พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่243 แข่งรถ

บทที่243 แข่งรถ

บทที่243 แข่งรถ

เมื่อจารุณีได้ยินรีบขมวดคิ้วทันที:” นายเป็นคนชอบเห่า เหมือนสุนัขหรือ ?”

สีหน้าของลิปตามีดไป:” ผมพูดถึงการเติมพัน คุณเข้าใจ

หรือเปล่าหมายถึงอะไร?”

จารุณีไม่พอใจแล้วหันไปมองรพีพงษ์ :” รัฐพงษ์ พวกเรา ไม่พนันกับเขา ให้เขาไปเหมาเอง ”

ที่จริงจารุณีพูดแบบนี้ ก็เพราะว่าเห็นผู้ชายคนนี้เป็นที่ หนึ่งบนหน้าจอทางนั้น เธอคิดว่ารพีพงษ์ต้องแพ้แน่นอน ตอน นั้นถ้าต้องเห่าเหมือนสุนัขจริงๆ คงจะอับอายแน่นอน

ฉันว่าพวกเธอไม่กล้าแน่นอน ก็เช่นรพีพงษ์ ถ้ากล้าจริงๆ ก็ไม่เกิดเรื่องตลกมากมายขนาดนี้ที่เมืองริเวอร์แล้ว ขี้ขลาด ชรินทร์ทิพย์ดูถูก

* ได้ พนันกัน” รพีพงษ์พูด

จารุณีรีบร้อนทันที หันไปมองเขาอย่างไม่พอใจ” โง่หรือ เปล่า คนนี้เป็นลำดับที่หนึ่งนะ แข่งกับเขา สุดท้ายต้องทำตาม การเดิมพันแน่เลย ”

รพีพงษ์ยิ้ม ผมบอกแล้วไม่ใช่หรือ สถิติของเขา ผม ทำลายได้ง่ายมาก คุณก็อย่างลองดูไม่ใช่ ตอนนี้ท้อถอยแล้ว หรือ ?”

จารุณีรีบยืนตรงยกหน้าอกของตนเองขึ้น :” ใคร…ใคร กลัว ยังไงเมื่อถึงเวลาคนที่เห่าไม่ใช่ฉัน ไปก็ไป ”

ลิปตาเห็นรพีพงษ์ตอบตกลง ก็มีรอยยิ้มที่เย็นชาขึ้น :” ถ้า งั้นแบบนี้ ก็ให้เธอสองคนนั่งข้างคนขับรถ น้อง การแข่งรถเป็น อื่นบ้างที่อันตรายมากเลยนะ ถ้าฝีมือของรพีพงษ์ไม่ดี อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ต้องคิดดีๆ

จารุณีร้องลิปตา รู้สึกไม่พอใจผู้ชายคนนี้ขึ้นมา :” ไม่ต้อง มาสาปแช่งฉัน ถ้าฉันเกิดอุบัติเหตุ นายก็ต้องตาย ”

ลิปตาไม่สนใจ :” ในอำเภอนกฟ้ายังไม่เคยมีใครกล้าพูด ว่าผมจะตาย คุณจะให้ผมตายยังไง ใช้ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ

หรอ ?”

พูดจบเขาและชรินทร์ทิพย์ก็หัวเราะขึ้นมา

จารุณีไม่กลัว :” ฉันเป็น…” เธอไม่ได้พูดออกมา พูดไปครึ่งหนึ่งก็หยุด

สี่คนเดินไปทางสนามแข่งรถ มีคนมากมายทักทายลิปตา หลังจากที่เขาเข้าไป ลิปตาภูมิใจมาก ยิ้มว่า :” ในสนามแข่งรถ นี้ไม่มีใครไม่รู้จักผม ถึงจะเป็นเจ้าของสนามก็ให้เกียรติผม เหมือนกัน ในอำเภอนกฟ้า ผู้ชายที่อายุเหมือนผมไม่มีใครมี ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเยอะอย่างผม

“โซ่ๆ สามีฉันสุดยอดมากๆ ไม่มีใครเทียบได้ ส่วนรพี พงษ์เมื่อก่อนอยู่เมืองริเวอร์ ก็โด่งดังเหมือนกัน แต่ดังใบด้าน ไม่ดี “ชรินทร์ทิพย์แย้ม

จารุณีได้ยิน โมโหมาก เธอหันไปมองรพีพงษ์ : หล่อนว่า นายแบบนี้แล้ว นายยังไม่โกรธหรอ ?”

รพีพงษ์ยิ้ม : ถ้าโกรธแล้วก็ คงจะทำให้จิตใจของผมต่ำ

ลงถึงระดับเดียวกับนางแล้ว ”

” แต่พวกเขาสองคนน่าโมโหจริงๆ ก็แค่รู้จักคนไม่กี่คน ดู สภาพอวดของพวกเขาสิ “จารุณีโมโห

” คุณต้องคิดแบบนี้ คนที่เขารู้จักยิ่งเยอะ ตอนที่เขาเห่าก็ จะยิ่งอับอายขายหน้าจารุณีโอ้ไปคำนึง ในใจก็ไม่แน่ใจ เพราะเธอไม่รู้ระดับ ฝีมือของรพีพงษ์ ในความทรงจำของเธอ รถแข่งไม่ใช่จะขับ ง่าย ตอนนี้รพีพงษ์ก็ยังบาดเจ็บอยู่ ถ้าอยากชนะคนที่หนึ่งของ ที่นี่ ลำบากไม่น้อย

ลิปตาไปหาเจ้าของ เจรจาไปเข้าๆ ให้เจ้าของจัดสนาม ให้หน่อย เขาจะแข่งกับคนอื่นว่าใครจะเก่งสุด

เจ้าของฟังเสร็จก็ดีใจ เพราะยังไงลิปตาก็เป็นคนดัง เขา แข่งกับคนอื่นก็จะพาผู้ชมมาให้เยอะ

ก่อนแข่ง สีปตาให้เจ้าของแนะนำรพิพงษ์อย่างหนัก ให้ผู้ ชมทั้งหมดได้รู้ว่า รพีพงษ์อยู่ในระดับไหน

จัดการทุกอย่างเสร็จ เจ้าของได้จัดรถสองคันให้ แล้ว หยิบไมโครโฟนขึ้น แนะนำการแข่งขันในวันนี้

” สวัสดีครับ ท่านมีขมที่มีเกียรติ การแข่งขันในวันนี้ โดย เจ้าของบันทึกของพวกเรา ลิปตาและคนที่ชื่อว่ารพีพงษ์ท้าชิง ลิปตาทุกคนต้องรู้แน่นอน ผมได้มาแนะนำคนที่ชื่อรพีพงษ์

” รพีพงษ์คนนี้แป้นคนบ้านเกิดของแฟนของลิปตา ได้ ข่าวว่าคนนี้ได้ฉายาว่าคนไร้ค่า ครั้งนี้ลิปตาจะมาท้าชิงกับเขา ก็เพราะว่าคนแรกถ้าคนนี้เคยทำให้แฟนของลิปตามีปัญหาขึ้น ดังนั้นวิธีการจัดการของพวกเขาคือใช้วิธีการแข่งรถมาแข่งว่า ใครเก่งกว่า

และพวกเขายังมีการเดิมพัน คือ คนที่แพ้ต้องเห่าเหมือน สุนัขต่อหน้าทุกคน วันนี้ทุกท่านจะเป็นพยาน หลังจากจบการ แข่งขัน อย่าลืมการเดิมพันนี้ด้วย

“ ไม่พูดมากแล้ว ต่อไปนี้ให้เราสนใจการแข่งขันการนี้ดี

กว่า

หลังจากที่ทุกคนได้ยินการแนะนำของเจ้าของ รีบมีเสียงหัวเราะขึ้น คนทั้งหมดมองไปทางรพีพงษ์ สายตาของคนพวก นั้นมีแต่ดูถูกรพีพงษ์

” เป็นแค่คนไร้ค่าอย่างเขาแบบนี้ ยังกล้าท้าชิงกับลิปตา

ตลกจริงๆ

“ลิปตาสามารถพูดได้ว่าเป็นเทพในสนามแข่งรถนี้ ไม่ใช่ ใครก็ได้ที่จะแข่งได้ง่ายๆ ยิ่งไม่ต้องพูดคนที่มาจากด้านนอก ้

” นี่ยังแข่งอะไรอีก ให้คนที่ชื่อรพีพงษ์เก่าตอนนี้ก็จบ ที่ เป็นการแข่งที่เห็นผลได้ชัดเจน ”

ลิปตาและรพีพงษ์สี่คนได้เปลี่ยนชุดเดินออกมาแล้ว จา รุณีได้ยินสิ่งที่ผู้ชมพูดแบบนี้ แอบกังวลขึ้น

ถึงวันนี้รพีพงษ์จะแพ้จริงๆ งั้นเธอก็ต้องเสียหน้า แค่คิด แบบนี้ เธอก็ถอดหายใจแล้ว คิดในใจว่า ยังไงก็เป็นคนที่นอน เตียงเดียวกันแล้ว รพีพงษ์ยังไงก็ต้องแข่งกับลิปตา เธอก็ ท้อถอยไม่ได้

ลิปตาและชรินทร์ทิพย์มองรพีพงษ์กับจารุณีอย่างเย็นชา พวกเขาคิดว่าผลการแข่งขันของวันนี้คงจะเห็นได้ชัดมากแล้ว

คนนั่งอยู่ในรถใครรถมัน ก็มีกรรมการมืออาชีพเดินไปถึง ตรงระหว่างกลางของรถสองคัน ยกธงเล็กในมือตัวเองขึ้น จารุณีตื่นเต้นมาก สวมหมวกขึ้น

” ทำตัวสบายหน่อย ชนะเขาเป็นเรื่องง่ายมาก ไม่ต้องตื่น เต้นขนาดนี้ก็ได้ รพีพงษ์ยิ้ม

จารุณีก็อยากให้ตัวเองทำตัวสบายลง แต่พอคิดถึงลิปตา เป็นเจ้าของบันทึกสถิติ แล้วก็ไม่สามารถผ่อนคลายลงได้ รพีพงษ์จะสตาร์ทรถ แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงคือรถแข่งรถคันนี้สตาร์ทไฟไม่ได้

จารุณีเห็นรฟีพงษ์สตาร์ทรถไม่ได้ ก็จ้องเขา :” อย่าบอก นะว่าพวกเราจะโชคร้ายขนาดนี้ สตาร์ทรถไม่ได้?”

สีหน้าของรพีพงษ์สงบมาก พยายามสตาร์ทรถ ตอนนี้ทางลิปตาได้เตรียมความพร้อมแล้ว ผู้ชมทั้งหลาย เห็นทางรพีพงษ์สตาร์ทรถยังไม่ได้ก็หัวเราะไปหมด

เจ้าของมองรถคันนั้นของรพีพงษ์อย่างตลก เขาตั้งใจทำ แบบนี้ ถึงจะรู้ว่าฝีมือของลิปตาสามารถชนะรพีพงษ์ได้ แต่ถึง สิปตาจะพูดว่ารพีพงษ์ทำอะไรไม่ได้เรื่อง งั้นรถของเขาก็ต้อง มีลำดับที่เหมาะสมกับฐานะของเขา

ลิปตาก็ไม่รู้ว่ารถของรพีพงษ์จะมีปัญหาแบบนี้ เขาได้มี รอยยิ้มอย่างเย็นชา คนทำอะไรไม่ได้เรื่องก็ไม่ได้เรื่องจริงๆ แม้กระทั่งขับรถ

ยังไม่ได้เรื่องเลย ตลกจริงๆ “ชรินทร์ทิพย์ยิ้ม

และตอนนี้เสียงเป้านกหวีดกรรมการก็ดังขึ้น ต่อมาธง เล็กๆในมือของเขาก็วางลง เริ่มการแข่งขันทันที รถของลิปตา วิ่งออกไปทันที

” โร่เอ๊ย รพีพงษ์ พวกเขาได้ไปแล้ว ของพวกเราแม้ กระทั่งสตาร์ทรถยังไม่ได้เลยวันนี้ต้องแพ้แน่นอน ” จารุณี ใจร้อนมาก

“ ไม่แน่ ยังมีความหวังอยู่

รพีพงษ์เปิดฝาของรถขึ้นเห็นเส้นไฟฟ้าด้านใน ได้หยิบ เส้น 2 เส้นออกมาแล้วใช้วิธีการมัดแบบพิเศษ รถนี้ก็สามารถ สตาร์ทได้ทันที

หลังจากสตาร์ทรถ รพีพงษ์เหยียบเร่งลงวิ่งไปตามลิปตา แต่ตอนนี้ลิปตาได้นำหน้าพวกเขาไปเยอะมาก ถ้าอยากจะมาก..คน

ชนะคงต้องรอความอัศจรรย์เท่านั้น

จารุณีหมดหวังรู้สึกอย่างร้องไห้

คนพวกนี้น่าเกลียดจริงๆ ให้รถเสียกับพวกเรานี่ไม่ ยุติธรรมเลย พวกเราไม่มีทางชนะแน่นอน “จารุณีพูด รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดว่า” ถนนเส้นแข็งเช่นนี้มีโค้ง 26 โค้ง ฝีมือของลิปตาก็แค่เพิ่งจะถึงขั้นมืออาชีพเฉยๆ ตอนนี้เขาโค้ง

สามารถเห็นมันหาอย่างชัดเจน ผมสามารถเอาเวลากลับตอน

โค้งรถมาถึงด้านหลังสามารถชนะได้ “รพีพงษ์ขับไปพูดไป จารุณีอึ่งมาก ถึงจะไม่รู้ว่ารพีพงษ์จะทำได้หรือไม่ แต่ฟัง ไปแล้วรู้สึกสุดยอดมาก

ผู้ชมเห็นรถของรพีพงษ์อย่างดูถูก พวกเขาคิดว่ารฟีพงษ์ ได้ออกช้าขนาดนี้ คงจะไม่มีโอกาสที่จะชนะแล้ว เหตุการณ์ แบบนี้คงต้องยอมแพ้อย่างเดียว รพีพงษ์ยังพยายามแต่ก็ไร้ ประโยชน์

แต่ตามเวลาไป ก็เขาก็สังเกตเห็นว่าระยะระหว่างรถของ รพีพงษ์และรถของลิปตาไม่ค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆ สามารถพูดได้ ว่าทุกครั้งที่ผ่านเส้นโค้ง รพีพงษ์ก็จะเอาระยะนั้นคืนมา

พอถึงด้านหลัง ระยะระหว่างลิปตาและรพีพงษ์ ไม่เหลือ เท่าไหร่แล้ว ลิปตามองจากกระจกมองหลังเห็นรถของรพีพงษ์กำลัง

ตามมา สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ถ้าแบบนี้ยังจะให้รพีพงษ์ชนะอีก แล้วก็จะกลายเป็นที่อับอายของสนามนี้

เพราะยังไงรพีพงษ์ก็ช้าเขาไปเกือบ30 วินาที

” ให้ตายเถอะ วันนี้กูจะไม่ให้มึงชนะแน่นอน ตายไปซะ !” รพีพงษ์กลับฟันแล้วปรับพวงมาลัย ถัดไปทางหัวรถของ

ลิปตา
รพีพงษ์เหยียบเร่ง แล้วพยายามปรับพวงมาลัย แล้ว เหยียบเร่ง ใช้พื้นที่ที่ลิปตาเหลือไว้สำเร็จการชิงชน ขับซิ่งตน ถึงด้านหน้าของลิปตา

ทางสนามมีแต่ความเดือด

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท