พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่199

บทที่199

บทที่199 ผมเชื่อพี่รพี

หลังจากที่ตุลยวัตและบจีทั้งคู่ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ตาโตขึ้นมาทันที ลุกขึ้นจากพื้น แล้ววิ่งไปที่ไวทยุตตรง นั้น

“พ่อ คุณพูดอะไร ทำไมคุณถึงตอบตกลงเขา หรือ พ่อไม่ต้องการลูกชายคนนี้แล้ว?”ตุลยวัตกล่าว

บจีก็คร่ำครวญ แล้วตะโกน “ท่านไวทยุต พวกเรา ใช้แรงกายและแรงใจทำเพื่อคุณมามากมายขนาดนี้ ถึงแม้ไม่ได้ลงแรงแต่ก็เหน็ดเหนื่อย คุณไล่พวกเรา

ออกไปแบบนี้ ไม่ค่อยเหมาะสมมั้ง?”

ไวทยุตก็ยืนขึ้นจากพื้น เขามองไปที่สองคนนั้น ด้วยสีหน้าอันเป็นทุกข์ แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็น “พวก แกทำอะไรให้กับตระกูลเขมพงศ์บ้าง? ถ้าไม่ใช่เพราะ พวกแก ตระกูลเขมพงศ์ของฉันก็ไม่ต้องเจอกับ สถานการณ์แบบนี้ พวกแกยังมีหน้ามาพูดกับฉันว่าถึง ไม่ลงแรงก็เหน็ดเหนื่อยงั้นหรอ?”

“พ่อ ผมเป็นลูกชายพ่อนะ คุณจะไล่ผมออกไป แบบนี้ไม่ได้นะ”ตุลยวัตกล่าวอย่างร้อนใจ

“นัดดาก็เป็นลูกสาวฉัน ตอนที่พวกแกจะไล่เธอ ออกไป ก็ไม่เห็นว่าพวกแกจะมีความรู้สึกอะไร แล้ว เรื่องนี้ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพื่อความเป็นอยู่ของ ตระกูลเขมพงศ์ ฉันทำได้เพียงเท่านี้แหละ ถ้าจะโทษ

ก็โทษภรรยาและลูกสาวคนดีของแกเถอะ”ท่าทีของไวทยุตหนักแน่น

“มานี่ ไล่พวกเขาทั้งสามออกไปจากวันนี้ไป ตระกูลเขมพงศ์ไม่มีที่ยืนให้กับสามคนนี้อีกแล้ว พวก แกก็ไปมาหาสู่กับพวกเราให้น้อยๆหน่อย จะได้ไม่ลาก ตระกูลเขมพงศ์ของเราลงเหวอีก!”

เมื่อคำพูดของไวทยุตพูดออกไป ในขณะนั้นก็มี หลายคนที่เดินมา จับตุลยวัตและบจีสองคนไว้ แล้ว ผลักออกไปข้างนอก

ปรางทิพย์ยังคงแน่นิ่งไร้ซึ่งสติ ก็ถูกสองคนลาก ตัว แล้วพาออกไปด้านนอก

ตุลยวัตและบจีทั้งคู่อ้อนวอนอย่างไม่หยุด แต่ ไวทยุตไม่ได้ใจอ่อนแต่อย่างใด เทียบก็ความเป็นอยู่ ของตระกูลเขมพงศ์แล้ว ครอบครัวของตุลยวัตก็ไม่ได้ มีความสำคัญขนาดนั้นแล้ว

บจีและปรางทิพย์ทั้งสองสร้างปัญหาได้ขนาดนี้ ถ้าเอาพวกเธอไว้ วันดีคืนดีอาจจะทำร้ายตระกูลเขม พงศ์อีกก้เป็นได้ ดังนั้นไล่ออกไปจะดีกว่า

ศศินัดดาเห็นครอบครัวบจีถูกไล่ออก ในใจก็หาย โกรธ เหลือแค่ปรบมือก็โอเคแล้ว

อารียาค่อนข้างมีความสุข เห็นจุดจบของครอบ

ครัวบจี ก็รู้สึกสมแล้วกับบทลงโทษนี้

หลังจากที่ครอบครัวบจีโดนไล่ออกแล้ว รพีพงษ์ หันไปมองอารียาและศศินัดดา แล้วกล่าว “พวกเราก็ไปกันเถอะ”

อารียาพยักหน้า เธอไม่ได้มีความรู้สึกใดๆต่อ ตระกูลเขมพงศ์ ถึงแม้ไวทยุตได้พูดแล้วว่าไล่ ครอบครัวพวกเขาออกจากตระกูลเขมพงศ์ เธอก็ไม่มี ความรู้สึกใดๆ

ศศินัดดารู้สึกอาลัยอาวรณ์ ยังไงเธอก็เติบโตมา กับตระกูลเขมพงศ์ มีความรู้สึกต่อสถานที่แห่งนี้อยู่

บ้าง

“พ่อ ตอนนี้คุณยังอยากไล่พวกเราออกอยู่ ไหม?”ค “ศนัดดาถามไวทยุต

ไวทยุตสายหัว แล้วกล่าว “ก่อนหน้านี้ฉันสับสน ครอบครัวพวกแกเป็นคนของตระกูลเขมพงศ์ตลอดไป ฉันจะไล่พวกแกออกไปได้ยังไง”

ตอนนี้เขารอที่จะให้ครอบครัวศศินัดดากลับมา แค่เห็นท่าทีที่จิรายุศมีต่อรพีพงษ์ ก็รู้แล้วว่ารพีพงษ์ไม่ ได้ธรรมดาอย่างที่พวกเขาคิด ศศินัดดายังคงเป็นคน ของตระกูลเขมพงศ์ สำหรับเขาแล้วมีประโยชน์อย่าง

มากมาย

นัยน์ตาของศศินัดดาไหลลินด้วยน้ำตา แล้วกล่าว “เพียงแค่คุณไม่ไล่ฉันออกจากตระกูลเขมพงศ์ก็โอเค แล้ว ยังไงฉันก็เป็นลูกสาวของคุณตลอดไป”

ไวทยุตรู้สึกค่อนข้างอับอาย เพราะเขาเห็นเกียรติ รพีพงษ์จึงได้พูดแบบนี้ออกมา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆเลยกับศศินัดดา เขาถึงขึ้นยังรู้สึกรำคาญศศินัดดา อยู่บ้าง

แต่เขาไม่กล้าพูดต่อหน้ารพีพงษ์

ความจริงศศินัดดาอยากเอาภาพ (ตกปลาใต้เขา เขาซี) ให้กับไวทยุต แต่คิดๆดูแล้วถ้าเอาภาพนี้ให้ ไวทยุต สุดท้ายก็ต้องถูกคนพวกนั้นของตระกูลเขม พงศ์แบ่งสรรปันส่วนเป็นแน่ ดังนั้นจึงไม่ได้พุดเรื่องนี้ อีก

ไวทยุตเสียใจ ไม่ใช่เพราะศศินัดดาไม่เอาภาพนั้น ให้เขา แต่อาลัยอาวรณ์ที่ตนเองได้จ่ายเงินสามแสนให้ กับภาพปลอมที่มีราคาแค่สามร้อยหยวนเท่านั้น

หลังจากที่ปัญหาได้คลี่คลายลงแล้ว ครอบครัวรพี

พงษ์ก็ได้ออกจากคฤหาสน์เขมพงศ์ ทุกคนของตระกูล

เขมพงศ์มองครอบครัวเขาอย่างไม่เชื่อ ว่าเหตุการณ์

ในวันนี้จะลงเอยเช่นนี้

เรื่องลงเอยแบบนี้ ก็เพราะไอ้สวะที่ทุกคนหมายถึง นั่นแหละ

จิรายุศเห็นรพีพงษ์จากไป ก็รีบพาคนของตัวเอง ไล่ตามไป

ทัตพงศ์ที่เขาพามานั้นใบหน้าเต็มไปด้วยความ ประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมจิรายุศถึงได้ต้อนรับขับ สู้ต่อรพีพงษ์เช่นนี้

ช่วงขากลับ จิรายุศเดินไปที่รพีพงษ์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วกล่าว “พี่รพี วันนี้ผมทำได้ดีใช่ไหม ไม่ได้ ทำให้คุณเสียหน้าใช่ไหม?”

รพีพงษ์หัวเราะพลางส่ายหัว ไม่ได้พูดอะไร

ศศินัดดามองไปที่รพีพงษ์และจิรายุศอย่างสงสัย ตอนนี้เธอเพิ่งจะนึกออก เธอไม่รู้ว่าทำไมจิรายุศต้อง ช่วยรพีพงษ์

“เอิ่….ท่านยุด ทำไมคุณถึงช่วยรพีพงษ์ ความ จริงเขาไม่มีความสามารถอะไรทั้งนั้น คุณเป็นคนใหญ่ คนโตของอำเภอหยก ไม่ว่ายังไง คุณก็ไม่ควรมาช่วย รพีพงษ์นะ”ศศินัดดาถาม

จิรายุศอยากจะอธิบายให้ศศินัดดาฟังทันที แต่รพี พงษ์ส่งสายตาหาเขา เหงือบนตัวของจิรายุศเริ่มไหล พราก ราวกับว่าถ้าเขาพูดผิดสักนิด รพีพงษ์จะจัดการ เขาในทันที

แหะแหะ คือ งี้ ผมกับรพีพงษ์รู้จักกันตั้งแต่เด็ก เรียกว่ารู้ไส้รู้พุงเลยล่ะ ต่อมาเขาย้ายไปเมืองริเวอร์ ผมก็มาสร้างตัวที่อำเภอหยกนี้ ครั้งนี้เขามา ผมเห็นเขา พอดี ดังนั้นถึงได้มาช่วย” จิรายุศกล่าว

หลังจากพูดจบแล้ว เขายังมองไปที่รพีพงษ์ แสดงออกถึงสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

รพีพงษ์พยักหน้าเบาๆ แสดงออกถึงเหตุผลที่จิรา ยุศแต่งนั้นถือว่าโอเค

LEGO หลังจากที่ศศินัดดาได้ยินคำพูดของจิรายุศแล้ว ก็รีบถามทันที “ดังนั้นที่พวกเราสามารถนอน ที่Rose&Mary Hostelได้นั้น ก็เป็นเพราะให้ เกียรติคุณ?”

“เอิ่ม ก็ ก็นับว่าใช่”จิรายุศตอบอย่างเขินอาย

ศศินัดดาเพ่งไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “รพีพงษ์ แก ไอ้ไม่เอาไหน แกดูเค้าสิ แล้วมาดูตัวแกเอง แกยังมีหน้า มาบอกว่ารู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ ทำไมเค้าเก่งกาจ แต่แก กลับเหมือนเศษสวะเนี่ย ไม่สำเร็จสักอย่าง?”

รพีพงษ์เหมือนตบหน้าตัวเอง เกิดอยากจะต่อยจิ

รายศขึ้นมากะทันหัน เหตุผลที่เขาให้นั้นมันแย่สิ้นดี คิดไม่ถึงว่าศศินัดดาจะด่าเขาอีกแล้ว จิรายุศเดือดเนื้อร้อนใจ เขาคิดไม่ถึงว่าศศินัดดา

ยังสามารถด่ารพีพงษ์ได้อีก ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึก

สงสารรพีพงษ์ที่มีแม่ยายแบบนี้

“แม่ คุณอย่าพูดแบบนี้สิ เขามีความสามารถเยอะ พูดออกมาสักอย่าง ก็ทำให้คุณคาดไม่ถึงได้” อารียา ช่วยรพีพงษ์หาเหตุแล

“งั้นแกก็พูดๆมา เขามีความสามารถอะไร?” ศศิ นัดดาถามอย่างเหยียดหยาม อารียาคิดสักพัก แล้วกล่าว “รพีพงษ์ดูหยกเป็น

สายตาเขาดีมาก ถ้าไปดูหยกโดยเฉพาะ จะต้องได้เงิน

มากมายเป็นแน่”

นี่เธอก็อิงตามพฤติกรรมวันนั้นที่รพีพงษ์อยู่ในห้างแล้วพูดออกมาเท่านั้น

“อย่ามาโกหกฉัน เขาเนี่ยนะ ดูหยกเป็น ถ้าเขามี ความสามารถนี้ ก็ไปหารายได้ตั้งนานแล้ว จะมาเกาะ เมียกินอยู่ทำไม” ศศินัดดากล่าวอย่างไม่พอใจ

อารียาเบื่อหน่าย เธอรู้ว่ารพีพงษ์มีเงินมากมาย ไม่ จำเป็นต้องไปหารายได้จากการดูหยก

เมื่อทัตพงศ์ได้ยินคำพูดของศศินัดดาแล้ว ยิ้ม พลางกล่าว “น้องชายดูหยกเป็นด้วยหรอ งานแบบนี้ ทำได้ไม่ง่ายเลยนะ และมีความอันตรายสูง ฉันขอคุณ อย่าเข้ามาพัวพันกับงานแบบนี้เลย หลายคนที่คิดว่า สายตาตนเองดี สุดท้ายก็ต้องเสียเงินมากมายก่ายกอง

จิรายุศไม่เหมือนศศินัดดาหรือทัตพงศ์นั้น รู้สึกว่า รพีพงษ์ไม่เข้าใจในการดูหยกเลยสักนิด เข้าใจก็ เข้าใจเล็กน้อย

ในความทรงจำของจิรายุศนั้น รพีพงษ์คือผู้ที่มี พรสวรรค์ที่รอ้ยปีจะเจอสักครั้ง รู้ดีทุกเรื่อง สามารถไต่ เต้าถึงระดับสูงสุดของงานนี้ได้แน่ๆ

ตอนนี้อารียบอกว่ารพีพงษ์เข้าใจในหยก แสดงว่า ต้องเคยเห็นรพีพงษ์โชว์ฝีมือ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ นั่นก็ หมายถึงในด้านการดูหยกนั้นรพีพงษ์ จะต้องไปถึงจุด ที่ทำให้คนตะลึงได้แล้ว แม้ทัตพงศ์อาจารย์ท่านนี้ ก็ เทียบไม่ได้กับรพีพงษ์แน่นอน

จิรายุศหันไปมองรพีพงษ์ แล้วถาม “พี่รพี คุณรู้เรื่องหยกด้วยหรอ?”

“เข้าใจนิดหน่อย” รพีพงษ์กล่าว

“หน้าด้าน ให้โอกาสแกหน่อยนึงก็เริ่มคุยโว แกยัง กล้าพูดต่อหน้าท่านนุดว่าเข้าใจเรื่องหยกอีกนะ ท่าน ยุดเค้าเป็นราชาหยกของอำเภอหยก แกจะเข้าใจได้ แบบเค้าไหม?” ศศินัดดากล่าวอย่างดูถูก

จิรายุศยิ้มอย่างอับอาย แล้วกล่าว “ความจริงผมก็ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ปกติก็พึ่งทัตพงศ์ในการช่วยดู”

จากนั้นเขาก็มองไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “พี่รพี ถ้า คุณเข้าใจเรื่องหยกจริงๆล่ะก็งั้นก็ดีมากเลย ช่วงนี้มี เรื่องปวดหัวอยู่เรื่องหนึ่ง ถ้าพี่รพีเข้าใจหยกล่ะก็ ผมก็

หมดห่วงล่ะ”

“หืม? เรื่องอะไร?” รพีพงษ์กล่าว

“คือ งี้ ผมทำธุรกิจหินหยกใช่ไหม ดูหยกเป็นเรื่อง ทั่วไป ช่วงนี้ในอำเภอหยกมีการประมูลขายหินหยก ใน ทุกๆปีผมจะได้กำไรครึ่งหนึ่ง จากการประมูลขายหยก นี้

“เมื่อก่อนมีท่านทัตพงศ์ ทุกครั้งในงานประมูลขาย นี้พวกเราจะได้หินหยกที่ดีที่สุด หยกที่เปิดออกมา สามารถขายได้ในราคาที่สูงมาก แต่ปีนี้พวกเราจะต้อง เผชิญกับศัตรูตัวฉกาจ ผมกลัวว่าถ้าท่านทัตพงศ์พลาด อย่างนี้กำไรของพวกเราจะลดลงครึ่งนึงเลยนะ สำหรับบริษัทผมแล้วเหมือนกับต้องเผชิญวิกฤตใหญ่เลยล่ะ ดังนั้นพี่รพีคุณไปงานประมูลนี้กับผมได้ไหม?”

จิรายุศตั้งใจอธิบายกับรพีพงษ์

ศศินัดดาได้ยินคำพูดของจิรายุศแล้ว ก็กล่าวทันที ว่า “ท่านยุด คุณหยุดล้อเล่นได้แล้ว รพีพงษ์ก็แค่ทำว่า ไปงั้น เขาจะเข้าใจหยกได้อย่างไรกัน ถึงเวลานั้นทำ พังก็ไม่ดีเลยนะ”

จิรายุศยิ้ม แล้วกล่าว “ไม่เป็นไร ผมเชื่อมั่นพี่รพี ถึงแม้ทำพังก็ไม่เป็นไร”

ทัตพงศ์ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที แล้วกล่าว “ท่านยุด คุณแน่ใจว่าจะเอาน้องชายคนนี้ไปงานประมูล? คู่แข่ง ของเราครั้งนี้คือทิวัตถ์ ฉันได้ยินมาว่าเขาเชิญอาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญวัตถุโบราณอันดับหนึ่งของเมืองริเวอร์มา เลยนะ จารุพิชญ์เป็นผู้ช่วยเขา ทรัพย์สมบัติของทิวัตถ์ ไม่น้อยไปกว่าพวกเรา บวกกับจารุพิชญ์ช่วยเขาดู เขา จะต้องปล่อยในราคาที่สูงริบแน่ๆ ทำเป็นเรื่องตลกไม่ ได้นะ”

“น้องชาย คุณเป็นคนเมืองริเวอร์ น่าจะได้ยินชื่อ เสียงจารุพิชญ์มาบ้าง ในการดูวัตถุโบราณ ฉันแย่กว่า เขามาก เรื่องหินหยกนี้เขาก็ถือว่าเป็นระดับปรมาจารย์ เลยนะ คุณยังเด็ก เกรงว่าจะไม่ใช่คู่แข่งของจารุพิชญ์ อะดิ” ทัตพงศ์หันไปดูรพีพงษ์ กลัวว่ารพีพงษ์จะตอบ ตกลงจิรายุศเข้าร่วมการประมูลอย่างนั้น

รพีพงษ์หัวเราะ ถ้าเป็นจารุพิชญ์ล่ะก็ งั้นเขาก็ไม่มี อะไรที่ต้องเป็นกังวลอีกแล้ว
“จารุพิชญ์หรอ ก็ไม่เห็นจะมีอะไร งั้นฉันจะไปช่วย แกสักครั้ง ไปงานประมูลนี่กับแกสักครั้ง”รพีพงษ์ หัวเราะพลางกล่าว

นัยน์ตาของจิรายุศเป็นประกายขึ้นมา ในเมื่อรพี พงษ์พูดแบบนี้ งั้นก็ต้องเข้าใจถึงฝีมือของจารุพิชญ์ แน่นอน จากนี้ไปเขาไม่ต้องกังวลใดๆอีก

“ครับ พี่รพี งั้นพวกเราตกลงตามนี้ มรืนนี้พวกเรา ไปงานประมูลพร้อมกัน ให้ไอ้เด็กทิวัตถ์ได้รู้ว่าใครคือผู้ ชำชองด้านหินหยกที่แท้จริง”

ทัตพงศ์ถอนหายใจรัวๆ ยังไงเขาก็คิดไม่ออกว่า ทำไมจิรายุศถึงคิดว่าวัยรุ่นคนนี้ จะเก่งกาจกว่าจารุ พิชญ์ได้นะ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท