พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 222 ผมร้องเพลงก็งั้นๆ

บทที่ 222 ผมร้องเพลงก็งั้นๆ

บทที่ 222 ผมร้องเพลงก็งั้นๆ

เข้าไปในktv ผู้หญิงคนนึงสวมชุดกี่เพ้าสีแดง ผอมสูง ยั่วยวน มีใบหน้าที่เซ็กซี่มองพวกเขาที่กำลังเดินเข้ามา

“โอ้ว นี่คุณชายกฤติกาหนิ วันนี้มาอีกแล้วนะ ฉันได้เตรียม ห้องสูทส่วนตัวให้กับคุณแล้ว” ผู้หญิงยิ้มพลางกล่าว

“ขอบคุณครับพี่ธารา วันนี้พาเพื่อนมาเที่ยวหน่อย พี่ชิตอยู่ ใช่ไหม ฝากทักทายพี่ชิตแทนผมด้วยนะครับ ไว้ไหนว่างจะ

ชวนเขากินข้าวด้วยกัน” กฤติกาหัวเราะพลางกล่าว

ผู้หญิงที่กฤติกาเรียกว่าพี่ธารานั้นมองไปที่ด้านหลัง เมื่อ สายตามองไปที่รพีพงษ์ ก็ชะงักขึ้นมาทันที เธอทำงานที่นี่ ทุกวันจะต้องเจอกับคนหลายประเภท ดังนั้น

มองคนค่อนข้างแม่นยำ ถึงแม้เมื่อกี้มีจะเวลาไม่นาน แต่เธอก็

รับรู้ได้ ในวัยรุ่นกลุ่มนี้ จะต้องมีความร้ายกาจบางอย่างที่เธอ

มองข้ามไปไม่ได้

ความร้ายกาจนั้น พี่ธาราก็เพียงรู้สึกได้เท่านั้น หลังจากนั้น ไม่ว่าเธอจะจ้องรพีพงษ์อย่างไร ก็รู้สึกแค่เขาคือคนธรรมดา คนหนึ่งเท่านั้น

“พี่ชิตกินเหล้ากับเพื่อนอยู่ข้างใน ฉันรู้สึกคุ้นหน้าพวกเพื่อน ของแกจัง เมื่อก่อนก็น่าจะมาด้วยกันบ่อยนะ แต่คนนี้ฉันไม่ เคยเห็นมาก่อน หรือเขาก็เป็นคุณชายของตระกูลไหนสัก ตระกูลหรอ? พี่ธาราจ้องไปที่รพีพงษ์แล้วถาม

กฤติกาหัวเราะขึ้นมาทันที แล้วกล่าว “พี่ธารา คุณคิดมาก ไปแล้ว ผู้ชายคนนี้เป็นแค่ไอ้สวะมาจากต่างถิ่นเท่านั้น เขาอยู่ที่นุ่นก็เป็นเพียงไอ้สวะที่โด่งดังเท่านั้น พวกเราเจอกันที่สนาม บิน เพราะเมื่อก่อนไม่เคยเห็นคนที่เป็นสวะได้ขนาดนี้ รู้สึก สนุกดี เลยมาเที่ยวด้วยกัน

พี่ธาราได้ยินคำพูดของกฤติกา ก็ชะงักไปสักครู่ ไม่คาดคิด ว่าวัยรุ่นคนนี้ที่ทำให้เธอสะดุดตาได้นั้นจะเป็นเพียงไอ้สวะที่ โด่งดังเท่านั้น

“เขาไปไอ้สวะ? ฉันว่าไม่เหมือนนะคุณชายกฤติกาตลกไป แล้ว” พี่ธารายิ้มพลางกล่าว

“พี่ธารา ผมจะหลอกคุณทำไม เขาคือไอ้สวะที่มาจากต่าง ถิ่นจริงๆ คนบ้านนอก คุณเห็นคุณก็ไม่อยากจะเสวนาด้วย แล้ว” กฤติกาอธิบาย

เลน่าและทุกคนก็คล้อยตาม

พี่ธาราพยักหน้า คิดว่าเมื่อกี้ตัวเองน่าจะดูผิดไป ตอนนี้ดู

เด็กคนนี้อีกครั้ง ก็ไม่มีอะไรพิเศษ แล้วหลายคนยังพูดถึงเขา แบบนี้ เขาไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธ ดูๆแล้วไม่มีอะไรพิเศษจาก คนอื่นเลยจริงๆ “พวกแกรอหน่อยนะ ฉันจะไปจัดห้องส่วนตัวให้พวกแก

เดี๋ยวนี้แหละ” พี่ธารากล่าว แล้วก็เดินไปจัดห้องส่วนตัว

อันนาจ้องไปที่พี่ธาราที่เดินจากไปอย่างแปลกใจ แล้วถาม กฤติกาว่า “ผู้หญิงคนนั้นคือใคร?” เธอเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก ไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นมาก่อน แล้ว

สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจคือ เธอและรพีพงษ์เพิ่งจะเคย

มาที่นี่เป็นครั้งแรกด้วยกันทั้งคู่ แต่ทำไมพี่ธาราถึงไม่สนใจ

เธอ แต่กลับสนใจรพีพงษ์ ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ
“นั่นคือพี่ธารา ผู้หญิงของชิตวรลูกน้องของพี่ชิตเปลี่ยนไป เปลี่ยนมา มีเพียงพี่ธาราที่อยู่ข้างกายของพี่ชิตมาโดยตลอด อย่ามองว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดานะ มีฝีมือใช้ได้เหมือน กัน ที่นี่ นอกจากพี่ชิตแล้ว คนที่แตะไม่ได้รองลงมา ก็คือพี่ ธารา” กฤติกาอธิบาย

อันนาพยักหน้า ก่อนหน้านี้เธอก็ได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม ของชิตวรมาบ้างแล้ว รู้ว่าคนรอบๆกายของชิตวรแตะต้องไม่ ได้

ไม่นาน มีพนักงานหนึ่งคนเดินมา แล้วพาพวกเขาไปที่ห้อง ส่วนตัวห้องหนึ่ง

ห้องส่วนตัวนี้ดูๆไปค่อนข้างหรูหรา ในktvแห่งนี้ถือว่าเป็น ห้องที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว หลังจากที่ทุกคนเข้าไปแล้ว ก็ ต่างชื่นชมกฤติกา ว่ามากับเขาแล้วได้รับเกียรติอย่างมาก ไม่ ว่าจะไปที่ไหนก็ได้รับการบริการอย่างดีเลิศ

กฤติกาหัวเราะอย่างมั่นใจ แล้วกล่าว “นี่เล็กๆน้อยๆ โชคดี ที่ฉันกับพี่ชิตกินข้าวด้วยกันหลายครั้ง ได้รับการบริการที่ดีก็ เป็นสิ่งที่ควรจะได้รับอยู่แล้ว”

เขาหันไปมองรพีพงษ์ แล้วกล่าว “แกคงไม่เคยมาห้องส่วน ตัวที่ดีขนาดนี้เลยล่ะซิ วันนี้แกมากับฉัน ถือว่าถูกต้องแล้ว ต่อ ไปเมื่อแกกลับไปแล้ว ก็สามารถโอ้อวดคนที่นั่นได้แล้ว”

รพีพงษ์แค่ยิ้มๆ แต่ไม่ได้กล่าวอะไร แล้วเดินไปนั่งที่มุม

ทุกคนก็นั่งลง กฤติกาสั่งเหล้าและของกินมาบางส่วน ไม่ นานเกินรอ ทุกคนก็เริ่มรีแล็กซ์ ใครร้องเพลงก็ร้องเพลง ใคร กินเหล้าก็กินเหล้า
อันนาร้องเพลงไม่เพราะ ดังนั้นจึงไม่ถือไมค์ ขณะนี้กฤติกา เดินไปข้างหน้า เลือกเพลงเพราะความรัก แล้วร้องให้กับ อันนา

กฤติกาไม่ถือว่าร้องเพลงเพราะมากนัก แต่เขาคิดไปเองว่า เขานั้นร้องเพลงเพราะมาก ในความเข้าใจของเขาเอง คิดว่า เสียงที่เปล่งออกมานั้นชั่งไพเราะเสนอะหูเหลือเกิน บวกกับ คนรอบๆกายก็ประจบสอพลอชมเขาไม่หยุด ชมจนเขาตัว ลอยแล้ว

อันนารู้ว่ากฤติกาคิดกับตนอย่างไร แต่เธอรู้สึกว่ากฤติกานี้ บางครั้งก็หลงตัวเองจนเกินไป ดังนั้นจึงพูดได้ว่าไม่มีความสน ใจใดๆในตัวเขาเลย

ตอนนี้กฤติการ้องเพลงอยู่ตรงหน้าเธอ คนรอบๆก็เชียร์กัน ไม่หยุด ทำให้เธอรู้สึกเขินอายที่สุด

กฤติกาจะร้องเพลงก็ร้องไป แล้วยังจะโค้งคำนับให้ทุกคน

อีก

ทุกคนเริ่มปรบมือทันที ชมว่ากฤติการ้องเพลงเพราะ แล้ว เริ่มเชียร์ให้เขาสารภาพรักกับอันนา

เมื่ออันนาได้ยินคนพวกนี้ให้กฤติกาสารภาพรักกับตน สีหน้าเริ่มแสดงออกถึงความลำบากใจ แล้วหันไปมองที่รพี พงษ์ แล้วกล่าว “รพีพงษ์ ไม่งั้นแกมาร้องสักเพลงไหม นานๆ จะมาสักครั้ง ถ้าไม่ร้องก็เสียดายแย่”

กฤติกาเห็นอันนาตัดบท ก็หาโอกาสที่จะสารภาพรักไม่ได้ แล้ว มองไปที่รพีพงษ์อย่างเกลียดชัง รู้สึกว่าที่ตนเองไม่ได้ สารภาพรักนั้นเป็นเพราะรพีพงษ์คนเดียว
“ผมไม่ร้องดีกว่า ผมร้องเพลงก็งั้นๆ” รพีพงษ์กล่าว

กฤติกาได้ยินรพีพงษ์พูดดังนี้ ก็ดูแคลนทันที แกทำลาย บรรยากาศสารภาพรักของกู วันนี้กูจะทำให้มึงอับอาย ในเมื่อ จึงร้องเพลงก็งั้นๆ งั้นกูก็จะต้องทำให้มึงร้องเพลงให้ได้ ไม่งั้น กูจะเยาะเย้ยถึงได้ไง

พูดจบ กฤติกาก็หัวเราะพลางกล่าว “แกก็หยุดถ่อมตัวได้ล่ะ คนที่พูดว่าตัวเองร้องเพลงได้งั้นๆก็ร้องเพลงเพราะทั้งหมด แหละ ฉันเลือกเพลงให้แกหนึ่งเพลง เพลงเมื่อกี้ที่ฉันร้องล่ะ กัน แกร้องได้อยู่แล้ว แกรีบถือไมค์ พวกเรารอให้แกร้องเพลง อยู่นะ”

ต่อมากฤติกาก็เดินไปเลือกเพลงเพราะความรักอีกครั้ง เลน่าเอาไมค์อีกตัวยัดเข้าไปในมือของรพีพงษ์ เธอรู้ว่า กฤติกาต้องการทำอะไร ดังนั้นก็อยากเห็นรพีพงษ์ขายหน้า เช่นกัน

“แกรีบร้องเถอะ ให้พวกเราได้เห็นหน่อยว่าไอ้สวะโด่งดัง อย่างแกเวลาร้องเพลงจะเป็นอย่างไร ฉันโตมาขนาดนี้ ยังไม่ เคยได้ยินมาก่อนเลย?” เลน่าก็กล่าวอย่างแปลกๆ

ความจริงอันนาแค่อยากยืมรพีพงษ์เข้ามาช่วยในการเลี่ยง บรรยากาศนั้น ไม่คาดคิดว่าทุกคนจะให้รพีพงษ์ร้องเพลง จริงๆ ดูๆแล้ว เห็นได้ชัดว่ารอให้รพีพงษ์ร้องจบแล้วจะเยาะ เย้ยเขา

เธอรู้สึกรับไม่ได้ แล้วกล่าว “ถ้าแกไม่อยากร้องก็อย่าร้อง

ไม่ต้องฟังพวกเขา”

รพีพงษ์ยิ้ม ถือไมค์ไว้ แล้วกล่าว “ในเมื่อทุกคนอยากจะฟังผมร้องเพลง งั้นผมจะร้องให้ฟังล่ะกัน ไม่ค่อยน่าฟังนะ”

กฤติกาหยามเหยียด แล้วกล่าว “แกก็รู้ตัวหรอว่าแกร้อง เพลงไม่เท่าไหร่ แล้วยังไม่ค่อยหน้าฟังอีก มันไม่น่าฟังจริงๆ เหอะ”

ทำนองเพลงเริ่มดังขึ้น รพีพงษ์กำลังอินไปกับท่วงทำนอง ของเพลง ครั้งที่แล้วที่เขาร้องเพลง ก็ผ่านมานานมากแล้ว เขาก็อยากจะใช้เพลงเป็นสื่อออกมาเช่นกัน เพียงแต่อารียา ไม่ได้อยู่ข้างกายเขา ไม่งั้นเพลงนี้ก็จะมอบให้อารียา เขาจะ ต้องถ่ายทอดออกมาได้ดีอย่างแน่นอน

ทุกคนล้วนจ้องไปที่รพีพงษ์อย่างดูแคลน กำลังรอตอนที่ เขาร้องออกมาประโยคแรกแล้วเยาะเย้ยเขา

ในขณะนี้รพีพงษ์ได้ถือไมค์ขึ้นมา เมื่อเปล่งเสียงออกมา แล้ว เสียงที่ออกมาสบายหู ไพเราะเพราะพริ้ง

กฤติกาและคนอื่นที่รอที่จะเยาะเย้ยรพีพงษ์นั้นชะงักทันใด พวกขามองไปที่รพีพงษ์อย่างไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะร้อง เพลงออกมาได้ไพเราะขนาดนี้

อันนาก็จ้องไปที่รพีพงษ์อย่างตะลึง ชั่วขณะหนึ่ง เธอได้ถูก

ใบหน้าด้านข้างของรพีพงษ์ดึงดูดเข้าแล้ว บวกกับเสียงอันน่า

ฟังนี้ อันนาหญิงสาวผู้ไม่เคยมีความรักมาก่อน ในสมองก็

ฟุ้งซ่านไปด้วยความคิดที่พิเศษ

“รีบดูให้ฉันหน่อย ว่าฉันลืมปิดเสียงศิลปินหรือเปล่า?”

กฤติกากล่าว

เลน่ารีบเดินไปดู พบว่าเปิดแค่ทำนองเท่านั้น งั้นก็ หมายความว่า เสียงนี้ เป็นเสียงที่รพีพงษ์เขาร้องออกมาเอง
ทุกคนตกตะลึง สามารถใช้เครื่องเสียงของktvแล้วร้องออก มาได้ขนาดนี้ ทักษะการร้องเพลงของรพีพงษ์ ก็ระดับเทพ แล้ว

สีหน้าของกฤติกาดูไม่จืดเลย แม้เขาจะหลงตัวเอง รู้สึกว่า ตนเองร้องเพลงเพราะ แต่เมื่อได้ยินรพีพงษ์อ้าปากร้อง ประโยคแรก เขาก็รู้ได้ว่าเสียงของเขาที่ร้องออกมาเทียบกับ รพีพงษ์ไม่ได้เลย

แล้วเห็นอันนามองไปที่รพีพงษ์ด้วยสายตาหลงใหล กฤติกาก็เกิดอิจฉาขึ้นมา อยากที่จะไปแย่งไมค์ในมือรพีพงษ์ ออกมาเดี๋ยวนี้

“ไอ้บ้าน มันเป็นไอ้สวะไม่ใช่หรอ? ทำไมร้องเพลงเพราะได้ ขนาดนี้?” กฤติกากัดฟัน โดยเฉพาะที่รพีพงษ์ร้องเพลงนั้นก็ เป็นเขาที่ยุยง ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว

ผ่านไปสักระยะ รพีพงษ์ร้องจบ เอาไมค์วางไว้บนโต๊ะ แล้ว เดินกลับไปนั่งในมุม

ทุกคนยังคงหลงอยู่ในเสียงเพลงของเขา ตกอยู่ในภวังค์อยู่ นานแสนนาน

จนถึงทำนองของเพลงถัดมาดังขึ้น ทุกคนถึงจะมีสติกลับ

มา

อันนาหันมองไปที่รพีพงษ์ ด้วยแววตาที่หลงใหล อยู่นาน แล้วเธอก็ถามขึ้นมาว่า “แก ทำไมแกร้องเพลงได้เพราะขนาด นี้เนี่ย ฉันรู้สึกว่าในเสียงของแกที่เปล่งออกมานั้นได้แอบคน อีกคนหนึ่งเอาไว้ คนๆนั้น….”

พูดถึงประโยคนี้ อันนาก็แอบคิดขึ้นมา ถึงไมรู้ว่าความเป็นไปได้นั้นจะน้อยนัก แต่เธอก็อดคิดไม่ได้เช่นกัน

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ภรรยาของผม ผมรักเธอมาก” อันนาผิดหวังในทันที ไม่รู้ว่าทำไม เธอเพิ่งจะรู้จักรพีพงษ์ ได้เพียงวันเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับรู้สึกหึงขึ้นมาแล้ว

สีหน้าของกฤติกาและทุกคนดูไม่ดี ความจริงพวกเขาคิดว่า

รพีพงษ์ ก็เป็นแค่ไอ้สวะ แต่กลับร้องเพลงได้เพราะขนาดนี้ นี่ทำให้ พวกเขาตะลึง และอิจฉารพีพงษ์ขึ้นมา

ก็แค่ไอ้สวะ ทำไมต้องเก่งกว่าพวกเขา

แต่ว่าหลังจากที่รพีพงษ์ร้องจบแล้ว ก็กลับไม่มีใครมาเยาะ เย้ยเขาอีกต่อไป

ไม่นาน เลน่ายืนขึ้น บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดินออก จากห้องส่วนตัวไป

ทุกคนร้องเพลงกันต่อ แต่ดูออกชัดเจนว่าไม่ครึกครื้น เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ผ่านไปสักพัก เลน่ากลับมาจากด้านนอก สีหน้าดูไม่ดี แล้ว

ยังปิดประตูอย่างดัง ทุกคนในห้องหันไปมองทางเธอทันที

“เลน่า เป็นอะไร?” กฤติกาถาม

“อย่าพูดถึงเลย เมื่อกี๊ตอนเข้าห้องน้ำเจอเข้ากับไอ้คนมือไว ลวนลามฉัน ฉันตบมันไปหนึ่งฉาด มันบอกจะทำให้ฉันอับอาย ฉันจึงพูดชื่อพี่กฤติกาไป มันก็เลยบอกว่าเดี่ยวอีกแป๊ปจะมา คิดบัญชีกับฉัน พี่กฤติกา คุณต้องช่วยฉันนะ คนนั้นน่าจะเป็น พวกต้มตุ๋น เทียบกับพี่กฤติกาไม่ได้แน่นอน
กฤติกาได้ยินเลน่าพูดแบบนี้ ก็รีบตบไหล่ แล้วกล่าว “แก สบายใจได้เลย เอามาให้ฉัน ไม่ว่าใครจะมา ฉันก็สามารถ เคลียร์ให้แกได้ ไม่เหมือนกับไอ้สวะคนหนึ่ง นอกจากความสา มารถปลอมๆพวกนั้น ไม่มีอะไรที่ทำได้นอกจากนั้นแล้ว

กำลังพูดอยู่นั้น เขายังจ้องไปที่รพีพงษ์อย่างหยามเหยียด อีกด้วย

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท