พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่230 เด็กสาวโตขึ้นแล้วนะ

บทที่230 เด็กสาวโตขึ้นแล้วนะ

บทที่230 เด็กสาวโตขึ้นแล้วนะ

สนามหญ้าคฤหาสน์ใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์

หลังจากที่นิรมัทอ้วกออกมาเป็นเลือกแล้ว ทุกคนใน เหตุการณ์ก็เงียบกริบ ความจริงพวกเด็กๆที่กำลังรอนิรมัทสั่ง สอนรพีพงษ์ในตอนนั้นแต่ตอนนี้ได้จ้องไปที่รพีพงษ์อย่าง อ้ำอึ้ง แต่ล่ะคนอ้าปากค้างจนแทบจะใส่ไข่ไก่ไปในปากได้ หนึ่งฟองแล้ว

นิรมัยกัดฟันยืนขึ้นมาจากพื้น แล้วจ้องไปที่รพีพงษ์อย่าง โกรธแค้น กำหมัดไว้แน่น แล้วตะคอกไปว่า “มาอีก ฉันไม่เชื่อ ว่าไอ้สวะอย่างแกจะชนะฉันได้!”

“โอ้ว? ทำจนแกอ้วกออกมาเป็นเลือก ยังไม่ถือว่าชนะแกอีก หรอ?” รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ

นิรมัทร้อนใจขึ้นมาทันที แล้วด่า “ถึงหยุดมั่นใจได้ล่ะ กูจะ เอาคืนถึงเอง!”

พูดจบ นิรมัทก็พุ่งไปที่รพีพงษ์อีกครั้ง

รพีพงษ์เห็นนิรมัทไม่ยอมแพ้ ก็ไม่ได้เกรงใจเขา ในตอนที่นิ รมัทพุ่งเข้ามาหาเชานั้น ก็ได้ถีบเขาออกไป

ครั้งนี้นิรมัทไม่ได้ถูกรพีพงษ์ถีบ เขาคิดเสมอว่าก่อนหน้านี้ ที่ถูกรพีพงษ์เล่นงานนั้น เป็นความผิดของเขาเอง เพียงแค่เขา ระวัง เขาก็จะไม่ถูกรพีพงษ์เล่นงานแล้ว

ตอนนี้เห็นรพีพงษ์ใช้วิทยายุทธเดียวกับเมื่อกี้ นิรมัทก็เปล่ง เสียงฮืออกมา คิดว่ากูไม่มีทางพลาดให้กับวิทยายุทธเดียวกัน ถึงสองครั้งหรอก ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงเพิ่มท่าขึ้นมาหนึ่งท่า เพื่อให้วิทยายุทธนี้ของรพีพงษ์ทำอะไรเขาไม่ได้

แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือ หลังจากที่เขาได้หลบ ขาของรพีพงษ์แล้ว วิทยายุทธของรพีพงษ์ได้ถูกเปลี่ยนไป จากเตะขึ้นเป็นเตะตรง นิรมัทไม่ทันได้ระวัง ขาของรพีพงษ์ ก็ได้ถีบไปที่เอวของเขาแล้ว

นิรมัทล้มลงอีกครั้ง แล้วก็ได้อ้วกออกมาเป็นเลือกอีกแล้ว ครั้งนี้เขาไม่มีแรงที่จะต่อสู้กับรพีพงษ์อีกต่อไปแล้วจริงๆ ใน เวลาเดียวกันในใจเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ความจริงเขาคิดว่าแม้รพีพงษ์จะเก่งกาจ ความสามารถของ เขาก็ไม่น่าจะต่างกันมาก แต่หลังจากที่รพีพงษ์ได้เปลี่ยน วิทยายุทธนั้น เขาเข้าใจมากขึ้น แม้จะให้เวลาเขาสิบปี เกรง ว่าเขาก็ยังตามรพีพงษ์ไม่ทัน

เจตดิลกเห็นนิรมัทโดนเล่นงานจนอ้วกเป็นเลือดอีกครั้ง ก็ รีบพุ่งเข้าไปด้านหน้าของรพีพงษ์ แล้วมองไปที่เขา กล่าว “แกก็แค่ประลองกันเท่านั้น แกออกแรงมากเกินไปหรือเปล่า”

รพิพงษ์จ้องไปที่เจตดิลก แล้วกล่าว “ประลองก็เหมือนต่อสู้ ถ้าไม่ใช้กำลังทั้งหมดที่มี รอให้ถึงอันตราย ก็กลายเป็นไม่มี แรงไปแล้ว นี่เป็นสิ่งที่คุณสอนมาไม่ใช่หรอ? แล้วตอนนั้นนิ รมัทก็ใช้กำลังเต็มที่ ถ้าผมอ่อนข้อให้ ก็เหมือนไม่ให้เกียรติ เขา”

“แก!” เจตดิลกไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะเอาคำพูดที่เขาสอน ไว้มาย้อนหาเขาเอง รู้สึกโมโหขึ้นทันที โดยเฉพาะเมื่อเห็น ท่าทีของรพีพงษ์ที่ไม่เป็นเดือนเป็นร้อนแต่อย่างใด ยิ่งทำให้ เขารู้สึกว่าโดนท้าทายเป็นอย่างมาก
“ตั้งแต่ผมยังเล็กคุณก็มองว่าผมเป็นคนที่เรียนรู้ศิลปะการ ต่อสู้ไม่สำเร็จ ตอนนี้ลูกศิษย์ที่คุณภูมิใจนักภูมิใจหนาโดนผม โจมตีจนแพ้ ทำให้คุณรับไม่ค่อยได้ใช่ไหม?”

เจตดิลกเปล่งเสียงเหอะออกมา เดินหน้าไปหนึ่งก้าว แล้ว กล่าว “แกกำลังท้าทายฉันใช่ไหม? แกชนะลูกศิษย์ฉัน ไม่ได้ หมายความว่าจะชนะฉันได้ ฉันว่าแกยังไม่รู้ว่าตัวเองควรอยู่ ตรงไหนนะ ให้ฉันลองมือเองไหมเผื่อแกจะเข้าใจขึ้น?”

“ยินดีครับ” รพีพงษ์ไม่กลัวแม้แต่น้อย

เจตดิลกจะลงมือ ขณะเดียวกันท่านคทาก็รีบเดินเข้ามายืน ระหว่างทั้งคู่ ห้ามพวกเขาเอาไว้

“วันนี้เป็นวันที่คุณผู้หญิงและลูกศิษย์ญาทิปต้องแข่งขันกัน พวกแกประลองแค่นี้ล่ะกัน ถ้ายังลงมือต่อ เกรงว่าจะทำลาย ความสัมพันธ์ลง ถึงเวลานั้นถ้ากระทบกับการแข่งขันของคุณ ผู้หญิง จะต้องวุ่นวายแน่ๆ” ท่านคทากล่าว

เจตดิลกได้ยินท่าคทาพูดดังนี้ ก็เปล่งเสียงเหอะออกมา ปัด กางเกง แล้วกล่าว “รพีพงษ์ วันนี้ฉันปล่อยแกไปก่อน แต่แก จำเอาไว้นะ ในสายตาฉัน แกก็เป็นได้แค่ไอ้เด็กที่ไม่เรียน ศิลปะการป้องกันตัว ไม่มีความสามารถจริงๆ แค่ใช้วิธีสกปรก ยากที่จะสำเร็จ!”

เจตดิลกคิดว่าที่รพีพงษ์ชนะนิรมัทได้นั้น ต้องใช้วิธีสกปรก อย่างอื่นเป็นแน่ มิเช่นนั้นจะไม่ลงเอยแบบนี้

“เด็กที่ไม่เรียนศิลปะการต่อสู้ก็เก่งกว่าศิษย์ที่เรียนอย่าง จริงจังก็แล้วกัน ฉันไม่สำเร็จ นิรมัทล่ะสำเร็จไหม?” รพีพงษ์ ถามกลับ
เจตดิลกเกือบจะระเบิดออกมาแล้ว ท่านคทาเห็นดังนี้ แล้ว รีบกล่าว “รพีพงษ์ แกก็หยุดกระตุ้นเขาได้แล้ว คิดเสียว่าให้ เกียรติคุณผู้หญิงญาดา แกหยุดบีบให้เขาลงมือได้แล้ว ถ้า ถูกญาธิปเห็นเข้าล่ะก็ เกรงว่าจะกระทบต่ออนาคตของคุณผู้ หญิงญาดานะ”

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของท่านคทาแล้ว ก็ชะงัก ในสมอง ผุดขึ้นมาด้วยภาพของเด็กผู้หญิงที่เรียกเขาว่าพี่รพีแล้วอยู่ ข้างกายเขาไม่ห่างนั้น

ญาดาหรอ ไม่เห็นหลายปี ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นไงบ้างแล้ว ฟังท่านคทาพูดแล้ว เรื่องคืนนี้ต้องสำคัญกับญาดามากเป็น

แน่ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ใส่ใจเจตดิลกแล้ว เมื่อก่อนรพีพงษ์ก็ได้ยินชื่อเสียงของญาทิปมาก่อน ขึ้นชื่อ อย่างมากเรื่องโกะในปีนั้น ดูๆแล้วหลายปีที่ผ่านมาญาดาก็ได้ รู้เกี่ยวกับโกะบ้างแล้ว ในตอนนั้นที่รพีพงษ์เล่นโกะกับญาดา เพื่อทำให้เธอมีความสุข ทุกครั้งก็จะให้เธอเป็นฝ่ายชนะ ไม่รู้ ว่าหลายปีมานี้ ฝีมือการเล่นโกะของญาดาจะพัฒนาไปถึง ไหนแล้ว

ท่านคทารีบเรียกพวกเด็กๆของตระกูลลัดดาวัลย์มา ให้ พวกเขายกนิรมัทขึ้นมา ส่งโรงพยาบาล

เจตดิลกส่งเสียงเหอะไปที่รพีพงษ์ สบัดกางเกงแล้วเดิน จากไป

ท่านคทามองไปที่รพีพงษ์ ด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าว “ดูแล้ว หัวหน้าวงศ์ตระกูล เมื่อก่อนพวกเราดูถูกแกเกินไป”

รพีพงษ์ยิ้มไปที่ท่านคทา แล้วกล่าว “ท่านคทาเห็นด้วยแล้ว”

“แกคงอยากเห็นญาดาสินะ พวกเราไปดูญาดาแข่งขันด้วย กันเถอะ วันนี้เธอต้องแข่งกับลูกศิษย์ของญาทิป น่าสนใจไม่ เบา” ท่านคทากล่าว “เพียงแต่ในช่วงหลายปีมานี้นั้นเธอ เปลี่ยนแปลงไปมาก เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่ตามก้นแกเหมือน เมื่อก่อนแล้ว แกต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้นะ”

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วกล่าว “ตามที่คิดไว้ ชื่อเสียงของผม ในช่วงหลายปีมานี้แย่ขนาดนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะมี อคติกับผม” ทั้งคู่เดินไปที่ห้องโถงด้วยกัน

ขณะนี้ในห้องโถงมีคนจำนวนไม่น้อย คนเหล่านี้เป็นแขกที่ ตระกูลลัดดาวัลย์เชิญมาร่วมงาน เพราะศิษย์ของญาทิป ก็ ถือเป็นวันรุ่นที่มีความสามารถคนหนึ่ง เขาเทียบกับญาดา แล้ว แน่นอนว่าต้องดึงดูดสายตาของคนตระกูลใหญ่ๆไม่น้อย

ในห้องโถงมีผู้ชายวัยกลางคน คนนี้คือญาทิปผู้มีฝีมือระดับ ประเทศ เป็นระดับเทพแห่งวงการหมากล้อม

ขณะนี้คนที่อยู่รอบๆญาทิป ล้วนเป็นคนที่อยากจะสร้าง สัมพันธไมตรีกับเธอ

ตระกูลใหญ่จะให้ความสำคัญกับการอบรมสั่งสอนของ ครอบครัว โกะก็ถือเป็นการปลูกฝังของทุกๆตระกูลอย่างหนึ่ง ญาทิปในฐานะที่เป็นปรมจารย์โกะ แน่นอนว่าต้องได้รับความ นิยมก็คนเหล่านี้

ข้างๆญาทิปเป็น วัยรุ่นที่สง่างาม ใบหน้าเต็มไปด้วยความ มั่นใจ แล้วทักทายกับคนรอบข้างๆ

เขาคือลูกศิษย์ของญาทิป นวัสสัย ดาวดวงใหม่ของโกะแห่งเกียวโต เคยได้รับเกียรติแข่งขันโกะของเอเชีย เพราะ อายุยังน้อย เรื่องนี้ถึงได้เป็นความภูมิใจของนวัสสัย

“นวัสสัยเป็นวัยรุ่นที่มีความสามารถ แล้วยังหล่อ ความจริง ฉันมองว่า นวัสสัยเข้ากันได้ดีกับคุณผู้หญิงของตระกูลลัดดา

วัลย์ ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ญาที่ก็น่าจะรับคุณผู้หญิงตระกูลลัด

ดาวัลย์ไว้เป็นศิษย์” คนวัยกลางคนพูดขึ้นมา

ญาทิปหัวเราะ แล้วกล่าว “ตระกูลลัดดาวัลย์เป็นตระกูล ใหญ่ คุณผู้หญิงของตระกูลเขา ก็เหมาะสมกับลูกศิษย์ของ ญาทิป”

ความจริงวันนี้ที่เขามา ก็เพื่อมาสู่ขอญาดา เขาให้นวัสสัย และญาดาแข่งขันกันก่อน ให้นวัสสัยใช้ความสามารถทั้งหมด อย่างนี้ญาดาจะได้เคารพเขา ถึงเวลานั้นเมื่อทั้งสองตระกูล ดองกัน ก็ง่ายขึ้นแล้ว

เพราะตระกูลลัดดาวัลย์ในเกียวโตก็ถือว่าเป็นตระกูลชั้นนำ

ถ้าสามารถดองกับตระกูลลัดดาวัลย์ได้ ก็จะได้ประโยชน์ อย่างมหาศาล นวัสสัยก็มั่นใจไม่น้อย เขามั่นใจเหลือเกินว่าคู่ควรกับญา ดา ญาดาก็เป็นคนสวยขึ้นชื่อของเกียวโต นวัสสัยอยากได้มา

ครอบครองนานแล้ว

“คุณผู้หญิงตระกูลลัดดาวัลย์มาแล้ว” มีคนตะโกนออกมา ทุกคนหันไปดู เห็นญาดาสวมใส่ชุดทางการเดินมาคู่กับผู้ หญิงอีกคนหนึ่ง

ท่าทางของญาตาดูโดดเด่น สวยงาม บอกกับฝีมือโกะ และ เสน่ห์เฉพาะตัว ทำให้ทุกคนที่มองรู้สึกชอบ ต่างรู้สึกว่าเธอเหมือนเทพธิดาจุติมายังโลกก็ปราณ

ญาดาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ วันนี้ เธอมา เพื่อชนะนวัสสัย ในสายตาของเธอ มีเพียงโกะทั้งนั้นที่ จะแสดงความเป็นตัวตนของเธอ

ในขณะนี้รพีพงษ์และท่านคทาก็เดินเข้าไปในห้องโถง หลัง จากที่รพีพงษ์เห็นญาดาแล้ว ก็ยิ้มออกมา ญาดารู้สึกเฉยๆ แล้วหันไปมองรพีพงษ์

สายตาสีคู่ประสานกัน สายตาของญาดาเยือกเย็น แล้วหัน กลับไปอย่างเร็ว เธอมองรพีพงษ์ดังเช่นมองคนทั่วไปอย่างนั้น

รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างเสียอารมณ์ ดูๆแล้วเด็กผู้หญิงคน นั้น สุดท้ายก็ได้โตขึ้นแล้ว แต่ความอคติที่เธอมีต่อรพีพงษ์นั้น ก็เป็นเพราะได้รับผลก

ระทบจากคนรอบข้าง เธอไม่รู้ความเป็นจริง ว่ารพีพงษ์ตอนนี้

จะเก่งกล้ามากกว่าในตอนนั้นที่เธอเดินตามกันเสียอีก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท