พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่247 หมัดหนึ่งระเบิดเลย

บทที่247 หมัดหนึ่งระเบิดเลย

บทที่247 หมัดหนึ่งระเบิดเลย

เมื่อฟังพงษ์ได้ยินคำพูดของจิรโชติ สีหน้าก็มีรอยยิ้ม ปรากฏขึ้น เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองแค่จะออกมาเพื่อผ่อนคลาย กลับถูกมองว่าเป็นเด็กยากจนที่ไล่ตามจีบลูกคุณหนูและถูก สั่งสอน

ความหมายเมื่อกี้ของจิรโชติคือกำลังตักเตือน รพีพงษ์ ถ้า หากเขากล้าคิดอะไรกับอันนา จิรโซติกั็จะสั่งสอนเขาเป็นผู้ เป็นคนด้วยหมัด

แม้ว่ารพีพงษ์จะไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น แต่กลับถูกคนอื่น บังคับยัดเยียดให้คิดแบบนั้น ในใจรพีพงษ์ก็รู้สึกไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไม่เกรงใจจิรโชติ ยืนอยู่ตรงหน้าตู้เกมวัด

พลังหมัด

เพราะเมื่อกี้จิรโชติทำลายบันทึกสถิติของเครื่อง บนตัว เครื่องก็มีเสียงดนตรีสนุกสนานออกมา และจากนั้นก็มีเสียงดัง มาจากในตัวเครื่องขนาดใหญ่ : “ทำลายสถิติ! ทำลายสถิติ!”

ผู้คนรอบข้างก็ถูกดึงดูด้วยเสียงนี้เข้ามา หลังจากที่เห็นที่ คะแนนบนเครื่องตู้เกมวัดพลังหมัด สีหน้าก็เต็มไปด้วยแปลก ใจ

ด้วยเครื่องตู้เกมวัดพลังหมัดเช่นนี้ พลังหมัดหนึ่งของคน ทั่วไป มีความแข็งแกร่งเพียงแค่สี่ห้าร้อย ซึ่งคะแนนของจิร โชติเกือบจะถึงเก้าร้อย ก็เพียงพอแสดงให้เห็นถึงพลังของเขา อย่างชัดเจน

“ว้าว สุดยอดจริงๆ สามารถชกได้คะแนนออกมาได้สูง เพียงนี้ หมัดนี้ของเขาถ้าเกิดชกลงบนหัวของฉัน ก็กล้วว่าหัว ของฉันแตก”
“นี่ก็สุดยอดมากจริงๆ กล้าเนื้อที่แข็งแกร่งระเบิดพลัง ออกทำให้ผู้คนที่ คนคนนี้คงไม่ใช่ว่าเป็นนักมวยอาชีพใช่ มั้ย”

เมื่อจิรโชติเห็นผู้คนมากมายมารุมดูชื่นชมใบหน้าของ เขาก็แสดงรอยยิ้มแห่งชัยชนะออกมา และกล่าวว่า : “ชมเกิน ไปแล้ว นี่ก็เป็นแค่ระดับความสามารถทั่วไปของผมเอง ถ้า หากอยู่ในสถานะที่ปกติ ถึงเก้าร้อยไม่ใช่ปัญหา”

ผู้คนรอบก็เกิดความวุ่นวายปั่นป่วนขึ้น

“เดี๋ยวให้น้องชายผมลองดู ว่าจะเขาจะสามารถเอาชนะ ผมได้หรือเปล่า”จิรโชติกล่าวเสริมอีกหนึ่งประโยคด้วย สายตาที่เยาะเย้ย

ผู้คนรอบข้างที่เฝ้าดูด้วยความตื่นเต้นต่างก็หัวเราะกัน แค่เปรียบเทียบร่างกายของรพีพงษ์และจิรโชติก็รู้สึกแล้วว่า รฟีนงษ์ไม่น่าจะสามารถเอาชนะคะแนนของจิรโชติได้

ที่สำคัญบนตัวของรพีพงษ์ก็มีร่องรอยการบาดเจ็บอยู่ ดัง นั้นใบหน้าของเขาจึงซีดเซียว ทำให้คนรู้สึกว่ามีความอ่อนแอ คนพวกนี้ย่อมรู้สึกว่ารพีพงษ์ไม่สามารถเอานะจิรโชติได้

“ตลกสิ้นดี เขายังอยากจะเอาชนะคะแนนที่สูงขนาดนี้ ของคนอื่นอีก ร่างกายอย่างเขา ก็น่าจะทำได้แค่คะแนนสี่ร้อย กว่า”

“แต่ทำไมฉันกลับรู้สึกว่าคนคนนี้จะอ่อนแอกว่าฉัน พวก คุณดูใบหน้าของเขาที่ไร้เลือดราวกับว่าจะสามารถเป็นลมได้ ทุกเมื่อ ฉันว่าอย่างเขาสี่ร้อยยังยากเลย”

“ก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ถึงอยากจะท้าทายเอาชนะ คะแนนความแข็งแรงของเขาตั้งแปดร้อยกว่า หรือจะทำเพื่อ ความสนุกสนานเหรอ?”
ในเวลานี้อันนาและรชนิชลทั้งสองคนก็เดินเข้ามา ก็เห็น

ว่ารพิพงษ์และจิรโชติกำลังยืนอยู่ที่หน้าตู้เกมวัดพลังหมัด ก็รีบ ฝ่าฟันเข้าไปด้านหน้าฝูงชน พวกเธอทั้งสองคนได้ยินเสียงพูดคุยของผู้คนรอบข้าง กั รู้ทันทีว่าจิรโชติและรฟีพงษ์กำลังแข่งวัดความแข็งแรงของ

หมัด

รชนิชลเบะปากแล้วพูด : “รูปร่างเล็กๆอย่างไอ้หมอนี่ ก็ กล้ามาแข่งวัดความพลังกับหมัดกับจิรโชติ น่าข้าจริงๆ อันนา คนที่ไม่รู้ถึงสถานะตัวเองแบบนี้ ทางที่ดีเธออยู่ห่างๆไว้จะดี กว่านะ

อันนาก็ขมวดคิ้วทันทีแล้วพูด : พี่ รัฐพงษ์ไม่ใช้ผู้ชาย ธรรมดา พี่อย่าไปว่าให้เขาแบบนั้น”

“ฉันว่าเด็กโง่อย่างเธอโดนเขาทำเสน่ห์ใส่แล้ว ตอนนี้ ทำไมถึงได้ปกป้องพูดแทนเขา ฉันบอกว่าเธอชอบเขา เธอยัง ไม่ยอมรับอีก”รชนิชลกล่าว

ในตอนนี้จิรโชติเดินมาถึงที่พวกเขาสองคนบนใบหน้าก็ แสดงรอยยิ้มออกมาอย่างมีชัย แล้วพูด : “ไอ้หมอนี่อยากจะ ท้าทายพลังของหมัดฉัน ก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดีว่าเขามีความ กล้าหาญมากหรือว่าเขาบ้าบิ่นถึงจะถูก”

“อันนา ผ่านเรื่องนี้ไป เธอก็น่าจะมองมาตรฐานของไอ้ หมอนี่ออกนะ เขาก็เป็นแค่ผู้ชายอ่อนแอคนหนึ่ง รูปร่าง หน้าตาก็ไม่ค่อยหล่อ แล้วยังชอบทำอะไรที่เกินความสามารถ ที่ตัวเองจะทำได้อีก คนแบบนี้มีอะไรดี ฉันเตือนเธอไว้ก่อนเลย นะทางที่ดีน่าจะตัดเขาออกไปสัก จะได้ไม่ต้องเสียเวลา”

ในเวลานี้รพีพงษ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าตู้เกมวัดพลังหมัดก็ยก กำปั้นตัวเองขึ้น จากนั้นชกลงไปที่ตัวเครื่องหนึ่งหมัด และทันใดนั้น ตัวเลขบนตู้เกมวัดพลังหมัดก็เพิ่มขึ้นเป็นเก้าร้อยเก้า สิบเก้าคะแนน

มันไม่สามารถจะเพิ่มขึ้นไปได้อีกต่อไป เนื่องจากมันเป็น จำนวนตัวที่สูงมากที่สุด

หลังจากนั้นพลังทั้งหมดก็ทำให้มันส่งเสียงดัง ราวกับว่า เป็นเพราะพลังหนึ่งหมัดของรพีพงษ์ที่มากเกินไป ทำให้เครื่อง ทำงานผิดปกติ

ผู้คนก็นิ่งอึ้งตะลึง คิดไม่ถึงว่าพลังหมัดของรพีพงษ์จะ มากมายขนาดนี้ ถึงขนาดที่ตู้เกมวัดพลังหมัดไม่สามารถ ตรวจจับคะแนนได้

ผู้คนที่หัวเราะเยาะรพิพงษ์เมื่อกี้ตะลึงจนอ้าปากค้าง เห็น ได้ชัดว่าคำพูดเมื่อกี้ของพวกเขากลายเป็นมาตบหน้าตัวพวก เขาเองอย่างสมบูรณ์

“นี่…นี่ก็่สุดยอดเกินไปแล้ว หมัดเดียวก็ทำให้ตู้เกมวัด พลังหมัดนั้นผิดปกติได้ พลังหนึ่งหมัดนี้ของเขา จะทรงพลัง ขนาดไหน?”

“มันน่าอายจริงๆ ดูท่าทางของเขาแล้ว ยังคิดว่าเขาไม่น่า จะมีพลังมากมาย คิดไม่ถึงว่าจะยอดเยี่ยมขนาดนี้”

“เดิมทีนีกว่าเป็นทองสัมฤทธิ์ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นราชา”

จิรโชติมองไปที่ตู้เกมวัดพลังหมัด สีหน้าเต็มไปด้วยความ ตกใจ เมื่อกี้เขายังว่าให้รพีพงษ์ทำในสิ่งที่เก็นความสามารถที่ ตัวเองทำได้แต่กลับบอกว่าทำได้ ใครคิดไปล่ะว่าตอนนี้กลับ กลายเป็นตบหน้าของเขาตัวเอง

รชนิชลเองก็รู้สึกตกใจไม่น้อย จากนั้นก็กลายเป็นโกรธ หล่อนไม่สามารถยอมได้ว่ารพีพงษ์เก่งกว่าจิรโชติ แบบนี้ทำให้หล่อนขายหน้ามาก

ใบหน้าของอันนาเต็มไปความตกใจ จากนั้นก็หันไปมอง จิรโชติ ยิ้มแล้วพูดะ “รพีพงษ์อ่อนแอตรงไหน เขาแข็งแกร่ง มากขนาดนี้ แค่หมัดเดียวก็ซกจนทำให้ตู้เกมวัดพลังหมัด ระเบิด แบบนี้ยังไม่ได้อีกเหรอ”

สีหน้าของจริงโซติเต็มไปด้วยอึดอัดไม่รู้ว่าจะโต้แย้ง กลับอันนายังไง

“ที แค่นี้เองไม่เห็นมีอะไร นีคงจะเป็นเพราะเขามาจาก หมู่บ้านบนดอย อยู่ที่บ้านทำงานฝึกฝนออกมา ไม่เห็นมือะไร น่าแปลกตรงไหน อันนา เธออย่าเป็นเพราะจุดเด่นนี้ของเขา ก็ ถูกเขาทำให้หลงใหลได้ “รชนิชลกล่าว

อันนาเบะปากแล้วมองไปที่รชนิชล เห็นได้ชัดว่าไม่เห็น ด้วยกับคำพูดของรชนิชล ในความคิดของเธอแล้ว รพีพงษ์ก็ คือมีพลังมาก

ในเวลาเดียวกัน ข้างนอกโซนเครื่องเล่นเกม ก้องภาพ และชรินทร์ทิพย์ทั้งสองคนก็มาถึงที่นี่ มาถึงที่นี่พร้อมกับพวก เขา ก็ยังมีอีกหนึ่งคนที่มีใบหน้าที่น่ากลัว รอยสักหมาป่าที่ หิวโหยอยู่บนแขนของชายคนนั้น

คนคนนี้ก็คือทัศน์พล คนบ้าที่รู้จักกันดีในอำเภอโซชิง และเป็นลูกน้องมือหนึ่งของประพุทธ์ ทั้งในอำเภอโซชิง คน ที่สามารถจัดการกับทัศน์พลได้ ก็มีเพียงประดิพุทธิ์

เพราะการทำงานภายใต้อยู่ในมือของประดิพุทธิ์ ทัศน์ พลและก้องภพมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ครั้งนี้ก้องภพบอกกับ ทัศน์ว่าอยากให้เขามาช่วยจัดการไอ้เศษสวะที่มาจากที่อื่น ทัศน์พลตอบตกลงทันทีโดยไม่คิดอะไร

“พี่ทัด เรื่องครั้งนี้ก็รบกวนพี่ด้วยนะ หลังจากที่จัดการ เรื่องนี้เสร็จ พวกเราจะขอบคุณพี่ทัดอีกครั้งแน่นอน” ชรินทร์ทิพย์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เรื่องนี้มันเป็นเรื่องเล็ก ก็แค่เศษสวะที่มาจากถิ่นนอกเอง เพียงแค่กำจัดมันไม่มีอะไรต้องกังวล มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อะไร ทัศน์พลกล่าว

พี่ทัดพูดถูก ไอ้เศษสวะนั้นอยู่ในพื้นที่นี้ของพวกเราก็ มีชื่อเสียงที่เสียหายเลื่องลือมานาน ที่สำคัญก็ไม่มีใครมา สนใจหรอก ต่อให้เขาตายที่นอกถิ่น เกรงว่าแม้แต่คนตามหา

มันยังไม่มีเลย ชรินทร์ทิพย์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

เมื่อเช้านี้พวกเขาก็ค้นพบตำแหน่งของรพิพงษ์ ก็เลย ติดตามเขามาที่พลาซ่า จากนั้นก็ตั้งใจจัดเตรียมคนให้ตามเขา ไปที่โซนเครื่องเล่นเกม ทัศน์พลได้จัดเตรียมลูกน้องไว้แล้ว เพียงแค่รอให้มีโอกาสเท่านั้น ก็สามารถลงมือกับรพีพงษ์ได้

ตอนที่ทั้งสามคนมาถึงที่โซนเครื่องเล่นเกม ก็มีชายคน หนึ่งวิ่งออกมาจากด้านในจากนั้นก็มายืนอยู่ตรงหน้าทัศน์พล แล้วพูด: “ลูกพี่ พวกเขากำลังเล่นเครื่องเล่นตู้เกมวัดพลังหมัด อยู่ด้านใน แต่ดูเหมือนว่าเครื่องตู้เกมวัดพลังหมัดจะขัดข้อง”

“ไม่ต้องไปสนใจว่าพวกเขากำลังทำอะไร ตอนนี้แกคิดวิธี ที่จะพาไอ้หมอนั้นไปที่ห้องสำนักงานด้านในร้านเกม คนพวก นั้นที่มันเจอวันนี้ไปด้วยกันก็ไม่เป็นไร พวกเราจะจัดการไอ้ หมอนั้นในห้องสำนักงาน”ทัศน์พลกล่าว

ชายคนนั้นรีบพยักหน้า แล้วก็หันกลับไปด้านในโซน เครื่องเล่นเกม

ทัศน์พลหันหน้าไปมองก้องภพและชรินทร์ทิพย์ แล้วพูด: “ตามฉันมา เดี๋ยวก็มีอะไรสนุกๆให้ดู”

ก้องภพและชรินทร์ทิพย์ต่างมองหน้าสบตากัน พวกเขารู้ ว่าแค่ทัศน์พลลงมือเอง วันนี้รพีพงษ์หนีไม่รอดแน่

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท