พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่208 ขายให้เขาหนึ่งหยวน

บทที่208 ขายให้เขาหนึ่งหยวน

บทที่208 ขายให้เขาหนึ่งหยวน

ระหว่างทางกลับบ้าน อารียาเดินไปไม่กี่ก้าว ก็หันหน้าไป มองรพีพงษ์ บนใบหน้าของเธอนั้นยังแปลกใจไม่หายเลย

รพีพงษ์เห็นว่าอารียาเดินไปไม่กี่ก้าวก็มองตัวเอง ดูแล้ว ค่อนข้างตลก เลยหยุดเดินแล้วมองอารียา และ ถาม: “ทำไมถึงมองฉันอยู่ได้ตลอด”

“นายซื้อกิจการบริษัทของตระกูลฉัตรมงคลจริงเห รอ?”อารียาในที่สุดเธอก็ถามสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกไป

รพีพงษ์พยักหน้า พูด: “บริษัทนี้ก็ถือว่าไม่เลว ถ้าเปลี่ยน เธอเป็นคนรับช่วงต่อ น่าจะสามารถพัฒนาได้ดีขึ้น”

“แต่ว่าตอนนี้บริษัทของตระกูลฉัตรมงคลมีมูลค่าใน ตลาดห้าสิบล้านนะ เงินเยอะขนาด นายจะซื้อมายัง ไง?”อารียาก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อ

“แค่ห้าสิบล้านเอง อย่าลืมสิว่าฉันซื้อหัวใจของดาวศุกร์ ให้เธอมูลค่าสี่สิบห้าล้านเลยนะ “รพีพงษ์กล่าวด้วยรอย ยิ้ม

อารียาถึงค่อยนึกออก ว่าที่บ้านเธอนั้นยังมีของอย่าง หนึ่งที่มีมูลค่าขนาดนี้

ถ้าตอนนี้รพีพงษ์ไม่พูดถึง เธอคงจะลืมมันไปแล้ว เมื่อ

ตอนที่รพีพงษ์ให้สร้อยเส้นนี้กับเธอ เธอก็รู้สึกตื่นเต้น หลัง

จากนั้นเพราะเธอกลัวว่าจะตกเป็นเป้าหมายของสิ่งที่มีค่า

เอากลับไปแล้ว หลังจากนั้นก็ซ่อนมันไว้เป็นอย่างดี
ตอนนี้เมื่อได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด อารียาก็รู้สึกว่าบริษัท ของตระกูลฉัตรมงคลก็ไม่อะไรแล้ว เนื่องจากสร้อยคอ เส้นหนึ่งของเธอกำลังจะเทียบเท่ามูลค่าตลาดของบริษัท ของตระกูลฉัตรมงคลเลย

ที่สำคัญรพีพงษ์เป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์ ถ้าจะซื้อ บริษัทของตระกูลฉัตรมงคล ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

หลังจากที่คิดได้ อารียาก็ไม่แปลกใจเลย เพราะนี่ สำหรับรพีพงษ์แล้ว ก็เป็นเพียงเรื่องปกติเอง

“ใช่แล้ว ช่วงนี้ฉันจะไปที่เมืองริเวอร์สักพัก หลังจากที่ฉัน ไปแล้ว เธออย่าลืมดูแลตัวเองให้ดีนะ” รพีพงษ์คิดว่าตัวเอง ก็จะไปเกียวโตแล้ว ดังนั้นจึงเป็นบอกอารียาก่อนดีกว่า

“นายจะไปแล้วเหรอ? ไปนานแค่ไหน?”หลังจากที่อารียา ได้ยินรพีพงษ์พูดเช่นนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความนิ่งอึ้ง จู่ๆ เธอก็พบว่า ตัวเองยอมรับความจริงไม่ได้กับการที่รพีพงษ์ จะไปจากที่นี่

รพีพงษ์เห็นท่าทางของอารียาแล้ว ก็พูดอย่าง รวดเร็ว: “เธอสบายใจได้ ไปไม่นานหรอก ฉันจัดการ ปัญหาเสร็จก็กลับมาแล้ว”

“งั้น….ฉันไปกับนายด้วยได้มั้ย?”ถามอย่างระมัดระวัง เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถห่างจากรพีพงษ์ได้

“คราวนี้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าพาเธอไปด้วยจะ ลำบาก หลังจากที่รอฉันจัดการเสร็จ กลับมาฉันจะพาเธอไปเที่ยว”รพีพงษ์กล่าว

“ใช่เรื่องของตระกูลลัดดาวัลย์หรือเปล่า?”อารียาเริ่ม

ถาม

รพีพงษ์พยักหน้า

อารียาก็ทำได้เพียงพยักหน้าเช่นกัน และกล่าวว่า :”ก็ได้ นายเองเวลาออกไปข้างนอกก็ต้องระวังตัวด้วยนะถ้าหาก มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรีบโทรหาฉันเลยนะ”

รพีพงษ์ก็ลูบหัวอารียา ยิ้มแล้วพูดว่า: “ไม่ต้องกังวล ไม่มี

อะไรเกิดขึ้นหรอก”

ทั้งคู่ก็เดินกลับถึงบ้าน ศศินัดดาก็รีบเข้าไปถามธายุกร ให้อารียากลับไปทำงานหรือเปล่า อารียามองไปที่รพีพงษ์ แล้วพูดว่า: “เขาให้หนูกลับไป

แต่หนูปฏิเสธไปแล้วค่ะ”

“ลูกโง่ของฉัน ทำไมลูกต้องปฏิเสธด้วยล่ะ งานดีขนาดนี้ ทำไมลูกบอกไม่ก็ไม่ทำเลย”ศศินัดดาพูด

“แม่ค่ะ หนูไม่ต้องการให้ธายุกรเชิญหนูกลับไป รพีพงษ์

จะเป็นคนช่วยให้หนูกลับเข้าที่บริษัทเองค่ะ”อารียากล่าว

“มัน? มันจะช่วยลูกกลับบริษัทได้ยังไง? มันช่วยให้ลูก กลับบริษัทไปทำอะไร?”ศศินัดดาไม่เชื่อ

“ประธาน”อารียากล่าวด้วยรอยยิ้ม

ศศินัดดาหัวเราะเยาะทันที และกล่าวว่า “อย่าล้อเล่นกับฉันนะ ธายุต่างหากที่เป็นประธาน ผู้ชายที่เอาแต่พูดอย่าง แกเหรอ อย่ายืนตะลึงที่นี่นะ รีบไปทำความสะอาดบ้านให้ ฉันเดี๋ยวนี้ แกว่าจะจ้างแม่บ้านไง ไหนล่ะไม่เห็นมีแม่บ้านที่ แกจ้างมาเลย ฉันรู้ว่าแกทำอะไรไม่ได้นอกจากคุย โอ้อวด ”

รพีพงษ์ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเดินตามศศินัดไป ทำความสะอาด และทำความสะอาดสิ่งของอื่นๆ

วันรุ่งขึ้น บริษัทของตระกูลฉัตรมงคล

ในห้องประชุม กลุ่มคนกำลังคุยกันตกอยู่ในสภาพอึดอัด ธายุกรเชิญอารียากลับมาไม่ได้ ดังนั้นเมื่อบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปต้องการขึ้นศาลฟ้องพวกเขา ไม่แน่อาจตรวจสอบ บัญชี เมื่อถึงเวลานั้นถ้าตรวจ ทุกคนในห้องพวกเขา ทั้งหมดก็จบเห่แน่

“ธายุ คุณก็คิดหาทางดู เราควรจะทำยังไงดี ถ้าโครงการ บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปเกิดแดงขึ้นมา รายรับของเราจะน้อย ลงไปกว่าครึ่งหนึ่งเลยนะ”

ธายุกรขมวดคิ้วเช่นกัน เหลือบมองชายคนนั้น และพูด ว่า: “คุณคิดว่าผมไม่รู้เหรอ อารียาไม่ยอมรับ ผมจะทำ อะไรได้ ที่สำคัญมันเป็นเพียงแค่โครงการของบริษัทซัน บับเบิล กรุ๊ปเอง เราก็ไม่ได้มีแค่โครงการนี้ของพวกเขา โครงการเดียว ถึงเวลาผมจะหาโครงการที่ดีกว่าเพื่อร่วม ลงทุนกัน”

ทุกคนถอนหายใจ และรู้สึกว่าพวกเขาโกงเงินไม่เพียง พอจากโครงการของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป
ในเวลานี้มีคนวิ่งเข้าไปในห้องประชุม และพูด ว่า: “ประธาน คนจากบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปมาถึงแล้ว”

“บอกกับพวกเขาว่าผมอยู่กำลังประชุม และให้พวกเขา รอก่อน ธายุกรกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“อะแฮ่มๆ ประธานธายุกรเป็นคนงานยุ่งมากจริงๆ แต่ผม คิดว่าการประชุมนี้น่าจะสำคัญน้อยกว่าธุรกิจของผม ดัง นั้นจึงรีบเข้ามา หวังว่าประธานธายุกรจะไม่ถือสา” เธียร วิชญ์เดินเข้าไปในที่ประชุม

ธายุกรก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว สีหน้าเต็มไปด้วยความ อึดอัดแล้วมองไปที่เธียรวิชญ์ และพูด: “ประธานเธียรวิชญ์ ท่านจะเข้ามายังไง ผมก็เตรียมพร้อมที่จะพบคุณ”

“ไม่จำเป็นละ ผมคิดว่าผู้บริหารทั้งหมดของบริษัทพวก คุณก็น่าจะอยู่ที่นี่กันหมด ถ้าเป็นเช่นนั้น งั้นผมก็พูดตาม ตรง” เธียรวิชญ์ถาม

“ประธานเธียรวิชญ์ ผมไปหาอารียามาแล้ว หล่อนไม่ สามารถจะกลับมาที่บริษัทได้อีก เรื่องนี้ผมก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วนะ ต่อให้พวกเราผิดสัญญา แต่ก็เป็นอารียาที่ทำผิด สัญญานะครับ ไม่เกี่ยวกับพวกเราเลย”ธายุกรกล่าวทันที

เธียรวิชญ์ยิ้ม แล้วพูด: “วันนี้ที่ผมมาที่นี่ ไม่ใช่เรื่องของ ผู้ อารียา เพราะเราไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้อีกต่อไป วันนี้ผม มาที่นี่ เพื่อถามประธานธายุกร และผู้บริหารของบริษัท ของตระกูลฉัตรมงคล ว่าโครงการของเราก็ดำเนินการมา นานขนาดนี้แล้ว บัญชีต่างๆก็ชัดเจนมาตลอด แต่ในช่วง เวลาที่ผ่านมานี้ มีโครงการของพวกเราเกือบโครงการเกือบห้าสิบล้าน เหมือนจะไม่ค่อยไม่ทราบจุดหมายปลาย ทาง ที่สำคัญคือไถเงินจากรุ๊ปของพวกเราไป ผมอยากถาม ทุกคนว่า เงินของกรุ๊ปเรา หาง่ายกันขนาดนี้เลยเหรอ พวก คุณไร้ยางอายกล้ามากที่เอาเงินจากกรุ๊ปของพวกเราไปใช้ ในชื่อต่างๆ ทำแบบนี้ มันไม่ควรมั้ง?”

สีหน้าท่าทางของทุกคนในห้องประชุมเปลี่ยนไป ไม่มี ใครคาดคิดว่าเธียรวิชญ์จะพูดถึงเรื่องนี้

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าธายุกรก็ตื่นตระหนก และพูด ว่า :”ประธานเธียรวิชญ์ คุณกำลังพูดถึงอะไร โครงการของ บริษัทเราชัดเจนมาโดยตลอด เงินทุกบาทที่เราใช้ ก็เป็น เงินสำหรับใช้ในโครงการ มันจะเป็นอย่างที่ประธานพูดได้ อย่างไร?”

“ต้องให้ผมเอาหลักฐานมาแสดงใช่มั้ย? ธายุกร คุณก็ อายุจะสามสิบแล้ว ทำไมก่อนทำเรื่องแบบนี้ไม่คิดให้ดี ก่อน?”เธียรวิชญ์จู่ๆพูดออก

จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้น และโบกมือ หญิงสาวสวมแว่นที่ อยู่ด้านนอกห้องประชุมก็เดินเข้าไปในห้องประชุมทันที เธอถือเอกสารเป็นกองอยู่ในมือ แล้วพูดว่า: “ของที่อยู่ใน มือดิฉัน เป็นของกรุ๊ปเราและธุรกรรมกองทุนที่มาของ โครงการ มีบัญชีทั้งหมดสามร้อยแปดสิบเอ็ดบัญชีที่ไม่ ทราบจุดหมายปลายทาง ในการทำธุรกรรมกองทุนกับผู้ อาวุโสเกือบทุกคนในบริษัท มีบัญชีดังกล่าวหลายบัญชี”

“และกรุ๊ปของเราได้ส่งคนไปตรวจสอบการเงิน ของคุณ มีจุดหมายปลายทางที่ไม่รู้จัก ไม่ได้ถูกใช้เพื่อพัฒนาโครงการ ประธานของเราใช้เส้นสาย เพื่อตรวจสอบว่าช่วง นี้ทุกคนอยู่ที่ร้านอาหาร โรงแรม และคลับบันเทิงต่างๆเงิน ที่ใช้จ่ายทั้งหมด เพิ่มขึ้นมาก ได้รับการยืนยันว่า เงินที่ พวกคุณใช้ ถูกนำมาจากบริษัทของเรา”

“คุณพูดจาเหลวไหลนะ บริษัทเราไม่เคยทำเรื่องแบบนี้ มาก่อน เงินพวกนั้นถูกใช้ในโครงการทั้งหมด คุณน่าจะ คำนวณผิด!”บนหน้าผากของธายุกรเริ่มมีเหงื่อเย็นๆออก มา

“โครงการเหล่านี้ของเราได้รับการยืนยันจากธนาคาร แล้ว หากคุณคิดว่าไม่ถูกต้อง สามารถไปที่ตรวจสอบที่ ธนาคารได้ตลอดเวลา และในช่วงเวลานี้คุณมีเงินที่ไม่ ทราบที่มาทั้งหมดห้าสิบล้าน ในนั้นมีของประธานธายุกร คนเดียว มีในบัญชีมากกว่าสามสิบล้าน เมื่อเร็วๆนี้ซื้อ เครื่องสำอางและกระเป๋าให้ผู้หญิงสิบกว่าคน เงินที่ใช้จ่าย น่าจะมีเกือบยี่สิบล้านได้ ขอถามหน่อยค่ะประธานธายุกร ดูจากเงินเดือนของคุณ จะเอาเงินยี่สิบล้านนี้มาจากไหน ละ?” หญิงสาวสวมแว่นถาม

ธายุกรยังไม่ได้พูด ญาติของบริษัทของตระกูล ฉัตรมงคลที่อยู่ข้างๆเขาก็อารมณ์เสียขึ้นมา

“ธายุกร คุณแอบเอาเงินลับหลังพวกเรามากมายขนาดนี้ เลยเหรอ ไหนคุณบอกว่าคุณเอามาทั้งหมดสิบกว่าล้านเอง ไม่ใช่เหรอ แล้วเงินห้าสิบล้านนี้คืออะไร คุณแบ่งให้พวก เราเพียงแค่ไม่กี่แสน แต่ตัวเองกลับกลืนกินไปมากขนาดนี้คุณนี่มันใจดำจริงๆ!”คนคนหนึ่งตะโกนขึ้น

“ใช้แล้ว พวกเราเชื่อใจคุณขนาดนี้ คุณเสียให้เงินกับ คนนอกมากมายขนาดนี้ แต่กลับไม่ให้พวกเราเลย มันน่า โมโหจริงๆ!”

ธายุกรมองไปที่ญาติเหล่านี้โดยไม่พูดอะไร ให้ตายยังไง เขาก็ไม่ยอมรับ แต่ยังไม่ได้พูดอะไร ญาติเหล่านี้ก็แฉเขา ออกไป

เขาเสียใจจริงๆที่เชื่อใจญาติสมองหมูเหล่านี้

“พวกแกแมร่งพูดจาเหลวไหลอะไร ฉันไม่เคยเอาเงินเลย พวกแกอย่ามาใส่ร้ายฉันตรงนี้นะ!”ธายุกรก็เริ่มตะโกน ญาติพวกนั้นแต่ละคนจ้องมองไปที่ธายุกร พวกเขาสนใจ

แค่ว่าได้ส่วนแบ่งเงินน้อย และไม่ได้คิดถึงว่าบริษัทซัน

บับเบิล กรุ๊ปยังอยู่ที่นี่

“เมื่อกี้ที่พวกเขาพูดออกมาอัดเสียงไว้แล้วใช่มั้ย”เธียร วิชญ์ถาม

“อัดเสียงไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ ท่านประธาน” หญิงสาวสวม แว่นกล่าว

เธียรวิชญ์พยักหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “นี่เป็นครั้งแรกที่ ผมได้เห็นครอบครัวที่โง่ขนาดนี้ แต่เดิมผมต้องการใช้วิธี การบีบบังคับให้พวกคุณพูดออกมาด้วยความโกรธ แต่ผม คิดไม่ถึงให้พวกคุณเองยอมรับมันออกมาเอง”
จากนั้นญาติของตระกูลฉัตรมงคลถึงได้รู้ว่าตัวเองพลาด หลุดคำพูดออกไปแล้ว และพวกเขาสีหน้าต่างก็เต็มไปด้วย ความเสียใจ แต่พวกเขาก็ยังไม่พอใจมากที่ธายุกรแอบใช้ เงินไปมากมายอยู่ลับหลังพวกเขา

“ประธานเธียรวิชญ์….”ธายุกรอยากจะขอร้อง

“คุณไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว ผมมีหลักฐานเพียงพอที่จะ พิสูจน์ได้ว่าบริษัทของตระกูลฉัตรมงคลของพวกคุณ ยักยอกทรัพย์สินของกรุ๊ปเรา เป็นจำนวนเงินถึงห้าสิบล้าน ถ้าผมฟ้องพวกคุณขึ้นศาล พวกคุณทุกคนในห้องนี้ จะต้อง ติดคุก เธียรวิชญ์พูด

“ทำไมคุณถึงให้พวกเราติดคุก พวกเราเพียงแค่ใช้เงิน ของพวกคุณไปเล็กน้อยเท่านั้นเอง บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป ของพวกคุณก็รวยมากมายขนาดนั้น ให้เราใช้จ่ายบ้างจะ เป็นไร” เมื่อได้ยินว่ากำลังจะติดคุก ญาติของตระกูล ฉัตรมงคลก็ตะโกนทันที

ธายุกรก็จ้องมองเขา และพูดว่า: “คุณบ้าไปแล้วเหรอ? หรือไม่อย่ามาสร้างเพิ่มปัญหาที่นี่ได้มั้ย?”

ชายคนนี้เต็มไปด้วยความโกรธ และเห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้ ตัวว่าเขากำลังก่ออาชญากรรมโดยการโกงเงินจาก โครงการบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป “ธายุ ทำไมคุณต้องไปกลัวพวกเขาด้วย เขาก็แค่ขู่เรา เท่านั้นเอง แล้วจะให้เราติด ถ้าตำรวจรู้ว่าเพราะเขามีเงิน

มากมายขนาดนี้แต่ไม่ให้เราใช้ พวกเขาก็ต้องถูกจับอย่าง

แน่นอน ช่างน่าขำสิ้นดี”ญาติคนนั้นพูดอีกครั้ง
ธายุกรตบไปที่หน้าเขาหนึ่งที แล้วด่า: “เย็*แมร่ง ผมดู แล้วว่าคุณโง่ขนาดนี้น่าจะติดคุกไปเลยสักสองปีสามปี!”

เธียรวิชญ์เรียกคนในชุดสูทห้าคนเข้ามา และพูดกับทุก คนว่า: “ทั้งห้าคนนี้ เป็นทีมทนายความที่ได้กรุ๊ปเราเชิญมา หากทุกคนยังไม่ยอมรับ หลังจากนี้พวกเขาทั้งห้าคนจะ ต้องจัดการต่อเรื่องที่บริษัทของพวกคุณยักยอกทรัพย์สิน ของเรา คงจะต้องจับทุกคนเข้าคุกทีละคน”

“คุณพูดถูก บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปของเรามีเงิน ดังนั้นเรา จึงมีเราจึงมีเวลาให้พวกคุณ แต่คุณมีเวลาไม่มากนัก เมื่อ เริ่มฟ้องร้องบริษัท บริษัทพวกคุณจะถูกระงับการทำงาน ถึงเวลานั้นภรรยาลูกๆคนแก่เด็กเล็ก ก็คงจะไม่มีข้าวกินได้ ที่สำคัญพวกคุณยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะต้องเข้า คุกแน่นอนว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องกังวล ”

หลังจากได้ยินคำพูดของเธียรวิชญ์ ทุกคนก็เริ่มกลัวขึ้น มาเล็กน้อย

ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ พวกเขาทั้งตระกูลฉัตรมงคลก็ จบเห่แน่

ธายุกรจ้องไปที่เธียรวิชญ์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และ ถามว่า: “ประธานเธียรวิชญ์ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราทำไม่ถูก ต้อง คุณจะช่วยใจกว้างหน่อย พวกเราจะรวบรวมเงินและ คืนให้คุณอย่างแน่นอน”

เขายังคิดที่จะใช้วิธีเดี่ยวกันกับครั้งก่อน อุดช่องโหว่ใน เวลานี้มันสายไปแล้ว
เธียรวิชญ์ส่ายหัว แล้วพูด: “ขอโทษด้วย ผมไม่คิดว่า พวกคุณจะมีความสามารถคืนเงินนี้ได้ แต่ฉันมีวิธี ประนีประนอม ที่ช่วยให้คุณไม่ต้องติดคุก แล้วก็ไม่ต้องคืน เงิน”

“วิธีอะไรเหรอครับ?”คนทั้งกลุ่มจ้องมองเธียรวิชญ์ด้วย สายตาที่เปล่งประกาย

“ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง ที่สนใจบริษัทของพวกคุณพอดี ถ้า พวกคุณยอมขายให้เขาในราคาหนึ่งหยวน ห้าสิบล้านี้ผมก็ จะไม่เอาความ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท