พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่186

บทที่186

บทที่186 ฉันเตือนนายว่าอย่าซื้อ

ห้างสรรพสินค้าหินหยก

ที่นี่เป็นสถานที่ที่โด่งดังที่สุดในห้างสรรพสินค้า อำเภอหยกมีชื่อเสียงในเรื่องหินหยาบ ผู้คนในอำเภอ หยกมีความหลงใหลในหินหยาบ

ตามที่กล่าวไปคือมันทำให้กลายเป็นเศรษฐี ทำให้ เศรษฐีกลายเป็นยาจก การพนันหินเป็นสิ่งที่ทำให้คน เสพติดมากมาย ผู้คนในอำเภอหยกก็เสพติดเช่นกัน หวังว่าสักวันจะกลายเป็นเศรษฐีจากการพนันหิน

การเดิมพันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในเมืองอำเภอ หยกมีทายาทเศรษฐีมากมายก็กลายเป็นเศรษฐีมาจาก การพนันหิน บางครั้งหินหยาบบางก้อนพนันถูก ชาตินี้ ก็มีกินมีใช้ตลอดไป

“การพนันหินนั้น ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องที่ยาก ผม ติดตามกับท่านยุดมานาน ดวงตาคู่ก็ได้รับการฝึกฝน มาเป็นอย่างดี ถ้าเกิดตอนนี้ไม่ได้ติดตามท่ายุดมา ถ้า พนันแต่หินอย่างเดียว ฉันก็ยังสามารถสร้างรายได้ เพียงพอสำหรับชีวิตที่เหลือ “โมไนยกล่าวด้วยใบหน้าที่ ภูมิใจ

ปกติเขาติดตามจิรายุศ ก็เพื่อจัดการกับปัญหาหิน หยก แต่งานของเขาก็คือการช่วยจดบันทึก จัดการขนส่งกลับไป

หินแร่เหล่านั้นถูกคัดเลือกออกมาโดยมือของจิรา ยุศ แต่โมไนยแค่ติดตามอยู่ข้างๆ ก็เรียนรู้จากสิ่งที่ เห็นสิ่งที่ฟังเป็นประจำโดยปริยาย ก็เข้าใจเป็นบาง ส่วน

ถ้าให้เขาไปพนันหิน เพียงแค่ระดับอย่างเขา กลัว

จะขาดทุนย่อยยับ “ว้าว โมไนย นายเก่งขนาดนี่เลยเหรอ อย่างนั้น

ตอนนี้เราไปซื้อหินหยาบหนึ่งก้อน ไม่แน่เราอาจได้เงิน

มากก็ได้”ปรางทิพย์พูดด้วยแวดตาที่เปล่งประกาย

ไม่ไนยก็รู้อึดอัดทันที เขาเพียงแต่ต้องการแค่ที่ จะพูดจาโอ้อวดเฉยๆ คิดไม่ถึงปรางทิพย์จะเอาจริง

ราคาของหินหยาบหยกถูกกว่าหยกมาก แต่ราคา ก้อนหินก้อนหนึ่งก็ไม่ใช่ถูกๆ ลักษณะท่าทางของทุก คนดูมีหวังมากเลย ไม่สามารถลงได้ถ้าไม่มีเงินแสน กว่า แต่เขากลับพูดอวดเรื่องนี้ออกไปแล้ว ตอนนี้อยาก จะคืนคำก็ยาก

ที่สำคัญคือตอนนี้รพีพงษ์และอารียาก็อยู่ตรงนี้ ด้วย เขาไม่สามารถทำให้ปรางทิพย์เสียหน้าได้ เนื่องจากปรางทิพย์พูดว่าอยากซื้อหินหยาบ เขาทำได้ เพียงแค่กัดฟันตอบตกลง

พวกเขาทั้งสี่คนเดินไปยังพื้นที่แสดงสินค้าหิน หยาบพร้อมกัน ใบหน้าของปรางทิพย์และโมไนยเต็มไปด้วยความตั้งใจมองไปที่หินหยาบพวกนั้น ราวกับจะ เลือกรูปลักษณ์สมบัติออกมา

รพีพงษ์จ้องไปที่หินหยาบด้านบน จากนั้นก็ยิ้ม และพูดว่า: “สีและความหนาแน่นของหินเหล่านี้ค่อน ข้างแย่ ก็จะผ่าออกมาก็ไม่มีน้ำดีอะไร ที่วางอยู่ในห้าง สรรพสินค้าพวกนี้ ก็เพื่อหลอกล่อพวกที่มีฝีมือครึ่งๆ กลางๆ พวกที่สามารถผ่าออกมามีน้ำดี ก็คงไม่มาวาง ขายที่นี่ และจะถูกขายโดยการประมูล”

อารียาได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็เบิกตากว้าง ทันที มองไปที่รพีพงษ์แล้วถามว่า: “นายรู้เรื่องพวกนี้ ด้วยเหรอ?”

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูดว่า: เมื่อก่อนว่างๆเบื่อๆอยู่ก็ เคยศึกษามาบ้าง หินหยกกับของโบราณก็ไม่แตกต่าง กันมาก ดวงตาของฉันที่ดูหินหยาบ และดูของโบราณ ก็ไม่ต่างกันมาก”

อารียารู้ว่าความสำเร็จด้านของเก่าแก่ของรพีพงษ์ นั้นดี ครั้งที่แล้วผู้ประเมินหลักคนแรกของเมืองริเวอร์ อยู่ในมือของรพีพงษ์ นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะเห็นว่าความ สามารถของรพีพงษ์ดีเพียงใด

ตอนนี้เขาบอกว่าความสามารถของตัวเองด้าน หยกนั้นใกล้เคียงกับของโบราณ อารียาก็ไม่มีข้อ สงสัยใดๆ

เพียงแต่เธอสงสัยเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้ของตัวเอง บนตัวเขานั้นซ่อนความสามารถที่เธอไม่รู้ไว้อีกมากมาย

หลังจากนั้นไม่นาน โมไนยก็ถูกใจหินที่มีสีและ ความแวววาว หินก้อนนี้มองไปแล้ว สวยงามมากแสงสี เขียวริบหรี่ปรากฏขึ้นบนพื้นผิว ซึ่งเป็นลักษณะของ หยก

โมไนยมองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว และพบว่าไม่มี ใครสนใจหินก้อนนั้น เขาจึงรีบเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้น

มา

“ปราง ครั้งนี้เราโชคดีจริงๆ หินก้อนนี้ผ่าออกเป็น หยกอย่างแน่นอน คุณดูที่นี่ แค่มองจากภายนอก ก็ สามารถมองเห็นสีด้านใน ข้างในนี้ต้องเป็นหยกอย่าง แน่นอน!”โมไนยพูดอย่างตื่นเต้น

ปรางทิพย์ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ เมื่อได้ยินโมไนย พูดสามารถผ่าออกมาเป็นหยกอย่างแน่นอน ดวงตาก็

เบิกกว้าง “แต่ว่าคุณสามี ถ้าหินก้อนนี้สามารถผ่าออกมาเป็น หยกอย่างแน่นอน แต่ทำไมคนพวกนั้นถึงไม่ทันสังเกต

เห็นหินก้อนนี้ละ?”ปรางทิพย์ถามอย่างไม่เข้าใจ

โมไนยยิ้มขึ้นมาทันที แล้วพูด: “หินก้อนนี้เพิ่งจะ วางออกมายังไม่มีใครเห็น เราโชคดี และบังเอิญเจอ มัน วันนี้เก็บรอยรั่วใหญ่ได้ ถ้าผ่านี่ออกมา มีความเป็น ไปได้ที่จะขายต่อในราคาหลายล้าน ”

ในเวลานี้ผู้คนไม่น้อยที่อยู่ด้านข้างสังเกตเห็นก้อนหินในมือของโมไนย ก็โน้มตัวเข้ามาดูทันที

และเริ่มยกย่องขึ้นมา

“น้องชาย สายตานายนี่ดีจริงๆ หินก้อนนี้ดูแล้วผ่า ออกก็เป็นหยกแน่”

“ใช่แล้ว ผิวสีเขียว หินแบบนี้พบเจอได้น้อยนะ น้องชาย นายจะเอาไม่เอา ถ้าไม่เอาก็ให้ฉันเถอะนะ”

“โธโธ่ ทำไมฉันถึงไม่โชคดีแบบนี้บ้าง ก้อนหิน ก้อนนี้ถ้าเกิดฉันเห็นก่อนก็คงจะดีมาก”

เมื่อฟังคำชมของผู้คน โมไนยก็ยิ่งเชื่อมั่นว่าหิน ก้อนนี้จะผ่าออกมาเป็นหยก ใบหน้าเต็มไปด้วยความ ภูมิใจ

แล้วรพีพงษ์จ้องมองไปที่หินก้อนนั้น สังเกตเห็นว่า หินก้อนนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นสีเขียว แต่สีนี้ก็ค่อนข้างแตก ต่างจากสีเขียวหยก

เพราะเขารู้ดีเกี่ยวกับด้านการพนันหินเป็นอย่าง มาก รพีพงษ์รู้ว่ามีหินชนิดหนึ่ง คือพ่อค้าทำขึ้นเป็น พิเศษเพื่อหลอกลวงลูกค้า และให้พวกเขาเสียเงินซื้อ ดังนั้นจึงตั้งใจทำสีก้อนหินออกมาเป็นพิเศษ

ที่เรียกว่าการฉีดสี ก็คือนั่นคือการทำหลุมตื้นๆใน หินหยาบ ฉีดสีเขียวและปิดผนึก เพื่อให้คนหลงกลเห็น สีเขียวภายในผ่านผิวชั้นนอกได้
หินก้อนนี้เป็นหินฉีดสีอย่างเห็นได้ชัด

คนส่วนใหญ่ที่อยู่นี่มีความสามารถแค่ครึ่งเดียว ไม่รู้เรื่องก็เป็นเรื่องธรรมดาภายในของธุรกิจ ดังนั้นจึง คิดว่าโมไนยได้ของดี

“หินก้อนนี้ผ่านดีไม่ออกมาหรอก ทางที่ดีนายซื้อ ดีกว่า”รพีพงษ์กล่าว

โมไนยยิ้มทันทีเหลือบมองไปที่รพีพงษ์ด้วย สายตาเย้ยหยัน และกล่าวว่า: “นายจะไปเข้าใจอะไร นายก็แค่คนที่ซื้อแต่กระเป๋าสินค้าลดราคา แล้วจะดู ออกได้อย่างไรว่าหินก้อนไหนดี ฉันติดตามท่านยุดมา

นานขนาดนี้ หินก้อนนี้ดีไม่ดีก็สามารถมองออกได้” เขารีบหันหน้าไปมองพนักงานที่อยู่ใกล้ๆทันที และพูดว่า: “หินก้อนนี้ราคาเท่าไหร่ ฉันจะเอา”

เมื่อเห็นสิ่งนี้พนักงาน ก็รีบวิ่งมาทันที และพูดด้วย รอยยิ้ม: “คุณชาย สายตาคุณดีมากเลย หินก้อนนี้ เป็นหินที่วันนี้เรามีโอกาสค้นพบหินหยก ถ้าเกิดคุณจะ เอา ก็ลดราคาให้ คิดเป็นสามแสน”

หลังจากได้ยินสามแสน โมไนยก็ลังเลทันที นี่ ไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลย เมื่อเทียบกับเงินเดือนครึ่งปี ของเขา

เมื่อรพีพงษ์เห็นว่าโมไนยยืนกรานจะซื้อหินก้อนนี้ ก็เตือนเขาอีกครั้ง: “ก้อนหินก้อนนี้ไม่ได้ดีเหมือนกับที่ นายคิด ถ้าเกิดนายซื้อ นายจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน”

ตอนแรกโมไนยก็ลังเล แต่เมื่อไรพีพงษ์พูดแบบนี้ มา ก็รู้สึกรำคาญขึ้นมาเล็กน้อย และพูด:”ให้ตายเถอะ ยังไงวันนี้กูก็จะซื้อก้อนหินก้อนนี้ นายมันจะไปรู้อะไร พูดอยู่ได้ ฉันว่านายคงอิจฉาฉันที่จะทำเงินได้ ทำไม ตัวนายเองไม่มีปัญญาซื้อ ก็เลยไม่อยากให้ฉันซื้อเห รอ?”

เมื่อเห็นโมไนยพูดเช่นนี้ รพีพงษ์ก็เบะปาก และไม่ สนใจเขา

ถ้าเขาอยากจะโดนหลอกลวงขนาดนั้น งั้นก็ให้ เขาเสียเงินซื้อเป็นบทเรียนละกัน

ปรางทิพย์เหลือบไปมองรพีพงษ์อย่างรังเกียจ แล้วพูด: “นายมันก็เป็นแค่แมงดาที่เกาะชายกระโปรง ผู้หญิงกิน ยังกล้าที่จะมาชี้แนะให้โมไนย โมไนยเป็น ถึงคนที่ติดตามท่านยุด สายตาของเขาจะผิดพลาดได้ ยังไง ฉันว่านายอิจฉามากกว่า ตัวเองกินองุ่นไม่ได้แต่ กลับบอกว่าองุ่นเปรี้ยว”

ผู้คนรุมรอบต่างมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความดูถูก เล็กน้อย โดยคิดว่ารพีพงษ์อิจฉาโมไนย ดังนั้นจึง จงใจพูดแบบนั้นเพื่อสร้างปัญหา

พนักงานรับรู้ถึงความยุ่งยากของหินก้อนนี้ดี เมื่อ รพีพงษ์พูดเช่นนี้ เท่ากับการขัดขวางธุรกิจของเธอ เธอก็ค่อนข้างไม่พอใจ
“คุณผู้ชายท่านนี้ ถ้าคุณไม่ซื้อก็อย่าพูดจาเหลว

ไหล พนันหิน มันก็เป็นองค์ประกอบของการพนัน แม้ว่าจะมีความหวัง แต่เมื่อยังไม่ได้ผ่าออกมา ไม่มีใคร รู้ว่าข้างในมีอะไรอยู่ คุณพูดแบบนี้ เท่ากับว่าขัดขวาง ธุรกิจของเรา ถ้าคุณยังพูดแบบนี้อีก ฉันก็ทำได้แค่ขอ ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไล่คุณออก ไป”พนักงานกล่าวว่า

“ผมว่าน่าจะพวกคุณก็ควรไล่เขาออกไปเดี่ยว นี้”โมไนยพูด

“ตกลงว่านายจะเอาไม่เอา ถ้าไม่เอาก็ให้ฉัน ฉันจะ

ซื้อ”ในเวลานี้มีคนพูดว่า โมไนยพูดทันที: ” เอาสิ ทำไมจะไม่เอา ฉันจะจ่าย

ตอนนี้ รูดการ์ด จ่ายเงินเสร็จก็ผ่าเลย”

เขายื่นการ์ดธนาคารให้กับพนักงาน พนักงานรูด บัตรทันทีด้วยรอยยิ้ม หลังจากได้รับเงินเขาก็เอาใบ เสร็จให้โมไนย จากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า: “คุณผู้ชาย จำ ได้นะคะ ว่าการพนันก้อนหินนั้นก็เป็นการพนัน ต่อให้ จะมีความหวัง มันอาจจะแตกต่างไปจากที่คุณคิด”

ใบหน้าของโมไนยเต็มไปด้วยมั่นใจ และกล่าว ว่า: “หินก้อนนี้สามารถผ่าหยกชั้นดีออกมาได้แน่นอน ฉันซื้อมาในราคาสามแสน และถึงตอนนั้นจะขายได้ หลายล้าน”

เมื่อเห็นพนักงานความมั่นใจในตัวเองของโมไนย ก็แอบขำในใจ จากนั้นก็ให้คนมาผ่าหินก้อนนั้น
โมไนยเหลือบไปมองรพีพงษ์ ยิ้มแล้วพูด: “ราคา ของหินก้อนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

นายรอดูอิจฉาได้เลย ฉันจะบอกนายนะ ต่อให้ นายจะอิจฉาก็ไม่มีประโยชน์ นายก็อย่าหวังเลยว่าถ้า ผ่าก้อนหินก้อนนี้ของฉันผ่าได้น้ำไม่ดีออกมา จาก ประสบการณ์ของฉัน ก้อนหินก้อนนี้ยังไงก็สามารถทำ เงินได้แน่นอน!”

ปรางทิพย์เดินตามไปด้วยและตะโกนว่า: “มีเพียง คนกล้าหาญแบบโมไนยเท่านั้นที่สามารถทำเงินได้ มากมาย ต่างจากนาย นายแค่ซื้อกระเป๋ายังต้องซื้อ สินค้าลดราคา นายรอแค่ให้หินของโมไนยถูกผ่าออก และขายได้เงินมากมายละกัน รออิจฉาได้เลย”

รพีพงษ์ดูไม่แยแส คิดในใจว่าเมื่อหินถูกผ่าออก จริงๆ พวกคุณก็จะเสียใจ

อารียาก็ยิ่งเชื่อรพีพงษ์ และเธอก็จับกระเป๋าในมือ ของเธอ ในแง่ของพื้นผิว กระเป๋าใบนี้ดูเหมือนสินค้า ลดราคาเลย ที่สำคัญคือเธอไม่เคยเห็นสินค้าลดราคา ที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้มาก่อน.. LEGO

ไม่นาน คนที่รับผิดชอบในการผ่าหินในห้างสรรพ สินค้าก็ผ่าหินของโมไนยฝั่งเดียวตามความคิดของ เขา

โมไนยดวงตาสองข้างจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อเห็น ว่าหินถูกผ่าออก ส่วนของหินธรรมดาก็ปรากฏขึ้น โมไนยก็ตื่นตระหนกทันที
“ไม่ใช่ มุมที่ผ่ามาไม่ถูกต้อง คุณเปลี่ยนทิศทางใน การผ่าแล้วค่อยผ่า”โมไนยพูด

คนคนนั้นรีบเปลี่ยนทิศทาง ปรากฏว่าผ่าออกมาก็ เหมือนกัน ยกเว้นว่าผิวหนังเป็นสีเขียวเล็กน้อย ส่วนที่ เหลือก็เป็นเพียงหินธรรมดา

โมไนยตกตะลึง เขาใช้เงินสามแสนเพื่อซื้อก้อน

หินธรรมดา

“คุณสามีค่ะ หินก้อนนี้ดูเหมือนจะไม่ต่างจากหิน

ธรรมดา จะขายได้เป็นล้านจริงหรือ?”ปรางทิพย์ถาม อย่างสงสัย

โมไนยตะโกนทันที: “ขายอะไรละ ก้อนหินก้อนนี้ ขายสิบหยวนยังขายไม่ได้เลย! ฉันถูกโกงแล้ว!”

ในเวลานั้นคนที่บอกว่าหินก้อนนี้ผ่าออกมามีน้ำดีก็ ต้องหุบปากทันที และคนที่ยังต้องการซื้อหินก้อนนี้ก็ รู้สึกโชคดีในใจ โชคดีที่โมไนยซื้อมา ไม่เช่นนั้นเขาก็ จะเสียเงิน

โมไนยมองไปที่พนักงานทันที และขู่คำราม: “พวก แกคนหลอกลวง คืนเงินฉันมา!”

พนักงานกลอกตามาที่เขา แล้วพูด: “ฉันก็บอกคุณ ตลอดเวลา การพนันก้อนหินคือการเดิมพัน ไม่มีใครรู้ ว่ามีอะไรอยู่ข้างในก่อนที่จะผ่ามัน และเรายังระบุราคา ไว้อย่างชัดเจน คุณเป็นคนที่จะซื้อเอง ไม่ได้ผ่าของดี ออกมา คุณก็อย่าไปโทษคนอื่น”
โมไนยกำหมัดแน่นทันที แต่เขาคิดผิดจริงๆ และ ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้พนักงานเดือดร้อน

เขาจ้องมองไปที่รพีพงษ์ และพูดด้วยความ โกรธ: “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแก เป็นเพราะเศษสวะอย่าง แกที่สาปแช่งฉัน ถ้าแกไม่พูดจาเหลวไหล หินก้อนนี้ก็ ผ่าน้ำดีออกมาได้ แก่จ่ายคืนมาให้ฉันสามแสนเลย!”

รพีพงษ์เหลือบมองเขาไม่มีคำพูด และพูดว่า “ฉัน เตือนนายแล้ว แต่นายต้องการจะซื้อเอง จะมาโทษคำ พูดของฉัน สามารถเปลี่ยนคุณภาพของหินก้อนนี้ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันก็กลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกนี้ ไป”

“แกแมร่งพูดจาเหลวไหลว่ะ! ฉันไม่สน นายต้อง คืนเงินให้ฉัน!”โมไนยก็อิจฉาทันที นั่นเป็นเงินเดือน ครึ่งปีของเขาเลยนะ เสียไปเปล่าๆแบบนี้ เขาก็รู้สึก

เจ็บใจ

“นายก็อย่ามาไร้เหตุผลที่นี่เลย รพีพงษ์ก็เตือน นายอย่างหวังดี นายกลับอยากจะเอาแต่ชนะ หน้าไม่ อายจริงๆ”อารียาพูด

โมไนยกัดฟัน รู้ว่าตัวเองคิดผิด ดังนั้นเขาจึงทำได้ เพียงสาปแช่งรพีพงษ์ในใจเป็นร้อยๆครั้ง

“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง เดี๋ยวมึงก็จะรู้สึกเอง”โมไนย กัดฟันพูดออกมา ทั้งสี่คนออกจากพื้นที่เล่นการพนันหิน โมไนยและปรางทิพย์ต่างมีสีหน้าเศร้าหมอง และคิดว่าที่พวกเสีย เงิน เพราะปากอีกาของรพีพงษ์

แต่ก็รอการแก้แค้นเอาคืนรพีพงษ์และอารียา โมไนยก็ไม่ได้ฉีกหน้าพวกเขา

“แค่สามแสนเอง กูไม่สนใจ ก็แค่เงินเดือนครึ่งปี เอง ต่อให้ไม่มีสามแสนนี้ ยังไงกูก็ดีกว่ารพี่พงษ์ผู้ชาย ที่ซื้อกระเป๋าให้ผู้หญิงตัวเองจากสินค้าลด ราคา”โมไนยปลอบใจตัวเอง

“คุณสามีพูดถูก คุณดีกว่ารพีพงษ์หลายเท่า”ปราง ทิพย์พูด เธอก็เหลือบไปมองอารียา แล้วพูด : “แค ลร์ เธอยังใช้กระเป๋าที่มีซื้อจากสินค้าลดราคาอีกเหรอ น่าอายจริงๆ ฉันว่าเธอทิ้งมันดีกว่า จะได้ไม่ถูกคนอื่น

หัวเราะเยาะ”

อารียาเหลือบมองไปที่กระเป๋าในมือของเธอ แล้ว พูด: “ฉันคิดว่ากระเป๋านี้มันก็ดีนะ อย่างน้อยมันก็ดูสวย LEGO

กว่าของเธอนะ”

ปรางทิพย์เบะปาก แล้วพูด: “ไม่ยอมคุณภาพของ สินค้าจริงไปเลย ของเธอก็เป็นแค่ของลดราคา ต่อให้ สวยจะมีประโยชน์อะไร”

ในเวลานี้มีผู้หญิงหลายคนเดินผ่าน เมื่อพวกเธอ เห็นกระเป๋าในมือของอารียา ก็กรีดร้องขึ้นมาทันที

“นี่มันกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดตอนนี้ของร้านนั่นนี่น่า ราคาใบละตั้งสองแสนห้าหมื่น ว้าววว น่าอิจฉาจัง เธอถือกระเป๋าแพงขนาดนี้!”

“ใช่แล้ว กระเป๋าใบนี้สวยมากจริงๆ แต่แพง เกิน กว่าจะซื้อได้” ” นี่น่าจะเป็นแฟนของเธอที่ซื้อให้ ดีจริงๆ แล้วเมื่อ

ไหร่ฉันจะมีแฟนแบบนี้สักคนนะ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท