พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่248 แล้วพวกแกจะเสียใจ

บทที่248 แล้วพวกแกจะเสียใจ

บทที่248 แล้วพวกแกจะเสียใจ

โซนเครื่องเล่นเกม หลังจากที่รพีพงษ์ชกไปที่ตู้เกมวัด พลังหมัด ก็หันกลับไปมองรอบไป จากนั้นก็เห็นว่าอันนาและ คนไม่กี่คนยืมอยู่ที่ด้านหลัง ก็เดินเข้าไปหาทันที

เขายิ้มแล้วมองไปที่จิรโซดิที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความ อึดอัด แล้วพูด : “ผมว่าระดับความสามารถของผมก็น่าจะ พอใช้ได้นะ แล้วคุณคิดว่ายังไง?”

จิรโชติถอนหายใจเบาๆ แล้วพูด: “นายจะมาภาคภูมิใจ อะไร? ไม่เห็นเหรอว่าเครื่องเล่นขัดข้อง นายรู้หรือเปล่าว่ามัน ใช่นายชกจนขัดข้องเหรอ? แล้วเกิดมันเสียอยู่พอดีล่ะ?”

อันนาหันไปมองจีรโชติ แล้วพูดอย่างไม่พอใจ:”เครื่อง เล่นนั้นก็ถูกรพีพงษ์ชกจนขัดขัดข้องจะมาเสียพอดีได้ยังไง ฉันรู้สึกว่ารพีพงษ์แข็งแกร่งมาก ทำไมพี่ยังไม่ยอมรับอีก?”

คำพูดของอันนาทำให้จิรโชติเต็มไปด้วยความละอาย แล้วก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับยังไงดี

รชนิชลก็รีบพูดแทนจิรโชติ: “เขาก็แค่แข็งแกร่งกว่านิด เดียวเองไม่ใช่เหรอ? มีอะไรที่สุดยอดกว่า ก็ยังเป็นแค่การ ฝึกฝนมาจากการทำงานในหมูบ้าน คนอย่างเขาต่อให้จะมี พลังที่แข็งแกร่ง ชาตินี้ทั้งชาติก็เป็นได้แค่คนงานชาวนา”

อันนาไม่พอใจ ตอนนี้เธอไม่อยากจะสนใจทพี่สาวตัวเอง และจิรโชติ

ในขณะนี้ มีผู้ชายสองสามคนเดินเข้ามา พวกเขาเดิน ตรงไปที่รพีพงษ์ ดูสีหน้าแล้วไม่เป็นมิตรสักเลย

ชายหัวโจกคนนั้นเดินไปตรงหน้ารพีพงษ์ แล้วกล่าวอย่าง เย็นชา: “คุณทำลายเครื่องเล่นเกมของเรา ตอนนี้พวกเราต้องการให้คุณไปกับพวกเราหน่อย ไปที่ห้องสำนักงานเพื่อคุย เรื่องชดใช้ค่าเสียหาย

เดิมทีรชนิชลและจิรโชติทั้งสองคนที่ไม่พอใจอยู่แล้ว หลังจากได้ยินคำพูดเช่นนี้ ก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาทันที

ีเวรกรรมจริงๆ เมื่อกี้ยังอวดเก่งอยู่ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ กลายเป็นว่าเขาให้ชดใช้เงินค่าเสียหาย นายมีเงินชดใช้

คืนให้เขาเหรอ?”จิรโชติหัวเราะเยาะอย่างไม่หยุด

รพีพงษ์คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะเข้ามาเพื่อให้เขาไปชดใช้ ค่าเสียหาย สีหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ แต่เขาก็ไม่ได้ สนใจอะไร ก็แค่ตู้เกมวัดพลังหมัดเครื่องเดียวเอง ก็ไม่ได้มี มูลค่ามากเท่าไหร่

ด้านอันนาก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เขาจ้องมองไปที่คน พวกนั้น แล้วถามว่า : “เครื่องเล่นที่เสียมันก็เป็นหน้าที่ของพวก คุณเรื่องอะไรจะต้องให้เขาชดใช้ล่ะ? เขาแค่ชกไปแค่หนึ่ง หมัดเอง พวกคุณเอาเครื่องเล่นนี้มาวางไว้ที่นี่ ก็เพื่อให้ผู้คนมา ชกไม่ใช่เหรอ ตอนนี้มันมีปัญหา พูดได้ว่าพวกคุณดูได้ไม่ถูก ต้อง”

ชายหัวโจกคนนั้นก็เบิกตากว้างจ้องไปที่อันนา แล้วพูด:

“อย่ามายุ่งเรื่องนี้ให้มากเลย คุณไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรที่นี่” “ทำไมคุณถึงเป็นคนแบบนี้ ตอนนี้ฉันกำลังพูดกับคุณ ด้วยเหตุผล”อันนาก็ไม่ได้คิดจะยอมแพ้แม้แต่น้อย

รชนิชลดึงแล้วดึงอันนา แล้วพูด” นี่เป็นเรื่องของพวกเขา เธอก็อย่าไปยุ่งเลย ตอนนี้ก็เป็นโอกาสทดสอบเขาด้วยเครื่อง เล่นเครื่องเดียว แม้แต่เงินแค่นี้ยังไม่มี อย่างนั้นก็หมายความว่า เขาก็เป็นแค่ยาจก”

“ห้องสำนักงานพวกคุณอยู่ที่ไหน? เครื่องเล่นนั้นเดี่ยวฉัน ชดใช้เอง พรู้สึกแปลกๆ เขารู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่เหมือนกับเป็นพนักงานที่ ทำงานในโซนเครื่องเล่นเกมนี้เลย

คนพวกนั้นเห็นว่ารฟัพงษ์ตอบตกลงที่จะชดใช้เงินคืน จึง หันหลังพารพิพงษ์เดินไปที่ห้องทำงานทันที

เมื่ออันนาเห็นเช่นนี้ ก็รีบเดินตามไป เขาไม่อยากให้รพี พงษ์ถูกเอาเปรียบ ไม่แน่เครื่องเล่นนี้อาจไม่ได้ตีเสมอไป รพี พงษ์เองก็ไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นเงินนี้เขาจึงไม่ควรมาชดใช้

รชนิชลและจิรโชติมองหน้ากันแล้วสบตา ก็เดินตามขึ้น ไปพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะไปช่วยรพิพงษ์หรอก พวกเขาแค่ อย่าจะดูเรื่องน่าตลกของรพีพงษ์เอง ในความคิดของพวกเขา สามารถทำให้รพีพงษ์รู้สึกขายหน้าได้ เขาก็คงจะเลิกยุ่งกับ อันนา

ทั้งสี่คนมาถึงที่ห้องสำนักงานพร้อมกัน พวกคนที่พาพวก เขาเข้ามา ก็ไม่ได้สนใจ หลังจากที่รอให้พวกเขาเข้ามา ก็ปิด ขว้างประตูห้องทันที

รพีพงษ์หันกลับไป มองคนพวกนั้น แล้วพูดอย่างเย็นชา: “พวกแกเป็นใคร? ต้องการจะทำอะไร?”|

“พวกเขาเป็นพนักงานของเครื่องเล่นเกม แน่นอนว่าต้อง ให้นายมาชดใช้เงินคืนอยู่แล้วนายคิดว่าพวกเขาจะทำอะไร ล่ะ?”รชนิลกล่าวพร้อมเบะปาก

หล่อนเพิ่งจะพูดจบ นอกประตูก็มีคนกลุ่มหนึ่งถือไม้พุ่ง เข้ามาด้านในทันที

ทำให้รชนิชลตกใจมาก เขาก็รีบหลบไปด้านหลังจิรโชติ ทันที คิดไม่ถึงเลยว่า คนพวกนี้ไม่ใช่พนักงานจริงๆ

6 จิรโชติหรี่ตามองคนพวกนี้ แล้วพีมพำ: “ไอ้หมอนี่คงจะ ไม่ใช่ว่าไปหาเรื่องคนที่ไม่ควรจะมีเรื่องด้วยนะ อันนา พวกเราก็พูดอยู่แล้วว่าเธอไม่ควรเข้าใกล้ไอ้หมอนี่ ตอนนี้เธอเห็นขัด แล้วหรือยัง นอกจากเขาจะเป็นแค่ผู้ชายธรรมดา ยังเป็นคนที่ เรื่องเยอะหาเรื่องให้วุ่นวายได้ตลอดเวลา”

เมื่อพูดจบ จิรโชติก็พารชนิชลและอันนาเดินออกไปข้าง นอก

“ทุกท่านๆ เรื่องนี้นาจะเป็นเรื่องระหว่างของพวกคุณและ ไอ้หมอนี้ ไม่เกี่ยวกับพวกเรา เราแค่บังเอิญมาเจอกันที่นี่เอง ให้พวกเราออกไปเถอะ”จิรโซติกล่าว

คนที่เฝ้าประตูผลักจิรโชติทันที แล้วดำ: “เข้ามาในนี้แล้ว ก็อยากคิดที่จะได้ออกไป ใครจะไปสนใจกันว่าแกกับมัน เกี่ยวข้องกันยังไงวันนี้พี่หัดเรียกเรามาเพื่อคิดบัญชีกับไอ้ หมอนี่ พวกแกมาพร้อมกับมันด้วย ก็รอให้พี่ทัดมาจัดการ พร้อมกันเลย จะโทษก็โทษที่ตัวเองโชคร้ายแล้วกัน ที่มีความ สัมพันธ์กับไอ้หมอนี่”

สีหน้าของจิรโชติเปลี่ยนไปทันที แล้วถาม: “ที่ทัด? พี่ทัด ที่นายพูดถึง คือทัศน์พลนะเหรอ?”

“ใช่ ฉันเอง “ในตอนนั้นนอกประตูก็เดินเข้ามาหนึ่งคน ก็ คือทัศน์พลเอง

สีหน้าของจิรโชติและรชนิชลทั้งสองคนก็เคร่งเครียดขึ้น มาทันที พวกเขาสองคนเป็นคนอำเภอโซชิง ก็เคยได้ยินชื่อ เสียงของทัศน์พลมาบ้าง ใครที่มีปัญหากับทัศน์พล ก็จะไม่มี ผลดีอะไรอย่างแน่นอน

รชนิชลหันกลับไปจ้องมองไปที่รพีพงษ์ แล้วตะโกน: “ไอ้ สารเลวตกลงแกไปทำเรื่องอะไรมา? ทำไมถึงมาเรื่องกับคน ใหญ่คนโตอย่างทัศน์พลได้?”

รพีพงษ์ก็เต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่รู้จักทัศน์พลเลย และยิ่งไม่รู้ว่าทัศน์พลมาหาเขาเพื่อจะทำอะไร
“ฉันไม่รู้จักเขา และฉันก็ไปไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร เรื่องนี้คุณน่าจะถามเขามากกว่า”รพีพงษ์กล่าว

รชนิชลคิดว่ารพิพงษ์จงใจพูดเช่นนี้ ในใจก็โกรธเข้าไป ใหญ่ ที่แย่ไปกว่านั้นคืออยากจะพุ่งเข้าไปตบตีรทพืพงษ์สักที หนึ่ง

อันนาเองก็ไม่เข้าใจว่าตกลงนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ใช่ ว่าให้มาชดใช้เงินค่าเสียหายเหรอ ทำไมในคราวเดียวถึงได้มี ผู้คนพุ่งเข้ามามากมายแบบนี้ และเป็นคนใหญ่คนโตที่มีชื่อ เสียงในอำเภอโชซิงอีก

จิรโชติหายใจเข้าลึกๆ และเดินไปตรงหน้าทัศน์พล แล้ว พูดว่า: “พี่ทัด ผมมาจากโรงงานเสือผ้าTK เมื่อก่อนพ่อของผม เคยดื่มเหล้ากับคุณด้วย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา พี่ปล่อย เราไปเถอะ”

ทัศน์พลจ้องมองไปที่รพีพงษ์ แล้วพูด : “ไม่ว่าพวกแกจะมี ความสัมพันธ์ยังไงกับมัน วันนี้พวกแกมาพร้อมกับเขา ก็คงต้อง ยอมรับในความโชคร้ายของตัวเอง ฉันเองก็ไม่สนใจว่าพ่อแก เคยหรือไม่เคยดื่มเหล้ากับฉัน คนที่ดื่มเหล้ากับฉันมามี มากมาย กูจำไม่ได้โว้ย”

จิรโชติกัดฟันทันที ความโกรธแค้นในใจตัวเองก็โยน ความผิดไปที่รพีพงษ์ เขาหันหน้าไปมองรพีพงษ์ แล้วพูด : “แกนี่มันตัวชวยจริงๆ

เป็นเพราะแกคนเดียว ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไม่ชวยไปด้วย!”

รพีพงษ์ยักไหล่ แล้วพูด: “ฉันไม่ได้ให้พวกคุณตามมา ด้วยนะ พวกคุณตามฉันเข้ามาเอง”

จิรโชติโมโหจนอยากจะลงไม้ลงมือ แต่เมื่อคิดว่าทัศน์พล ยังอยู่ที่นี่ เขาก็ทำได้เพียงแค่อดทน
นายยังยืนเฉยทำอะไรได้รีบเข้าไปขอร้องพี่ทัดเร็วๆ ถ้า หากนายเข้าไปขอร้องเขา ไม่แน่เขา อาจปล่อยเราไป นายก็ อย่ามัวแต่ยืนเฉยๆอยู่ที่นี่”รชนิชลโยนหน้าที่ให้รฟีพงษ์

รพิพงษ์มองไปที่ทัศน์พล แล้วถาม: “ใครสั่งให้พวกแกมา บอกมาตอนนี้ฉันก็จะทำให้พวกแกทรมานน้อยที่สุด”

ทัศน์พลชะงักไปทีหนึ่ง แล้วก็หัวเราะเสียงดังลั่นขึ้นมา แล้วพูด: “มันแมร่งเป็นไอ้เศษสวะที่อวดเก่งจริงๆ แกก็มีชื่อ เสียงเรื่องความไม่เอาไหนอยู่แล้ว ไปเอาความกล้ามาจาก ที่ไหนกัน ถึงกล้ามาพูดจาแบบนี้กับฉัน?”

จิรโชติและรชนิชลก็กัดฟันแน่ คิดในใจทำไมรฟีพงษ์ถึง

พูดแบบนี้กับทัศน์พล ไม่ต้องสงสัยเลยนี่มันรนหาที่ตายชัดๆ เมื่อหลังจากรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของทัศน์พล ใบหน้าก็ ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา แล้วพูด : “ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด ก็น่าจะ เป็นขรินทร์ทิพย์และไอ้คนที่ชื่อว่าก้องภพส่งแกมาใช่มั้ย พวก เขาสองคนตอนนี้ก็น่าจะอยู่ที่ด้านนอกประตู ให้พวกเขาเข้ามา เถอะ”

คนที่ชอบว่าให้รพีพงษ์มีชื่อเสียงด้านไม่เอาไหน อยู่ใน เมืองริเวอร์มีมากมาย แต่อยู่ในอำเภอโชชิง มีเพียงแค่ชรินทร์ ทิพย์ ตอนนี้ทัศน์พลพูดมาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่า มีเพียงชรินทร์ ทิพย์เป็นคนบอกเขา

อย่างนั้นคนที่ส่งทัศน์พลมา ก็มีเพียงแค่ชรินทร์ทิพย์ รพี พงษ์รู้ดี ลักษณะนิสัยของชรินทร์ทิพย์แล้ว เรื่องเมื่อวานที่ให้ เห่าเรียนแบบสุนัขที่สนามแข่งรถ หล่อนจะปล่อยเขาไปง่ายๆ ได้ยังไง

ก้องภาพและชรินทร์ทิพย์ทั้งสองคนยืนอยู่ที่ด้านนอก ประตูจริงๆด้วย พวกเขาคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะเดาถูกว่าพวก เขาเป็นคนบงกก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไป ยังไงวันนี้รฟี พงษ์ก็จะกลายเป็นศพที่ไม่สามารถพูดได้ ดังนั้นให้เขารู้หรือ ไม่รู้ก็ไม่สำคัญอะไร

ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องสำนักงาน ใบหน้าแสยะยิ้ม จ้องไปที่นัฐพงษ์

“รพีพงษ์ คิดไม่ถึงเลยนะว่านายจะฉลาดขนาดนี้ ถึง ขนาดสามารถเดาถูกว่าพวกเราเป็นคนหาเรื่องนาย แต่นายก็ กำลังจะกลายเป็นคนตาย ก่อนที่นายจะตาย ให้นายรู้ว่าตาย ด้วยน้ำมือของใคร ก็ถือว่าเป็นการให้เกียรตินายมาก”ก้องภพ กล่าว

เมื่อจิรโซติและรชนิชลได้ยินคำพูดของพวกเขาต้องการ ที่จะฆ่ารพีพงษ์ สีหน้าก็ซีผงซียวขึ้นมาทันที

สีหน้าอันนาก็เต็มไปด้วยความกลัว เธอหันหน้าไปมองรพี พงษ์ ก็พบว่ารพีพงษ์นิ่งสงบ เหมือนราวกับว่าไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เลย ทำให้เธอเกิดความสงสัยขึ้นในใจ หรือว่ารพีพงษ์ไม่กลัว

เลยแม้แต่เล็กน้อย?

“พี่ทัด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเราจริงๆ พี่ปล่อยพวกเราไป เถอะ พวกเรารับรองว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไปแน่นอน”จิรโชติ พูดอย่างหมดหวัง

ทัศน์ตะคอกอย่างเย็นชา แล้วพูด: “เรื่องนี้พวกแกก็ได้ยิน แล้ว ใครจะไปรู้ว่าพวกแกจะพูดหรือไม่พูดออกไป พวกแก สบายใจได้ ฉันไม่ฆ่าพวกแกหรอก แค่จะทำให้พวกแกกลาย เป็นใบ้เท่านั้นเอง แบบนี้พวกแกก็ไม่มีโอกาสที่จะพูดเรื่องนี้ ออกไปแล้ว”

รชนิชลเกือบจะร้องไห้ หล่อนหันกลับไปวิ่งพุ่งไปที่รพี พงษ์: “ไอ้สารเลวเป็นเพราะแกคนเดียวเลย ถ้าไม่ใช่เพราะแก พวกเราก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องเดือดร้อนแบบนี้ แกนี่มันตัวซวยจริงๆ แกไม่ควรมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เลย!”

อันนารีบห้ามสนิทไว้ทันที แล้วพูด: “ที่ พี่ใจเป็นก่อน ฉันว่า รพีพงษ์ไม่มีทางปล่อยให้พวกเราเป็นอะไรไปแน่”

“จะคิดมากไปหรือเปล่า เขาก็เป็นเพียงแค่คนไม่เอาไหน เอง แต่พี่หัดเป็นถึงคนใหญ่คนโตของอำเภอโซชิง ลูกน้องเขา มีมากมาย จะจัดการกับไอ้เศษสวะนี้ไม่ได้เลยเหรอ ข่างไร้ เดียงสาจริงๆ”ชรินทร์ทิพย์แสยะยิ้มแล้วกล่าว

อันนากัดริมฝีปาก แล้วมองไปที่รพงษ์ ตอนนี้ความหวัง เดียวของเธอคือหวังว่ารพีพงษ์จะสามารถช่วยเหมือนกับคืน นั้นช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากอันตรายนี้

รพิพงษ์ยิ้ม จากนั้นเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พูดด้วยรอย ยิ้ม: “หล่อนพูดถูก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลย ฉันไม่ ปล่อยให้พวกเขาเป็นอะไรแน่”

“แต่กับบพวกแก คิดอยากจะใช้วิธีนี้มาจัดการฉัน ก็ถือว่า ได้ทำลายขอบเขตของฉันแล้ว ฉันจะทำให้พวกแกเสียใจที่ ตัดสินใจทำเรื่องแบบนี้

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท