคนนั้นกกล่า
ว
“หมาป่าดำไม่กล้าส่งคนมาหาเรื่องฉันแน่ บอกมา
LEGO “ที่แกพูดคือหมาป่าดำที่มีชื่อเสียงที่สุดในอำเภอ หยกใช่มั้ย?”รพีพงษ์ถามตกลงใครส่งพวกแกมา?”รพีพงษ์ถาม
ทั้งสี่คนหัวเราะเสียงดัง เสียงนั้นเต็มไปด้วยความ เย้ยหยัน “ไอ้น้อง แมร่งแกคิดว่าแกเป็นใคร ถึงคิดว่าพี่ ใหญ่ของเราไม่กล้าหาเรื่องแก ทั้งอำเภอหยก นอกจาก ท่านยุด ก็ไม่มีใครที่พี่ใหญ่เราไม่กล้ามีเรื่องด้วย!”ชาย หัวโจกคนนั้นกล่าว
โมไนยและปรางทิพย์เห็นว่ารพีพงษ์เริ่มถามทั้งสี่ คนใครเป็นคนส่งมา ก็ตื่นตระหนก และรีบลงจากรถ
“แคลร์ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม เมื่อกี้อันตรายมาก เลย เราก็ว่าจะลงรถมาช่วยอยู่ แต่คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์ก็ เก่งเรื่องต่อสู้มาก แถมยังจัดการพวกเขาได้ด้วย “ปราง ทิพย์เดินไปอยู่ที่ข้างๆอารียา แล้วแสร้งถามคำสองคำ ด้วยความห่วยใย
อารียาเบะปาก และรู้สึกว่าปรางทิพย์เป็นคนเจ้า เล่ห์จริงๆ เมื่อตอนที่ทั้งสี่คนเข้ามา โมไนยและปราง ทิพย์รีบขึ้นรถไปก่อนเลย ดูแล้วไม่เหมือนจะมาช่วย พวกเขาเลย LEGO
โมไนยเหลือบไปมองรพีพงษ์ แล้วพูด: “รพี พงษ์ ในเมื่อนายก็จัดการพวกเขาจนล้มลงแล้ว พวก เรารีบออกจากที่นี่กันเถอะ”
“ฉันต้องการที่จะรู้ว่าใครเป็นส่งพวกมันมา ถ้าพวก มันไม่บอก วันนี้ก็อย่าคิดที่จะไปจากนี่” รพีพงษ์กล่าว โมไนยก็บ่นด่าว่าในใจ แล้วพูดว่า: “เมื่อกี้นายไม่ได้ยินเหรอว่าพวกเขาบอกพวกเขาเป็นคนของหมาป่า ดำนะ หมาป่าดำคือพี่ใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดในอำเภอ หยก นี่นายยังจะต่อกรกับหมาป่าดำเหรอ? รีบไปกัน เถอะ มันไม่ดีสำหรับนายเลยนะ”
“หมาป่าดำแล้วยังไง? ถ้าหากพวกมันไม่พูด ตอนนี้ ก็เรียกหมาป่าดำมา ฉันจะถามดูเอง พวกมันใช่หมาป่า ดำส่งมาหรือเปล่า”สีหน้าของรพีพงษ์ ไม่แยแส
“รพีพงษ์ นายสมองน้ำเข้าหรือไง! ก็บอกกับนาย แล้วว่าหมาป่าดำเป็นคนใหญ่โตในของอำเภอหยก นายไม่ควรมีเรื่องด้วย ทำไมนายถึงมุ่งมั่นขนาด นั้น”ปรางทิพย์ก็กังวลขึ้นมา
รพีพงษ์หันไปมองโมไนยและปรางทิพย์ แล้ว ถาม: “นี่มันเป็นเรื่องระหว่างฉันกับพวกมัน พวกเธอจะ กังวลอะไร?” ปรางทิพย์และโมไนยก็แสดงสีหน้า ท่าทางออกมาอึดอัดเล็กน้อย แน่นอนว่าพวกเขากลัว หากรพีพงษ์ว่าพวกเขาเป็นคนทำ พวกเขาก็จะมีปัญหา
“ทำไมนายพูดแบบนี้ เรากังวลแล้วจะทำไม ถ้า นายไปมีเรื่องกับหมาป่าดำเราก็จะซวยตามพวกนายไป ด้วย นี่เรายังคิดแทนตัวเองไม่ได้เหรอ?”ปรางทิพย์ กลอกตาไปมา แล้วรีบพูด “ถ้าพวกเธอกลัวจะซวยไปด้วย ก็รีบออกไปตอนนี้
เลย ฉันไม่ได้บังคับให้พวกเธออยู่รอด้วย”รพีพงษ์
กล่าว
ปรางทิพย์ก็พูดไม่ออกทันที เธอคิดไม่ถึงรพีพงษ์จะจริงจังขนาดนี้
โมไนยจ้องมองไปที่ชายหัวโจกคนนั้นอย่าง อ้อนวอน หวังว่าเขาจะออกจากที่นี่ไปเอง คนที่เป็นชายหัวโจกคนนั้นก็ยังคงมีจรรยบรร และ
ไม่ได้ตั้งใจที่จะชื่อโมไนยและปรางทิพย์ออกไปอยู่
แล้ว
แน่นอน ว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกไป เพราะคิดว่ายังไงรพีพงษ์ก็สู้หมาป่าดำไม่ได้แน่นอน ถ้า รพีพงษ์ยังจะบังคับให้เขาพูด พวกเจาก็จะเรียกหมาป่า ดำมา ยังไงหมาป่าดำก็จะช่วยพวกเขาสั่งสอนรพีพงษ์
แน่
“พวกแกจะบอกไม่บอก ถ้าไม่บอก ฉันก็จะไม่ เกรงใจแล้วนะ”รพีพงษ์ก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว
ชายหัวโจกคนนั้นมองไปที่รพีพงษ์แล้วหัวเราะ เยาะ และพูดว่า: “อย่ามาหลอกพวกเราเลยดีกว่า ถ้า แกยังกล้าแตะต้องพวกฉันอีกครั้ง ฉันก็จะเรียกพี่ใหญ่ ของพวกเรามา ถึงตอนนั้นแกก็ต้องรับผิดกับเรื่อง ทั้งหมด “รพีพงษ์ยกขาขึ้น แล้วเตะลงขากับคนที่อยู่ ใกล้ที่สุด
แกรักดังขึ้น ขาของชายคนนั้นหักทันที
“โอ๊ยยยยย!! เจ็บจะตายแล้ว”ชายคนนั้นอดไม่ ได้ที่จะร้องโหยหวน ไม่กี่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตก ตะลึง คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะกล้าลงมือหักแบบนี้เลยพูดว่าทำก็ทำ ไม่มีแม้แต่ความลังเล
“เรียกหมาป่าดำมาเดี๋ยวนี้ ฉันจะถามเขาเองเลย นี่ มันเรื่องอะไรกัน”รพีพงษ์กล่าว โมไนยพูดขึ้นทันที: “รพีพงษ์ นายบ้าไปแล้วเหรอ
ถ้ารอให้หมาป่าดำมาจริงๆ นายตายแน่ นายหักขาคน
ของเขา นายนึกว่าเขาจะปล่อยนายไปเหรอ?”
ปรางทิพย์พูดต่อ: “นายรู้ไหมว่าไหนทำแบบนี้ จะ ส่งผลกระทบต่อพวกเรามากขนาดไหน ที่สำคัญคือ ทำให้ทั้งตระกูลเขมพงศ์เกี่ยวข้องไปด้วย ถ้าตอนนั้น หมาป่าดำหาเรื่องพวกเรา นายสามารถรับผิดชอบนี้ได้ หรือไม่?”
“ฉันบอกแล้วนะ ถ้าหากพวกเธอกลัวจะเกี่ยวข้อง ไปด้วย ไปตอนนี้เลยก็ได้แล้ว ฉันไม่ได้ขอให้พวกเธอ อยู่” รพีพงษ์พูดย้ำอีกครั้ง
“เย็แมร่ง แกหักขาน้องชายฉัน ตอนนี้ต่อให้แกไป ก็ไม่ได้ แกรอนี่เลยนะ ฉันจะโทรเรียกพี่ใหญ่ฉัน มา!”ชายหัวโจกคนนั้นก็กังวล ก็เลยโทรหาหมาป่าดำ บอกตำแหน่งที่อยู่ให้หมาป่าดำ ให้เขารีบพาคนมาด้วย
โมไนยเห็นว่าชายหัวโจกคนนั้นโทรหาหมาป่า ดำ สีหน้าก็เปลี่ยน หันไปมองปรางทิพย์ แล้วพูด: “มัน อยากตาย แต่เราไม่ได้อยากตาย เรารีบไปกันเถอะ”
ปรางทิพย์เหลือบมองไปที่อารียา แล้วพูด: “เห็น แก่ความเป็นญาติของเรา ฉันขอเตือนเธออีกครั้ง เธอแน่ใจว่าจะไม่ไปกับเรา? เดี๋ยวถ้าหมาป่าดำพาคนมา เธออยากจะไปก็ไปไม่ได้”
อารียาหายใจลึกๆ แล้วพูด: “รพีพงษ์อยู่ที่ไหนฉัน ก็อยู่ที่นั่น” ปรางทิพย์เห็นอารียาพูดเช่นนี้ จึงไม่ลังเล ต่อไป รีบขึ้นรถของโมไนย ทั้งคู่ก็ขับรถออกจากที่ จอดรถ
ถึงข้างนอก สีหน้าปรางทิพย์เต็มไปด้วยความ กังวล แล้วถาม: “คุณสามี นายว่าถ้าเกิดคนพูดนั้นพูด ชื่อว่าเราสองคนออกไปจะทำยังไงดี?”
โมไนยยิ้ม แล้วพูด: “เรื่องนี้เธอก็คิดมากไป เธอก็ ไม่ดูว่าหมาป่าดำเป็นคนแบบไหน เธอคิดว่ารอให้ หมาป่าดำมา รพีพงษ์ยังจะอวดเก่งได้ขนาดนี้เหรอ?”
“เมื่อหมาป่าดำเห็นว่าคนของตัวเองถูกหักขา ยังไง ก็ไม่ปล่อยรพีพงษ์ไปแน่นอน ถึงตอนนั้นแล้วรพีพงษ์ จะมีโอกาสที่ไหนถามว่าใครคือคนบงการพวกเขา ไม่ แน่วันนี้ เธอก็มีญาติน้อยลงสองคน “เมื่อปรางทิพย์ ได้ยินโมไนยพูดเช่นนี้ ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ก็รู้สึกโล่งใจ ขึ้นมาทันที
“ที่คุณพูดก็ถูก มีปัญหากับคนของหมาป่าดำ จะมี จุดจบที่ดีได้อย่างไร นี่ฉันคงจะคิดมากไปเอง”
“ดูแล้วอารียาและรพีพงษ์ยังไงก็ตายจริงๆ เมื่อ คิดถึงชะตากรรมของทั้งสองคน ฉันก็ตื่นเต้น จริงๆ”ปรางทิพย์พูดแล้วยิ้ม
“มันก็แค่คนเศษสวะที่มาจากต่างถิ่น ต่อให้มีเงิน แล้วจะทำไม เป็นไปได้เหรอว่าเขาจะสามารถทำให้คน ใหญ่คนโตของอำเภอหยกก้มหัวให้เขา? นี่คงเป็นเรื่อง ไร้สาระ ฉันว่าผ่านวันนี้ไป เธอก็ไม่ต้องอารมณ์เสีย เพราะสองคนนี้อีกต่อไป “โมไนยกล่าวแล้วยิ้ม
ลานจอด
หลังจากที่ชายหัวโจกคนนั้นโทรหาหมาป่าดำ แล้วก็ยิ้มแสยะมองไปที่รพีพงษ์ จากที่เขาดูแล้ว เพียง แค่หมาป่าดำมา รพีพงษ์ก็ถือว่าเป็นคนตายแล้ว
“ไอ้น้อง แกมันก็แค่คนต่างถิ่น กล้ามาอวดดีที่ อำเภอหยกของเรา ไม่กลัวตายจริงๆ หมาป่าดำเป็นคน ที่โหดเหี้ยมที่มีชื่อเสียงในอำเภอหยกของเรา เมื่อเขา มาถึง แกจะอยู่ไม่ไกลจากความตายเลย” ชายหัวโจก คนนั้นกล่าว
รพีพงษ์เหลือบไปมองเขา แล้วถาม: “แกรู้ได้ยังว่า ฉันเป็นคนต่างถิ่น?”หัวโจกคนนั้นก็พูดไม่ออก นี่ก็เป็น เพราะโมไนยเป็นคนบอกเขาเอง แต่เขารับเงินของ โมไนยมาแล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถบอกชื่อของ โมไนยไปได้
“รพีพงษ์ จะไม่เป็นอะไรแน่ใช่มั้ย?”ในตอนนั้นรพี พงษ์มองไปที่อารียาก็กังวลขึ้นมา
รพีพงษ์ยิ้มให้กับเธอ แล้วพูดว่า : “ไม่เป็นอะไร ถ้า หากว่าเป็นหมาป่าดำคนนั้นละก็ เรื่องนี้ก็จัดการได้ ง่ายๆ”
ชายหัวโจกคนนั้นก็หัวเราะเยาะ คิดในใจแกก็ยัง กล้าพูดจาโอ้อวดอีก พูดอย่างกับว่าหมาป่าดำเป็นลูก น้องของแกเลย
หลังจากไม่นาน กลุ่มคนที่น่ากลัวก็มาถึงที่ลาน จอดรถ คนที่นำมาก็คือหมาป่าดำ หมาป่าดำตัวไม่สูง มี ผิวสีเข้ม เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ และดวงตาที่แข็งกร้าว มาก ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกอันตรายมาก
ชายหัวโจกคนนั้นเห็นว่าหมาป่าดำพาคนมา ดวงตาก็เปล่งประกาย เขาและอีกสองคนรีบช่วยพยุง ชายที่ขาหักขึ้นมา และวิ่งเข้าหาหมาป่าดำ
“พี่ใหญ่ ในที่สุดพี่มาสักที น้องสี่ถูกหักขาไปข้าง หนึ่ง ไอ้หมอนั่นยังท้าทายพี่ ว่าพี่มาแล้วก็ไม่กล้าแตะ ต้องมัน รอบนี้ยังไงพี่ก็ต้องช่วยเรานะ!”ชายหัวโจกคน นั้นสีหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ
หมาป่าดำเหลือบมองไปที่เขา แล้วถาม: “ในอำเภอ หยกนอกจากท่านยุดแล้ว ก็ยังมีใครที่ฉันไม่กล้าแตะ อีกเหรอ?”
“ใช่แล้วพี่ใหญ่ พวกเราก็พูดแบบนี้ แต่คนอวดดี คนนั้นไม่เอาเราไว้ในสายตาเลย พี่ต้องทำให้เขารู้ว่าพี่ ยิ่งใหญ่ขนาดไหน”หัวโจกคนนั้นพูด
จากนั้นเขาก็เดินไปหารพี่พงษ์ แล้วชี้ไปที่หน้ารพี พงษ์แล้วพูด: “พี่ใหญ่ ก็คือมัน”หมาป่าดำเหลือบมองไป ที่รพีพงษ์ จากนั้นก็มีเสียงในใจก็หน่ำอย่างรุนแรง
เป็”เข้ นี่ไม่ใช่คนที่ขนาดท่านยุดเคารพนับถือเห รอ ทำไมถึงเป็นเขา? ที่ผ่านมา ในอำเภอหยกคนที่ หมาป่าดำ ไม่กล้าแตะต้อง ก็มีแต่ท่านยุด แต่ตอนนี้ไม่ เหมือนเดิมแล้ว นอกจากท่านยุด ก็เพิ่มมาอีกท่าน ก็คือ ท่านที่อยู่ตรงหน้าเขา!