พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่256 จักรพันธ์ผู้น่าสังเวช

บทที่256 จักรพันธ์ผู้น่าสังเวช

บทที่256 จักรพันธ์ผู้น่าสังเวช

หลังจากที่ชายร่างใหญ่ห้าหกคนมัดตัวจักรพันธ์แล้ว ก็พาเขาออกจากโรงแรมโดยไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ โดยไม่สนใจบุษบากรที่อยู่ในห้องเลย

“เย้สเข้ แกแมร่งหลอกกูเหรอ คิดไม่ถึงว่าจะใช้นางนกต่อมาล่อฉัน พวกแกรู้หรือเปล่าว่ากูเป็นใคร รีบปล่อยตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะทำให้พวกแกเสียใจแน่!”จักรพันธ์พยายามดิ้นรน แต่ในมือของชายร่างใหญ่ห้าหกคนนั้น เขาเป็นเหมือนกับกุ้งตัวเล็กๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะหลุดพ้น

“แกแมร่งก็แค่ไอ้เศษสวะที่มีชื่อเสียงในเมืองริเวอร์ไม่ใช่เหรอ ทำตัวดีๆหน่อย ลูกพี่พวกเราต้องการพบแก ถ้าแกยังกล้ายังไม่หุบปากอีก พวกเราก็จะกระทืบแกเดี๋ยวนี้แหละ”ชายร่างใหญ่คนหนึ่งจ้องมองไปที่จักรพันธ์ จักรพันธ์ก็หุบปากทันที

บุษบากรที่อยู่ในห้องก็ยังมึนงงอยู่ หล่อนไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น ได้ยินแต่เสียงตะโกนโวยวายของจักรพันธ์ จากนั้นข้างนอกก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอีกเลย

หล่อนรีบสวมใส่เสื้อทันที จากนั้นเดินไปดูที่หน้าประตู ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอกเลย ก็ไม่รู้ว่า “รพีพงษ์”หายไปไหน

ในเวลานั้นหล่อนได้ยินเสียง “รพีพงษ์”ตะโกนอย่างคลุมเครือว่านางนกต่อ จากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอีก หรือว่า “รพีพงษ์”จะถูกคนอื่นจับตัวไปแล้ว?

หล่อนไม่เคยทำข้อตกลงกับใครว่าจะเป็นนางนกต่อเลย ที่หล่อนมาที่โรงแรมก็เป็นเพราะ“รพีพงษ์” หล่อนไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องทำเช่นนี้

เพราะรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ บุษบากรก็ไม่กล้าที่จะอยู่โรงแรมต่อไป เมื่อเก็บข้าวของของตัวเองเสร็จ และออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

เรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนนี้ทำให้หล่อนได้สติกลับคืนมา เมื่อกลับไปนึกถึงเรื่องราวเมื่อกี้ หล่อนรู้สึกว่า“รพีพงษ์”ที่หล่อนเจอวันนี้ดูแปลกๆไป แต่หล่อนก็พิสูจน์อะไรไม่ได้ ตอนนี้หล่อนก็ไม่สามารถโทรไปหาอารียาได้ และถามอารียาว่ารพีพงษ์มีอะไรปกติหรือเปล่า

เรื่องนี้หล่อนตั้งใจว่าจะไม่บอกให้ใครรู้ ถ้าหากว่าไม่มีใครรู้เรื่องก็จะดีกว่า อย่างนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือเก็บเรื่องนี้ไว้ในส่วนลึกในใจของหล่อนก็พอ

ในซอยมืดถัดจากโรงแรม ชายร่างใหญ่ไม่กี่คนก็พาจักรพันธ์มาที่นี่ ในเวลานี้ที่นี่มีชายคนหนึ่งในเสื้อแจ็คเก็ตยีนกำลังยืนสูบบุหรี่ภายใต้แสงไฟสลัว

ด้านหลังของคนคนนั้นดูนิ่งสงบ แวบแรกก็มองออกว่าเคยพบเจอกับบางสิ่งที่น่าสังเวชมาก่อน คนทั่วไปจะไม่มีอารมณ์ที่หมดสภาพเช่นนี้

ชายร่างใหญ่หลายคนพาตัวจักรพันธ์ไปยืนด้านหลังชายคนนั้น และโยนเขาลงกับพื้น ชายร่างใหญ่คนหนึ่งพูดว่า: “ลูกพี่ พวกเราพาไอ้เศษสวะนี้กลับมาแล้ว ตอนนี้พี่จะกำจัดเขายังไงก็ไม่มีปัญหา ซอยนี้เป็นทางตัน และโดยทั่วไปจะไม่มีใครผ่านเข้ามา แม้ว่าพวกเราจะฆ่าเขา ก็ไม่มีใครรู้”

เมื่อจักรพันธ์ได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวจนตัวสั่น และร้องขอความเมตตาจากคนพวกนี้อย่างรวดเร็ว: “พี่ชายทุกๆท่าน ฉันรู้ว่าพวกคุณทำแบบนี้ก็เพื่อเงินทอง พวกคุณทำเช่นนี้ก็เพื่ออยากได้เงิน เงินฉันมีมากมาย ขอเพียงแค่พวกคุณปล่อยฉันไป พวกคุณอยากได้เท่าไหร่ฉันก็จะให้พวกคุณเท่านั้น”

ในเวลานี้นี้ชายที่ยืนสูบหรี่อยู่ใต้ไฟก็หันกลับมา แล้วโยนก้มบุหรี่ในมือตัวเองลงบนพื้น แล้วเหยียบหนึ่งที

“รพีพงษ์ แกแมร่งกำลังหลอกใครที่นี่อยู่? แกมันก็เป็นแค่แมงดา ยังมีเงินมากมายอีกเหรอ? แกมีเงินก็มาจากเกาะผู้หญิงกินไม่ใช่เหรอ แกยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ?”

“พี่ชายท่านนี้ คุณทักผิดคนแล้ว ฉันไม่ใช่รพีพงษ์อะไรนั้น ฉันไม่ได้หลอกพวกคุณจริงๆนะ”จักรพันธ์อธิบายอย่างรวดเร็ว

ชายคนนั้นเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าจักรพันธ์ ยกมือขึ้น แล้วตบลงไปที่หน้าของจักรพันธ์อย่างรุนแรงหนึ่งที

“แกแมร่งคิดว่าฉันธายุกรโง่จริงๆหรือไง? มาถึงขนาดนี้แล้ว แกยังจะมาแสร้งทำเป็นว่าตัวเองไม่ใช่รพีพงษ์ต่อหน้าฉันอีกเหรอ? ทั้งเมืองริเวอร์ นอกจากไอ้แมงดาที่มีหน้าที่น่ารังเกียจ อย่างแก ยังมีใครอีกที่มีลักษณะแบบนี้เหมือนกับแก?”

คนคนนี้ก็คือธายุกรคนที่ถูกขับไล่ออกจากบริษัทของตระกูลฉัตรมงคล วันนั้นบัญชีธนาคารของเขาถูกอายัด แล้วถูกคนกลุ่มหนึ่งจับตัวส่งไปที่สถานีตำรวจ คนเหล่านั้นบอกว่าเขายักยอกทรัพย์สินของผู้อื่นไป ก็เลยโอนย้ายเงินในบัญชีของเขาไป ตอนแรกตำรวจกำลังจะตัดสินจำคุกเขา แต่ก็มีใครบางคนปรากฏตัวขึ้น และสุดท้ายเขาก็ถูกคุมขังเพียงไม่กี่วัน หลังจากการกระทืบอย่างรุนแรงเพียงไม่กี่ครั้ง เขาก็ได้รับการปล่อยตัว

หลังจากนั้นธายุกรก็ยากจนและสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่ต่างอะไรจากขอทานข้างถนน

เขารู้สึกว่าที่ตัวเองกลายเป็นแบบนี้ ทั้งหมดเกิดจากอารียาและรพีพงษ์ทั้งสองคนนี้เป็นคนทำ ในใจก็คับแค้นพวกเขาสองคนมากจนถึงจุดสูงสุด เขาสาบานในใจว่า ต่อให้จะอยู่ในคุก ก็จะทำให้รพีพงษ์และอารียาทั้งสองคนเสียใจที่ทำแบบกับเขา

เพื่อที่จะมีความสามารถเพียงพอที่จะต่อกรกับรพีพงษ์และอารียา ธายุกรก็อาศัยความสัมพันธ์ของตัวเองก่อนหน้านี้ และรวบรวมพี่น้องสองสามคน เพื่อจัดตั้งแก๊งเล็กๆ ติดตามอารียาไปกลับจากที่ทำงานทุกวัน คิดจะหาโอกาส จับตัวอารียาไปที่ที่ไม่มีใครอยู่ เพื่อให้หล่อนเสียใจไปตลอดชีวิต

แต่ว่าอารียาไปกลับจากที่ทำงานก็ยังมีไตรทศค่อยดูแลอยู่ข้างๆ ธายุกรรู้ดีว่าไตรทศไม่ใช่ว่าจะมีเรื่องด้วยได้ง่ายๆ ดังนั้นก็เลยหาโอกาสที่จะลงมือไม่ได้สักที

คืนนี้ เขาและคนของเขาอยู่ในที่ดงเย็น เห็น“รพีพงษ์”เดินออกมาเพียงลำพัง โดยไม่มีใครติดตามอยู่รอบๆ ธายุกรก็รีบแอบพาคนตามไป

พวกเขาตามจักรพันธ์ที่พาบุษบากรเข้าไปในโรงแรม ธายุกรถึงค่อยแน่ใจ ว่าคืนนี้รพีพงษ์ออกมาคนเดียว เขาติดพันผู้หญิงอื่นข้างนอก ก็คงจะไม่ให้คนอื่นรู้อย่างแน่นอน ดังนั้นธายุกรจึงให้คนของเขาไปที่โรงแรมจับตัวจักรพันธ์ออกมา

เดิมทีเขาคิดว่าการจับตัวรพีพงษ์มานั้นต้องเสียเรี่ยวแรงมาก เนื่องจากเขารู้ดีว่ารพีพงษ์ไม่ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตามเขาคิดไม่ถึงว่าคนของตัวเองจะจับตัว“รพีพงษ์”ออกมาได้อย่างง่ายดาย แบบนี้ทำให้เขายังคงแปลกใจเล็กน้อย

แต่ว่าเขาก็ไม่ได้คิดอะไรจริงจัง สงสัยเป็นเพราะว่า“รพีพงษ์”แอบนอกใจไปมีผู้หญิงอื่น ดังนั้นก็เลยไม่กล้าร้อนตัว ก็เลยไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้น

“น้อง….น้องชาย ฉันไม่ใช่รพีพงษ์จริงๆ ฉันแค่มีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกับเขาเอง มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”จักรพันธ์เกือบจะร้องไห้ออก เดิมทีเขานึกว่ารพีพงษ์อยู่ที่เมืองริเวอร์จะอยู่ดีกินดี มีผู้หญิงสวยๆมากมายเข้าหา ตอนนี้เขาก็เพิ่งรู้ รพีพงษ์มีศัตรูไม่น้อยเลย

ตัวเองยังไม่ได้แตะต้องตัวผู้หญิงคนไหนเลย ตอนนี้กลับต้องมารับเคราะห์ทุกข์ทรมานแทนรพีพงษ์อีก

“เอาล่ะ แกอย่ามาแสร้งอะไรที่นี่เลย ใบหน้านี้ของแก ต่อให้มันกลายเป็นขี้เถ้า ฉันก็จำไม่ผิดหรอก แกและมุกตาภาผู้หญิงสารเลวคนนั้นทำร้ายฉันได้รุนแรงขนาดนี้ วันนี้ฉันก็จะทำให้แกได้รับรู้ผลของการมีปัญหากับฉันธายุกร!”

หลังจากพูดจบ เขาก็เตะไปที่หน้าอกของจักรพันธ์ และระบายความโกรธทั้งหมดที่สะสมอยู่ในใจกับจักรพันธ์

“พวกแกก็อย่ามัวยืนอยู่เฉยๆ มากระทืบไอ้โง่นี้พร้อมกับฉัน กระทืบให้ตายเลย ไม่ต้องออมมือ มันก็เป็นแค่ไอ้เศษสวะเอง แม้ว่าจะกระทืบให้ตาย ก็ไม่มีคนมาหาเรื่องพวกเรา!”

พวกลูกน้องของธายุกรก็พุ่งตัวเขามา กระทืบคนละไม้คนละมือจัดการกับเขา

เสียงร้องโอดโอยของจักรพันธ์ยังคงดังก้องอยู่ในซอย จนกระทั่งถึงหลังเที่ยงคืน ถึงค่อยหยุดลงมาอย่างช้าๆ

เช้าวันรุ่งขึ้น ใบหน้าที่บวมช้ำของจักรพันธ์ที่นอนอยู่บนพื้น จู่ๆก็รู้สึกถึงน้ำอุ่นๆราดลงบนใบหน้าของตัวเอง เขาลืมตาขึ้นด้วยความมึนๆงงๆ และพบว่ามีสุนัขกำลังฉี่ใส่บนใบหน้าของเขา

เขาก็รีบลุกขึ้นมาทันที และเตะสุนัขออกไปไกลๆ แต่เมื่อวานที่ถูกธายุกรกระทืบทั้งคืน ร่างกายของเขาก็ไม่เชื่อฟังอีกต่อไป และตอนนี้แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นก็ไม่มี

“รพีพงษ์ เย็*แม่ง! มึงแม่งทำชั่ว! มึงมีเรื่องกับคนอื่น แต่ทำไมให้กูมารับเคราะห์โดนกระทืบแทนด้วย! ตอนนี้แม้แต่สุนัขยังรังแกกูอีก ฝากไว้ก่อนเถอะ ต่อให้แกตายไปแล้ว กูก็จะขุดศพมึงขึ้นมาแล้วหั่นเป็นร้อยครั้งๆ!”จักรพันธ์ตะโกนด้วยความโมโห

สุนัขตัวนั้นตกใจมากจนเดินถอยหลังไปสองก้าว และเห่าใส่จักรพันธ์สองครั้งราวกับท้าทายเขา

จักรพันธ์กัดฟันลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาจากเสื้อผ้าของตัวเอง พบว่าแม้หน้าจอจะแตก แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้

เขาโทรไปหาวีธรา ตอนนี้เขาสึกว่าตัวเองไม่สามารถอยู่สร้างชื่อเสียงที่เมืองริเวอร์ได้เพียงคนเดียว ที่สำคัญเพื่อที่จะแก้แค้น เพื่อที่จะผู้คนที่เมืองริเวอร์สถานที่เล็กๆแห่งนี้รู้ว่าเขาสุดยอดขนาด เขาก็คงจะต้องหาวีธราเพื่อช่วยเป็นกำลังเสริม

“แม่ ตอนนี้รีบจัดการส่งบอดี้การ์ดไม่กี่คนมาให้ผมทันที ผมอยากจะให้พวกเขามาถึงที่นี่วันนี้ ไม่อย่างนั้นหลังจากนี้ไปแม่ก็อย่าคิดว่าจะได้เจอผมอีกต่อไป!”

……

เกียวโต ที่อาคารTY ชั้นบนสุด

ชายวัยกลางคนในชุดสูทยืนอยู่หน้าต่าง มองจากด้านบนลงไปที่เมืองเกียวโตที่เจริญรุ่งเรือง

“ท่านประธาน กรฤทธ์ยังอยู่ในอาการโคม่า อาการบาดเจ็บของเขารุนแรง มาสักพักหนึ่งแล้ว กลัวแค่ว่าจะฟื้นขึ้นมายาก คิดไม่ถึง ว่าเศษสวะที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ จะมีความสามารถที่แข็งแกร่งขนาดนี้ แม้แต่กรฤทธ์ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝีมือของเขา”ชายชราที่อยู่ข้างๆเขากล่าว

“ระดับความสามารถของกรฤทธ์อยู่แค่ในระดับปานกลางเท่านั้นเอง ทำร้ายเขาได้ก็ไม่ถือว่าอะไร เพียงแค่ไอ้เด็กนี้มันบ้าระห่ำเกินไป ฆ่าลูกสาวสุดที่รักของฉัน แล้วยังหนีออกจากคุกของฉันไปอีก นี่มันมีความกล้าหาญมากที่จะเป็นศัตรูกับหอการค้าสมน. ฉันจะต้องจับตัวมันกลับมาให้ได้ เพื่อแก้แค้นให้กับลูกสาวของฉัน!”แววตาของประธานเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น และมือสองข้างของเขาก็กำแน่จนเป็นหมัด ดูเหมือนการตายของลูกสาวเขา จะส่งผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างมาก

“ผมส่งคนไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรทั้งหมดของที่อาคารTYแล้ว ในวันนั้นยังไม่ระบุได้แน่นอนว่าไอ้หมอนั้นไปที่ไหน ตอนนี้ก็ทำได้แค่รอข่าวชั่วคราว”ชายชราพูด และในเวลานี้โทรศัพท์ของเขาก็สั่น หยิบออกมาดู มันเป็นภาพถ่ายหนึ่งใบรูปที่เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเขาส่งมาให้เขา

ภาพถ่ายใบนั้นเป็นภาพตอนที่จักรพันธ์เข้ามาในโรงแรมโดยมีบุษบากรอยู่ในอ้อมแขน ด้านข้างยังมีตัวหนังสืออยู่สองคำ:เมืองริเวอร์

ชายชราเอาภาพถ่ายนั้นให้ประธานดูทันที และกล่าวว่า: “ท่านประธาน พบเบาะแสของรพีพงษ์แล้วครับ เมื่อวานคนของผมถ่ายได้ตอนที่เขาอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งของเมืองริเวอร์”

ประธานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเหลือบมองไปที่โทรศัพท์ แววตาของเขาเป็นประกายอย่างโหดเหี้ยม ฝ่ามือก็ใช้แรงบีบ จนทำให้โทรศัพท์เสียรูปทรงเลย

“ลูกสาวของฉันตายอย่างอนาถในน้ำมือของเขา แต่เขายังมีกะจิตกะใจไปเที่ยวเล่นกับผู้หญิง ดีมาก ดีมาก!”ประธานกัดฟันแน่

“รีบเตรียมตั๋วบินไปที่เมืองริเวอร์ทันที ให้คนของนายจับตัวเขาไว้ให้ได้ ฉันจะให้มันชดใช้ด้วยการเลือดต้องล้างด้วยเลือด!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท