บทที่226 ทำไมพวกเขานอนกองหมดแล้วล่ะ
เมื่อตรีภพได้ยินชื่อที่รพีพงษ์เอ่ยออกมาก็ชะงักทันใด
สีหน้าของชิตวรก็ดูไม่ดี ชื่อเสียงของรพีพงษ์ช่วงหลายปีมา นี้ไม่ค่อยดีนัก ถึงขึ้นมีคนกระจายข่าวว่ารพีพงษ์สวะเกินไป
จึงได้ถูกไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ รพีพงษ์ ชื่อนี้กลายเป็นเรื่องตลกของเมืองเกียวโตไปแล้ว
ตอนนี้รพีพงษ์บอกชื่อตนเองออกมา มีแต่จะทำให้ตรีภพ และคนพวกนี้เหยียดหยามมากขึ้นเท่านั้น
“เช็ดเข้ แกคงไม่ใช่ไอ้สวะที่โดนไล่ออกจากตระกูลลัดดา วัลย์นั้นหรอกนะ? เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ? แกคนเดียวก็เอา พวกเราอยู่แล้ว? มันชั่งน่าขำจริงๆ ไม่เข้าใจจริงๆว่าไอ้สวะนี่ เอาความมั่นใจมาจากไหน ถ้าแกเป็นคนอื่นของตระกูลลัดดา วัลย์ล่ะก็ ฉันอาจจะระวังคำพูดมากกว่านี้ ถ้าเป็นแกล่ะก็ ฉัน ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะวันนี้ถึงแม้ฉันจะ ฆ่าแกตาย ตระกูลลัดดาวัลย์ก็ไม่มีทางโทษฉัน ไม่แน่อาจจะ ขอบคุณฉันเสียด้วยซ้ำ” ตรีภพกล่าว
“ที่แท้นี่คือไอ้จรจัดนั้นหรอ สุดท้ายวันนี้ก็ได้เจอหน้าจริงๆ เสียที แต่ฉันได้ยินว่าเขาถูกไล่ออกจากเกียวโตแล้วไม่ใช่ หรอ? ทำไมยังปรากฏตัวที่นี่อีก?” ถิรมันกล่าว
“จะสนทำไมว่าทำไมมันถึงได้ปรากฏตัวที่นี่ ก็แค่ไอ้สวะคน
หนึ่งเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ” ตรีภพกล่าว
“ตรีภพ แกพูดจาดีๆหน่อยนะ ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นคนของ ตระกูลลัดดาวัลย์ แกยังไม่มีสิทธิ์มาพูดพร่ำอะไรมากมายแถวนี้” ชิตวรกล่าว
“ชิตวร แกหลอกใคร? ใครไม่รู้บ้างว่าคนที่ชื่อรพีพงษ์นั้นได้ ถูกไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว แล้วยังไม่ยินมาว่าในปี นั้นเขายังจะฆ่าแม่ของเขาเพื่อยึดอำนาจอีก แกคิดว่าเขายัง จะช่วยแกอยู่อีกมั้ย? เลิกฝัน” ตรีภพบึนปาก
ชิตวรโมโห แต่ก็ทำอะไรตรีภพไม่ได้ ทำได้เพียงกัดฟันเอา เท่านั้น แล้วมองไปที่เขาด้วยสายตาอาฆาต “เด็กน้อย เมื่อกี้แกบอกว่าแกจะต่อกรกับพวกเราเพียงคน
เดียวใช่ไหม? ลงมือ ให้ฉันดูหน่อยว่าความอดทนของแกมาก
ขนาดไหน” ตรีภพยิ้มดูแคลนแล้วกล่าว
ในขณะนี้ถิรมันได้เดินไปข้างหน้าสองก้าว ด้วยรอยยิ้มอัน ร้ายกาจ แล้วกล่าว “ให้ฉันได้ทดสอบความเก่งกาจของไอ้ เด็กกำพร้าแห่งตระกูลลัดดาวัลย์หน่อยสิ ฉันก็ได้ยินชื่อเขา มานานแล้ว วันนี้ได้เจอเป็นครั้งแรก เกรงว่านี่จะเป็นครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้รังแกคนของตระกูลลัดดาวัลย์ แล้วล่ะ ต้องฉวยโอกาสไว้สักหน่อยแล้ว”
ตรีภพหัวเราะเสียงดัง แล้วกล่าว “คุณถิรมัน คุณแน่ตลกๆ จริงๆ แต่คุณแบบนี้ก็ถูกนะ ตระกูลลัดดาวัลย์ใหญ่ขนาดนั้น ยังมีไอ้สวะแบบเขาได้อีก ชั่งน่าแปลกใจยิ่งนัก
รพีพงษ์มองไปที่ถิรมันอย่างเยือกเย็น แล้วกล่าว “อยาก ลงมือก็เร่งมือหน่อยเถอะ ไม่งั้นอีกแป๊ปคนที่จะมารับฉันก็มา ถึงแล้ว”
ชิตวรเครียด ยืนอยู่ด้านหลังของรพีพงษ์แล้วกล่าว “รพิ พงษ์ คุณอย่าเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย คนของสำนักบูโดไม่ธรรมดาทั้งนั้น คุณไม่ใช่คู่ต่อกรของเขา”
รพีพงษ์หัวเราะ แล้วกล่าว “ก็แค่สำนักบูโดเท่านั้น ฉันเคย ได้ยินมาก่อน ถ้าเป็นเจ้าสำนักมาล่ะก็ ค่อยน่ากลัวหน่อย แต่ นี่ก็แค่ลูกศิษย์ธรรมดามาเท่านั้น ทำให้ฉันถอยได้หรอก!”
พูดจบ รพีพงษ์กีพุ่งไปที่ถิรมันนั้น ด้วยกระบวนท่าที่รวดเร็ว
“ชั่งกล้าพูดโอ้อวดไม่ละอายแก่ใจเลยนะ แค่ถึง แม้จะใส่ รองเท้าให้กับเจ้าสำนักยังไม่คู่ควรเลย แค่ก็คนเดียว ก็เอาถึง อยู่ล่ะ!”
ถิรมันก็ออกแรวไปที่เท้า แล้วพุ่งไปทางรพีพงษ์
ตรีภพดูรพีพงษ์อย่างดูแคลน รู้สึกว่ารพีพงษ์และถิรมันเป็น มวยคู่ที่เข้ากันได้ ความจริงจนเองไม่ได้มีอะไร แต่คิดไปเอง ว่าตนนี่เก่งกล้าสามารถมาก
“ลูกพี่ ทำไมผมรู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่ได้เป็นคนอ่อนแอเลย แม้แต่น้อย คุณดูความคล่องแคล่วของเขาสิ ไม่ได้ช้าไปกว่า พี่ถินมันเลย” ลูกน้องคนหนึ่งของตรีภพกล่าวขึ้นมา
“เขาเป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์ ตั้งแต่เด็กต้องได้รับการ เล่าเรียนมาแล้วบ้าง มีความเร็วได้ขนาดนี้ แต่ความสามารถ ของเขาไม่มีทางดีไปกว่าคุณถิรมันแน่นอน ชื่อเสียงของสำ นักบูโด ก็ไม่ได้โด่งดังธรรมดา ถ้าคุณถิรมันต้องการต่อกรกับ ไอ้เด็กกำพร้าของตระกูลลัดดาวัลย์ล่ะก็ ยังคงเป็นเรื่องที่ ง่ายดายอยู่ดี” ตรีภพกล่าวอย่างมั่นใจ
ชิตวรเห็นรพีพงษ์และถิ่นมันกำลังประลองกันอยู่ ก็เกิดร้อน ใจขึ้นมา เขารู้ว่าเวลานี้ไม่สามารถห้ามได้แล้ว ดังนั้นจึงรีบหัน กลับ เดินเข้าไปในktv เพื่อเรียกลูกน้องของเขาเหล่านั้น
ตรีภพเห็นชิตวรเข้าไปข้างใน ก็บินปาก ไม่กังวลแม้แต่น้อย ที่ชิตวรจะเรียกคนมา เพียงแค่มีถิรมันอยู่ วันนี้เขาไม่มีอะไรที่ ต้องกลัว
รพีพงษ์และถิรมันเข้ามาบรรจบกัน ทั้งสองต่างกลับไปตั้ง
หลัก ถิรมันดูแคลน แล้วกล่าว “แค่ฝีมือระดับนี้ของแก จะมา ต่อกรกับฉัน ยังห่างกันเยอะ แค่เริ่มต้นก็มีจุดอ่อนมากมาย เกรงว่าแกจะสิบกระบวนท่าของฉันไม่ไหวซะแล้ว”
“หรอ?” รพีพงษ์ก็หัวเราะ มือหนึ่งพุ่งไปที่ซี่โครงของถิรมัน โดยตรง
ถิรมันหน้าซีดลง เขาไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะใช้ท่าแปลก ประหลาดนี้ ตอนนี้เขาสามารถโจมตีรพีพงษ์ได้
แต่ถ้าเขายังโอมจีรพงษ์ต่อไป หมัดของรพีพงษ์จะต้อง ต่อยไปที่ซี่โครงของเขาเป็นแน่ ไม่รู้เลยว่าถึงเวลานั้นจะ ทำให้รพีพงษ์ได้รับบาดเจ็บบ้างหรือไม่ แต่รพีพงษ์จะต้อง ต่อยซี่โครงเขาหักอย่างแน่นอน
รพีพงษ์ตั้งใจเผยจุดอ่อนนั้น ให้ถิรมันรู้ เขาไม่ได้กังวลเลย ว่าถิรมันจะโจมตีไปยังจุดอ่อนของเขา เพียงแค่ถิรมันไม่โง่ สุดท้ายเขาก็ต้องเก็บหมัดของตนนั้นกลับไป เพื่อจะไป ป้องกันหมัดของรพีพงษ์
แต่เมื่อเป็นแบบนี้ รพีพงษ์จะต้องใช้ท่าต่อไปที่เตรียมไว้ บีบ ให้ถิรมันแสดงจุดอ่อนของตนออกมาก “ลูกพี่ ทำไมผมรู้สึกว่าเหมือนพี่ถิรมันกำลังเสียเปรียบเลย
ล่ะ” ลูกน้องของตรีภพกล่าว ตรีภพก็ขมวดคิ้ว รู้สึกว่าถิรมันเป็นรองอยู่เช่นกัน เทียบกับเมื่อก่อนที่เขาประลองกับคนอื่นนั้น ความรู้สึกต่างกันโดยสิ้น
เชิง
“แกจะรู้อะไร เขาตั้งรับเพื่อโต้ตอบ อีกเดี่ยวแกจะเข้าใจ รอ อีกกระบวนท่า คุณถิรมันก็จะหาจุดอ่อนของไอ้สวะรพีพงษ์ เจอแล้ว ถึงเวลานั้นก…..” ตรีภพยังพูดไม่ทันขาดคำ รพีพงษ์ ได้ใช้ท่าเมื่อกี้ บีบเอาจุดอ่อนของถิรมันออกมา แล้วต่อยไปที่ จุดอ่อนของเขาโดยตรง จากนั้นสถานการณ์เริ่มเลวร้ายลง
ถิรมันร้องอวดครวญออกมา แล้วเดินถอยหลังไปกี่ก้าว ด้วยใบหน้าที่เจ็บปวดรวดร้าว
ตรีภพและลูกน้องเหล่านั้นอึ้งในทันที ตรีภพอ้าปากค้าง ไม่ คาดคิดว่าคำพูดของเขานั้นมันตรงกันข้ามกันเสียแล้ว ตอนนี้ ความได้เปรียบระหว่างรพีพงษ์และตรีภพได้สลับกันแล้ว
“เป็นไปได้ยังไง! ไอ้สวะนี่จู่โจมคุณถิรมันขนาดนี้ได้ไง กัน!”ตรีภพตะโกนออกมา
ถิรมันก็รู้สึกตกใจเหมือนตรีภพ ยังไงเขาก็ไม่คาดคิด ว่าตน จะถูกเด็กกำพร้าจู่โจมได้
“เมื่อกิ๊กประมาทไป เอาใหม่ ยังไงถึงก็ไม่ชนะกูหรอก!”
ถิรมันพุ่งไปที่รพีพงษ์อีกครั้ง
แต่น่าเสียดายเมื่อหมัดแลกหมัดไปสิบกว่าครั้ง ถิรมันก็พบ ว่า เขาได้โดนรพีพงษ์เล่นงานตลอด
“กบอกแล้ว นอกจากจะเอาเจ้าสำนักพวกมึงมา ถึงหนะ
ไม่ใช่คู่ต่อกรของกู” รพีพงษ์กล่าวอย่างนิ่งสงบ
ถิรมันไม่พอใจ ตะคอกออกมา แล้วปล่อยหมัดไปที่รพีพงษ์โดยตรง
รพีพงษ์ยืนตั้งหลักมั่น แล้วก็ปล่อยหมัดกลับไป หมัดของ ทั้งคู่ชกเข้าด้วยกัน ต่อมา ก็มีเสียงแตกร้าวดังขึ้นมา
ถิรมันรีบเก็บหมัดของตนเองกลับไป เขามองไปที่รพีพงษ์ ด้วยสายตาหวาดกลัว หมัดเมื่อกี้ของรพีพงษ์ ทำเอากระดูกก ข้อของเขาหักโดยสิ้นเชิง
“ถึง….ฝากไว้ก่อนเถอะ กูจะไม่ปล่อยมึงไว้แน่ กูเป็นคน ของสำนักบูโด ศิษย์พี่ศิษย์น้องของกูจะต้องล้างแค้นแทนก แน่นอน ถ้าไม่ได้จริงๆกูจะไปหาเจ้าสำนัก กูไม่เชื่อว่าไม่มีทาง ที่จะชนะถึงไอ้สวะได้!”
ถิรมันตะคอกไปที่รพีพงษ์ แล้วอดทนต่อความเจ็บปวดไว้ แล้วรีบวิ่งไป ขวางรถเอาไว้ ขึ้นไปนั่งตรงไปที่โรงพยาบาบ
ตรีภพและคนอื่นๆตกใจ ยังไงพวกเขาก็คาดไม่ถึง ว่ารพี พงษ์จะต่อสู้จนทำให้ถิรมันต้องหนีไปเอง
ขณะนี้รพีพงษ์ได้หันไปมองตรีภพและคนอื่นๆ แล้วเดินไป ทางพวกเขาอย่างไม่ช้าและไม่เร็ว
ตรีภพกลืนน้ำลาย ไม่รู้ว่าทำไมขาสองข้างถึงได้สั่นไม่หยุด
“ลูกพี่ พวกเราควรทำไงดี?” ลูกน้องของตรีภพทุกคนจ้อง ไปที่รพีพงษ์อย่างหวาดผวา
ตรีภพหายใจเข้าลึกๆ กัดฟันแล้วกล่าว “แม้เขาจะสู้จนคุณ ถิรมันหนีไปเองแล้วไง แค่มันคนเดียว แต่พวกเรามีคนตั้ง เยอะ ไม่จำเป็นต้องกลัวมัน พวกเรารีบไปกดมันไว้ ถึงตอนนั้น กูจะต่อยไปที่หัวของมัน มันไม่มีแรงต่อต้านเราแน่นอน” ถึง แม้ปากพูดแบบนี้ แต่ตรีภพก็ได้เตรียมพร้อมเพื่อจะหนีแล้ว
ตอนที่รพีพงษ์เดินไปถึงข้างหน้าของตรีภพพวกเขาแล้วนั้น ตรีภพตะโกนออกมาว่า “ลงมือ กดมันไว้ มันไม่มีทางสู้เราได้!”
ลูกน้องพวกนั้นของตรีภพรีบพุ่งเข้าไปที่รพีพงษ์ แต่ตรีภพ กลับหันหลังหนีไปไกลๆ
รพีพงษ์ไม่สนใจลูกน้องของตรีภพ แล้วรีบไปหาตรีภพ อย่างเร็ว บินไป ตรีภพล้มลุกคลุกคลาน ในปากเต็มไปด้วย ก้อนหิน
เมื่อจัดการตรีภพเสร็จแล้ว รพีพงษ์หันหน้าไป แล้วลงมือกับ ลูกน้องนั้น ผ่านไปไม่นาน คนที่อยู่หน้าประตูผับก็เหลือเพียง แค่รพีพงษ์คนเดียวเท่านั้น
ตอนนี้ชิตวรได้พาลูกน้องออกมาจากktv เขากังวลอย่าง มาก ไม่รู้ว่ารพีพงษ์อยู่ด้านนอกจะเป็นไงบ้าว
ตามที่เขาคาดการณ์ไว้ รพีพงษ์อาจจะถูกถิรมันจู่โจมอยู่ก็ เป็นได้ ดังนั้นเขาต้องรีบพาคนออกมาก เพื่อช่วยรพีพงษ์ไว้
ก่อน
แต่หลังจากที่เขาเดินมาถึงด้านนอกของktvแล้วนั้น เห็น ตรีภพและพวกลูกน้องนอนกองอยู่บนพื้น แล้วถิรมันก็ไม่รู้หนี ไปไหนแล้ว มีเพียงรพีพงษ์ที่ยืนอยู่เท่านั้น
“นี่ นี่เป็นไปได้ยังไง ทำไมพวกเขาถึงได้นอนกองอยู่บน พื้น” ชิตวรกล่าว “รพีพงษ์ นี่คุณเป็นคนจัดการหรอ? คนของ พวกเขาเยอะขนาดนั้น คุณจัดการคนเดียวหมดเลยหรอ?”
รพีพงษ์หันไปมองเขา ยิ้มพลางกล่าว “ฉันบอกแล้วว่าฉัน คนเดียวก็เอาพวกมันอยู่หมัด ไม่จำเป็นต้องเข้าไปเรียกคน ข้างใน”
พูดจบ เขาก็ยกตรีภพขึ้นมา แล้วโยนไปข้างหน้าของชิตวร