พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 254 รพีพงษ์ตายแล้ว?

บทที่ 254 รพีพงษ์ตายแล้ว?

จักรพันธ์มองไปยังอารียาที่นอนอยู่บนเตียง รู้สึกตื่นเต้น เขาไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะมีข้อตกลง แบบนี้กับอารียาด้วย

จักรพันธ์ไม่ต้องคิดหาวิธีการใดๆที่จะทำให้อารี ยาเชื่อฟังอีกต่อไป

รพีพงษ์ แกนี่คิดไว้รอบคอบจริงๆ ยังให้ภรรยา ของแกรอฉันโดยเฉพาะอีก ไม่รู้ว่าแกอยู่ที่พญายม นั่นแล้วรู้เรื่องนี้เข้า จะโกรธแค้นมากมายขนาดไหน กันนะ!

จักรพันธ์หัวเราะอย่างบ้าคลั่งในใจ ใบหน้า สะท้อนความลามกออกมา เขาใช้ลิ้นเลียไปที่อารียา แล้วกล่าว “คุณวางใจได้ ผมทำลูกชายอ้วนตุ้ยนัยให้ คุณ เพียงแค่คุณชอบ มีสักแปดคนหรือสิบคนก็ยัง ได้”

เมื่อพูดจบ จักรพันธ์กีพุ่งไปที่ร่างของอารียา แล้วรีบถอดเสื้อผ้าบนเรือนร่างของอารียาออกอย่าง เร็วอารียาขมวดคิ้ว ในขณะที่จักรพันธ์กำลังเข้าไป ใกล้เธอนั้น เธอรับรู้ได้ว่าคนที่อยู่บนร่างกายของเธอ

นั้นแตกต่างจากรพีพงษ์เป็นอย่างมาก
หรือหลังจากที่รพีพงษ์เกียวโตแล้วพบเจอกับ อะไรเข้า จึงทำให้ความต้องการทางเพศของเขา เปลี่ยนไปมากขนาดนี้?

อารียาเพ่งดูคนที่อยู่ตรงหน้าตัวเองอย่าง ละเอียดถี่ถ้วน “รพีพงษ์” จากนั้น เธอก็รีบผลัก จักรพันธ์ที่อยู่บนตัวเธอออกไป แล้วรีบลุกขึ้นจาก

เตียง ใส่ชุดของตัวเอง

จักรพันธ์มองอารียาอย่างสงสัย แล้วถาม “ทำไม หรอ บอกว่าอยากได้เด็กอ้วนไม่ใช่หรอ ทำไมคุณ ผลักผมออกล่ะ? คุณไม่เชื่อในฝีมือผมหรอ? คุณ วางใจได้ ผมรับรองว่าจะทำให้คุณสบายตัวอย่าง แน่นอน

สายตาอารียาดูรังเกียจขึ้นมาทันที จากนั้นก็ยิ้ม ไปที่จักรพันธ์แล้วกล่าว “ฉันเพิ่มนึกขึ้นได้ว่าลืมซื้อ บางอย่าง ไม่งั้นคุณไปเป็นเพื่อนฉันซื้อของหน่อยล่ะ กัน”

“ของอะไร?” จักรพันธ์ถามอย่างสงสัย

“ไอ้หยา แน่นอนว่าต้องเป็นสิ่งที่มีประโยชน์บ พวกเราล่ะซิ คุณรีบไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย รอให้ซื้อ เสร็จคุณก็จะรู้แล้วว่ามันคืออะไร” อารียากล่าวอย่าง เขินอาย

จักรพันธ์ยิ้มอย่างมีเลศนัย อารียาคงไม่ไปซื้ออุปกรณ์เสริมหรอกมั้ง ไม่คาดคิดว่าภรรยาของรพี พงษ์นี้จะชอบความท้าทายแบบนี้ ครั้งนี้มาไม่เสีย เปล่าจริงๆ

เขายืนขึ้นทันที แล้วกล่าว “ไปเถอะ ผมไปกับ คุณ คุณนี่มันแซ่บนะ ดูไม่ออกจริงๆ ว่าชอบแบบนี้”

อารียาไม่พูดอะไรต่อ รีบเดินออกไปข้างนอก เมื่อถึงที่กั้นประตูของวิลล่าด้านนอกแล้ว เธอก็หยุด ลง แล้วมองไปที่จักรพันธ์ แล้วกล่าว “คุณเดินนำหน้า ล่ะกัน เค้าเขิล”

จักรพันธ์ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็เดินนำหน้าอารียา ไป อารียาเห็นจักรพันธ์เดินออกจากประตูที่กั้นไว้ แล้วนั้น ก็รีบปิดประตูทันที ให้จักรพันธ์อยู่ด้านนอก

จักรพันธ์มึนงง หมุนตัวกลับไปมองที่ประตูเหล็ก กั้นนั้นแล้วถามต่ออารียาว่า “ภรรยา คุณปิดประตู ทำไม พวกเราจะออกไปซื้อของไม่ใช่หรอ?”

อารียาสีหน้าเปลี่ยนทันที มองไปที่จักรพันธ์ อย่างเยือกเย็น แล้วถาม “ใครเป็นเมียแก แกเป็นใคร กันแน่ ทำไมแกเหมือนกับรพีพงษ์ขนาดนี้ ทำไมแก ต้องปลอมเป็นเขา?”

“ผมไงรพีพงษ์ ยังปลอมได้ยังไงกัน? ภรรยา คุณบ้าไปแล้วหรอ?” จักรพันธ์ยังคงแสดงละครต่อ

ไป
อารียากล่าว “ฉันใช้ชีวิตกับรพีพงษ์มาหลายปี

นิสัยและอารมณ์ของเขาฉันรู้อย่างถ่องแท้ รพีพงษ์ ไม่มีทางทำแบบนี้กับฉัน แล้วเขาก็ไม่เคยพูดคำพูด เหล่านั้นที่แกพูดออกมา แกคิดว่าฉันจะไปซื้อของ จริงๆหรอ ฉันก็แค่หาโอกาสขังแกไว้ด้านนอก เท่านั้น”

ตั้งแต่ได้เจอกับจักรพันธ์ในแวบแรก อารียาก็รับ รู้ได้ว่า “รพีพงษ์” นี้แปลกๆไป เพียงแต่ตอนนั้นเธอ คิดแค่ว่ารพีพงษ์ต้องไปเผชิญกับอะไรเข้าตอนอยู่ที่ เกียวโต ดังนั้นนิสัยเลยเปลี่ยนไปบ้าง

แต่ไม่นาน เธอก็ได้รู้ว่า”รพีพงษ์ “นี้เทียบกันแล้ว คือคนล่ะคน นิสัยของคนๆหนึ่งถึงแม้จะเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่มีทางเปลี่ยนไปจนสุดโต่งได้ขนาดนี้

ตอนที่จักรพันธ์อยู่บนตัวเธอนั้น เธอได้สังเกต อย่างใกล้ๆ”รพีพงษ์”คนนี้ จึงได้มั่นใจอย่างทันที ว่า ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่รพีพงษ์อย่างแน่นอน เพียงแค่รูป ร่างลักษณะคล้ายคลึงกันเท่านั้น

เมื่อก่อนตอนที่รพีพงษ์นอนนั้น อารียาได้แอบ สังเกต เธอจำได้อย่างแน่ชัด ว่าบนคอของรพีพงษ์มี ไผ่สามจุดเรียงกันอยู่ ถึงแม้ไผ่ทั้งสามจะไม่ค่อย ชัดเจน แต่อารียาจำได้อย่างแม่นยำ ตอนนั้นเธอยัง รู้สึกแปลกใจ เพราะเธอไม่เคยเห็นบนเรือนร่างของใครที่มีไฝเรียงกันแบบนี้

แต่บนร่างของจักรพันธ์ไม่มีไฝสามจุดนี้แต่อย่าง ใด ลูกกระเดือกขอนขาก็ใหญ่ไม่เท่าของรพีพงษ์ ดัง นั้นอารียาจึงมั่นใจในทันที ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่รพี พงษ์แต่อย่างใด

เธอกลัวว่าถ้ากระโตกกระตากในตอนนั้น ผู้ชาย คนนี้จะต้องทำอะไรที่ไม่ดีแน่ๆ ก็เลยคิดวิธีการนี้ออก ให้เขาออกไปอยู่นอกประตูก่อนค่อยว่ากัน

กุญแจของประตูเหล็กกั้นนี้มีเพียงครอบครัวอารี ยาเท่านั้นที่มี ถ้าคนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่รพีพงษ์ล่ะก็ แน่นอนว่าต้องไม่มีกุญแจของประตูนี้เป็นแน่

เมื่อก่อนอารียาคิดว่าทุกครั้งที่ต้องเปิดประตูนี้ เป็นเรื่องที่น่ารำคาญ ปกติจึงไม่ปิด เพราะยังไงความ ปลอดภัยของที่นี่ก็ดีเยี่ยมอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อจักรพันธ์ กลับมาจึงสามารถเข้าไปได้อย่างสบาย

ตอนนี้ประตูนี้กลับเป็นสิ่งสำคัญที่จะรักษาความ ปลอดภัยให้กับครอบครัวของอารียาแล้ว

เมื่อจักรพันธ์ได้ยินอารียาพูดแล้วนั้น ก็รู้สึก โมโหขึ้นมาทันที เขาไม่คาดคิดว่าอารียาจะดูออกได้ เร็วขนาดนี้ว่าเขาแสดงละคร เขายังคิดว่าตนเอง แสดงได้สมบทบาทอยู่เลย
“แม่ง ไม่คาดคิดว่าแกจะฉลาดเหมือนกันนะ ถูก แกจับติดเสียแล้ว แต่แกคิดว่าการที่แกทำแบบนี้จะ หยุดฉันได้หรอ? ฉันจะบอกให้นะ ที่ฉันมาเมืองริเวอร์ ก็เพื่อจะเอาเธอ รีบเปิ้ดประตูซะ ไม่งั้น ฉันจะให้แกได้ ลิ้มลองความร้ายกาจของฉัน!” จักรพันธ์พูดอย่าง กัดฟัน

“แกเป็นใครกันแน่ รพีพงษ์ล่ะ? ทำไมแกถึงได้ เหมือนรพีพงษ์ขนาดนี้” อารียาขมวดคิ้วพลางถาม

จักรพันธ์หัวเราะ แล้วกล่าว “ไอ้สวะรพีพงษ์นั่น ตายไปแล้ว แกไม่ต้องคิดถึงเขาอีกต่อไปแล้ว อนาคตฉันคือทายาทผู้สืบทอดของตระกูลลัดดา วัลย์ รพีพงษ์เป็นพี่ชายร่วมมารดาต่างบิดากับฉัน ถ้า แกเชื่อฟังฉัน รับใช้ฉันดีๆ ฉันสามารถให้แกอยู่อย่าง สุขสบายได้ มิเช่นนั้น แกน่าจะรู้ถึงความโกรธของ ทายาทตระกูลลัดดาวัลย์นะว่ามันน่ากลัวขนาดไหน

สีหน้าอารียาเปลี่ยนไป แล้วกล่าว “เป็นไปไม่ได้ รพีพงษ์ยังไม่ตาย!”

จักรพันธ์บึนปาก แล้วกล่าว “อะไรที่เป็นไปไม่ได้ ครั้งนี้ที่ไอ้สวะรพีพงษ์กลับไป คือไปตายแทนฉัน แก คงไม่คิดว่ามันจะเป็นทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์ หรอกนะ นั่นโกหกมันทั้งนั้นแหละ แกลืมมันไปเถอะ มันให้แกไม่ได้ แต่ฉันให้ได้ แกให้ฉันเข้าไป ฉันรับรองว่าอนาคตจะให้แกอยู่อย่างสุขสบาย” อารียา ถอยหลังสองก้าว เธอรับไม่ได้กับคำพูดของ จักรพันธ์ แม้ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลลัดดาวัลย์จะ แย่งชิงอำนาจกันอย่างหนัก เธอก็ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะ เสียชีวิต

“แกโกหกฉันแน่ๆ แกรีบไปจากบ้านของฉันซะ ไม่งั้น ฉันจะแจ้งตำรวจ!” อารียาตะคอกไปที่ จักรพันธ์ จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในวิลล่า เธอรีบโทร หารพีพงษ์ทันทีเพื่อความมั่นใจ

จักรพันธ์เห็นอารียาวิ่งกลับไป ก็ด่าในใจ สองมือ เขย่าประตูรั้วเหล็ก แต่ทว่าด้วยแรงของเขา ไม่ สามารถที่จะทำให้มันออกได้

“เป็นผู้หญิงที่โง่จริงๆ ไอ้สวะรพีพงษ์นั่นมีอะไรดี ฝากไว้ก่อน จึงยิ่งไม่ยินยอม กูยิ่งอยากได้ถึง ถ้าได้ จึงง่ายๆ กูก็รู้สึกไม่สนุก ต้องแบบนี้สิถึงจะมีรสชาติ”

จักรพันธ์หัวเราะ แล้วไม่ได้ยืนอยู่ที่รั้วเหล็กอีก ต่อไป หันหลังกลับแล้วเดินออกไปนอกหมู่บ้าน

ศศินัดดาและศักดาทั้งคู่นั่งอยู่บนโซฟาในห้อง รับแขก ตอนนั้นที่อารียาและจักรพันธ์ได้ออกไปนั้น พวกเขาก็ไม่ทันไม่ถามว่าจะออกไปทำอะไร

“คุณรู้สึกไหมว่าครั้งนี้ที่รพีพงษ์กลับมา เปลี่ยน ไปไม่เหมือนเดิม เมื่อก่อนเขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดถึงรสชาดอาหารที่ฉันทำ” ศศินัดดาระบายอารมณ์ออก

มา

“ตอนนี้เค้าคือทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์ สถานะไม่เหมือนเดิม แน่นอนอยู่แล้วว่าท่าทีที่มีต่อ คุณก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย คุณไม่เห็นที่เขาทำกับอารี ยาตามอำเภอใจหรอ กล้าเล้าโลมอารียาต่อหน้าพวก เราแล้ว นี่มันเป็นเวรกรรมทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะตอน แรกคุณเรื่องมากกับเขา ท่าทีของเขาก็ไม่มีทางที่จะ แย่กับเราได้ขนาดนี้หรอก” ศักดากล่าวอย่าง หมดอาลัยตายอยาก

ศศินัดดาชักตาทันที แล้วกล่าว “หรือนี่เป็นความ ผิดฉันหรอ? มันชั่งกลับกันจริงๆ ถึงแม้เขาเป็น ทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์แล้วยังไง เขาก็ยังคว เป็นลูกเขยของฉันเหมือนเดิม ป้ะ รอให้เขากลับมา ฉันจะต้องบอกให้เขารู้ถึงสถานะของเขาใน ครอบครัวนี้ ไม่งั้นจะอยู่กันต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”

ตอนนี้อารียารีบวิ่งกลับมาอย่างเร่งรีบ ศศินัดดา เห็นดังนี้ ก็ถาม “อารี ทำไมแกกลับมาแล้วหล่ะ? รพี พงษ์ล่ะ? เรียกเขามา ฉันจะพูดคุยกับเขาหน่อย”

อารียามองไปที่ศศินัดดา แล้วกล่าว “นั่นไม่ใช่ รพีพงษ์ เขาคือสิบแปดมงกุฎสวมรอยเป็นรพีพงษ์ ฉันได้ขังเขาเอาไว้ด่นนอกแล้ว”
ศศินัดดาและศักดาประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่า คนนั้นที่กลับมาจะไม่ใช่รพีพงษ์

“ฉันว่าแล้ว รพีพงษ์ ไม่กล้าที่จะใช้ท่าทีขนาดนี้ กับพวกเรา เสียเวลาตั้งนาน สุดท้ายก็คือพวกสิบ แปดมงกุฎ” ศศินัดดากล่าว

“อารี คนนั้นไม่ใช่รพีพงษ์ แล้วคือใคร ทำไม เหมือนรพีพงษ์เอามากๆเลย?” ศักดาถาม

“เขาบอกว่าเขาคือพี่ชายร่วมมารดาต่างบิดากับ รพีพงษ์ ยังบอกอีกว่าตนเองคือทายาทของตระกูล ลัดดาวัลย์ ครั้งนี้ที่รพีพงษ์กลับไป เพื่อไปตายแทน เขา” อารียาเอาคำพูดของจักรพันธ์มาพูดอีกครั้ง เรื่องนี้ชั่งเป็นเรื่องที่ทำให้คนประหลาดใจเป็นอย่าง มาก อารียาอยากให้ศศินัดดาและศักดาช่วยเธอคิด ว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่

หลังจากที่ศศินัดดาและศักดาทั้งสองได้ยินแล้ว นั้น ก็แปลกใจ และแสดงสีหน้าอันตกใจออกมา

“รพีพงษ์ไม่ใช่ทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์หรอ เค้าให้เขากลับไป เพียงเพื่อให้เขาไปตาย พลาดที่ ก่อนหน้านี้ฉันทำดีกับเขา เสียดายเวลาของฉันจริงๆ” ศศินัดดากล่าวอย่างโมโห

อารียาพูดไม่ออก เธอยังคิดอยากให้ศศินัดดา ช่วยเธอคิด ไม่คาดคิดว่าประเด็นหลักของศศินัดดาคือเรื่องนี้

เธอไม่อยากเสียเวลาในเรื่องนี้อีก รีบหยิบมือถือ บนโต๊ะขึ้นมา แล้วโทรหารพีพงษ์

“ขอโทษค่ะไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลาย ทางได้ในขณะนี้ …”

โทรไปหลายครั้งติดต่อกัน ก็ติดต่อไม่ได้ อารียา รู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมา ติดต่อรพีพงษ์ไม่ได้ ตอนนี้ใน สมองของเธอ เต็มไปด้วยความคิดต่างๆนานา

อำเภอนกฟ้า ในคฤหาสน์ของประดิพุทธิ์

ในขณะนี้ รพีพงษ์กำลังอยู่ในห้องที่เงียบสนิท เพื่อรับการรักษาอยู่ หมอที่ประดิพุทธิ์หามานั้นช่วย นพพงษ์ในการฟื้นฟูกำลัง คือบำบัดในน้ำ

รพีพงษ์จะต้องอยู่ในน้ำนานถึงสองวัน ในช่วง สองวันนี้ห้ามถูกรบกวนจากภายนอก ดังนั้นเขาจึง ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองริเวอร์แต่อย่างใด มือถือของเขาก็อยู่ในห้องก่อนหน้านี้

จารุณีกำลังดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก ตอนนี้เธอ แอบได้ยินเสียงเตือนที่ดังมาจากข้างบน ก็ถือถุง ขนมมันฝรั่งแผ่นเดินขึ้นไป

หลังจากที่เธอเห็นรพีพงษ์ในห้องนั้นแล้ว เสียง เตือนก็สิ้นสุดพอดี เธอหยิบมือถือขึ้นมาดู เห็นว่ามีสอบกว่าสายที่ไม่ได้รับ

“ไอ้รพีพงษี คนที่ชื่อแคลร์นี้เป็นใครกัน ทำไมถึง ได้โทรหาแกเยอะขนาดนี้ นี่คงไม่ใช่ที่แกบอกว่าเป็น เมียอะไรนั่นนะ” จารุณีบ่นพึมพำ

เธอยังโมโหที่รพีพงษ์แอบออกไปแล้วไม่พาเธอ ออกไปด้วยอยู่เลย ตอนนี้เห็นมีคนโทรหาเขาเยอะ ขนาดนี้ ทำให้เธอรู้สึกโมโหมากยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกันนี้เอง มือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง จา รุณีลังเลสักพัก แล้วกดรับสาย

“รพีพงษ์ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม วันนี้มีคนปลอม เป็น ” เสียงเคร่งเครียดของอารียาดังขึ้นมา

จารุณีได้ยินเสียงปลายทางไพเราะ แล้วยังเป็น น้ำเสียงที่เป็นห่วงอีกด้วย ทันใดนั้นก็เกิดหึงหวงขึ้น มาทันที แล้วพูดไปว่า “รพีพงษ์ตายแล้ว ต่อไปแกไม่ ต้องโทรมาอีกนะ”

เมื่อพูดจบ เธอก็วางสายด้วยความโมโห

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท