พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่245 ฉันเป็นพี่สะใภ้ของเขา

บทที่245 ฉันเป็นพี่สะใภ้ของเขา

บทที่245 ฉันเป็นพี่สะใภ้ของเขา

หลังจากจารุณีได้ยินกิตติเดชพูดเสร็จ เธอได้ชี้ไปทางลิ ปตาและชรินทร์ทิพย์ว่า:” เขาสองคนไม่ยอมทำตามกติกา แพ้ พวกฉันแล้วยังไม่ยอม พวกเราได้คุยกับแล้วว่าใครแพ้ก็จะ เรียนแบบสุนัขเห่า พวกเขายังใช้อำนาจมากดขี่พวกเรา ว่า พวกเขาเป็นลูกน้องของประติพุทธิ์ ชั่วร้ายจริงๆ ”

สีหน้าของกิตติเดชเปลี่ยนไปแล้วหันไปมองชรินทร์ทิพย์ และลิปตาหลังจากเมื่อได้ยินสิ่งที่จารุณีพูด

ลิปตาและชรินทร์ทิพย์ ไม่คิดว่ากิตติเดชจะเคารพจารุณี ขนาดนี้ บนหน้ามีแต่ความอึ้ง

ตอนนี้กิตติเดชหันไปมองลิปตาและชรินทร์ทิพย์ พูด อย่างดูถูกว่า :” สิ่งที่คุณจารุณีพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ? พวก คุณสองคนแพ้การแข่งขันก็ต้องทำตามสัญญา ”

ลิปตารีบเดินไปทางก็ตติเดซ :” คุณกิตติเดช เราต้องมี อะไรเข้าใจผิดแน่นอน คนที่แข่งกับพวกเราเป็นคนที่ชื่อรพี พงษ์ รพีพงษ์นะเป็นแค่คนไร้ค่า คุณทำไมต้องรักษาหน้าของ เขา และผู้หญิงคนนี้ ไม่รู้ว่าเกียวอะไรกับคุณกิตติเดชหรือ ?”

ชรินทร์ทิพย์ใจร้อน : จะมีความสัมพันธ์อะไรกับคุณ กิตติเดช อยู่กับคนอย่างรพีพงษ์ ยังไงก็ไม่ดีแน่นอน ”

กิตติเดชหันไปมองชรินทร์ทิพย์ :” คุณเป็นใครถึงจะมา ปากมากต่อหน้าคุณจารุณี หล่อนเป็น.” กิตติเดชพิจารณาไป ก็ไม่รู้ว่าจารุณีมีความสัมพันธ์อะไร

กับประดิพุทธิ์

ฉันเป็นพี่สะใภ้ของประดิพุทธิ์ ” จารุณีตะโกน รพีพงษ์ที่อยู่ข้างๆจะบ้าตายแล้ว ผู้หญิงคนนี้ชื่ออะไรโทรทัศน์จริงๆแล้วหรือตอนนี้ได้กอดเขาตัวเองไว้อย่างแน่นอน แบบนี้

กิตติเดชได้ยิน ก็รู้สึกแปลกประหลาด เขาหันไปมองรพี พงษ์ ประดิพัทธิ์เคยบอกเขาอยู่ว่ารพีพงษ์เป็นพี่ของประดิพ หธิ์ ถ้าจารุณีมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับรพีพงษ์จริงๆ ก็ถือว่า เป็นที่สะใภ้ของประดิพัทธ์ แค่อายุเล็กไปเฉยๆ

* ใช้ หล่อนเป็นพี่สะใภ้ของประดิพุทธิ์ ” กิตติเดชพูดแบบ นี้

สีหน้าของชรินทร์ทิพย์และลิปตาไปเปลี่ยนไปทันที ถ้า ประโยคนี้จารุณีเป็นคนพูด พวกเขายังไม่เชือ แต่ตอนนี้ก็ตติ เดชก็ยังพูดแบบนี้ พวกเขาไม่เชื่อไม่ได้

ผู้ชมทั้งหลายก็มองจารุณีอย่างอึ้ง ไม่คิดว่าหล่อนจะเป็น พี่สะใภ้ของประดิพุทธิ์ สิ่งที่ทำให้คนทั้งหลายไม่เข้าใจคือ จา รุณีเป็นพี่สะใภ้ของประดิพุท แล้วพี่ของประดิพุทธิ์ปืนใคร?

กิตติเดชกำบังอยากจะแนะนำรพีพงษ์ ให้ชรินทร์ทิพย์ และลิปตารู้สำนึกถึงความผิดของตนเอง แต่รพีพงษ์ได้ให้ สายตากับเขา ให้เขาไม่ต้องเผย เขาถึงต้องปิดปากไว้

” ลิปตา สุดยอดจริงๆนะนาย กล้าที่จะรังแกพี่สะใภ้ของ ประดิพุทธิ์ ยังไง อยากจะเป็นพี่ใหญ่หรือ ?” กิตติเดชถาม อย่างเย็นชา

สีหน้าของลิปตาเปลี่ยนไปทันที รีบพูดว่า: ” คุณกิตติเดช ผมไม่มีความหมายแบบนี้จริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นพี่สะใภ้ของ พี่พูด

ชรินทร์ทิพย์เกินความบ่นโทษขึ้น ทำไมโชคชะตาขอ รพีพงษ์ถึงจะดีขนาดนี้ ผู้หญิงที่มากับหมอนี้เป็นพี่สะใภ้ของ ประดิพุทธิ์

” ตอนนี้คุณรู้แล้ว งั้นจะต้องทำอย่างไม่ต้องให้ผมพูดใช่ ไหม ?” กิตติเดชพูดอย่างเย็นชา

ลิปตากัดฟัน :” ไม่ต้องครับ คุณกิตติเดช เป็นพวกเราที่มี ความสามารถไม่พอ ผมยอมรับในการแพ้ของผม ผมจะเห่า เหมือนสุนัขเดียวนี้ ”

แต่นายคนเดียวหรอ ? ผู้หญิงคนนี้ล่ะ ?” กิตติเดชมอง ชรินทร์ทิพย์

ลิปดารีบดึงแขนของชรินทร์ทิพย์ :” รีบทำเร็วๆ ”

ชรินทร์ทิพย์ไม่ยอม พี่เมื่อกี้ไหนบอกว่าเป็นข้อแลก เปลี่ยนของพี่กับรพีพงษ์ไง ฉัน..”

” เธออะไรเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเมื่อกี้ไม่มีมารยาทกับพี่ สะใภ้ของประดิพุทธิ์ เรืองนี้ก็จบลงแล้ว ตอนนี้เธอไม่ทำ เดียว ฉันก็ช่วยเธอไม่ได้ !”

ลิปตาพูดจบก็เริ่มเหท่าเหมือนสุนัข

โชงๆ

ผู้ชมพวกนั้นได้หัวเราะขึ้นมาทันที สีหน้าของลิปตาเขียว ไปหมด แต่เพราะกิตติเดชอยู่ตรงนี้ เขาไม่เท่าไม่ได้ ดังนั้นจึง ต้องเห่า

กิตติเดชหันไปมองชรินทร์ทิพย์ สายตาเย็นชา ชรินทร์ ทิพย์รู้ว่าถ้าตัวเองไม่ตะโกนตามเขาวันนี้ ต้องทรมานแน่นอน

ดังนั้นจึงสูดลมหายใจลึกแล้วตะโกนตามลิปตา

คนที่อยู่ในเหตุการณ์หัวเราะคึกคัก มองเขาสองคนขาย ts

ขี้หน้า สะใจเหลือเกิน

จารุณียกหน้ามองเขาสองคน สีหน้าดีใจมาก

” พวกแกสองคนเก่งมากไม่ใช่หรือ เก่งอีกสิ กล้ามาโกงต่อหน้าฉัน ตอนนี้รู้ความเก่งกล้าของฉันหรือยัง จารุณี ท่าทางเจ้งมาก

ชรินทร์ทิพย์และลิปตาไม่กล้าพูดอะไร นี่เป็นพี่สะใภ้ของ ประดิพุทธิ์ ถ้าทำให้หล่อนโกรธแล้วประดิพุทธโมโหขึ้นมา แล้วล่ะก็ พวกเขาสองคนต้องตายแน่นอน

รพีพงษ์มองจารุณีที่แสดงสีหน้าอาการขนาดนี้ ในใจศิด ว่าในโลกใบนี้ยังมีผู้หญิงที่ร่าเริงใสซื้อขนาดนี้แล้ว ถือว่าเป็น ความโชคดีจริงๆ

แค่รู้จักส่วนนี้ก็รู้แล้วว่า ครอบครัวของจารุณีไม่ธรรมดา แน่นอน ไม่งั้นถ้าเป็นครอบครัวธรรมดาแล้ว จะไม่สามารถ ปกป้องจารุณีได้ดีขนาดนี้

หลังจากได้ฟังลิปตาและชรินทร์ทิพย์บางคนเท่าแบบ หมาแล้ว จารุณีหันไปมองทางรพีพงษ์ พูดว่า “พวกเรากลับ เถอะ”

รพีพงษ์พยักหน้าเกินไปนอกโรงแข่งรถตามจารุณี

กิตติเดชรีบตามไป เขาได้เรียกรถส่วนตัวของประดิพุทธิ์ ส่งสองคนกลับถึงคฤหาสน์ของประดิพุทธิ์

กลางทาง จารุณีใช้ตาโตๆของเธอจ้องรพีพงษ์ไว้ รพี พงษ์ถูกเธอจ้องจนขนลุก :” คุณมองฉันทำไม ? บนหน้าผมมี อะไรหรือ ?”

จารุณีมองรพีพงษ์อย่างกับเจ้าชายขี่ม้าขาว :” ฉันคิดว่า ไงคงจะเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวของฉัน”

รพีพงษ์มองผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้าของตนเอง ไม่รู้จะ

จัดการเธอยังไงดี

” ต่อไปนี้อย่าพูดคำพูดแบบนี้ ฉันเป็นคนมีภรรยาแล้ว และคุณก็ไม่ใช่พี่สะใภ้ของประดิพุทธิ์ อายุของคุณสามารถเป็นได้แค่น้องสาวของประดิพุทธิ์ รพีพงษ์กล่าว

” ฉันไม่สนยังไงฉันก็นอนกับนายบนเตียงเดียวกันแล้ว นายต้องรับผิดชอบฉัน ถึงนายมีภรรยาแล้วฉันก็ไม่รังเกียจ หรอกไหนไม่เห็นหรอในโทรทัศน์ผู้ชายส่วนใหญ่จะมีเมียน้อย จารุณีอย่างจริงใจและตั้งใจ

รพีพงษ์มองเธอไม่รู้จะขำหรือยังไง ผู้หญิงคนนี้คงจะจม อยู่ในน้ำเน่าของซีรี่ย์ออกมาไม่ได้แล้ว

“คุณสัมผัสและรู้จักโลกภายนอกได้มีแต่ใช้โทรทัศน์ใช่ ไหม?” รพีพงษ์ถาม นี่เป็นการคาดเดาของเขาในความคิด ของเขาถึงจะเป็นสาวอายุ 19 ปี ก็ไม่ควรใสซื่อขนาดนี้ และ ยังเชื่อสิ่งที่โทรทัศน์พูด

งั้นแค่จะสามารถอธิบายได้ว่า เส้นทางที่จารุณีจะ สามารถสัมผัสโลกภายนอกได้ มีแต่การดูโทรทัศน์ ดังนั้นถึง จะเชื่อว่าสิ่งที่ในโทรทัศน์พูดเป็นเรื่องจริง

จารุณีได้ยิน ไม่พอใจทันที แล้วหันหลังยังโกรธเพราะพูด ว่า :” นายไม่ต้องสนใจหรอก” แล้วก็ไม่สนใจรพีพงษ์อีกเลย

หลังจากกลับถึงคฤหาสน์แล้ว จารุณีถึงจะจำได้ว่าตัวเอง ยังมีจูบๆนึ่งไม่ได้จูบถึง เลยวิ่งไล่รพีพงษ์จะจูบเขา

รพีพงษ์ถูกวิ่งไล่จนต้องหนี เขาไม่เคยหมดแรงขนาดนี้มา ก่อน

หลังจากนั้นประดิพุทธิ์กลับมารพีพงษ์สั่งให้ประดิพุทธิ์ จับจารุณีไว้ ถึงจะทำให้ความวุ่นวายครั้งนี้จบลง รพีพงษ์ได้คุยกับจารุณีว่า เขาเป็นคนที่มีภรรยาแล้ว จาก จูบกับคนอื่นไม่ได้ จารุณีไม่ยอม ได้แต่เถียงว่าในซีรีส์ก็เป็น แบบนี้ รพีพงษ์ทำอะไรไม่ถูก เพียงแต่ขู่ว่าถ้าแฟนทำแบบนี้สิก็

จะให้ประดิพุทธิ์ส่งเธอกลับบ้าน
จารุณีถึงจะสงบลง แต่ได้แอบสาบานว่า คราวหน้าจะ ต้องชดใช้จูบนี้แน่นอน

กลางคืน รพีพงษ์พูดกับประดิพุทธิ์จะให้เขาช่วยหา แพทย์จีนที่มีฝีมือหน่อย เขาต้องการกำจัดแรงยาในร่างกาย ของตัวเองให้หมด ไม่งั้นกำลังก็จะไม่สามารถกลับถึงขั้นสูงสุด ได้ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ดียากลำบากมากๆ

ประดิพัทธ์พูดว่าเขารู้จักหมอจีนที่มีชื่อเสียงในอำเภอนก ฟ้า สองวันนี้จะถามให้รพีพงษ์ว่าจะสามารถเชิญหมอจีนคน นี้มาไหม

คืนนั้น ในร้านอาหารฝรั่งของอำเภอนกฟ้า

ลิปตาและชรินทร์ทิพย์นั่งด้วยกันด้วยสีหน้าที่น่ากลัว เหตุการณ์วันนี้ที่เลียนแบบหมาเห่าในโรงแข่งรถทำให้พวกเขา สองคนอับอายขายขี้หน้าเหลือเกิน พวกเขาจะไม่แก้ไขได้ อย่างไร

* ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นพี่สะโภ้ของประดิพุทธิ์ ไม่รู้ ว่าพี่ของประดิพุทธิ์คิดยังไงถึงได้ชอบผู้หญิงแบบนี้ ตอนนี้ ต้องยากลำบากที่จะหาวิธีหาวิธีชุดใช้แล้ว ” ลิปตากล่าว

ชรินทร์ทิพย์เหล่ตาแล้วพูดว่า :” ฉันว่าไม่แน่ถึงผู้หญิงคน นั้นเป็นพี่สะใภ้ของประดิพุทธิ์ พวกเราไม่มีโอกาสจัดการ หล่อน แต่รพงษ์เป็นแค่คนไร้ประโยชน์นี่เป็นสิ่งที่แท้จริง พวกเราจัดการผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ยังจะจัดการรฟีพงษ์ไม่ได้ อีกหรือ ?”

* แต่รพีพงกู์รู้จักกับผู้หญิงคนนั้นไง ถ้าเขาไปขอให้ผู้ หญิงคนนั้นช่วยจะทำอย่างไร ?” ลิปตากล่าว

ชรินทร์ทิพย์ยิ้มแล้วพูด :” พวกเขาแค่รู้จักกันเฉยๆ ผู้ หญิงคนนั้นจะอยู่ข้างๆรพงษ์ตลอดไม่ได้ ตอนนี้รพีพงษ์อยู่ นอนบ้าน ทางบ้านเกิดฉันจะรู้เหตุการณ์ทางนี้ของเขาหรือเปล่ายังไม่รู้ ฉันแค่อยากจัดการรฟีพงษ์ให้เร็วๆ ตอนนี้ขาเอง ออกจากอำเภอนกฟ้า นี่ก็เป็นโอกาสโอกาสหนึ่งมิใช่หรือ ?”

” ไหนบอกว่าครั้งที่แล้วแกเป็นนักสู้เบอร์หนึ่งของประดิพ หธ์ไง มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสพลไม่ใช่หรือ เนื่องในอำนาจของ สพลที่อยู่ในอำเภอนกฟ้า แค่กำจัดหมาหัวเน่าที่มาจาก ภายนอก เป็นเรื่องง่ายไม่ใช่หรือ ? พอรพีพงษ์ปิดปากแล้ว เขา

จะไปหาอีสาวนั้นหาเรื่องเรา อีกอย่างรพีพงษ์นะไม่มีประโยชน์ อะไร คิดว่าผู้หญิงคนนั้นอีกไม่นานก็คงจะลืมเขาไปแล้ว ”

ลิปตาฟังเสร็จ ก็มีอุบายขึ้น วิธีที่คุณคิดก็พอใช้ได้ ฮะๆ แบบนี้ ผมคงต้องไปเจรจากับสพลซะแล้ว อิรพีพงษ์กล้านักที่ สั่งให้ฉันเรียนแบบหมาเห่าต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ ครั้งนี้ฉันจะ ไม่ให้อภัยเขาเด็ดขาด !

ชรินทร์ทิพย์ก็แสดงความคุเร้า กระซิบว่า :” รพีพงษ์ ถ้า ไม่ใช่แก ครอบครัวของฉันยังไม่ถึงขั้นต้องขายทุกอย่าง ฉัน ชรินทร์ทิพย์ไม่ใช่คนที่จะถูกคนแบบแกรังแกได้ คราวนี้ ฉัน จะต้องให้แกชดใช้!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท